กาหรือหงส์ ตอน ๓๖
กาหรือหงส์ ตอน ๓๖สายน้ำน่านที่ไหลเชี่ยวข้นคลักอยู่ข้างกายสวนทางแล่นลิ่วไปข้างหลังอย่างรวดเร็วราวกับสายลมแรงกล้า อีกทั้งเสียงปลุกเร้าที่รายรอบตนเองขณะนี้ทำเอาหัวใจที่เต้นตุบตั๊บดังกองเพลระรัวลั่น เลือดในร่างกายฉีดพุ่งปรู๊ดปราดคล้ายกระแสไฟแรงสูงแล่นไปมาของอิสราแทบจะโลดแล่นไปชิมลิ้มรสความหอมหวานของชัยชนะของเส้นชัยที่อยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น .... เพราะตั้งแต่เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณเส้นปล่อยตัว ฝีพายรูปประมาณเกือบสามสิบชีวิต ร่างกำยำบ่งบอกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดแกร่งทนทานและอดทนอย่างเต็มที่ ที่ตอนนี้สวมเสื้อสีเขียวสลับส้มอันเป็นสีประจำโรงเรียนมัธยมท่าวังหินพลิกพลิ้วสะบัดไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะจะมองดูแล้วทั้งสวยงามและแก่งกล้าในเวลาเดียวกัน ต่างก็ทุ่มแรงกายทั้งหมดไปที่ไม้พาย พร้อมกับเงี่ยหูคอยฟังสัญญาณที่ได้ยินจากท้ายเรือ ... ..... ออก ออก อัด อัด และ บิน บิน .... อิสราออกแรงไปที่แขนทั้งหมดด้วยเรี่ยวแรงที่มี สายตาชำเลืองไปยังเรือพายของคู่ต่อสู้ เห็นเพียงลำโขนเรือโผล่ขึ้นแรงมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาเทียบเท่ากับตำแหน่งพายของตัวเอง เสียงปลุกเร้าดังขึ้นมาอีกคำรบตามมาด้านหลัง ... “ เอ้าออกแรงพายจ้ำให้หนัก ท่าวังหิน สู้ สู้ บินไปเลยพวก บินไป”....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ ....... เฮ้ เฮ้ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนจะบินไปตามเสียงปลุกเร้าที่อยู่ด้านหลัง ทุ่มแรงลงไปที่ไม้พายอย่างเต็มที่ใจข้างในโผนทะยานไปข้างหน้าใกล้เส้นชัยอย่างใจฝัน เรือแข่งของโรงเรียนท่าวังหินออกนำห่างจากเรือแข่งบ้านท่าค้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อิสราเพ่งมอง เส้นชัยที่มองเห็นราง ๆ ข้างหน้าด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้งใด ๆ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวก็จะหยิบชัยชนะไปให้คนหน้าใสที่ยืนอยู่อัศจรรย์เชียร์นั่น ..แต่เอ๊ะ ! เกิดอะไรขึ้นที่บนริมฝั่งนั่น อัศจรรย์เชียร์ที่เคยเห็นอยู่ตั้งแต่การแข่งขันในวันแรกหายไปไหน? แล้วทำไมผู้คนถึงแตกตื่นส่งเสียงวุ่ยวายทั้งตื่นตระหนก ทั้งร้องขอความช่วยเหลือกันขนาดที่ได้ยินมาจนถึงมากลางลำน้ำน่านแห่งนี้ อิสราเสเลยมองไปยังจุดเชียร์ของโรงเรียนในทันที มือหนึ่งจ้ำพายไปข้างหน้า แต่สมาธิทั้งหมดกลับทุ่มเพ่งมองไปยังอัศจรรย์ที่ค่อยจมหายไปในน้ำ ...