Enter At Your Own Risk!!
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
Dark Angel Series - ชุดดาร์คแองเจิล

เรื่อง Dark Angel, Lord Carew's Bride, The Famous Heroine, The Plumed Bonnet, The Ideal Wife, A Precious Jewel and A Christmas Bride
แต่งโดย Mary Balogh


ได้อ่านรีวิวนิยายชุดดาร์คแองเจิลใน bloggang แล้วน่าสน เลยลองหาสองเล่มแรก (2 in 1) ผู้แต่งที่ไม่เคยอ่านมาก่อน ผลคือติดใจเลยค่ะ เรื่องแฮปปี้เอนดิ้่ง โครงเรื่องถึงเรียบและคาดเดาได้ ออกเน่าแบบโดนรสนิยมส่วนตัว การเดินเรื่องค่อนข้างช้า แต่มีเสน่ห์ดึงดูดให้รีบอ่านให้จบจัง

ตรงนี้อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าที่ชอบเพราะมีลักษณะอย่างไร แต่ที่สังเกตว่าส่วนใหญ่ที่ชอบจะมีความเที่ยงตรงตามลักษณะสังคมค่อนข้างสูง ไม่เอาฉากย้อนยุคมาใช้โดยดึงเอาค่านิยมปัจจุบันมาเต็มเปี่ยม รู้สึกเหมือนได้อ่านเรื่องย้อนยุคผ่านเลนส์สีกุหลาบ

งงอยู่หน่อยว่าชุดนี้มีเล่มอะไรบ้าง ในเว็บของผู้แต่งเองยังดูสับสน คือให้เรื่อง Dark Angel, Lord Carew's Bride, The Famous Heroine, The Plumed Bonnet และ A Christmas Bride อยู่ในชุด Dark Angle แต่ในช่วงถัดไป มีเรื่อง The Ideal Wife, A Precious Jewel and A Christmas Bride เป็นชุดไม่มีชื่อ กลายเป็นว่า A Christmas Bride อยู่ในสองชุด จขบ. เลยจับรวมกันทั้งยวงเลยละกัน (ไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย)

อ้อ คำเตือนตามเคยว่าเป็นนิยายโรมานส์ ติดเรท 18 (แต่รู้สึกว่าเขียนแบบ restraint กว่าค่าเฉลี่ยของนิยายรุ่นใหม่เยอะ แนวโทนบางครั้งทำให้นึกถึงเรื่องของ สิริมา อภิจาริน เลย) สรุปว่าก็ชอบนะ แต่เจอ 7 เล่มแล้วชักเหนื่อยกับโรมานส์ยุครีเจนซี่ (ที่เรื่องหลังๆ ออกนอกลู่ที่คาดไว้มาก) ขอพักช่วงก่อนนะค่ะ ความเห็นก็ค่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ ตามความอยากเขียนล่ะค่ะ

--- TOTAL SPOILER ALERT ---


Dark Angel

Jennifer Winwood เป็นลูกสาวคนเดียวของ Viscount Nordal ที่ถูกหมั้นตั้งแต่อายุ 15 กับ Lionel, Viscount Kersey ลูกชายสุดหล่อของ Earl of Rushford ถึงมีเรื่องจนไม่สามารถหมั้นหมายแต่งงานอย่างเป็นทางการได้ แต่ Jennifer ก็หลงรัก Lionel มาตลอด 5 ปี จนมีโอกาสเข้าสังคมชั้นสูงในลอนดอนก่อนการแต่งงาน โดย Samantha Newman ลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันตามมาด้วย

Gabriel Fisher, Earl of Thornhill เพิ่งกลับมาอังกฤษหลังจากแม่เลี้ยงท้องกับชายที่ไม่ใช่สามี จนลูกเลี้ยงอย่าง Gabriel ต้องพาหนีพ่อเพื่อความปลอดภัยไปคลอดลูกที่ยุโรป แถมพ่อก็เสียชีวิตในเวลาไม่นาน นี่เป็นข่าวฉาวแบบงานช้างโดยเฉพาะเมื่อลือกันว่าพ่อของเด็กคือ Gabriel นั่นเอง (คนร้ายคือ Lionel แบบไม่ต้องเดา) Gabriel เลยอยากแก้แค้นด้วยการยุให้คู่หมั้นแตกกัน โดยไม่รู้หรอกว่า Lionel ไม่ได้ชอบสาวแบบ Jennifer หรอก อยากเลิกแทบแย่ แถมไปหว่านเสน่ห์ใส่ Samantha ที่สวยเป็นเลิศไว้ด้วย ...

โครงเรื่องดูออกจะตรงไปตรงมามาก เป็นตามคาดมากเลยค่ะ แน่นอนว่าจบแฮปปี้เอนดิ้ง รู้สึกมีแหม่งๆ บ้าง โดยเฉพาะเรื่องการคิดไม่ตลอดของพระเอกและมารยาททางสังคมในตอนถอนหมั้น อ้อ นามสกุลพระเอกก็แปลกดีสำหรับไฮโซ แต่ก็น่าติดตามดีค่ะ ชอบตอนที่ Samantha พยายามหักห้ามใจตัวเองเมื่อโดนหว่านเสน่ห์กับเมื่อ Gabriel เข้าใจว่าการแก้แค้นรังแต่นำความเสียใจมากเลย เรื่องนี้มีแปลไทยโดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ในชื่อ 'แผนรักเทพบุตร'
[03/02/12]

Lord Carew's Bride

ระหว่างที่ Samantha Newman ไปเยี่ยม Jennifer ก็แอบเดินเล่นในที่ดินของ Marquess of Carew ที่อยู่ติดกัน และได้พบกับนักออกแบบสวน Hartley Wade ผู้เคยประสบอุบัติเหตุตอนเด็กจนมือบิดและเดินกระเผลก ทั้งคู่ได้เดินเล่นในที่ดินและคฤหาสน์หลายครั้ง แต่ Samantha ก็มีธุระดินทางเข้าลอนดอน จนได้พบ Lionel, Earl of Rushford ที่เคยหักอกเธอเมื่อ 6 ปีก่อน Lionel ทำเรื่องเสื่อมเสียจนต้องออกนอกอังกฤษจนเรื่องเงียบ

