1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
การปฏิบัติย่อหย่อนหรือเปล่า
มีคำถามจากนักปฏิบัติ ผมเห็นน่าสนใจ เพราะหลายท่านอาจเป็นอยางนี้เหมือนกัน และอาจสงสัยในทำนองเดียวกัน จึงขอนำมาแสดงดังนี้ ............................................... ช่วงนี้เห็นว่าตัวเองจะมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะย่อหย่อนในการปฏิบัติหรือเปล่า ยกตัวอย่าง.. อย่างเมื่อก่อนเวลาที่ดูทีวี ไม่ว่าเรื่องในทีวีจะตื่นเต้น สนุกสนาน เศร้า แค่ไหน ก็รู้สึกว่าตัวเองจะเฉยๆ ดูไปแบบเฉ๊ย เฉย..เหมือนคนไม่มีความรู้สึกน่ะค่ะ แต่ผ่านมาสี่ห้าวันนี้ เวลาที่ดูทีวี ถ้าเป็นเรื่องที่เราสงสัยไปตามท้องเรื่อง จะเห็นตัวเองขมวดคิ้ว สงสัย เรื่องไหนสนุกๆ ขำ ๆ ก็จะขำ เรื่องไหนเศร้า ก็จะรู้สึกว่าเศร้าตาม แต่ว่าเห็นว่ากำลังรู้สึกอยู่ เลยไม่รู้ว่า เราหย่อนการปฏิบัติไปหรือเปล่า เรื่องความคิดอะไรที่มันเข้ามา ก็เห็น บางทีเห็นก็หยุดมันไปเลย บางทีก็แกล้งให้มันคิดก็มี ไม่ได้รู้สึกเกลียดความคิดที่มันแว่บเข้ามาเหมือนเมื่อก่อน ............................................................ ที่นักปฏิบัติท่านนี้เล่ามานั้น เมื่อก่อนดูทีวี จะเฉยๆ เรื่องนี้ ผมมีความเห็นว่า เมื่อก่อนนี้ กำลังอยูในช่วงกำลังปฏิบัติอยู่อย่างจริง ๆ จัง ๆ ทำให้เกิดการเพ่งโดยไม่รู้ตัว หรือ มีกดข่มจิต การเกร็งจิตโดยไม่รู้ตัว ทำให้เป็นแบบนี้เองครับ จิตจะนิ่ง ๆ เฉย ๆ ผมเห็นนักปฏิบัติที่ยังเพิ่งเริ่มต้น มักมีอาการเช่นนี้เป็นอันมาก พอเริ่มปฏิบัติก็เป็นแบบนี้ โดยที่เขาไม่รู้ว่า กำลังเพ่งกำลังเกร็ง กำลังกดข่ม ( อ่านเรื่องนี้ เพ่ง การใช้จิตทำงานที่นักปฏิบัติมือใหม่ไม่รู้ว่ากำลังเพ่งอยู่ Link //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=25&group=1&gblog=44 บางรายเป็นหนัก ถึงขนาดคิดไปเข้าใจไปเลยว่า การที่จิตนิ่ง ๆ เฉย ๆ นี่คือได้ผลแล้ว ปฏิบัติถูกแล้ว เข้าใจว่าเป็นสภาวะนิพพานไปเลยก็มี สำหรับนักปฏิบัติที่ผ่านการฝึกมาพอสมควร เขาจะมีประสบการณ์อันหนึ่ง ผมไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอย่างไร แต่ประสบการณ์นี้ก็คือ การรู้จักการไม่ข่มจิต รู้จักการปล่อยจิตให้เป็นอิสระ แต่ยังคงพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่ออยู่ในสถานะปรกติในชีวิตประจำวัน เขาจะปล่อยจิตเป็นอิสระ เมื่อจิตไม่ถูกกดข่ม จิตก็จะแสดงธรรมชาติของมันออกมาเอง เมื่อมีการรับรู้ผ่านทางระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางกาย เป็นต้น การรับรู้ผ่านทางระบบประสาทเหล่านี้เอง จะส่งผลไปที่จิตใจ ให้มีการไหว มีการนึกคิดปรุงแต่งไปตามเรื่องราวทีรับรู้เข้ามา แต่ที่จะต่างจากคนที่ไม่ได้ปฏิบัติก็คือ เขาจะรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของจิตได้อย่างสด ๆ ในขณะที่กำลังรับรู้เรื่องราวอยู่นั้นทีเดียว แต่คนที่ไม่ได้ฝึก จิตเขาก็จะสั่นไหวเหมือนกัน แต่เขาจะไม่รับรู้การสั่นไหวนั้น ๆ อย่างสด ๆ แต่เขาจะ .