“ เฮ้ยนั่น ! กองเชียร์พวกเราจมน้ำนี่หว่าอิส” เสียงของเดี่ยว เพื่อนร่างบึกตัวใหญ่ ก้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตรงใจกับที่อิสราคิดเอาไว้ว่าจะทำอะไรดีกับเหตุการณ์ในยามคับขันเช่นนี้ ... ด้วยตนเองเชื่อได้ว่ามะยมกำลังอยู่ลำน้ำน่านแน่ ๆ เพราะก่อนที่ตนเองกับเพื่อน ๆ จะพายเรือทวนน้ำขึ้นไปเริ่มแข่งขันที่จุดเริ่มต้น มะยมกับเพื่อน ๆ โดยเฉพาะมะหมี่ โบกมือมาให้เป็นกำลังใจจากแถวหน้าสุด ...อิสราหยุดชะงักการพายไปในทันที เรือแข่งของโรงเรียนมัธยมท่าวังหินเริ่มถูกเรือของบ้านท่าค้ำตีเทียบเสมอ ก่อนที่จะเตรียมที่จะแซงไปได้ในทันทีในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว ..“ นายหยุดพายทำไมอิสรา เรือเรากำลังจะโดนแซงนะ”“ ขอโทษด้วยนะเพื่อน...ฉันไปล่ะ”เรือที่จ้ำพายขณะจะพุ่งเข้าสู่เส้นชัยมีความเร็วในระดับหนึ่ง การขับเคี่ยวเพื่อให้ได้ชัยชนะมักจะวัดกันตรงใกล้จะถึงเส้นชัยนี่แหละ… กำลังเรี่ยวแรงที่มีจึงถาโถมเข้าใส่อย่างเต็มที่ แต่ทว่าฝีพายคนหนึ่งของโรงเรียนมัธยมท่าวังหินได้ทำในสิ่งที่หลายคนต้องหวัดร้องออกมาด้วยความตกใจ อย่างไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำ ...-----------------------ความขุ่นของลำน้ำน่านเป็นสีแดงเข้มทำเอามะยมแทบจะลืมตาในน้ำเพื่อมองหา ร่างของพลอยใสไม่เจอ แต่ดูแล้วเหมือนทุกอย่างเป็นจังหวะบังเอิญไปซะหมดเพราะรองเท้าสีชมพูคู่นี้ ...มะยมดำดิ่งลงไปใต้น้ำอย่างรวดเร็ว เพ่งสายตาจนมองเห็นว่าพลอยใสกำลังอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ดวงตาที่แลเห็นลิบ ๆ ดูเหลือกถลนออกมาคล้าย ๆ กำลังกลัวสุดขีด มือไม้แกว่งไกว่ไปมา ริมฝีปากขยับขึ้นลงคล้ายกำลังจะเอ่ยประโยคอะไรออกมา โดยที่มะยมฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าตอนนี้พลอยใสกำลังเดือดร้อนหนัก “ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ..” นี่คือประโยคที่มะยมเดาเอาจากริมฝีปากบางได้รูปของพี่สาวร่วมสายเลือด ..ปฏิกิริยาของมะยมรวดเร็วเสมอมาตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วยครูพลเคยสอนให้ชกมวยและเอ่ยชมอยู่เสมอว่ามะยมน่าจะเกิดมาเป็นเด็กผู้ชายมากกว่าที่จะเป็นเด็กผู้หญิงเช่นนี้ ...เด็กสาวมาดทอมบอยรีบพุ่งเข้าไปประคองให้พลอยใสให้ตัวตั้งตรง เพื่อจะให้อีกฝ่ายรีบสลัดแก้เชือกหรือทำอะไรสักอย่างที่กำลังพันเรียวขาอยู่ขณะนี้ให้หลุดพ้นไปในทันที ... แต่พลอยใสกลับส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าทำไม่ได้ ก่อนจะชี้ไปที่ข้อเท้าด้านล่าง มะยมดำดิ่งลงไปในน้ำที่อยู่ในห้วงลึกในทันที จนพบกับปัญหาที่พลอยใสขยับตัวพุ่งขึ้นเหนือน้ำไม่ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า มันเป็นอะไร..... มันคือเส้นตาข่ายของแหนั่นเอง ...มะยมแก้เชือกไนล่อนที่พันติดขาพลอยใสออกด้วยความเร่งรีบ เพราะด้วยอากาศที่สูดเข้าปอดก่อนจะดำน้ำลงมาเบื้องล่างใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว จนในที่สุดขาของพลอยใสก็หลุดพ้นจากพันธนาการ ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่เหนือน้ำไปโดยไม่หันหลังกลับมาเลย ...