Hartley ที่ความจริงคือ Lord Carew คิดถึง Samantha จนเดินทางเข้าลอนดอนทั้งที่ปกติไม่ชอบเข้าสังคม จนได้พบและของแต่งงานกับ Samantha ซึ่งเธอก็ตอบตกลงในขณะที่ยังสับสนกับความรู้สึกตัวเองและต้องการที่พึ่งพิงอย่างยิ่ง (ทำเอาหนุ่มๆ อกหักกันระนาว) ทว่า Lionel กลับกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของ Hartley และจะเข้ามาเป็นผู้ร้ายอีกแล้ว ...

คิดว่าพระเอกโดดเด่นที่สุดในนิยายโรมานส์ที่อ่านมาในรอบสองสามปีนี้เลยค่ะ ถึงจะมีปัญหาทางร่างกายแต่ก็ยอมรับ รู้คุณค่าและพึงพอใจในความเป็นตัวเอง สบายๆ น่าอยู่ใกล้ แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็สามารถลุกขึ้นมารับมือได้อย่างน่ากรี๊ดมาก (แต่คนละแบบกับพระเอกคนโปรด Miles Vorkosigan ที่ก็มีปัญหาด้านกายภาพนะคะ ไมลส์ออกจะไฮเปอร์มีแรงขับเคลื่อนเพื่อพิสูจน์ตัวเองในโหมดโอเวอร์โหลดและเน้นผลมากกว่า คนธรรมดาที่เข้าใกล้ถ้าไม่เดี้ยงก็เลิศไปเลย เป็นแบบที่ จขบ. ขอชื่นชมอยู่ห่างๆ 555)

สำหรับนางเอกก็รู้สึกติดใจตั้งแต่เรื่องที่แล้ว ความรู้สึกสับสนในหัวใจที่ปนกับความรู้สึกผิดชอบถูกป่วนเข้ามาด้วยความหลงไหลและความหลังฝังใจ ทำให้รู้สึกเข้าทีเลยค่ะ สรุปว่าชอบเรื่องนี้ที่สุดในชุดแล้วนะคะ อ้อ มีแปลไทยโดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ในชื่อ 'เจ้าสาวของท่านลอร์ด'
[03/02/12]

The Famous Heroine

Cora Downes เป็นลูกสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีของพ่อค้าในบริสตอลที่เผอิญได้ช่วยหลานย่าของท่านผู้หญิงม่าย Duchess of Bridgwater ไม่ให้จมน้ำ จนถูกพาเข้าสังคมลอนดอนกับลูกสาวของท่านผู้หญิงเพื่อหาสามีดีๆ เป็นการตอบแทน ซึ่งไม่น่าจะยากนัก เพราะ Cora รวยมากและไม่ได้ตั้งเป้าไว้สูง

Duke of Bridgwater (ลุงของเด็ก) เลยขอให้ Lord Francis Kneller ที่มีชื่อว่ารสนิยมด้านสตรีดีมาก ช่วยทำให้ Cora เป็นที่น่าสนใจขึ้น (แต่ไม่เข้าข่ายกลุ่มเป้าหมาย เพราะเป็นน้องชาย Duke of Fairhurst ที่ทำให้สถานะสูงเกินไป) Francis ที่เพิ่งอกหักจาก Samantha เลยตกลงช่วยเพื่อเบี่ยงเบนความรู้สึกที่เจ็บไม่ยอมหาย

ไม่นาน วีรกรรมของ Cora ที่ช่วยเด็กและสุนัข (อันซุ่มซ่าม) ก็ยิ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักมาก Cora ได้ข้อเสนอแต่งงานจากหนุ่มหลากหลายหน้าแต่ปฏิเสธหมดเพราะรู้สึกว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่ได้ จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและบีบให้เธอต้องแต่งงานกับ Francis ...

พระเอกดูมีความขัดกันในเรื่องความแมนกับรสนิยมการแต่งตัวที่ตกยุคไปสมัยก่อนที่ฉูดฉาดกว่า ก็ถือเป็นสีสันที่น่าสนใจเลยค่ะ ตะหงิดๆ อยู่นี๊ด ไม่ทราบเป็นอย่างไร ไม่รู้สึกกลมกลืนเต็มร้อยน่ะค่ะ (ทำให้นึกถึงเรื่องของ Georgette Heyer ที่ถึงจะอธิบายแฟชั่นฉูดฉาดและละเอียดขนาดไหน พระเอกก็สามารถโปรเจคภาพพจน์ alpha male กระฉูด) แต่นะคะ Cora ก็เข้าใจผิดจนฮากระจาย

สไตล์นางเอกที่ออกซุ่มซ่ามแต่ก็สดใส รู้สึกว่าเธอมีอะไรอยู่ข้างใต้ที่เข้มแข็ง มีจุดยืนที่แน่วแน่ว ภาคภูมิใจในตนเองและครอบครัว ไม่ยอมให้สภาพแวดล้อมพัดหายไป มีอารมณ์ขันที่ยอมรับข้อผิดพลาดได้อย่างน่ารัก ตรงไปตรงมา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ป๊อปปูล่ามาก ตามหลัก Francis ที่โดนหักอกในเล่มที่แล้ว น่าจะได้คะแนนเห็นใจไปเยอะ แต่ จขบ. รู้สึกว่าโดนรัศมีของ Cora กลบไปมาก เรื่องนี้มีแปลไทยโดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ในชื่อ 'วีรสตรีจอมเปิ่น' รู้สึกว่าตั้งได้ตรงกว่าต้นฉบับอีก 555
[03/02/12]

