จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
ภมรดอกงิ้ว ๑๒ (ฤดีแก้วสกาวใส)


“ ชื่อกากีศรีวิลาสดั่งดวงจันทร์

เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ

เสมอด้วยกลิ่นทิพมณฑาทอง

ผู้ใดต้องสัมผัสพิสมัย

กลิ่นกายติดชายผู้นั้นไป

ก็นับได้ถึงเจ็ดทิวาวาร ..”

กากีคำกลอน

----------------------------

                  ผมเรียก tripท่องเที่ยวครั้งนี้ว่า.. “ เชียงใหม่แสนเศร้าระคนหวาน ”

                  พอเราดื่มเหล้ากันเมามายสุดท้ายก็จบที่เตียงนอนในลีลารักฉบับสุดยอดครั้งแล้วครั้งเล่า .. แม่เนื้อทรายยั่วสวาทดูจะไม่ยอมแพ้ต่อเรี่ยวแรงนักกีฬาของผมเลยสักยกเดียว

               เราสองคนต่างตักตวงความสุขจากกันและกันจนหนำใจเหมือนคนกำลังหิวกะหายหิวน้ำอยู่กลางทะเลทราย เหมือนอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด เหมือนเราเสพดื่มกินซึ่งกันและกัน .. โดยที่ชาตินี้เราจะไม่พบกันอีกแล้ว ... เอื้องเครือดูจะมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์ในตัวผมมากในคืนสุดท้ายที่ลาจากเชียงใหม่ เธอกอดผมแน่นที่ริมเก้าอี้สาธารณะข้างแม่น้ำปิงอันไหลเชี่ยว

                  “เราจะได้เจอกันอีกไหมพี่ยอด .. ”เธอถาม ผมหันไปมองนึกทวนคำถามอีกครั้ง สมองจำได้ว่าหมอเพนก็เคยถามคำถามแบบนี้กับผมมาแล้ว ครั้งนั้นผมนิ่งแต่คราวนี้ผมจะตอบไปตามตรง ..

                 “ คงไม่มีวันนี้อีกแล้ว .. พี่จะกลับบ้านไปอยู่กับลูกเหมือนปกติ จากนั้นเราจะไม่ติดต่อกัน แล้วสักวันหนึ่งเอื้องจะค่อยๆลืมพี่ไปเมื่อคนใหม่เดินเข้ามา .. “

“ไม่ยอมเอื้องไม่ยอม ..”

“เอื้องฟังพี่นะซักวันเราก็จะแก่ เราจะลืมเรื่องอย่างว่าไปเลยแล้วออกเดินทางตามความสุขสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตคือธรรมะ จนถึงวาระสุดท้ายคือ .. บอกลาโลกอันสวยงามใบนี้ตามลำพัง ..”

                     เธอกอดผมแน่นเข้าไปอีก น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางจนเลอะเครื่องสำอางที่ฉาบหน้าไปหมดแล้ว

                     “ ทำไมเราไม่เจอกันปีละครั้งสองครั้งล่ะพี่ยอด..”

                 ผมส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ จะมีประโยชน์อะไรเอื้อง.. ยังไงเราก็เจอกันแค่ชั่วคืน ไม่ได้ตั้งใจคบหากันแต่แรก ยังไงเราก็ติดต่อทางโทรศัพท์หรือface-note เหมือนเดิมก็ได้นี่นา อย่าคิดอะไรมากเลยน่า .. คนเราก็เป็นแบบนี่แหละชอบยึดติดถ้าไม่ยึดติดชีวิตก็เบาสบายไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องคร่ำเคร่ง จะเอาทุกอย่างมาเป็นของเราทั้งหมด.. เอื้องยังอายุน้อยยังมีชีวิตข้าหน้าอีกยาวไกล ถ้าเริ่มต้นคิดได้อย่างที่บอก ชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนพี่ไงล่ะ ..”

               “ ตะ แต่ เอื้องรักพี่มากนะคะ ..”

              ผมลูบหัวเธอเบาๆแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พร้อมอธิบายว่า ..

                 “ พี่ก็รักเอื้องนะ ..นี่เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระ ไร้ห่วงพันธนาการทั้งหมด ปลดเปลื้องด้านมืดกับด้านสว่างออกมาวางไว้ข้างนอก.. พี่เป็นคนธรรมดา มีเลือดเนื้อ ชีวิตและผ่านเรื่องเลวร้ายมาทุกอย่างไม่น้อยไปกว่าเอื้อง ฉะนั้นในเมื่อเรามาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งแล้วชะตาต้องกัน ได้หลอมรวมเป็นคนคนเดียวกันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีในชีวิตแล้วและถ้าต่อไปเราสองคนจะเป็นอะไร ยังไง ก็ไม่สำคัญ .. สำคัญอยู่ที่เราเข้าใจว่าโลกใบนี้ยังมีกันและกันก็พอ ..”