พลอยใสค่อยประคองตัวเองขึ้นสู่ฝั่ง จนเจอครูเมตตาที่ยืนรอรับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ เด็กสาวโผเข้าไปสวมกอดผู้อาวุโสด้วยความกลัวและกำลังต้องการกำลังใจยิ่งนัก ... น้ำตาที่ไหลอาบสองข้างของสาวหน้าใสทำเอาไทยมุงที่มุงมาตั้งแต่พลอยใสขึ้นจากน้ำค่อย ๆ แตกกระจายไปคนละทิศละทาง จนมีร่างบางร่างหนึ่งเดินตัวเปียกโชกเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่ร้อนรน แล้วเอ่ยถามว่า“ นังยมที่ไปช่วยแก มันขึ้นมาจากน้ำหรือยัง” “ ไม่รู้สิ...ไม่เห็นมีใครช่วยฉันนี่ ฉันว่ายขึ้นมาจากน้ำเองนะ” พลอยใสค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกก่อนจะเชิดหน้าคอตั้งอย่างกิริยาปกติยามอยู่เงียบ ๆ คนเดียวหือเดินเหินไปไหนต่อไหน ..“ พูดหมาหมา ก็นังยมไปช่วยแกขึ้นมาจากน้ำไม่ใช่เรอะ ! ตอนนี้มันหายไปไหนวะ”“ เอ๊ะ! ฝน ... เธอมาตะคอกฉันทำไม ฉันไม่รู้ก็ไม่รู้สิ จะมาเค้นเอาความจริงอะไร”“ ก็ตะกี้ตอนอยู่ในน้ำ พอฉันช่วยยายวันวิสา นังยมมันก็เลยผละไปช่วยหล่อนไงล่ะจำได้หรือยังแม่นกหงส์หยกความจำสั้น”“ นี่หล่อน ..” พลอยใสทำท่าทางจะเอะอะโวยวายออกมาจนเกินเหตุ ครูเมตตาที่อยู่ใกล้ ๆ จึงโบกมือให้ทั้งสองหยุดเถียงกันได้แล้ว ครูลมจะจับแล้ว ทั้งสองจึงได้เงียบลงหันหน้าไปกันคนละทาง กระทั่งได้ยินเสียงฮือฮามาริมฝั่งน้ำ ก่อนเสียงซุบซิบจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ... “ ว้ายตายแล้วพวกเราดูนั่นสิ ... คุณชายอิสรากำลังอุ้มใคร ขึ้นมาจากน้ำน่ะ” “ อุ๊ย ...พวกเราพี่มะยมนี่หว่า ไหงไปจมอยู่ในน้ำนั่นได้นะ ฉันงงไปหมดแล้ว”เสียงสนทนาดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณริมน้ำ น้ำฝนพอจะจับใจความและลำดับเรื่องราวได้ จึงหันหลังกลับไปจ้องมองสาวหน้าใสที่สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกคราแล้ว ...“ ฝีมือเธอใช่มั้ยพลอย ... เธอทำอย่างนั้นได้ไง ! นั่นน้องเธอนะ ... กะให้ตายเลยเรอะ”“ อย่ามากล่าวหาฉันพล่อย ๆ อย่างนี้นะหล่อน ... ใครทำอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”“ เฮอะ! ไม่รู้เรื่อง ... เธอคิดเหรอว่าคนอื่น ๆ เค้าจะเชื่อคำโกหกคำโตของเธอ”“ ฉันก็ไม่ได้ง้อให้ใครมาเชื่อนี่ยะหล่อน ... ฉันบริสุทธิ์ ฉันไม่ได้ทำอะไร”“ เอาเถอะนะพลอย เชิญเธอหลงตัวเองไปเถอะ ... สักวันกรรมจะสนองเธอเอง ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลตอบแทนไปตามนั้น หนีไม่พ้นหรอก”“ เอ๊ะ !