The Plumed Bonnet

Stephanie Gray เป็นลูกสาวบาทหลวงกับหญิงสาวมีตระกูลที่ถูกตัดญาติเพราะการเลือกคู่สมรส เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตเธอต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นครูประจำบ้านตั้งแต่อายุน้อย หลายปีให้หลังคุณตาเสียชีวิต ทำให้ Stephanie จะได้เป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียวโดยมีเงื่อนไขว่าต้องแต่งงานภายใน 6 เดือน Stephanie ที่มีปัญหากับนายจ้างเลยรีบเดินทางไปบ้านใหม่ทันที (ญาติที่ไม่เคยพบมาก่อนเตรียมคู่แต่งงานไว้ให้แล้ว) ระหว่างทางเงินและข้าวของโดนขโมย ทำให้เธอต้องเดินทางด้วยเท้า ขอหมวกและเสื้อคลุมจากคณะละครมาใช้กันหนาว ยังโชคดีที่มีสุภาพบุรุษผู้ทราบเพียงชื่อตัวที่เดินทางผ่านมายอมให้เธออาศัยรถม้าไปด้วย

Alistair Munro, Duke of Bridgwater เพื่อนสนิทของ Carew ได้รับสาวที่ดูเหมือนเป็นนางละคร บวก 18 มงกุฏ ขึ้นรถม้าเพื่อไปส่งลงในหมู่บ้านข้างหน้า แต่เพราะเธอเล่าเรื่องที่โม้แบบเดาล่วงหน้าได้ตรงหมด (ตรงนี้ฮาดี) แถมยังรู้สึกอยากได้เป็นกิ๊ก Alistair เลยตกลงพาเธอไปส่งถึงที่เพื่อให้จับโกหกได้คาหนังคาเขา แต่เมื่อไปถึงคฤหาสน์ เรื่องที่เล่ากลับเป็นจริงทั้งหมด การที่ทั้งคู่เดินทางด้วยกันถึง 3 วัน (มีคนรับใช้เป็นโขยง แต่ไม่นับ) ทำให้ Stephanie เสียชื่อเสียงในฐานะที่เป็นสุภาพสตรี Alistair จึงขอแต่งงานด้วยโดยเพิ่งบอกความจริงหลังเรื่องฐานะขอแต่งงานแล้ว ซึ่งสำหรับ Stephanie ก็เป็นความตกใจอย่างมหาศาล ทั้งในเรื่องหนี้บุญคุณและสถานะทางสังคมของคู่หมั้น

มีเวลาหนึ่งเดือนก่อนแต่ง แม่ของ Bridgwater เลยคอยสอนเรื่องต่างๆ ให้ Stephanie เตรียมตัวเป็นท่านผู้หญิงที่สง่างาม ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างดีด้วยความอุตสาหะอย่างมาก แต่ก็จ่ายค่าตอบแทนโดยการแทบจะลบความเป็นตัวของตัวเอง ...

เรื่องนี้เกิดหลังเรื่องที่แล้ว 6 ปีค่ะ เนื้อหาเน่าสนิท โครงเรื่องหลักมีนิ๊ดเดียวและไม่ซับซ้อน เน้นขยายรายละเอียดเสริม แต่ก็ชอบนะคะ Bridgwater เป็นพวกเลอเลิศทรงอำนาจ (อาจน่าหมั่นไส้ถ้าไม่ใช่พระเอก) โดยเฉพาะตอนขอ Stephanie แต่งงานโดยยังปาก (ใจ) แข็งไม่ยอมรับความจริง และยังยืดต่อไปอีกนาน แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเข้ากันได้ ชอบตอน Bridgwater สารภาพความจริงมากเลยล่ะค่ะ มีแปลไทยโดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ในชื่อ 'เจ้าสาวปริศนา'
[03/02/12, 21/04/12]

The Ideal Wife

Miles Ripley, Earl of Severn กำลังลำบากเพราะแม่และพี่สาวกำลังจะจับมัดมือชกให้แต่งงานกับสาวสวยคุณสมบัติดีลูกเพื่อนสนิทแม่ แต่เธอก็บอบบางเสียจน Miles ทนไม่ได้ แถมเพิ่งจ้างเมียเก็บคนใหม่ เลยคิดจะตัดปัญหาด้วยการแต่งกับสาวที่สามารถให้ลูกได้ นิสัยเงียบๆ ไม่มีปากเสียง และยอมอยู่ในชนบท ปล่อยให้ตัวเองสำราญในเมืองแบบหนุ่มโสด

ครอบครัวของ Abigail Gardiner ตกยากหลังพ่อตาย ทั้ง Abigail และน้องชายต้องทำงานและส่งน้องสาวต่างแม่สองคนที่ยังเด็กไปอยู่กับญาติ มาขอความช่วยเหลือจาก Severn เพราะโดนไล่ออกจากงานผู้ติดตามเพราะมีเรื่องกับลูกชายนายจ้างที่ไปลวนลามเพื่อนสนิท Laura Seymour ที่เป็นครูประจำบ้านให้นายจ้างคนเดียวกัน

Abigail จนแต้มจนต้องบากหน้ามาขอให้ญาติห่างๆ อย่าง Severn ช่วยออกจดหมายรับรองเพื่อหางานใหม่ ต้องอย่างระมัดระวังทำตัวให้ติ๋มผิดความจริง เลยส้มหล่นได้งานใหม่เป็น Countess of Severn ถึงดูเหมือนจะเป็นซินเดอเรลลา แต่ Abigail ก็ต้องเผชิญหน้ากับแม่สามี พยายามกลบเกลื่อนนิสัยตัวเอง ลำบากใจกับเมียเก็บสามี แต่อะไรก็ไม่หนักหนาเท่าแม่เลี้ยงที่หลังหนีจากพ่อขี้เมาและรุนแรง ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Mrs Rachel Harper เจ้าของบ่อนสำหรับชนชั้นสูง ...