อิน . เข้าไปกับเรื่องราวที่รับรู้เข้ามาทางอายตนะแทน ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติ ขอให้ท่านสังเกต จิตใจตนเองในชีวิตประจำวัน มันจะคิดโน่นคิดนี่อยู่เสมอ ถ้าท่านไม่ได้กดข่มจิตไว้ มันจะเป็นของมันอย่างนี้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่า ท่านสังเกตเห็น และ สังเกตเป็นหรือไม่เท่านั้น สำหรับนักปฏิบัติท่านนี้ ผมมีความเห็นว่า เขาบอกว่า เขาก็รู้สึกถึงจิตใจได้อยู่ นี่แสดงว่า เขารู้สึกได้ดีขึ้นและไม่ได้กดข่มจิตในขณะที่กำลังดูทีวี นี่คือแสดงถึงความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไม่ใช่ย่อหย่อนในการปฏิบัติ ถ้าเขาปฏิบัติต่อไปและก้าวหน้าขึ้น เขาจะเห็นความคิดของเขาด้วยในขณะดูทีวี เขาจะเห็นความคิดที่แปลภาษาคำพูดเรื่องราวในทีวี แต่ตอนนั้น เมื่อเขาเห็นความคิดในขณะดูทีวีได้ จิตใจของเขาจะหนักแน่นขึ้นกว่านี้และหวั่นไหวน้อยลงไปกว่าตอนนี้ แต่เขาจะเห็นความคิดในขณะดูทีวีได้มากขึ้น ค่อย ๆ เห็นได้ชัดขึ้น แต่ก็ต้องให้เวลากับการฝึกฝนต่อไป แต่ว่า เมื่อท่านอ่านอย่างนี้ ก็อย่าไปจ้องหาความคิดกันละ เพราะเมื่อท่านจ้องหาความคิด ความคิดมันถูกกดไว้ มันจะไม่มาให้ท่านเห็นครับ ยิ่งท่านที่ปฏิบัติแล้วและเห็นความคิดที่มันโผล่ออกมาตลอดเวลา นี่ก็ไม่ใช่ฟุ่งซ่านครับ แต่กลับเป็นปัญญาให้แก่จิต แต่ถ้าท่านไม่เห็นความคิดทีมันคิดนี่ซิ นี่คือฟุ่งซ่านแล้วครับ แต่ถ้าท่านยังแยกไม่ออกระหว่างการเห็นความคิด และการไม่เห็นความคิด นี่ก็คือการฟุ่งซ่านครับ ผมหวังว่า คำถามจากนักปฏิบัติรายนี้ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปฏิบัติที่ปฏิบัติมาระยะหนึ่ง จะได้สำรวจตัวเองว่า ตัวเองเป็นอย่างไรที่เกิดเป็นแบบนี้ขึ้น หมายเหตุ นี่เป็นความเห็นส่วนตัว กรุณาอ่านด้วยวิจารณญาณ
Create Date : 04 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:06:50 น.
2 comments
Counter : 1515 Pageviews.
โดย: abyss IP: 125.24.189.229 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:16:39:18 น.
โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:14:23 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
เปีนเรื่องที่กำลังสงสัยเลยค่ะ เพราะเห็นความคิดมันทั้งวันเลย ยังว่าเลยว่าฟุ้งงงจัง
เวลาดูหนัง เป็นอย่างตัวอย่างที่ยกมาเลยค่ะ เห็นความตื่นเต้น ลุ้น ชอบใจ สลับกันไป บางทีเห็นความคิดผุดขึ้นมาว่า เดี่ยวคนนี้จะไปทำอย่างนี้ๆ....
ขอบคุณค่าสำหรับคำแนะนำดีๆ