อยากจะมีเรื่องกับฉันนักหรือฝน ถึงต้องมาไล่จี้เหมือนพ่อเหมือนแม่ฉันอย่างนี้ ” “ ไม่มีอะไรแล้วพลอย ... ฉันจะไปดูคู่รักหวานแหววขึ้นจากน้ำดีกว่า ไปล่ะนะพลอย”น้ำฝนหยักไหล่ขึ้นสูงเมื่อพูดจบประโยค ก่อนจะเดินลิ่วลับตาไปยังไทยมุงเกือบร้อยชีวิตข้างหน้าด้วยอาการทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้างฝ่ายพลอยใสรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเหมือนถูกตบด้วยคำพูดขึ้นมา ... จึงคำรามอยู่ในใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอารมณ์พุ่งพ่านภายใจเสมือนกองไฟกองใหญ่กองนั้นดับลงได้เลย ... อิสราไม่น่าจะช่วยมันให้ขึ้นมาจากในน้ำได้เลย มันน่าจะตาย ตาย ให้จบเรื่องจบราวไปซะที ...“ มะยมเป็นยังไงบ้างอิสรา ฟื้นหรือยังล่ะ”เสียงครูเมตตาที่กำลังแหวกไทยมุง ก็คือ นักเรียนท่าวังหินเกือบสองร้อย ค่อย ๆ เข้ามาจนถึงเต็นท์ปฐมพยาบาลของสภากาชาดที่จัดไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน ...“ ยังไม่ฟื้นเลยครับอาจารย์ สงสัยจะกินน้ำเข้าไปมาก เดี๋ยวรถพยาบาลกำลังจะลงมารับที่นี่ครับ”“ โธ่ยายมะยม ! ทำไมช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้นะ” ครูเมตตาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อมองเห็นชัดแล้วว่ามะยมนอนนิ่งสงบ หายใจระรวยอยู่ท่ามกลางคณาจารย์รายรอบเกือบสิบกว่าคน ...“ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรนะครับอาจารย์ มะยมปลอดภัยดีแล้ว เมื่อกี้ลืมตาขึ้นมาครั้งหนึ่ง พี่ ๆ พยาบาลให้พักผ่อนก่อน เดี๋ยวสักพักจะให้น้ำเกลือ”“ นี่ถึงต้องให้น้ำเกลือกันเลยเหรอ เป็นเวรกรรมอะไรหนอยายมะยม เจอแต่เรื่องร้าย ๆ ได้ตลอดเวลา แล้วนี้ครูพล ไม่มีฉีกอกชั้นตายเหรอนี่ ” ครูเมตตายกมือขึ้นทาบอกถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะทรุดลงนั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์คนโปรดที่มีเรื่องให้เกี่ยวข้องกันได้ตลอดเวลา ... อิสราขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปหยิบน้ำดื่มมาให้อาจารย์เมตตาก่อนที่จะตอบคำถามของครูอาวุโสว่าแผลที่ขาได้ให้พยาบาลดูหรือยัง เด็กหนุ่มตอบว่าเรียบร้อยแล้ว ... ครูเมตตาจึงถามว่าทำไมถึงกระโจนออกมาจากเรือแข่งอย่างนั้น อิสราจึงเล่าไปคร่าวว่า ....“ พอผมมองเห็นอัศจรรย์เชียร์เลื่อนไหลจมน้ำ น้อง ๆ วิ่งหนีตายกันอลหม่าน เชียร์ลีดเดอร์หลายคนช่วยกันขึ้นจากน้ำสำเร็จ จนเหลือสามคนบนแพไม้ไผ่ วันวิสาถึงฝั่งก่อนกับน้ำฝน จนพลอยใสโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำคนเดียว ผมจึงกระโดดจากเรือแข่งลงไปช่วยพลอยจนถึงฝั่ง ได้สักพักหนึ่งหยาดทิพย์วิ่งมาบอกว่ามะยมไปช่วยพลอยใสแล้วยังไม่ขึ้นมาจากน้ำเลย ... ผมรู้สึกช็อค จึงกระโจนลงน้ำไปในทันที ก็พบว่ามะยมกำลังจะหมดแรงอยู่ใต้น้ำ ผมจึงแก้เชือกที่พันติดที่ขาแล้วอุ้มขึ้นน้ำมานี่แหละครับอาจารย์”“ ขายายมะยมไปติดอะไรในน้ำ”“ เป็นเส้นใยพลาสติกคล้ายแหครับอาจารย์ มะยมคงหมดแรงที่จะดึงตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำได้ เลยจมน้ำอยู่อย่างนั่นครับ พี่พยาบาลบอกว่าชีพจรของมะยมเต้นช้ามากในตอนแรก ๆ จนมาดีขึ้นเมื่อครู่นี้ครับ”“ นี่มีใครไปตามครูพลมาหรือยัง”“ ผมให้เดี่ยวไปตามแล้วครับอาจารย์ ประเดี๋ยวคงตามไปที่โรงพยาบาล”“ เฮ้อ !