ตอนเริ่มเรื่องเล่นเอางงค่ะ เพราะกลัวแม่และพี่จับแต่งงาน เลยรีบแต่งกับใครไม่รู้ก่อน! มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ พระเอกก็ไม่ได้อ่่อนปวกเปียกอะไร แต่พอเดินเรื่องไปเรื่อยๆ นางเอกที่ไม่เหมือนกับภาพลักษณ์แรกก็เริ่มแสดงความสนุก เลยพอกล้อมแกล้มอ่านได้เรื่อยๆ ดูแล้วเป็นเล่มที่ชอบน้อยที่สุดในชุด แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนะคะ
[27/06/12]

A Precious Jewel

Priscilla Wentworth เกิดในครอบครัวที่มีตระกูล ถึงแม่จะเสียชีวิตไปนานแล้วแต่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี มีพ่อและพี่ชายที่ใกล้ชิด แต่ชึวิตกลับผกผันเมื่อพ่อตายอย่างไม่คาดฝัน พี่ชายป่วยตายกระทันหันโดยไม่มีพินัยกรรม จากกฏหมายมรดกทำให้เธอกลายเป็นสิ้นไร้ไม้ตอก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพ่อ (รวมถึงของส่วนตัวที่พ่อเก็บรักษาให้ด้วย) กลายเป็นของญาติห่างๆ ที่ไม่รู้จัก มิหนำซ้ำ ญาติคนนั้นยังเริ่มลวนลามจนเธอทนไม่ไหว ตัดสินใจหนีมาหาอดีตครูประจำบ้านที่ตอนนี้เปิดโรงเรียนประจำสำหรับกุลสตรีที่ลอนดอน โดยหวังขอทำงานจนกว่าจะได้มรดกของแม่เมื่ออายุสามสิบ

เมื่อมาถึงลอนดอนกลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ครู Katherine Blythe เปิดหอนางโลมราคาแพง ฝึกให้สาวในสังกัดมีกิริยาท่าทางและการพูดแบบไฮโซเพื่อให้ถูกใจลูกค้าชั้นสูง ช่วงแรก Priscilla ก็พยายามหางานทำแต่หนทางทั้งหมดโดยปิดตาย จนกลายมาเป็นสาวหอนางโลมจนได้ ซึ่งเธอก็พยายามแยกตัวตนที่แท้จริงออกจากงานเพื่อรักษาจิตใจของตัวเองไว้ ในเวลาไม่นานเธอก็กลายเป็นดาวเดินและมีลูกค้าประจำหลายคน โดยเฉพาะ Sir Gerald Stapleton ที่ได้ตกลงพาเธอไปเป็นเมียเก็บหลังจากที่เธอโดนแขกใหม่ทำร้าย

Gerald เป็นชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบที่มีปัญหาเรื่องความมั่นใจในตนเองอย่างมาก เป็นลูกคนเดียวของ Sir Christian Stapleton เข้มงวดเย็นชา ไม่ถูกใจกับการเรียนรู้ที่ช้าและความสนใจในดนตรีของลูกชาย ส่วน Doris แม่อันเป็นที่รักก็เสียชีวิตเมื่อลูกมีอายุเพียงแปดปี แต่ที่ทำให้ช็อคคือเมื่ออายุสิบสาม Gerald กลับพบว่าความจริงแม่เพิ่งตาย โดยได้หนีออกจากบ้านโดยทิ้งลูกไว้อย่างไม่ใยดี ในปีต่อมา พ่อแต่งงานใหม่กับ Helena ที่อายุมากกว่าลูกเลี้ยงเพียงห้าปี ทำให้ Gerald ติดแม่เลี้ยงในลักษณะของพี่สาวอย่างมาก จนกระทั่งอีกหลายปีให้หลัง เกิดเรื่องที่ทำให้ Gerald ตัดสินใจออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยและไม่กลับมาอยู่จนกระทั่งพ่อตายและ Helena ได้ออกจากบ้านไปแล้ว

ความผูกพันธ์ที่ทั้งคู่มีต่อกันที่ช่วยเติมเต็มความเป็นตัวของตัวเองของทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่มีสถานะของเมียเก็บเข้ามาสร้างความไม่แน่ใจและฉากหน้าอันหลอกลวง รวมถึงกฏเกณฑ์ทางสังคมที่ Priscilla จะเป็นได้เพียงเมียเก็บที่ไม่สามารถแนะนำให้ใครได้ (ยกเว้นในกลุ่มคนรู้จักรุ่นเดียวกัน) โดยระหว่างนี้ ก็มีเพียงเพื่อนสนิทของ Gerald คือ Earl of Severn ที่เข้าใจทั้งคู่ ...

สำหรับ Priscilla คงบอกได้อย่างเดียวเลยค่ะว่าเป็นนางเอกนิยายรักแบบที่นึกไม่ออกว่าเจอมาก่อน มีจิตใจมั่นคงเข้มแข็งมาก พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ดีที่สุด (และทำให้การเดินเรื่องทั้งโหดร้ายและรุนแรงแบบเงียบๆ ไปด้วยกัน) ช่วงแรกที่อ่านพยายามนึกหาคำที่อธิบายลักษณะ ตอนแรกนึกถึง peaceful มากที่สุดแต่ก็ย้ายมาเป็น dignity และลงท้ายด้วย serenity ที่น่าประทับใจมากทั้งในเล่มนี้และต่อมาใน 'A Christmas Bride' ด้วย ถือเป็นตัวละครฝ่ายหญิงที่ จขบ. ประทับใจมากที่สุดในชุดนี้เลย

