รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
การปฏิบัติย่อหย่อนหรือเปล่า

มีคำถามจากนักปฏิบัติ ผมเห็นน่าสนใจ เพราะหลายท่านอาจเป็นอยางนี้เหมือนกัน และอาจสงสัยในทำนองเดียวกัน จึงขอนำมาแสดงดังนี้

...............................................
ช่วงนี้เห็นว่าตัวเองจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะย่อหย่อนในการปฏิบัติหรือเปล่า

ยกตัวอย่าง.. อย่างเมื่อก่อนเวลาที่ดูทีวี ไม่ว่าเรื่องในทีวีจะตื่นเต้น สนุกสนาน เศร้า แค่ไหน ก็รู้สึกว่าตัวเองจะเฉยๆ ดูไปแบบเฉ๊ย เฉย..เหมือนคนไม่มีความรู้สึกน่ะค่ะ

แต่ผ่านมาสี่ห้าวันนี้ เวลาที่ดูทีวี ถ้าเป็นเรื่องที่เราสงสัยไปตามท้องเรื่อง จะเห็นตัวเองขมวดคิ้ว สงสัย เรื่องไหนสนุกๆ ขำ ๆ ก็จะขำ เรื่องไหนเศร้า ก็จะรู้สึกว่าเศร้าตาม แต่ว่าเห็นว่ากำลังรู้สึกอยู่

เลยไม่รู้ว่า เราหย่อนการปฏิบัติไปหรือเปล่า เรื่องความคิดอะไรที่มันเข้ามา ก็เห็น บางทีเห็นก็หยุดมันไปเลย บางทีก็แกล้งให้มันคิดก็มี ไม่ได้รู้สึกเกลียดความคิดที่มันแว่บเข้ามาเหมือนเมื่อก่อน

............................................................

ที่นักปฏิบัติท่านนี้เล่ามานั้น เมื่อก่อนดูทีวี จะเฉยๆ
เรื่องนี้ ผมมีความเห็นว่า เมื่อก่อนนี้ กำลังอยูในช่วงกำลังปฏิบัติอยู่อย่างจริง ๆ จัง ๆ ทำให้เกิดการเพ่งโดยไม่รู้ตัว หรือ มีกดข่มจิต การเกร็งจิตโดยไม่รู้ตัว ทำให้เป็นแบบนี้เองครับ จิตจะนิ่ง ๆ เฉย ๆ
ผมเห็นนักปฏิบัติที่ยังเพิ่งเริ่มต้น มักมีอาการเช่นนี้เป็นอันมาก พอเริ่มปฏิบัติก็เป็นแบบนี้ โดยที่เขาไม่รู้ว่า กำลังเพ่งกำลังเกร็ง กำลังกดข่ม
( อ่านเรื่องนี้
เพ่ง การใช้จิตทำงานที่นักปฏิบัติมือใหม่ไม่รู้ว่ากำลังเพ่งอยู่
Link //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=25&group=1&gblog=44
บางรายเป็นหนัก ถึงขนาดคิดไปเข้าใจไปเลยว่า การที่จิตนิ่ง ๆ เฉย ๆ นี่คือได้ผลแล้ว ปฏิบัติถูกแล้ว เข้าใจว่าเป็นสภาวะนิพพานไปเลยก็มี

สำหรับนักปฏิบัติที่ผ่านการฝึกมาพอสมควร เขาจะมีประสบการณ์อันหนึ่ง ผมไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอย่างไร แต่ประสบการณ์นี้ก็คือ การรู้จักการไม่ข่มจิต รู้จักการปล่อยจิตให้เป็นอิสระ แต่ยังคงพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่ออยู่ในสถานะปรกติในชีวิตประจำวัน เขาจะปล่อยจิตเป็นอิสระ เมื่อจิตไม่ถูกกดข่ม จิตก็จะแสดงธรรมชาติของมันออกมาเอง เมื่อมีการรับรู้ผ่านทางระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางกาย เป็นต้น การรับรู้ผ่านทางระบบประสาทเหล่านี้เอง จะส่งผลไปที่จิตใจ ให้มีการไหว มีการนึกคิดปรุงแต่งไปตามเรื่องราวทีรับรู้เข้ามา แต่ที่จะต่างจากคนที่ไม่ได้ปฏิบัติก็คือ เขาจะรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของจิตได้อย่างสด ๆ ในขณะที่กำลังรับรู้เรื่องราวอยู่นั้นทีเดียว

