ปรกติ
ปรกติ คือ ความเป็นธรรมชาติของสิ่งนั้นในระยะ steady state เมื่อมีคนยกแก้วน้ำมาให้คุณดื่ม เมื่อแก้วน้ำวางบนโต๊ะ น้ำในแก้วจะไม่นิง จะเคลื่อนไหลไปมา สักครู่ ก็จะนิ่งสนิท นี่คือปรกติ เมื่อน้ำเคลื่อนไหล นี่คือ ไม่ปรกติ เพราะเกิดด้วยเหตุปัจจัย (มีการเขย่าในขณะที่คนยกแก้วมา ) แต่เมื่อเหตุปัจจัยหมดลงแล้ว (แก้ววางไว้เฉย ๆ ไม่มีการขยับอีก ) น้ำก็จะนิ่งเข้าสู่สภาวะปรกติของมันเอง ปรกติของจิตใจคน ก็จะนิ่งแบบน้ำที่ผมยกตัวอย่างไว้ แต่ที่ใจไม่นิ่ง เพราะมีเหตุปัจจัย ทีใจนั้นไปรับรู้สิ่งที่เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตใจ ท่านอาจจะถามว่า ถ้าใจไม่นิ่ง ก็ทิ้งไว้ ใจก็จะนิ่งเอง แบบน้ำในแก้ว ใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จิตใจของท่านนั้นยังมีการสร้างเหตุปัจจัยต่อหรือไม่ต่างหาก เหตุปัจจัยที่สร้างต่อไป คือ ความยึดติด หรือ ทางพระเรียกว่า ตัณหา สมมุติว่า ท่านโดนคนเขียนสบประมาทในเวป เมื่อท่านอ่านพบ จิตใจท่านจะไม่นิ่งในขณะที่อ่าน แต่เมื่อท่านกลับบ้าน ไปนอนแล้ว ถ้าท่านยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ก็เท่ากับการเติมเชื้อ เติมเหตุปัจจัยลงไป ใจของท่านก็จะไม่นิ่ง แต่ถ้าท่าน หยุดคิด เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่เป้นการสร้างเหตุต่อ ใจท่านก็จะนิ่งได้ นี่คือธรรมชาติของจิตใจ ที่คนปรกติมักไม่สังเกตกัน ทำให้คนเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป การฝกฝน สติสัมปัญญะ หรือ สติปัฏฐาน 4 ก็เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเห็นและเข้าใจสิ่งนี้ที่อยู่ในจิตใจของตนเอง เมื่อเห็นได้ ก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจ ก็จะไม่เสริมแต่งสร้างเหตุต่อไป เมื่อไม่สร้างเหตุต่อ ใจก็จะนิ่ง เมื่อใจนิ่ง ก็ไม่ทุกข์ นี่คือตรรกที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ ๆ ท่านจะเห็นว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นัน ก็เพื่อสิ่งนี้ ความปรกติของใจ ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด ถ้าท่านเข้าใจมันสักนิด แล้วสังเกตจิตใจตนเองในยามทีมันเป็นปรกติตามธรรมชาติอยู่ นั่นแหละ ธรรมชาติแท้ของใจอยู่ที่นั่นแหละ เมื่อใจท่านไม่ทุกข์ จะมีอะไรจะวิเศษกว่านี้อีกครับ ท่านที่มีเรื่องราวในกลางวัน กลางคืนนอนก็ไม่หลับ ก่ายหน้าผากลืมตาโพลงอยู่อย่างนั้น ถ้าท่านอนแบบนั้นทำให้ท่านหายทุกข์ได้ ก็ทำไปเถิด ถ้ามันยิ่งทำให้ท่านทุกข์ใจอยู่เหมือนเดิมอยู่ ก็น่าจะเปลี่ยนวิธีการเสีย ตัณหา นี้คือ อริยสัจจ์ขอที่ 2 ที่บอกว่า ให้ละทิ้งเสีย ละได้ ก็ไม่สร้างเหตุต่อในจิตใจ ใจก็นิ่ง แต่ไม่ใช่ว่าจะละกันง่าย ๆ มันฉลาดในการหลบตัวเอง วันดีคืนดี เมื่อท่านน๊อตหลวมเมื่อไร มันจะมาทันที ผมอยากเน้นครับว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น เพื่อความเป็นปรกติ ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด ถ้าท่านอยากได้มรรคผล นิพพาน ท่านจะไม่ปรกติ แต่ถ้าท่านเฉยๆ ไม่ใช่ไม่อยาก หรือ อยาก แต่ให้เฉยเสีย ใจท่านจะนิ่ง นั่นแหละมันอยู่ที่นั้น ในใจของท่านนั้นเอง บทความนี้ ขอมอบให้กับคนที่นอนไม่หลับอยู่ในคืนนี้ครับ
Create Date : 15 สิงหาคม 2552
6 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:32:53 น.
Counter : 1090 Pageviews.
โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 17 สิงหาคม 2552 16:10:53 น.
โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 17 สิงหาคม 2552 16:10:57 น.
โดย: นมสิการ 17 สิงหาคม 2552 17:25:35 น.
โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 17 สิงหาคม 2552 18:47:46 น.
โดย: Budratsa 21 สิงหาคม 2552 15:27:50 น.
โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:33:12 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
หลายครั้งมันไม่ใช่แค่ดู มันจะดูเพื่อจะรอบางสิ่ง เพื่อจะให้ได้บางสิ่ง
ซึ่งบางครั้งก็รู้ได้ถึงความอยากได้บางสิ่ง นี้บ้าง ไม่ทันบ้าง ก็จะหมั่นตามรู้ต่อไปคับ