                      ผมพล่ามยาวเหยียด เอื้องเครือนิ่งฟังสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของผม

                      เราจูบลากันจนเลยเที่ยงคืน ก่อนที่ผมจะเดินทางไปสถานีขนส่งเชียงใหม่ในอีกสิบห้านาทีต่อจากนั้น ผมเดินขึ้นรถด้วยหัวใจเบาหวิว มองวิวข้างตัวเมื่อรถปรับอากาศแล่นออกจากสถานีแล้วรู้สึกหดหู่เหลียวมองดูเอื้องเครืออีกครั้งก็มองไม่เห็นเธออีกแล้ว ค่อยเอื้อมหยิบเครื่องเล่น mp3มาฟังเพลงบรรเลงของKenny G ที่มีท่วงทำนองแสนเศร้า ก่อนจะงีบหลับไปในเวลาไม่นานต่อจากนั้น

                                                 --------------------------------------------

                      ผมถึงบ้านในเวลาเจ็ดโมงโมงเช้า อากาศรอบๆตัวยังเย็นสบายลมพัดแผ่วมาเป็นระลอกพลิ้วคล้ายคลื่นในทะเลผมกระชับกระเป๋าขึ้นไม่ให้ตกจากไหล่ค่อยเดินไปตามฟุตบาทผ่านบ้านจัดสรรแต่ละหลังไปอย่างช้าๆบ้านหลายหลังพาลูกลูกชายลูกสาว คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายออกมายืนหน้าบ้านเพื่อรอใส่บาตรพระอย่างพร้อมเพรียงกัน ดูมีความสุขเปี่ยมด้วยความรักอย่างแท้จริงน่าอิจฉา

                      แต่ทำไม .. ชีวิตของผมถึงไม่สมบูรณ์แบบนี้ก็ไม่รู้

                    ผมเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเจอพี่วิภารัตน์เข้าโดยบังเอิญ พอเธอมองเห็นก็ตกใจ รีบวางถาดใบโตที่ใส่ของถวายพระแล้วเดินตรงมาหาทันที

                  “ เพิ่งกลับมาใช่ไหม .. นี่ยอดรู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย”

                ผมวางเป้สะพายลงข้างตัวแล้วถามว่า“ อะไร .. มันเกิดอะไรครับพี่วิภา” ผมถามคำถามไปหัวใจก็เต้นเป็นกลองระรัวด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่จะได้ยินต่อไป.. ต้องเป็นเรื่องไม่ดีไม่งามแน่นอน

               “ ก็ลูกชายสุดที่รักของยอดน่ะสิ.. ร้องไห้หนีออกจากบ้านบอกว่าจะไปตามหาพ่อ .. น้องรินเลยจัดหนักไปหลายทีแล้วเขาก็หิวกระเป๋าออกไปจริงๆ ไปที่ไหนก็มีใครไม่มีใครรู้ แต่พอวันรุ่งขึ้น เขาก็กลับบ้านเองตอนนี้ไม่ยอมพูดกับใคร..แววตาจ้องไปแต่ข้างนอกเพ้อแต่หาพ่ออยู่ตลอดเวลา .. ยอดมาก็ดีแล้วพี่น่ะสงสารลูกออดจนอดที่จะน้ำตาไหลไม่หยุดไปเลยจริงๆ..”

                พี่วิภารัตน์เล่าไปพร้อมเช็ดน้ำตาไป .. ผมคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดและเข้าใจดีแล้ว

              เธออาจเป็นผู้หญิงเลยมีอารมณ์อ่อนไหวมากไปหน่อย เธอสัมผัสความรักได้ละเอียดอ่อนกว่าพวกผู้ชายแต่ถึงยังไงเธอก็รักลูกออดไปหมดหัวใจ “ขอบคุณพี่ที่ดูแลลูกออดให้ ผมจะรีบอาบน้ำแล้วไปดูเขาสักหน่อย สายๆจะไปทำงานครับ ..”