โล่งอกไปที แล้วคนอื่น ๆ ใครเจ็บอะไรตรงไหนมั่งยายจิ๊บ” ครูเมตตาหันไปถามกลุ่มสาวซ่าส์ที่นั่งเงียบฟังคนสองคนสนทนาหน้าสลอนกันอยู่สามสี่คน “ พวกน้อง ๆ เจ็บกันคนละนิดละหน่อย พวกเชียร์รีดเดอร์ตกใจวิ่งขึ้นจากแพทันกันหมด ยายวันวิสา เอ่อ วันวิสาทางบ้านรับกลับไปแล้วค่ะอาจารย์”“ งั้นก็ดีแล้ว อ้าวนั่นท่านอาจารย์ใหญ่มาพอดี เดี๋ยวครูไปเรียนท่านก่อนนะ” พอครูอาวุโสเดินคล้อยหลังออกจากเต็นท์พยาบาลออกไปข้างนอก เป็นจังหวะเดียวที่มะยมฟื้นตื่นลืมตาขึ้นมา ด้วยอาการที่ยังคงสลึมสะลือ ส่ายตามองไปบนหลังคาเต็นท์อย่างเหม่อลอยกว่าปกติ กระทั่งจิ๊บตะโกนลั่นด้วยเสียงอันดัง จนสติสะตังของสาวตาคมร่างบางกลับมาอีกครั้ง จนมองเห็นใบหน้าคมเข้มของใครคนหนึ่งลอยเด่นอยู่ใกล้ด้วยอาการแย้มยิ้ม ทอดสายตาบอกความนัยทั้งหมดปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นี้ ... “ อ้าว! แม่ตัวดีตื่นแล้วหรือจ๊ะ ... แหมแกล้งนอนหลับไปซะนานเลยวุ้ยเพื่อน” “ เฮ้ย …นังจิ๊บแกพูดเบา ๆ หน่อยสิเกรงใจคนป่วยมันหน่อยสิ ” มะหมี่ที่นั่งนิ่ง ๆ หันมาทำตาโตพร้อมกับตีแขนสาวทอมบอยเสียงแปดหลอดดังเพียะ จนทุกคนต้องหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน ...“ แกมาตีฉันทำไมนังกระเทยควาย ”“ ก็หล่อนเงียบ ๆ เสียงหน่อยได้มั้ย ปล่อยให้คนช่วยชีวิตนังยมเขาถามไถ่กันเองดีกว่า”“ เออ เออ บอกแค่นี้ก็รู้แล้ว” จิ๊บกับมะหมี่ถอยร่นออกไปข้างเตียงปล่อยให้คนสองคนเอ่ยถ้อยสนทนากันอยู่อย่างเงียบ “ ปวดหัวหรือหิวน้ำมั้ยครับมะยม” เสียงทุ้มนุ่มนวล ชวนน่าเคลิ้มและหลงใหลแว่วดังมากระซิบข้างหู จนมะยมถึงกับหันไปตามเสียงนั่น ....“ เวียนหัวนิดหน่อยจ๊ะ... แล้วนี่เพื่อน ๆ ของฉันหนีไปไหนกันหมด”“พวกเขารอมะยมอยู่ข้างนอกให้ผมมาถามอาการเบื้องต้นของมะยมก่อนเดี๋ยวรถพยาบาลจะมารับแล้ว”“ ฉันไม่อยากจะไปโรงพยาบาลเลยอิสรา” มะยมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงละห้อยดูน่าสงสาร จนคนร่างสูงอดยิ้มและปลอบใจไปว่า …“ คงไม่มีอะไรมากหรอกมะยม แค่ไปเช็คระบบต่าง ๆ ของร่างกายว่ายังทำงานปกติหรือเปล่าเท่านั้น คงไม่ได้นอนค้างที่นั่นหรอกครับ”“ ฉันอยากจะกลับบ้าน ฉันกลัวโรงพยาบาล กลัวเข็มฉีดยา”“ ฮึ ฮึ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงเก่งและแกร่งอย่างมะยมจะกลัวเข็มไปได้นะครับ”“ ก็ตอนเด็ก ๆ ของฉันมีเรื่องฝังใจไม่ดีเกี่ยวกับโรงพยาบาลกับเข็มฉีดยานี่นา ถ้าเล่าไปเรื่องมันจะยาวและน่าขายหน้านักเชียว” มะยมเริ่มหน้าง้ำด้วยความขวยเขินและพยายามแก้เขินด้วยการดึงทึ้งผ้าห่ม...