พระเอกก็เป็นประเภทที่มีปมด้อยเพราะปัญหาในครอบครัว แต่ได้นางเอกเยียวยาจนสามารถยอมรับตนเองและความรักจากผู้อื่น ในชุดนี้เป็นคนเดียวที่ไม่ได้เป็น alpha male ในการบรรยายอาศัยความแตกต่างระหว่างคำ อย่าง loves และ in love ที่สร้างบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย แนวละเอียดเปราะบางเหมือนแก้วที่ถ้าปัดนิดก็อาจตกแตก ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจแต่อ่านหนเดียวพอนะ โครงเรื่องโหดเกินไปสำหรับนิยายโรมานส์ที่น่าจะเน่าแก้เครียด (เขียนระบายความรู้สึกก็ยากด้วย)
[19/02/12]

A Christmas Bride

Edgar Downes พี่ชายของ Cora ถูกพ่อ Joseph Downes ขอให้แต่งงาน เลยสัญญาว่าจะหาคู่หมั้นให้ได้ก่อนคริสมาสต์ แล้วเดินทางเข้าลอนดอนเพื่อพบปะสาวตระกูลดี ผ่านการแนะนำของ Cora และเพื่อนฝูง (4 เล่มแรก) ในงานสังสรรค์หนึ่ง Edgar ก็ได้พบกับ Helena, Lady Stapleton ภรรยาหม้ายของบารอนเนท Sir Christian Stapleton จนมีความสัมพันธ์คืนเดียว และเกิดอาการกระอักกระอ่วน/ทะเลาะ (เพราะหลงแต่ไม่ยอมรับ) มาตลอด ระหว่างนี้ Edgar ก็รู้จักสาวมาหน้าหลายตา และเริ่มคิดขอ Fanny Grainger แต่งงาน (พ่อแม่สาวสนับสนุนเต็มที่เพราะ Edgar รวยมาก)

ส่วน Helena ก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์กับ Edgar จึงพยายามปิดบังเต็มที่และพยายามคิดหาทางออก แต่ Edgar ก็ทราบจนได้เลยบังคับให้รีบแต่งงานกันโดยด่วน คือเพียงไม่กี่วันก่อนคริสมาสต์ ซึ่งก็ต้องจัดการทั้งเรื่องของ Fanny และเสี่ยงค้นหาความหลังของ Helena ที่ทำให้เธอเสียใจมากว่าสิบปีเพื่อชีวิตแต่งงานของทั้งคู่

เรื่องนี้เกิดขึ้น 1 ปี หลัง 'A Precious Jewel' กับ 'The Plumed Bonnet' จะว่าอย่างไรดีล่ะ คือเปิดเรื่องขึ้นมาอย่างแรงพอใช้ ทั้งพระเอกนางเอกที่อายุพอสมควรแล้ว เลยมีบุคลิกนิสัยที่แข็งมาก ฟาดฟันกันได้สูสีทีเดียว แถมนางเอกยังมีความหลังที่ทำให้รู้สึกผิดมายาวนานต่อลูกเลี้ยง คือ Sir Gerald Stapleton ที่มาขวางความรู้สึกของการมีความสุขเอาไว้ ...

ถึงจะเริ่มได้เหวอเล็กน้อยแต่ก็จบลงได้สวยด้วยธีมคริสมาสต์ที่เน้นการให้อภัยและความหวัง ถือเป็นเรื่องที่เนื้อหาค่อนข้างหนักแต่จบได้อย่างสบายอกสบายใจ (ถึงบางครั้งจะรู้สึก festive ไปหน่อย) อ้อ รู้สึกตัวละครที่ออกมาตอนปลายเรื่องสองคน คือ พ่อ และ Priscilla, Lady Stapleton แย่งซีนไปเยอะเลย ^_^ แปลไทยโดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ในชื่อ 'คริสต์มาสฝันรัก'
[06/02/12, 21/04/12]

ที่มา
[1] Mary Balogh. Dark Angel/Lord Carew's Bride. Dell, 624 pages, 2010 (first published in 1994 & 1995).
[2] Mary Balogh. The Famous Heroine/The Plumed Bonnet. Dell, 512 pages, 2011 (first published in 1996 & 1996).
[3] Mary Balogh. The Ideal Wife. Dell, 368 pages, 2008 (first published in 1991).
[4] Mary Balogh. A Precious Jewel. Dell, 336 pages, 2009 (first published in 1993).
[5] Mary Balogh. A Christmas Bride. Signet, 224 pages, 1997.


Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 30 มกราคม 2561 21:49:09 น. 7 comments
Counter : 2183 Pageviews.

 
เราชอบชุดนี้มากค่ะ แต่เราไม่นับ The ideal Wife กับ A Precious Jewel ว่าเป็นชุดเดียวกันนะคะ และถึงแม้จะอ่านนิยายของ Mary Balogh มาหลายเล่มแล้ว จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังก็ไม่กล้าแตะ APJ เลย รู้สึกพล็อตมันช่างโหดร้าย โหดร้ายกว่า The Secret Pearl ที่แสนบีบคั้นหัวใจซะอีก

เล่มโปรดของเราคือ Lord Carew's Bride, A Christmas Bride แล้วก็ The Famous Heroine เรียงตามลำดับค่ะ แต่สำหรับพระเอกชอบฟรานซิสมากที่สุด โดยมีฮาร์ทลีย์ตามมาติดๆ เฉือนกันนิดเดียว

อย่างไมลส์เราว่าเราตามไม่ทันแน่นอน 555 เป็นแฟนคลับคอยยกป้ายไฟเชียร์ก็พอแล้ว


โดย: Froggie วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:35:16 น.  