              “เดี๋ยวสิยอดพี่มีเรื่องบางเรื่องอยากให้รับรู้แต่ต้องรับปากว่าจะใจเย็นๆไม่วู่วามไปเมื่อฟังเรื่องจบแล้ว”

                ผมหยุดเดินแล้วหันมาฟังอีกครั้ง “ มีเรื่องอะไรหรือครับ ..” ผมพยายามทอดเสียงให้เบานิ่งราบเรียบให้เป็นปกติทั้งๆที่ข้างในกำลังร้อนรุ่มดังไฟกองใหญ่มาแผดเผา

               “ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของเธอสองคนที่ต้องปรับความเข้าใจกัน ตัวพี่เป็นแค่คนนอกจะพูดจะเล่าอะไรไปมากมายไปคงไม่เหมาะไม่ควร..”

                 ผมเห็นแววตาที่หวาดหวั่นของพี่วิภารัตน์จนนึกกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ดูเธอลุกลี้ลุกลนกว่าทุกครั้ง แต่ก็พอจะเดาเรื่องราวได้คร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ผมทัวร์จังหวัดเชียงใหม่

                “ เล่ามาเถอะครับพี่วิภา ..อะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

             พี่วิภารัตน์อึกอักไปชั่วขณะ ก่อนจะเล่าว่า “ เมื่อวานน้องรินพาผู้ชายคนตัวสูงๆมาที่นี่ ..”

ผมตกใจ “ อะไรนะ ..นี่เขากล้าพาไอ้ห่านั่นมาหาพี่ พากันมาทำไม ” ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ความโกรธกำลังแล่นริ้วขึ้นมารวดเร็วเกินกว่าจะยับยั้งได้อีกต่อไป

                “ เขา .. เอ่อ .. พามาแนะนำตัวแล้วบอกว่าจะมีงานทำบุญบ้านเร็ววันนี้ พร้อมมีงานเลี้ยงพิเศษเล็กๆเชิญแขกเฉพาะที่สนิทๆ.”

                “ มีงานเลี้ยง เลี้ยงไปทำไม ..”ผมยังถามคำถามต่อไป .. หัวใจข้างในมันสั่นจะหยุดเต้นเสียให้ได้ด้วยความกลัวคำตอบที่กำลังจะได้ยิน

             “เห็นบอกว่าเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ ..”

            “ บ้าจริง .. เลวระยำสิ้นดี ชาติชั่วหาใดเปรียบ นี่ไอ้บ้านั่นคงขนของเข้าบ้านทันทีที่ย้ายออกสินะ..”

             “ ใจเย็นๆอย่าวู่วามนะยอด ถ้าเธอจะจบเรื่องก็ขอให้จบด้วยดี ต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตของใครของมันจะดีกว่านะพี่ว่า..”

               ผมครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแทบไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ทุกอย่างที่เป็นปกติในชีวิตของผมกำลังกลับตาลปัตรไปเสียหมดทุกเรื่องนั่นรวมทั้งภรรยาที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานนับสิบปีอย่างระริน

              “ สบายใจได้ผมไม่ฆ่าเขาหรอก พอตกลงเรื่องลูกเรียบร้อยแล้วผมอยากจะขอพักห้องเก็บของหลังบ้านของพี่เป็นการชั่วคราวจะได้ไหมครับ ..”

            “ได้ได้สิ เดี๋ยวพี่จะสั่งให้นงเยาว์มาเก็บของไปไว้ที่ห้องชั้นบน ยอดจะได้นอนสบายๆ ..”

               ผมพยักหน้าและพูดอะไรอีกสองสามประโยคก่อนจะขอตัวเข้าบ้านเพื่อสะสางในเรื่องที่พูดคุยทั้งหมด

                                                          -------------------------------

                ผมยืนมองบ้านชั้นเดียวที่สร้างให้กว้างเต็มบริเวณบนพื้นที่75 ตารางวาที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาทั้งชีวิตก็อดใจหายเสียดายไปไม่ได้ ต่อไปคงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว .. ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เดินเข้ามามันช่างน่าเศร้าใจ .. ที่ต้องเดินออกจากบ้านของตัวเองโดยมีห่วงอาลัยอยู่เต็มเปี่ยม

               บ้านหลังนี้ ... เคยอุ่นอวลไปด้วยความรักความห่วงหาอาทรต่อกัน

              บ้านหลังนี้ ... เป็นเสมือนเกราะคุ้มกันภัยจากภยันตรายทุกอย่าง

              บ้านหลังนี้ ... เป็นเถ้าความสุขวันวานที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาอีกแล้ว

