กาหรือหงส์ ตอน ๒๕
กาหรือหงส์ ตอน ๒๕หลังจากไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจมะยมก็ขออนุญาตครูพลไปหาเพื่อนที่สะพานริมน้ำน่านตามที่ได้นัดหมายกันไว้เมื่อตอนวันศุกร์ ครูพลอนุญาตอย่างเนือยๆ เพราะนอนไม่เต็มอิ่มจากเรื่องราวของทั้งหมดเมื่อวาน ตื่นขึ้นรู้ใจหวิวๆ คล้ายจะเป็นลมมองไปบนเพดานหลังคาพลิกคว่ำขมำหงายไปหงายมาจนแทบจะยืนทรงตัวไว้ไม่อยู่ แต่ทำได้แค่เพียงพยุงร่างกายไม่ให้ล้มไปเท่านั้น …มะยมมาถึงสะพานสีขาวริมน้ำน่านที่ทอดยาวไปตามถนนลาดยางความยาวประมาณเกือบสามร้อยเมตร บริเวณด้านล่างจะเป็นขั้นบันได สำหรับนั่งชมการแข่งขันเรือประจำปีหรือพักผ่อนในยามเย็น …“ เฮ้ย ! ทำไมมาช้านักวะมัวทำอะไรอยู่” ส้มโอเป็นฝ่ายถามขึ้นมา เมื่อเห็นคนถูกถามเดินทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ “ ต้องเตรียมกับข้าวให้พ่อนิดหน่อย กว่าจะออกมาได้เจ้าแสนดีมันก็กวนจะมาด้วย ข้าเลยต้องจับมันมัดไว้กับเสา แล้วรีบออกมานี่แหละส้ม แล้วนี่พวกเอ็งมีปัญหาอะไร ”“ รู้ได้ไงว่าพวกข้ากำลังมีปัญหาจะถามเอ็ง..”“ ข้าเห็นเอ็งอ้าปากก็รู้แล้วจะถามเรื่องอะไร ถ้าจะให้เดาเรื่องที่น้ำตกนั่นใช่มั้ยวะจิ๊บ ”“ แฮ่ๆ เพื่อนรักรู้ใจกันจริงเชียว ..”“ มันก็ไม่มีอะไรหรอกว่ะ เรื่องมันจบไปแล้ว ไอ้บ้ากามนั่นมันเข้าตารางตามระเบียบ ข้ากับพ่อก็เพิ่งไปให้การเพิ่มเติมกับตำรวจ แต่พวกเอ็งรู้อะไรมั้ยนายคนนี้เคยเป็นนิสิตแพทย์มาก่อนแต่เรียนไม่จบเกิดอาการเครียดจัด แล้วหายไปจากมหาวิทยาลัยมาร่วมเดือน จนมาก่อเรื่องที่น้ำตกนี่แหละ ..”“ แล้วคนที่ดวงซวยก็คือเอ็ง ดันไปสวยเข้าตามันพอดีข้าว่านะพักนี้เอ็งต้องไปรดน้ำมนต์เก้าวัดแล้วว่ะนังยม ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกตลอดเลย”“ พูดเหมือนพ่อกับป้าแม่บ้านโรงเรียนเลยวะจิ๊บ พรุ่งนี้พ่อจะพาไปหาหลวงพ่อสมานที่วัดป่าบนเขา ข้าเลยจะฝากลาหยุดเรียนหนึ่งวันกับพวกเอ็ง ..”“ ดีแล้ว ดีแล้วเพื่อน …แต่เรื่องที่พวกฉันอยากจะถามเอ็งไม่ใช่เรื่องที่พล่ามมาหรอกนังยม ..”“ อ้าวเป็นซะยังงั้นไป แล้วนี่มีเรื่องอะไรไม่ทราบยะ กรุณาถามดีดีนะคนกำลังอารมณ์เสียกะทันหัน ” มะยมทำท่างอนตุ๊บป่องที่โดนแกล้งหลอกถามในคนละเรื่องเดียวกัน จนเพื่อนๆ ในกลุ่มเข้ามารุมล้อมจับโน่นจับนี้เป็นที่สนุกสนานคึกครื้นกันเลยทีเดียว ….