 
ตอนนี้เรากำลังอ่าน วีรสตรีจอมเปิ่น ค้างอยู่เลยค่ะ ไม่รู้เป็นไงอ่านแล้วง่วงจัง สงสัยว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาแก้หวัด ฮ่า ฮ่า

ชุดนี้อ่านมา 2 เล่มครึ่ง เราชอบ เจ้าสาวของท่านลอร์ด มากที่สุด พระเอกที่ชอบมากก็ยังเป็น ฮารท์ลีย์ แต่ก็ไม่น่านะถ้าอ่าน วีรสตรีจอมเปิ่น จบแล้ว อาจจะชอบ ฟรานซิส มากกว่าก็ได้ เพราะว่าเฮียแกสีสรรบรรเจิดมว๊ากก.....จริง ๆ อิอิ

ส่วนนางเอกตอนนี้ชอบ คอร่า ค่ะ ถึงจะอ่านแค่ครึ่งเล่ม แต่เราว่าเธอน่ารักแล้วก็เป็นตัวของตัวเองดี

เอาดาวมาแปะให้ 1 ดวง แล้วก็โหวตรีวิวหนังสือให้นะคะ


โดย: โอ-พิน (o_pinP ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:12:05:37 น.  

 
สำหรับเราอันดับหนึ่งในใจยังคงเป็น Lord Carew's Bride อยู่ค่ะ อิ อิ แม้เล่มฟรานซิส จะตามมาห่างๆ 5555+


โดย: อ้อมกอดของความเหงา วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:1:18:07 น.  

 
คุณ Froggie > พออ่านจบแล้วก็ไม่อยากนับ The ideal Wife กับ A Precious Jewel เป็นชุดเหมือนกันค่ะ เนื้ัอหาคนละแนวเลย เหวอสุดๆ

คุณโอ-พิน > ขอบคุณมากค่ะ ไม่ทราบฝีมือแปลของวีรสตรีจอมเปิ่นเป็นอย่างไรบ้างคะ ตอนอ่านรู้สึกว่าอาศัยการบรรยายเยอะพอดูแลย ยังไงถ้าอ่านจบแล้วแล้วลองเล่าหน่อยนะคะ

คุณอ้อมกอดของความเหงา & etc. > อันดับหนึ่งในใจคือ Lord Carew's Bride ค่ะ ตามด้วย A Christmas Bride กับ The Famous Heroine ให้พอๆ กันค่ะ แต่เรื่องอื่นก็สนุกนะคะ อย่าง A Precious Jewel ขอซูฮกนางเอก


โดย: jackfruit_k วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:09:06 น.  

 
รายละเอียดข้อมูล

ชื่อเรือง : Thermae Romae

ชื่อภาษาไทย : สู้ต่อไป ลูเซียส!

ผู้เขียน : Yamazaki Mari

คนเขียนเป็นผู้หญิงนะ เพราะทั้งลายเส้น ทั้งแนวเรื่องแลดูเป็นแนวที่ปกติคนเขียนจะเป็นผู้ชายบ้า ๆ บอ ๆ อาจารย์เธอคงเป็นผู้หญิงที่ชอบโรงอาบน้ำ และน้ำพุร้อนน่าดูชม

พรีวิวเจ้าขา ลองอ่านดู และจะติดลมบน

บทที่ 1 กรุงโรม นายช่างลูเชียส โมเดสตุส เพิ่งจะตกงานเพราะไล่ตามสถาปัตยกรรมที่จักรพรรดิเฮเดรียนนำเข้าจากกรีกไม่ทัน เพื่อนรักมาร์คัสจึงชวนไปแช่น้ำร้อนคลายเครียดที่โรงอาบน้ำ ระหว่างนั่งแช่น้ำร้อนอยู่นั่นเองลูเชียสพบท่อระบายน้ำที่ก้นอ่างจึงดำลงไปสำรวจแล้วถูกดูดไปโผล่ขึ้นที่โรงอาบน้ำอีกแห่งหนึ่ง

ปัญหาคือโรงอาบน้ำที่ลูเชียสโผล่ขึ้นมาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ปี ค.ศ.2009

ลูเชียสพบ "พวกไร้ดั้ง" พูดภาษาญี่ปุ่นซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นทาส แต่เพียงไม่นานเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งประดิษฐ์ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน คือ กาละมัง ตะกร้าสานใส่เสื้อผ้า กระจกเงาบานใหญ่ โปสเตอร์ภาพถ่ายโฆษณางานเทศกาล ภาพวาดภูเขาไฟฟูจิเต็มผนังบ่อแช่น้ำร้อน แม้กระทั่งผ้าใบบังแดดหน้าร้าน

"วัฒนธรรมช่างล้ำหน้านัก" ลูเชียสช็อก "ช่างเป็นพวกทาสที่น่าตกใจเสียจริงๆ"

ขณะที่เขากำลังหมดอาลัยตายอยากกับสิ่งที่เห็นนั้นเอง เจ้าของโรงอาบน้ำยื่นเครื่องดื่มนมรสผลไม้แช่เย็นเจี๊ยบมาให้ "ฮ่า อร่อยชื่นใจ เอ้า นี่ของอาเฮียเปิดฝาให้แล้วนะ" ป๊อก!

"อร่อย!" ลูเชียสตะลึง "แถมยังเย็นแล้วก็หวานอีกด้วย" เขาหน้ามืดแล้ว "เย็นเฉียบราวกับหิมะ"


ลูเชียสฟื้นที่โรงอาบน้ำโรมัน เขานำความฝันที่ได้มาสร้างโรงอาบน้ำแบบพวกไร้ดั้ง มีตะกร้าสานวางเสื้อผ้า มีภาพวาดภูเขาไฟที่ผนัง มีเครื่องดื่มนมวัวผสมผลไม้ปิดด้วยกระดาษปาปิรัสนำไปแช่ลำธารไหลเย็น ไม่ลืมแม้กระทั่งผ้าใบบังแดดหน้าร้าน แม้ว่าโรงอาบน้ำของเขาจะมีลูกค้ามากมายและเป็นที่โจษจัน แต่เขายังไม่พอใจกับเทคโนโลยีล้าหลังของอาณาจักรโรมัน