               เช้านี้บ้านของผม ..ไม่ใช่สิบ้านของระรินดูเงียบเหงาเหมือนไม่มีใครอยู่ในตัวบ้าน ผมผลักประตูบ้านเข้าไปเงียบๆ รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ากำลังเข้าไปในบ้านคนอื่น

                  พอผลักประตูเข้าไปก็ผลักไม่ได้เหมือนถูกล็อกจากข้างในบ้าน จึงเดินอ้อมไปหลังบ้านพบลำดวนพี่เลี้ยงเด็กกำลังง่วนอยู่กับอาหารมื้อเช้า .. เธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นผม

                   “อ้าว .. คุณยอดกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอถามโดยไม่ได้มองหน้าเร่งจัดจานกับข้าวบนโต๊ะอย่างขมีขมันเอางานเอาการ

                   “ มาเมื่อเห็นนี่แหละ .. วันนี้มีอะไรพิเศษรึ.. ทำไมเตรียมกับข้าวตั้งหลายอย่าง ..”

                   “ คือ เอ่อ .. วันนี้คุณเค็มมาพักค้างที่นี่คุณรินเลยให้ลำดวนจัดอาหารเพิ่ม แต่หนูก็แปลกใจ.. ปกติเขาไม่เคยค้างคืนที่บ้านนี้เลย”

                  ผมฟังแล้วเข่าแทบทรุดหมดแรงเอาเสียดื้อๆ รู้สึกอึ้งแล้วอึ้งอีก .. ไม่คิดว่าระรินจะกล้าพาผู้ชายมาค้างอ้างแรมในบ้านทั้งๆที่ผมยังอยู่ทั้งคน แล้วที่สำคัญลูกทั้งสองก็ต้องเห็นพฤติกรรมของเธออย่างแน่นอน

                   ผมรีบเดินเข้าไปในห้องรับแขกทันทีด้วยความอยากเจอคนทั้งคู่ พอถลันเข้าไปก็เห็นระรินกำลังดูโทรทัศน์สีหน้าเคร่งขรึมคิ้วสองข้างขมวดติดกัน .. เธอไม่มองหน้าผม แต่ผายมือให้นั่งลงนั่งเก้าอี้โซฟาในฝั่งตรงกันข้ามแล้วพูดว่า “ กลับมาแล้วหรือคุณ”น้ำเสียงเธอเนิบนาบแต่ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่เยียบเย็นเหมือนน้ำแข็ง .. ไร้ซึ่งหัวใจของความเป็นคน

                   ผมวางกระเป๋าไว้ข้างเสาเหลียวมองไปรอบตัวก็รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องนอนของผม ส่วนห้องของลูกกบลูกออดดูเงียบเชียบผิดปกติ .. ระรินเหมือนรู้ใจ รีบตอบมาว่า ..

                 “ ลูกๆไม่อยู่บ้านหรอก ฉันเอาไปฝากคุณแม่กับยายนับดาวดูแลชั่วคราว เพื่อรอจัดการเรื่องบางเรื่องให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยรับกลับบ้าน”

                ผมนั่งลงความโกรธแล่นริ้วไปทั่วทั้งหน้า มันชาดิกจนไร้ความรู้สึก .. ระรินใจร้ายกับผมมากเลือดเย็นอำมหิตกับคนที่เธอเคยเรียกว่า .. ผัว

             “ ทำกันถึงขนาดนี้เลยรึระริน ..ทำไม ทำไม ..”

              “ อะไร .. ฉันว่าคุณต้องทบทวนถามตัวเองก่อนดีไหมว่าทำไมเรื่องราวมันถึงเลยเถิดมาไกลขนาดนี้”เธอแค่นเสียงหัวเราะพร้อมพูดออกมาด้วยประโยคที่ผมคิดว่า .. คนไม่มีใจให้กันก็เป็นแบบนี้เอง

               “ บอกมาสิ .. ผมทำอะไร .. ”

                  “ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง.. อย่าให้ฉันสาธยายความเลวความชั่วของคุณเลยยอด .. แค่นี้ก็ฉาวโฉ่อับอายคนไปทั้งเมืองมากพอแล้ว..”

                  “ งั้นรึ .. ขอถามอะไรหน่อยสิระริน” ผมยืดตัวตรง ตั้งใจพูดกับเธอจริงจังจริงๆ

”ผมอยากรู้ว่า .. คุณไปฟังใครมาว่าผมสารเลวถึงขั้นชั่วช้าให้อภัยไม่ได้ จนคุณต้องมีชู้ เตรียมหย่า และทำตัวเหลวแหลกถึงขนาดพาผู้ชายมานอนบ้านโดยไม่ละอายลูกเลยสักนิดเดียว ลองคิดดูซิว่าใครจะเลวกว่าใคร..”