“ อุเหม่นังทอมบอยขี้ใจน้อยเอ๊ย พวกฉันหยอกเล่นหลอกน่า ทำงอนเป็นหญิงสาวบอบบาง น่าทะนุถนอมไปได้ เรื่องมันก็แค่นังพวกนี้มันกำลังปลาบปลื้มพ่ออิสรา สุดหล่อเท่ห์ เข้มแข็งบึกบึนสมชายชาตรีที่สละชีพเข้าไปช่วยแกให้รอดพ้นจากการถูกข่มเหงได้อย่างหวุดหวิด ดูแล้วแสนจะเป็นพระเอ้ก พระเอก พวกข้าเลยฝันตาค้างกันว่าชาตินี้ทั้งชาติจะมีคนกล้าหาญ มาดแมนแฮนด์ซั่มขี่ม้าขาวมาช่วยอย่างนั้นบ้างมั้ยหน้อ เอ็งดูสิ พวกมันกำลังคลั่งไคล้อิสรากันขนาดไหน นังส้มว่าพรุ่งนี้มันจะไปตั้งอิสราแฟนคลับที่โรงเรียน เอ็งล่ะสนใจมั่งหรือเปล่า อิอิ ..”“ บ้าสิแล้วน่ะสิ ไม่เอาเปลี่ยนเรื่องดีกว่านี่ใครรู้ข่าวหยาดทิพย์มั่ง ข้าไม่ได้ไปเยี่ยมไข้สองวันไม่รู้เป็นยังไงบ้าง” มะยมเปลี่ยนเรื่องไปในทันทีที่เห็นว่าเพื่อนชักจะวกกลับมาเข้าเรื่องที่ตัวเองกำลังกระอักกระอ่วนใจอยู่ในตอนนี้ “ก็เห็นไหมขวัญบอกว่าหยาดออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้แล้ว นี่ได้แม่มันที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯกลับมาดูแลได้พักหนึ่งแล้ว ตอนนี้กลับมาพักที่บ้านสักสองสามวันวันมะรืนคงเจอพวกเราที่โรงเรียน ”“ เฮ้อ ! ดีแล้วล่ะ ฉันจะได้เบาใจลงไปอีกเปาะหนึ่ง แล้วนี่พวกเรามากันครบมั้ย ฉันเอามะม่วงน้ำปลาหวานสูตรของแม่ ที่ทำเองกับมือมาแจกพวกแกทั้งหมด แถมเอามาฝากกลับไปบ้านด้วยอีกคนละถุง ..”“ มาเกือบครบนั่นแหละมะยม ขาดแต่เอ่อ ..นังมะหมี่คนเดียวเท่านั้น มันบอกว่ามันจะไปหาญาติที่เชียงใหม่จะกลับมาวันนี้แหละ ว่าแต่เอ็งเหอะนังยม ได้ขอบคุณนายอิสราที่ได้เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือหรือยังวะ เอ็งต้องขอบคุณเขาให้มากๆนะเพื่อน คนดีดีอย่างนี้หายาก..”“ เออ อ อ … ไม่ต้องย้ำนักหรอก ได้เกริ่นไปแล้วนิดหน่อย ฉันก็มัวแต่ยุ่งเรื่องตำรวจ”“ นั่นแหละพรุ่งนี้ควรไปขอบคุณเขาให้เป็นทางการซะ หรือไม่ก็ไปดักรอเจอที่บ้านนังหยาดมันก็ได้นะ อิสราไปที่นั่นเกือบทุกวัน” คนเล่าเล่าไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบปกติ แต่คนฟังกลับตาโตเมื่อได้ยินเรื่องราว .. จึงอดที่จะเอ่ยถามต่อไปไม่ได้ว่า “ อ้าว ! แล้วนายอิสราไปทำอะไรที่บ้านหยาดทิพย์หื้อจิ๊บ ..”“ แกท่าจะถูกทุบหัวเมื่อวานเลยเพี้ยนไปแล้ว แกจำไม่ได้หรือว่าอิสรารับปากหยาดบนหน้าผาที่บ้านป่าน้ำไคร้วันนั้นว่าจะดูแลหยาดกับลูกจนว่าจะคลอดไง คนมีสัจจะก็ต้องทำตามสัญญาน่ะสิ..”