อะไรที่ลูเชียสเผชิญคือปรากฏการณ์คล้ายคลึง culture shock โดยทั่วไปเรามักใช้คำว่า culture shock บรรยายถึงสภาพจิตของนักเรียนไทยหรือคนงานในต่างแดน ปฏิกิริยาแรกอาจจะเป็นได้ทั้งความตกใจหรือความหลงใหลได้ปลื้มในสังคมใหม่หรือวัฒนธรรมใหม่

แต่หลังจากนั้นไม่นานคนเรามักใช้ความคิดความรู้สึกของวัฒนธรรมเดิมตัดสินวัฒนธรรมใหม่ นำมาซึ่งความรู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด โกรธง่าย และคิดถึงบ้านอย่างรุนแรง แต่ถ้ากลับบ้านไม่ได้ก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อรองระหว่างวัฒนธรรมเก่าและใหม่ ลงเอยด้วยการปรับตัวคือ adjustment ได้ในที่สุด

ปรากฏว่าลูเชียสผ่านทุกขั้นตอนเร็วมาก ช็อก กังวล โกรธ ต่อรอง แล้วปล้นทรัพย์สินทางปัญญาของเขากลับโรมันเสียเลย



บทที่ 2 ลูเชียสถูกภรรยางอนใส่ต้องมานั่งกินเหล้า ทหารของท่านกงสุลเลพิดุสตามตัวเขาไปพบที่บ้านพักริมแม่น้ำคัมปาเนีย

"ขืนเป็นแบบนี้เมียคงจะหัวเสียยิ่งกว่าเดิมแน่" ลูเชียสกลัวเมียแต่กลัวท่านกงสุลมากกว่า

"ช่วยสร้างบ่ออาบน้ำกลางแจ้งให้หน่อยได้มั้ย" ท่านกงสุลป่วยหนัก นอนซม นอกหน้าต่างนั้นคือภูเขาไฟวิสุเวียส ที่แท้ท่านกงสุลเคยไปใช้บริการที่โรงอาบน้ำของลูเชียสซึ่งมีภาพวาดภูเขาไฟที่ผนังมาแล้ว ที่นี่คือภูเขาไฟของจริง

ลูเชียสไม่เคยสร้างบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งมาก่อน เขาเดินสำรวจสถานที่บริเวณภูเขาไฟแล้วพลัดตกลงไปในบ่อน้ำร้อนธรรมชาติแห่งหนึ่ง คราวนี้เขาไปโผล่ที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติบริเวณภูเขาไฟฟูจิยุคปัจจุบัน

"ข้าย้อนกลับมายังสังคมรุ่งเรืองอารยธรรมอีกครั้งแล้ว" ลูเชียสลุกเดินสำรวจ "พวกไร้ดั้งกำลังอาบน้ำร้อนกันอยู่" เขาพบว่าที่นี่กั้นเขตอาบน้ำร้อนของลิงและคนแยกจากกันอีกด้วย

ที่นี่เขาได้เรียนรู้วิธีสร้างรางน้ำริน วิธีระบายน้ำ และเทคโนโลยีต้มไข่ "นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวภาคภูมิศักดิ์ศรีของชาวโรมันแล้ว" ลูเชียสกำหมัดแน่น ชิมไข่ลวกกับเหล้าที่พวกไร้ดั้งยื่นให้

"อร่อย!" แล้วลูเชียสก็หมดสติฟื้นขึ้นมาที่บ่อน้ำร้อนบริเวณบ้านท่านกงสุลอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงสร้างบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและประดิษฐ์เครื่องมือแช่ไข่เป็นไข่ลวกเพื่อนำมากินกับไวน์จนกระทั่งสุขภาพของท่านกงสุลดีวันดีคืน

จะเห็นว่าลูเชียสไม่พอใจที่พบว่าโรมันไม่ได้เหนือกว่าอย่างที่เขาคิด แต่เพราะเขารู้จักใช้กลไกต่อรองคือ negotiation เขาจึงผ่านวิกฤตทางจิตใจและแปรวิกฤตเป็นโอกาส



บทที่ 3 ช่างแกะสลักหินอ่อนสูงอายุซึ่งเป็นอาจารย์ของมาร์คัสปวดเมื่อยเนื้อตัวเหนื่อยล้าจากการทำงานหามรุ่งหามค่ำตามคำบัญชาของจักรพรรดิเฮเดรียน เขาแก่เกินกว่าจะเดินไปโรงอาบน้ำสาธารณะได้อีกแล้ว เมื่อลูเชียสดำลงบ่อน้ำร้อนเพื่องมหาสตริกิลซึ่งเป็นอุปกรณ์ขัดขี้ไคลทำจากโลหะ เขาโผล่ขึ้นมาในอ่างอาบน้ำร้อนส่วนตัวใช้ในบ้านของชาวญี่ปุ่น

ครั้งนี้เขาค้นพบวิธีออกแบบและสร้างบ่อขนาดเล็กใช้ในบ้าน ฝาปิดบ่อเพื่อกักความร้อน แปรงถูตัวและผ้าขัดขี้ไคล รวมทั้งของใช้อำนวยความสะดวกระหว่างอาบน้ำสระผมหลายชิ้น

"การใช้กองกำลังขยายอาณาเขตง่ายดายนัก แต่วัฒนธรรมนี่มัน...มันครอบครองกันไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น" ลูเชียสเสียใจจนล้มลง "ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ต้องรู้สึกทุกครั้งที่มาโลกนี้ รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามานอนร้องไห้"

อีกอาการหนึ่งของ culture shock คืออารมณ์เศร้า เช่นเดียวกันกับคนงานหรือนักเรียนไทยในต่างแดนที่เกือบทุกคนจะต้องผ่านระยะซึมเศร้าก่อนที่จะลุกได้อีกครั้งหนึ่ง ลูเชียสก็มิใช่ข้อยกเว้น เว้นเสียแต่ว่าวิธีที่เขาลุกขึ้นออกจะผิดวิธี ห้ามเลียนแบบ กรุณาใช้วิจารณญาณและ ผู้ปกครองควรแนะนำ