                   ระรินหน้าซีดเผือด ลุกยืนขึ้นด้วยอาการโกรธจัด “ คนสารเลว .. ทีตัวเองสำส่อนไม่เลือกหน้าไม่เคยมองย้อนดูเลยซักนิด พอคนอื่นทำกลับคืนถึงกับร้อนเป็นเจ้าเข้า .. ทำไม .. ฉันทำผิดอะไรตรงไหน.. การที่พาผู้ชายเข้าบ้านก็ปกติ ทำให้ใครๆเห็นว่าเราคบกันอย่างเปิดเผยไม่ได้แอบซ่อนแอบลักกินเหมือนที่คุณทำ .. มั่วไปไม่เลือกไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ..ฉันขยะแขยงเหลือเกิน .. นี่มันคงถึงปลายทางของชีวิตคู่แล้วสินะ.. ต่อไปคุณจะทำอะไรไปที่ไหนก็ตามสบายเถิด .. ฉันขอพอแค่นี้ ..”

                   ผมยิ้มเหยียดมองระรินตัวเท่ามดปลวก.. จากผู้หญิงที่ผมเคยรักที่สุดกลายมาเป็นคนที่ผมอยากฆ่าใหตายไปตรงหน้า .. “ เอาผู้ชายมานอนในบ้าน .. บนเตียงนอนส่วนตัวลูกทั้งสองคงสรรเสริญพฤติกรรมคุณแม่ดีเด่นของเขาเป็นแน่แท้ ..”    ผมหัวเราะขื่นๆออกไปให้เธอได้ยิน

                    เธอนิ่งเฉย แล้วตอบว่า “คุณรู้ไหมว่าเราสองมันต่างกันตรงไหน ..”

                    ผมไม่ตอบ เธอรีบอธิบายเสียเอง “ต่างกันตรงที่ฉันมีพี่เค็มคนเดียว แต่คุณมีเป็นสิบเป็นยี่สิบยังไงล่ะ .. ใช่ฉันยอมรับว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องตามค่านิยมจารีตประเพณีไทยแต่ก็คงไม่นานหรอกอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้เสียด้วยซ้ำที่ฉันกับพี่เค็มจะได้เป็นคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์”

                   ผมตกใจอีกครั้งถามไปว่า .. “นี่หมายความว่า ยังไงเราก็ต้องหย่าขาดจากกันใช่ไหม..”

                    “ ใช่ วันพรุ่งนี้ด้วย” เธอพยักหน้าพร้อมหัวเราะออกมาเหมือนขบขันที่เห็นผมประหม่าตกใจ

                  “ เลว .. คุณสารเลวกว่าที่คิดไว้มาก ใจร้าย เลือดเย็น ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครเลวได้เท่าคุณอีกแล้วระริน..”

                    ผมมือเย็นเยียบเลือดในตัวเกือบแข็งไปทันใด ความเครียดประดังมีถึงขีดสุดแล้ว

                   “ ถ้าฉันผิดฉันก็ขอโทษด้วย .. แต่คงไม่มีเมียคนไหนทนรับสภาพผัวตัวเองออกไปเริงสวาททำกิจกรรมพิเศษกับผู้หญิงทั่วทั้งเมือง โดยไม่มีเลยสักครั้งที่จะคิดถึงหัวอกคนร้องไห้นั่งรอคอยอยู่ข้างหลังคืนแล้วคืนเล่า.. คุณเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม ..”

              คราวนี้ระรินร้องไห้โฮออกมาจนผมถึงกับตกตะลึง ไม่เคยรับรู้เรื่องราวที่เธอพูดมาก่อน

คิดอยากจะเอื้อมมือไปปลอบและขอโทษ พร้อมสารภาพผิดในสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด อยากขอโอกาสเริ่มต้นใหม่ อยากให้เธอลงโทษสาสมกับความชั่วที่ได้กระทำไป.. ผมก็ทำไม่ได้ แข้งขามันแข็งไปหมด

                    และแล้วเหตุการณ์กลับเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อประตูห้องนอนเปิดออกมาช้าๆพร้อมกับร่างสูงเด่นของนายเค็มเดินเข้ายืนข้างหลังระรินอย่างเงียบๆ

                                                                              ----------------------------------

จบตอน






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2557 14:24:30 น. 0 comments
Counter : 905 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.