“ อ๋อ! งั้นเหรอฉันก็ลืมไป ..” “ แกก็เป็นซะอย่างนี้แหละ เรื่องที่ควรจำไม่จำ เรื่องที่ควรลืมกลับจำ แล้วนี่แกมานั่งเล่นที่สะพานนี้ได้กี่ชั่วโมง พ่อครูพลไม่มาตามแน่นะ”จิ๊บเอ่ยถึงครูพลในตอนนี้ทำเอามะยมรู้สึกใจหวิวๆชอบกล เพราะยังจำใบหน้าที่ซีดเผือด ไม่มีเลือดบนใบหน้าของครูพลผู้เป็นพ่อได้ก่อนจากมาที่นี่ รู้สึกหวั่นๆใจว่าจะไม่มาตามนัดเพื่อนอยู่แล้ว แต่ผู้เป็นพ่อกลับบอกว่าไปเถอะข้าวของได้เตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อนจะรอเดี๋ยวเสียเวลา ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อหรอก ประเดี๋ยวนั่งพักก็หาย พลอยใสก็อยู่บ้านทั้งคน ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เด็กสาวจึงค่อยออกมาจากบ้านอย่างจำใจ“ ไม่เป็นไรหรอก อยู่ต่อได้อีกสักประเดี๋ยว … พ่ออนุญาตได้ถึงห้าโมงเย็น”“ เออดีแล้ว ! มะมากินส้มตำนังแมวมันทำมาดีกว่า อู้ ! เปรี้ยวเผ็ดสะใจมากกก ..”มะยมกระโจนเข้าไปกลางวงที่ตอนนี้มีของคาวหลานสำหรับโซ้ยตามประสาสาวๆเผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม มันครบทุกรสชาติ รวมทั้งไก่ย่างราดน้ำผึ้งสูตรท่าวังหินที่ส่งกลิ่นโชยสะบัดเตะจมูกไปทั่วทั้งบริเวณสะพานแห่งนี้ เสียงร่าเริงสดใสดังลั่นคุ้งน้ำน่นาที่ไหลไปเรื่อยเอื่อย ...วันเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ มะยมก้มมองดูนาฬิกาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่นับ จนแมวชักรำคาญตามนิสัย ตะโกนข้ามฟากมาถามว่า ..“ ดูแกทำท่าลุกลี้ลุกลนจังเลยนะนังยม มีอะไรกังวลใจหรือเปล่า”“ ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ ฉันเป็นห่วงพ่อ กลัวจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก..”“ อ้าว! แล้วยายพลอยไปไหนเสียล่ะมะยม ..”“ เรื่องนี้แหละที่กังวล กลัวเค้าจะทิ้งพ่อแล้วออกบ้านไปโดยไม่บอกน่ะสิเพื่อน” พอเอ่ยถึงเรื่องครูพล มะยมเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง ใจหวิวชอบกลทั้งๆที่อากาศรายรอบก็เย็นสบายด้วยลมพัดแผ่วปนกลิ่นดินทำนาใหม่โชยพัดมาแต่ไกล ยิ่งทำให้เด็กสาวกระวนกระวายจนต้องลุกขึ้นในทันทีที่มีโอกาส ก่อนจะเอ่ยขออนุญาตทุกคนไปดูครูพลด้วยความกังวลใจ .. “ เฮ้ยเพื่อนทุกคน ข้าต้องขอตัวไปดูพ่อก่อน รู้สึกเป็นห่วง”“ เออ เออ ไปเถอะมะยม” จิ๊บเอ่ยไล่ด้วยท่าทีเงียบปกติ จนมะยมต้องตอบไปเพื่อขอตัว ..“ ข้าไปล่ะนะ เจอกันวันมะรืนที่โรงเรียนเพื่อน ..” มะยมลากเจ้าแก่ มอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมาบนถนนสายจังหวัดที่ตอนนี้ว่างโล่ง ไม่มีรถราวิ่งผ่านสักคัน ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างใจข้างในสั่งให้เป็น จนมาถึงบ้านพักครูที่เป็นเสมือนบ้านหลังแรกในชีวิตตั้งแต่ได้ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ บ้านมุงกระเบื้องสีเขียวธรรมดา ๆ หลังนี้ก่อเกิดความทรงจำที่ดีมากมายในชีวิตของมะยม … นับตั้งแต่การะเกด ผู้เป็นเสมือนแม่แท้ๆได้จากโลกไปอย่างสงบท่ามกลางคนที่รักสามคน ...