"ดื่มนี่ซะ จะได้รู้สึกดีขึ้น" ตาแก่เจ้าของอ่างอาบน้ำร้อนในบ้านยื่นดราฟต์เบียร์เย็นเจี๊ยบให้หนึ่งกระป่อง

"โดนมาก!" ลูเชียสตาสว่าง แล้วก็หน้ามืดไป

หลังจากนั้นอาณาจักรโรมันก็มีอ่างอาบน้ำร้อนส่วนตัวใช้ในบ้าน



บทที่ 4 ลูเชียสพบจักรพรรดิฮาเดรียน เขาหลุดมาที่ญี่ปุ่นสมัยใหม่อีก เห็นเครื่องสุขภัณฑ์อัตโนมัติและโทรทัศน์ติดผนังในห้องอาบน้ำร้อน

ครั้งนี้เขาผ่านอาการช็อกทางวัฒนธรรมหมดสิ้นแล้ว

การยอมรับความเหนือกว่าของญี่ปุ่นแล้วนำไปประยุกต์ใช้ที่วังจักรพรรดิกลายเป็นเรื่องง่ายดาย

โปรดหามาอ่านว่าโรมันจะมีทีวีได้อย่างไร



บทที่ 5 คือบทสุดท้ายของเล่มหนึ่ง ลูเชียสติดตามจักรพรรดิไปถึงอิสราเอล ตอนนี้มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์เมื่อจักรพรรดิเฮเดรียนยกทัพไปจูเดียเพื่อปราบกบฏชาวยิวที่เยรูซาเลมในปี 132 คือสงครามที่เรียกว่า Bar Kokhba revolt นับเป็นการก่อกบฏครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้ายของชาวยิว

ครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นในปี 70 ซึ่งกองกำลังชาวยิวถอยขึ้นไปตั้งรับที่มาซาดา

ครั้งที่สองเกิดขึ้นปี 113 ในรัชสมัยจักรพรรดิทราจันก่อนหน้าจักรพรรดิเฮเดรียนนี้เอง

บทที่ห้าจะเล่าเรื่องการถือกำเนิดโรงอาบน้ำแร่เพื่อรักษาพยาบาลโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ทหาร ซึ่งลูเชียสได้ความคิดมาจากบ่อน้ำแร่ที่ญี่ปุ่นอีกเช่นเคย

แต่ลูเชียสกลับเอาตัวไม่รอด เมื่อเขาลาจักรพรรดิเฮเดรียนกลับบ้านหลังจากจากไปนานก็พบจดหมายหย่าที่ภรรยาวางเอาไว้

"ดิฉันขอหย่าค่ะ จากลิเวีย"

มัวแต่หมกมุ่นกับงานจนเมียทิ้งซะแล้ว ลูเชียส! สู้ต่อไป ลูเชียส!!

(ฮา) แถมยังแหวกแนวแบบสุดๆด้วยสิ จนตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในมังงะสำหรับผู้ใหญ่ ที่ขายดีติดแผงที่ญี่ปุ่น และถึงกับกลายเป็นภาพยนต์ฉบับคนแสดง ที่ได้ อาเบะ ฮิโรชิ ดาราเจ้าบทบาท (เราเคยเห็นเขาในเรื่อง ช๊อคโกแลต นั่นล่ะ) มารับบทเป็น ลูเชียส อีกด้วย คัดตัวเเสดงตรงกับบทมาก ก็นั่นล่ะนี่เป็น " มังงะสำหรับผู้ใหญ่ " ควรห้ามเด็กเล็กต่ำกว่าอายุดู อ่านจ้า
ภาคคนแสดง : ยังมีกำหนดฉายภาคคนแสดงในวันที่ 28 เมษายน ปีนี้ นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดังในญี่ปุ่น อย่าง
- ฮิโรชิ อาเบะ นักแสดงชื่อดังในญี่ปุ่นมารับบทลูเซียส
- อุเอโตะ อายะ รับบทเป็น มามิ
- อิชิมุระ มาซาจิกะ รับบทเป็น เฮเดรียน จักรพรรดิโรมันองค์ที่ 14
- ชิชิโด ไค รับบทเป็น อันโตนีนุส
- คิตามาระ คาซุกิ รับบทเป็น เซโอเนียส ผู้ชิงตำแหน่งจักรพรรดิโรมัน
เรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศอิตาลี ที่โรงถ่ายกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี มีการจำลองพระราชวังในสมัยโรมัน และมีชาวอิตาลีนับพันคนเข้าประกอบฉากระหว่างถ่ายทำด้วย ดูจากตัวอย่างคงมีการเพิ่มเนื้อเรื่องให้เหมาะสมกับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น
Thermae Romae (สู้ต่อไป ลูเซียส) ฉาย 28 เมษายน 2555 ที่ประเทศญี่ปุ่น
anime
//www.youtube.com/watch?v=tHgvlE4UQ3o
ภาพยนตร์
//video.online-station.net/others/199


โดย: sakura IP: 192.168.1.103, 171.99.214.32 วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:12:32:16 น.  

 
^
ติดบ่อน้ำร้อนเรียบร้อยค่ะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jackfruit-k&month=11-2011&date=30&group=29&gblog=1


โดย: jackfruit_k วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:11:57:31 น.  

 
คุณ Froggie > ลองไปดู The Secret Pearl แล้วคิดว่าโหดกว่า The Ideal Wife นะคะ (แต่ก็ยังไม่มีแรงเขียนเหมือนกัน)


โดย: jackfruit_k วันที่: 16 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:23:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jackfruit_k
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 211 คน [?]




Latest Updates
นิยาย ไทย, จีนแปล, แปล, อังกฤษ; การ์ตูน ญี่ปุ่น, อื่นๆ; หนังสือ ไทย, แปล, อังกฤษ
New Comments
Friends' blogs
[Add jackfruit_k's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.