แต่คนที่ไม่ได้ฝึก จิตเขาก็จะสั่นไหวเหมือนกัน แต่เขาจะไม่รับรู้การสั่นไหวนั้น ๆ อย่างสด ๆ แต่เขาจะ .อิน . เข้าไปกับเรื่องราวที่รับรู้เข้ามาทางอายตนะแทน

ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติ ขอให้ท่านสังเกต จิตใจตนเองในชีวิตประจำวัน มันจะคิดโน่นคิดนี่อยู่เสมอ ถ้าท่านไม่ได้กดข่มจิตไว้ มันจะเป็นของมันอย่างนี้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่า ท่านสังเกตเห็น และ สังเกตเป็นหรือไม่เท่านั้น

สำหรับนักปฏิบัติท่านนี้ ผมมีความเห็นว่า เขาบอกว่า เขาก็รู้สึกถึงจิตใจได้อยู่ นี่แสดงว่า เขารู้สึกได้ดีขึ้นและไม่ได้กดข่มจิตในขณะที่กำลังดูทีวี นี่คือแสดงถึงความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไม่ใช่ย่อหย่อนในการปฏิบัติ

ถ้าเขาปฏิบัติต่อไปและก้าวหน้าขึ้น เขาจะเห็นความคิดของเขาด้วยในขณะดูทีวี เขาจะเห็นความคิดที่แปลภาษาคำพูดเรื่องราวในทีวี แต่ตอนนั้น เมื่อเขาเห็นความคิดในขณะดูทีวีได้ จิตใจของเขาจะหนักแน่นขึ้นกว่านี้และหวั่นไหวน้อยลงไปกว่าตอนนี้ แต่เขาจะเห็นความคิดในขณะดูทีวีได้มากขึ้น ค่อย ๆ เห็นได้ชัดขึ้น แต่ก็ต้องให้เวลากับการฝึกฝนต่อไป แต่ว่า เมื่อท่านอ่านอย่างนี้ ก็อย่าไปจ้องหาความคิดกันละ เพราะเมื่อท่านจ้องหาความคิด ความคิดมันถูกกดไว้ มันจะไม่มาให้ท่านเห็นครับ


ยิ่งท่านที่ปฏิบัติแล้วและเห็นความคิดที่มันโผล่ออกมาตลอดเวลา นี่ก็ไม่ใช่ฟุ่งซ่านครับ แต่กลับเป็นปัญญาให้แก่จิต แต่ถ้าท่านไม่เห็นความคิดทีมันคิดนี่ซิ นี่คือฟุ่งซ่านแล้วครับ แต่ถ้าท่านยังแยกไม่ออกระหว่างการเห็นความคิด และการไม่เห็นความคิด นี่ก็คือการฟุ่งซ่านครับ

ผมหวังว่า คำถามจากนักปฏิบัติรายนี้ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปฏิบัติที่ปฏิบัติมาระยะหนึ่ง จะได้สำรวจตัวเองว่า ตัวเองเป็นอย่างไรที่เกิดเป็นแบบนี้ขึ้น

หมายเหตุ นี่เป็นความเห็นส่วนตัว กรุณาอ่านด้วยวิจารณญาณ







Create Date : 04 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:06:50 น. 2 comments
Counter : 1515 Pageviews.

 
..ยิ่งท่านที่ปฏิบัติแล้วและเห็นความคิดที่มันโผล่ออกมาตลอดเวลา นี่ก็ไม่ใช่ฟุ่งซ่านครับ แต่กลับเป็นปัญญาให้แก่จิต..


เปีนเรื่องที่กำลังสงสัยเลยค่ะ เพราะเห็นความคิดมันทั้งวันเลย ยังว่าเลยว่าฟุ้งงงจัง

เวลาดูหนัง เป็นอย่างตัวอย่างที่ยกมาเลยค่ะ เห็นความตื่นเต้น ลุ้น ชอบใจ สลับกันไป บางทีเห็นความคิดผุดขึ้นมาว่า เดี่ยวคนนี้จะไปทำอย่างนี้ๆ....

ขอบคุณค่าสำหรับคำแนะนำดีๆ


โดย: abyss IP: 125.24.189.229 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:16:39:18 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:14:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.