ครูพลหม่นหมองซึมเศร้าอยู่ทุกวัน เมื่อนึกถึงภรรยาที่รัก...พลอยใสน้ำตาหยดรินทุกครั้งได้ยินเพลงลาวดวงเดือน เพลงไทยเดิมโบราณทรงคุณค่า ที่แม่อันเป็นที่รักยิ่งจากรักเพลงนี้และขับร้องให้ฟังทุกครั้งที่อารมณ์ดี และมีความสุข… มะยมอีกคนที่จะมีทีท่าเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นรูปถ่ายครอบครัวที่ถ่ายพร้อมกันในวันชื่นคืนสุข …บ้านทั้งหลังเงียบสงบจนน่ากลัวเมื่อมะยมมาถึง แม้แต่เจ้าแสนดีที่ปกติจะสั่นหางเร่เข้ามาหาเหมือนทุกครั้ง ตอนนี้กลับไร้วี่แววเช่นเคย เด็กสาวเริ่มเอะใจตั้งแต่ดวงไฟบนบ้านไม่มีการเปิดแม้แต่ดวงเดียว มองขึ้นไปบนบ้านเห็นประตูบ้านใหญ่เปิดแง้มแต่เพียงเล็กน้อย ...มะยมรีบผลักรถมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างต้นหูกวางใกล้กับเรือนเพาะชำกล้วยไม้ของครูพล ก่อนจะถลาขึ้นบันใดบ้านด้วยความรวดเร็ว …เมื่อผลักบานประตูเข้าไป ทุกอย่างยังอยู่ในความว่างเปล่าเช่นเคย ผ้าม่านไกวปลิวไปมาตามแรงลมพัด เสียงวิทยุครางออกมาเบา ๆ ในห้องครูพล ...มะยมนึกถึงครูพลในตอนนี้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก่อนจะได้คำตอบว่า ช่วงเวลาค่ำ ๆ เกือบมืดเช่นนี้ผู้เป็นพ่อมักจะนอนพักงีบเอาแรงที่ในห้อง ก่อนจะออกมาดูข่าวประจำวันในตอนสองทุ่ม มะยมรีบถลันเข้าไปยังห้องนั่นทันที …ภาพที่มองเห็นตรงหน้าทำเอาเด็กสาวถึงกลับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ สั่นช็อกไปชั่วขณะ เมื่อเห็นครูพล ผู้เป็นบิดานอนคว่ำหน้าหายใจรวยริน ใบหน้าคล้ำเขียวน่ากลัว ตัวสั่นกระดิกกระตุกเป็นระยะ ๆ “ พ่อจ๋า พ่อเป็นอะไร ใครก็ได้ช่วยพ่อหนูที” กว่าที่ใครต่อใครจะเข้ามานำครูพลส่งโรงพยาบาลได้ มะยมก็รู้สึกแทบจะเป็นลมไปด้วยเพราะความตกใจ ในตอนนี้ครูพลยังมีอาการครึ่ง ๆ อยู่ในห้องไอซียู … ครูเมตตา เป็นคนแรกที่เข้ามาหามะยม พร้อมเอ่ยปลอบให้สู้ครูพลไม่เป็นอะไรหรอก แกแข็งแรง อายุยืนแน่นอน มะยมโผเข้าสวมกดครูเมตตาไว้แน่น ก่อนจะสะอึกสะอื้นไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจระคนเป็นห่วงพ่อกลัวจะจากไปกะทันหัน …“ ครูพลไม่เป็นอะไรหรอกนะลูก เดี๋ยวเราไปฟังอาการหมอดีกว่า นั่น! ออกมาแล้ว..”