“ ผมจะบอกมะยมว่า ผมก็กลัวเหมือนกันครับ ฮ่ะ ๆๆๆ”“ จริงหรือเปล่าอิสรา ... งั้นนายพาฉันกลับบ้านตอนนี้เลยได้มั้ย”“ ผมคิดว่าคงไม่ได้แล้วล่ะครับมะยม รถพยาบาลกำลังมาถึงพอดี ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่โรงพยาบาล คนกลัวเข็มฉีดยาสองคนจะต้องอยู่เป็นเพื่อนกันใช่มั้ยครับ”เด็กสาวพลิกตัวตะแคงข้างไม่ตอบหรือเอ่ยอะไรอีกเลย กระทั่งเตียงพยาบาลพร้อมบุรุษพยาบาลยกตัวคนไข้ขึ้นสู่เปลเหล็ก แล้วเคลื่อนเตียงคนไข้ขึ้นสู่รถพยาบาลฉุกเฉินนออกจากเต็นท์ริมน้ำแห่งนี้ไปในทันที ...อิสราเดินออกมานอกกระโจมด้วยการเดินกระเพก ๆ เดินสวนทางกับวันวิสารที่นั่งแฝงตัวอยู่กับเปลคนไข้ที่วางเรียงรายปฐมพยาบาลกันหนาตา เด็กหนุ่มทำได้แค่ชำเลองมองแค่หางตา ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปยังรถกะบะสปอร์ตสีเขียวใบไม้ที่สตาร์ทเครื่องไว้รอท่าอยู่แล้ว ...“ ไปโรงพยาบาลครับลุงแม้น”-----------------------พอลืมตาขึ้นจากการงีบหลับไปชั่วขณะ มะยมก็ได้ยินเสียงคนสองคนสนทนาแว่วอยู่ริมระเบียงนอกห้องคนไข้ จึงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วใช้หมอนดันตัวให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะเงี่ยหูฟังเรื่องราวที่คนทั้งสองสนทนาอย่างน่าสนใจ ...“ อะไรนะอิสรา ! นายกำลังจะบอกฉันว่ายายยมจมน้ำครั้งนี้ ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ”“ ผมไม่กล้ายืนยันฟันธงถึงขนาดนั่นหรอกครับ เพียงแต่สันนิษฐาน ปะติดต่อเรื่องราวไว้เล่นๆแค่นั้นเอง” อิสราจ้องมองไปยังสายฝนที่หล่นพรำอยู่ข้างนอกอาคาร ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ...“ ตอนที่ฉันหิ้วยัยวิสา คู่หมั้นของนาย ออกมาจากแพนั่น ฉันเห็นยายยมของฉันอาการร่อแร่แล้ว ไหนจะว่ายน้ำช่วยเด็กมอต้นตั้งหลายรอบ แล้วไหนจะช่วยยายวิสาอีก จนไปช่วยยายพี่สาวใจมารนั่นอีกล่ะ ... แค่นี่ถ้าไม่หมดแรงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”“ มะยมช่วยชีวิตวันวิสาด้วยเหรอครับน้ำฝน”“ ก็แหงล่ะ แฟนนายแหกปากซะลั่นคุ้งน้ำขนาดนั้นคนอย่างนังยมน่ะเหรอจะไม่ช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก”“ โธ่มะยม ... ไม่น่าเหนื่อยยากลำบาก จนหมดเรี่ยวหมดแรงเกือบเอาชีวิตไม่รอดขนาดนี้”“ นั่นไม่สำคัญเท่ากับถูกพี่สาวร่วมสายเลือดเหยียบหัวจมน้ำเกือบเอาชีวิตไม่รอดหรอก”“ ผมว่าน้ำฝนกำลังเข้าใจพลอยใสผิดอยู่นะครับ เขาอาจจะไม่มีเจตนาก็ได้”“ เชอะ ! ใครจะไปเชื่อแม่จอมกระล่อนคนนั้นให้โง่ล่ะอิสรา มันนั่นแหละที่เหยียบหัวนังยมจนจมน้ำแทบจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ เป็นเพราะบุญเก่ามันยังมี นายถึงต้องกระโดดเรือแข่งลงมาช่วยมันไว้ไงล่ะ”“ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุเราไม่ควรไปปรักปรำเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไร”“ ถ้านายไม่เชื่อก็ลองถามนังยมมันดูก็ได้ เดี๋ยวมันคงจะตื่นแล้ว”“ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เล่า มันก็เป็นเรื่องเลวร้ายที่ให้อภัยกันไม่ได้ เดี๋ยวผมจะถามเรื่องนี้กับมะยมตรงๆ”อิสราจบการสนทนาด้วยความกังวลและสับสนในความสัมพันธ์อันลึกลับซับซ้อนของพี่น้องสายเลือดเดียวกันของมะยมกับพลอยใส ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปในห้องคนไข้ที่สะอาด ดูสีขาวสะอ้านไปทั้งห้อง...“ คุยอะไรกันเหรอยัยฝน .. แล้วนี่.เพื่อนเรากลับกันหมดแล้วรึ”“ พวกมันกลับตั้งแต่ตอนค่ำแล้ว พ่อครูพลไม่อยู่ไปสัมมนาที่ต่างอำเภอ ตอนดึก ๆ จะมาเยี่ยมเธอ”“ อ้าวงั้นเหรอฝน ... แล้วนี้ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ ใครมารับที่นี่ล่ะ”“ เดี๋ยวพ่อก็มารับ ฉันจะไปรอที่ตึกหน้าก่อนนะมะยม”“ เออไปเถอะฝน ประเดี๋ยวพ่อของฉันก็คงจะมาเหมือนกันขอบใจสำหรับทุกอย่างในวันนี้นะเพื่อนรัก”“ ไปล่ะอิสรา ไปละมะยม” พอได้อยู่กันสองคนตามลำพัง ทั้งคู่กลับนิ่งเงียบไปในทันที ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย จนเวลาล่วงผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง มะยมจึงเอ่ยคำพูดแทรกบรรยากาศที่เงียบงันขึ้นมาว่า ...“ เรื่องที่คุยกันริมระเบียงฉันได้ยินหมดแล้วนะอิสรา นายมีเรื่องอะไรจะถามฉันก็รีบถามสิ”“ ผมอยากจะถามว่าเพราะอะไรมะยมถึงจมน้ำได้ ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างเบี่ยงประเด็นแบบอ้อม ๆ “ เอาเป็นว่าฉันขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวในวันนี้กับนายก่อน ขอบใจมากนะอิส ... ถ้าฉันไม่ได้นายช่วยชีวิตเอาไว้ ฉันคงต้องตายอยู่ที่ใต้น้ำนั่นแน่ ๆ ” คนพูดน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมาทันที จนคนฟังต้องเอื้อมมือเรียวเนียนละเอียดขึ้นมาเกาะกุมไว้ในระหว่างหัวใจ ... “ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมแค่ทำตามหน้าที่ของหัวใจผมเท่านั้นครับมะยม”“ แต่นายก็ช่วยชีวิตฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว ชีวิตของฉันเป็นหนี้นายไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”“ ไม่หรอกครับมะยม ผมยินดีและเต็มใจที่จะทำเช่นนั้น”มะยมแย้มยิ้มออกมาทั้งที่น้ำตาไหลออกมา สายตาสองคู่ประสานกันมั่นนิรันดร ไม่มีอะไรจะเอ่ยออกมาได้เป็นถ้อยคำอีกแล้ว ....-----------------------ติดตามกาหรือหงส์ ตอนที่ ๓๗ วันอาทิตย์ดึกๆๆนะครับ ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านมา ขอบพระคุณคร้าบนายอิส/เมฆชรา๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ สี่ทุ่มกว่าๆๆ
ทักทายนะค่ะ
สนุกๆๆดีจัง ฮ่าๆๆ
มาอ่านของเรามั้งน๊า เราพึ่งอัพลงบล็อก อิอิ
ยินดีนะค่ะ