“ คุณหมอคะ ... ครูใหญ่อาการเป็นอย่างไงบ้าง? พอไหวมั้ย” ครูเมตตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นระรัวเก็บอาการไม่อยู่ ... นายแพทย์สุรชัย นายแพทย์เจ้าของไข้ครูพลสบสายตานับสิบคู่แล้วใช้ความคิดว่าจะตอบว่ายังไงดี ก่อนจะเอ่ยเปรยแผ่วเบาว่า … “ อาการโดยรวมของครูพลไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นหัวใจ ความดันโลหิต หรือภาวะช็อกกะทันหันของกล้ามเนื้อหัวใจทุกอย่างเป็นปกติหมดแล้ว ตอนนี้หมออยากให้ครูนอนพักฟื้นให้มากๆ ไม่อยากจะให้ใครรบกวนจิตใจนะครับ” “ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ค่ะคุณหมอ พวกเราจะอยู่เฝ้าครูพลสองสามคนเท่านั้น ..”“ ดีครับ แต่ผมอยากจะฝากเตือนอาการครูพลอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าคราวหน้าปล่อยให้ครูพลอาการหนักกว่านี้ถึงพามาโรงพยาบาล ผมเกรงว่าจะช่วยไม่ไหวเหมือนครั้งนี้นะครับอาจารย์..”” ดิฉันก็อยู่ไกลจากบ้านยายมะยม กว่าจะรู้เรื่องรู้ราวก็เอาเมื่อสายแล้ว..”“ ลุงหมอคะพ่อหนูเป็นอะไรไป โรคเก่ากำเริบหรือเปล่า..” มะยมที่อดทนฟังมานานโพล่งไปถามโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องเขม็งมองมาของครูเมตตาแต่อย่างใดเลย เพราะความเป็นห่วงพ่ออย่างสุดใจเท่านั้น…“ อาการโดยรวมของครูพลคราวนี้เกิดจากการเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความดันเลยขึ้นสูงกว่าปกติ เกิดภาวะช็อกไปชั่วขณะครับ แล้วนี่ที่บ้านหนูมะยมมีการทะเลาะกันบ่อยๆหรือเปล่า ..” “ ปละ... เปล่าค่ะลุงหมอ ” มะยมตอบอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็อดที่จะเหลือบตามองครูเมตตาไปอีกครั้งไม่ได้ แต่คราวนี้ครูอาวุโสมีสีหน้าเรียบเฉย จึงโล่งใจขึ้นมาหน่อยก่อนพูดจะเสริมต่อไปว่า … “ พ่อคงเครียดเรื่องที่ผู้ตรวจการจากกระทรวงจะมาตรวจงานในอาทิตย์หน้ามังคะ เห็นบ่นว่าปวดหัว เจ็บหน้าอกตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว หนูไม่นึกว่าพ่อจะล้มไปแบบนี้..”“ ถ้าไม่มีอะไรผมก็หมดห่วง เพราะอาการของครูพลจะขึ้นอยู่กับสภาพเหตุการณ์ที่กดดันมากๆ หนู มะยมเราต้องระวังเรื่องความเครียดของพ่อเป็นอันดับหนึ่ง อย่าให้มีเรื่องสะเทือนใจในระยะนี้โดยเด็ดขาด ไม่งั้นลุงก็จะไม่รับรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก.”“ ค่ะ ค่ะ ลุงหมอหนูจะพยายาม ..”“ ดีแล้วลูก เดี๋ยวลุงจะไปสั่งงานพยาบาลห้องข้าง ๆ ก่อนนะมะยม ..” นายแพทย์สุรชัย เพื่อนน้ำมิตรของครูพลรับไหว้จากเด็กสาวสามสี่คนในห้องที่นั่งเงียบ ๆ ไม่กระดุกกระดิกด้วยความเกรงต่อครูอาวุโสที่นั่งเงียบ ๆ อยู่นานสองนาน ก่อนจะโค้งทำความเคารพให้กับครูอาวุโสที่เดินออกมาส่งนอกห้องพิเศษ สนทนากันพอหอมปากหอมคอสองสามคำ แล้วเดินแยกจากกันไป … เป็นจังหวะเดียวที่ครูพลลืมตาตื่นขึ้นมาในทันทีที่ครูเมตตาปิดล็อคประตูห้องพิเศษห้องนี้ …ครูพลเงยหน้ามองสายยางที่ห้อยระโยงรยางค์อยู่บนตัวและรอบตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเห็นสาวหน้าใสหน้าแฉล้มกำลังเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่หันกลับมา ..“ มะยมหรือเปล่าลูก..” สาวหน้าใสวัยทีนหันขวับมาตามเสียง ก่อนจะพุ่งกระโจนถลามายังเตียงคนไข้ทันที “ พ่อจ๋าตื่นแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหิวน้ำมั้ย ลุงหมอเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี่เอง..”“ อ้าวสุรชัยอยู่เวรหรอกหรือลูก แล้วนี่ใครพาพ่อมาที่นี่ล่ะลูก..”“ หนูช่วยกันกับเพื่อนๆ และครูเมตตาก็มาช่วยอีกแรงหนึ่ง แล้วนี่พ่อยังปวดตรงไหนหรือเปล่า..”“ ยังรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แล้วสุรชัยบอกว่าพ่อเป็นอะไรเหรอ..”“ ลุงหมอว่าพ่อเกิดอาการเครียดขึ้นมากะทันหัน แล้วหมดสติไป แต่ไม่เป็นไรหรอกนะจ๊ะพ่ออีกสองวัน พ่อจะได้กลับไปสอนหนังสือที่โรงเรียนตามเดิมแล้ว.”“ อาการสุดท้ายที่พ่อจำได้ก็คือ พ่อก้มหยิบเหรียญที่หล่นอยู่ปลายเตียงแล้วหน้ามืดแล้ววูบไปเลย”“ จ๊ะพ่อ มะยมไปเที่ยวกับเพื่อนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงขอกลับก่อน พอมาถึงบ้านเห็นบ้านเงียบผิดปกติ ก็เลยรีบเข้าไปเห็นพ่อนอนคว่ำ หน้าเขียวคล้ำไปทั้งหมด หนูตกใจทำอะไรไม่ถูก จนลุงภารโรงขึ้นมาช่วยพาพ่อมาที่โรงพยาบาลนี่แหละจ๊ะ..จนได้อาจารย์เมตตามาอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าไข้ ”“ แล้วพลอยล่ะมะยม เค้าไม่อยู่บ้านเหรอ..”“ พอหนูขึ้นบ้านก็ไม่เห็นใครเลยจ๊ะพ่อ ทำไมเหรอพ่อมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าพลอยเค้าอยู่บ้านตอนที่พ่อล้มลงไปใช่มั้ย ..” มะยมเริ่มทำน้ำเสียงจริงจัง เพื่ออยากรู้อะไรบางอย่าง แต่ครูพลกลับเป็นฝ่ายตอบอึกอักเสียเองว่า “ พอพ่อล้มลงไป แข้งขาเริ่มหมดแรง ตัวหนักอึ้งทรุดลงไปกองบนพื้น เอนหน้าเอนหลัง จะล้มขมำไปข้างหน้า พอทรงตัวไม่อยู่จึงล้มพาดไปบนเตียงนอน ... อาการครั้งนี้เหมือนทุกครั้งที่พ่อเคยเป็น พอจะมีสติอยู่บ้าง ... พ่อจึงส่งเสียงร้องเรียกพลอยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องของเค้าด้วยแรงเท่าที่พอจะมี ... แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา จนพ่อหมดแรง หมดสติไปเลย ..”“ สรุปแล้วคือพลอยได้ยินแต่ไม่สนใจเลยน่ะสิพ่อจ๋า ”คนพูดเริ่มมีอารมณ์โกรธ แต่ข่มลงด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ครูพลกลืนน้ำลายยากเย็นก่อนจะปลอบไปว่า ..“ ช่างมันเถอะมะยม พี่เค้าอาจจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนของพ่อก็ได้นะ..”“ อะไรกันพ่อจ๋า หนูอยากรู้จริงๆ ว่าแค่ฝาไม่กระดานกั้นอย่างนั้น จะไม่ยินเสียงตะโกนเรียกให้ช่วยเลยหรือไง..” มะยมเริ่มจะโกรธที่เห็นความเห็นแก่ตัวพี่สาวต่างสายเลือด แทบจะคร่าชีวิตผู้เป็นพ่อแท้ๆ“ พ่อจะพยายามไม่คิดอะไรมากแล้วนะมะยม เดี๋ยวมีอาการปวดหัวขึ้นมาอีกกลัวจะลำบากกว่านี้..”“ ก็ดีแล้วพ่อ มะยมขอโทษที่เสียงดังไปเมื่อกี้และขอสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว เราต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน แต่อย่ามาลอบทำร้ายพ่อแบบนี้อีกก็แล้วกัน ..”“ ฤทธิ์ยากำลังออกฤทธิ์ พ่อจะนอนแล้วนะลูก”“ จ๊ะพ่อพักผ่อนดีกว่า ประเดี๋ยวหนูจะไปซื้อของใช้ที่หน้าโรงพยาบาล แล้วจะกลับมา”ครูพลปิดเปลือกตาลงด้วยความยากลำบาก อ่อนล้า พลางคิดถึงเรื่องราวเมื่อค่ำที่ผ่านมา ขณะสติสัมปชัญญะสุดท้ายจะดับวูบไป ... แว่บสายตามองเห็นสาวน้อยร่างบอบบางมายืนตรงประตูอย่างเงียบ ๆ แล้วจ้องมองมาด้วยสายตาที่ยากจะเดาความรู้สึกได้ มันทั้งชิงชัง ครุ่นแค้น ระคนน้อยใจอยู่ในนั้นทั้งหมด …ครูอาวุโสแห่งบ้านท่าวังหินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะปิดตาลงอย่างยากเย็นต่อไป..พอปิดประตูห้องพิเศษเรียบร้อยแล้ว และเห็นว่าผู้เป็นพ่อกำลังจะหลับลงไปแล้ว มะยมเดินเลี่ยงออกมาข้างนอก ก่อนพำพรำระเบิดความรู้สึกเมื่อเห็นว่าบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว …“ เธอทำมากเกินไปพลอยใส ... จิตใจทำด้วยอะไรกัน ทำไมอำมหิตเลือดเย็นเหลือเกิน ... เธอใจดำกับพ่อแท้ๆของเธอ ... คนกำลังรอความตายอยู่ตรงหน้า เธอใจดำทำไม่ไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง”หลังจากที่เข้าโรงพยาบาลในวันนั้น ครูพลก็พักฟื้นอยู่ที่นั่นอีกสามวัน ก่อนจะมานอนพักต่อที่บ้าน ... มะยมอยู่โยงเฝ้าไข้จนต้องหยุดเรียน โดยที่พลอยใสกลับหลบหน้าหลบตาเสมอที่แวะเวียนเข้ามาหาครูพลที่ห้อง ... เหตุผลที่พลอยใสให้ไว้กับเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ไม่ได้อยู่บ้านออกไปตั้งแต่เช้า เพื่อไปทำรายงานส่งครูอย่างเร่งด่วน มะยมนั่งอยู่ริมหน้าต่างทนฟังเรื่องโกหกตอแหลไม่ไหวลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องไปในทันที-------------------------------------------------กาหรือหงส์ ตอน ๒๕ จบแล้ว ติดตามตอนหน้าสนุกขึ้นไปอีก ในสองวันนี้ .. มีความสุขกันมากกนะครับผม ..นายอิส๓ สิงหาคม ๒๕๕๓๑๖ นาฬิกา