ชื่อกากีศรีวิลาสดั่งดวงจันทร์
เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ
เสมอด้วยกลิ่นทิพมณฑาทอง
ผู้ใดต้องสัมผัสพิสมัย
กลิ่นกายติดชายผู้นั้นไป
ก็นับได้ถึงเจ็ดทิวาวาร ..
กากีคำกลอน
----------------------------
ผมเรียก tripท่องเที่ยวครั้งนี้ว่า.. เชียงใหม่แสนเศร้าระคนหวาน
พอเราดื่มเหล้ากันเมามายสุดท้ายก็จบที่เตียงนอนในลีลารักฉบับสุดยอดครั้งแล้วครั้งเล่า .. แม่เนื้อทรายยั่วสวาทดูจะไม่ยอมแพ้ต่อเรี่ยวแรงนักกีฬาของผมเลยสักยกเดียว
เราสองคนต่างตักตวงความสุขจากกันและกันจนหนำใจเหมือนคนกำลังหิวกะหายหิวน้ำอยู่กลางทะเลทราย เหมือนอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด เหมือนเราเสพดื่มกินซึ่งกันและกัน .. โดยที่ชาตินี้เราจะไม่พบกันอีกแล้ว ... เอื้องเครือดูจะมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์ในตัวผมมากในคืนสุดท้ายที่ลาจากเชียงใหม่ เธอกอดผมแน่นที่ริมเก้าอี้สาธารณะข้างแม่น้ำปิงอันไหลเชี่ยว
เราจะได้เจอกันอีกไหมพี่ยอด .. เธอถาม ผมหันไปมองนึกทวนคำถามอีกครั้ง สมองจำได้ว่าหมอเพนก็เคยถามคำถามแบบนี้กับผมมาแล้ว ครั้งนั้นผมนิ่งแต่คราวนี้ผมจะตอบไปตามตรง ..
คงไม่มีวันนี้อีกแล้ว .. พี่จะกลับบ้านไปอยู่กับลูกเหมือนปกติ จากนั้นเราจะไม่ติดต่อกัน แล้วสักวันหนึ่งเอื้องจะค่อยๆลืมพี่ไปเมื่อคนใหม่เดินเข้ามา ..
ไม่ยอมเอื้องไม่ยอม ..
เอื้องฟังพี่นะซักวันเราก็จะแก่ เราจะลืมเรื่องอย่างว่าไปเลยแล้วออกเดินทางตามความสุขสุดท้ายในบั้นปลายชีวิตคือธรรมะ จนถึงวาระสุดท้ายคือ .. บอกลาโลกอันสวยงามใบนี้ตามลำพัง ..
เธอกอดผมแน่นเข้าไปอีก น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางจนเลอะเครื่องสำอางที่ฉาบหน้าไปหมดแล้ว
ทำไมเราไม่เจอกันปีละครั้งสองครั้งล่ะพี่ยอด..
ผมส่ายหน้าแล้วตอบว่า จะมีประโยชน์อะไรเอื้อง.. ยังไงเราก็เจอกันแค่ชั่วคืน ไม่ได้ตั้งใจคบหากันแต่แรก ยังไงเราก็ติดต่อทางโทรศัพท์หรือface-note เหมือนเดิมก็ได้นี่นา อย่าคิดอะไรมากเลยน่า .. คนเราก็เป็นแบบนี่แหละชอบยึดติดถ้าไม่ยึดติดชีวิตก็เบาสบายไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องคร่ำเคร่ง จะเอาทุกอย่างมาเป็นของเราทั้งหมด.. เอื้องยังอายุน้อยยังมีชีวิตข้าหน้าอีกยาวไกล ถ้าเริ่มต้นคิดได้อย่างที่บอก ชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนพี่ไงล่ะ ..
ตะ แต่ เอื้องรักพี่มากนะคะ ..
ผมลูบหัวเธอเบาๆแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พร้อมอธิบายว่า ..
พี่ก็รักเอื้องนะ ..นี่เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระ ไร้ห่วงพันธนาการทั้งหมด ปลดเปลื้องด้านมืดกับด้านสว่างออกมาวางไว้ข้างนอก.. พี่เป็นคนธรรมดา มีเลือดเนื้อ ชีวิตและผ่านเรื่องเลวร้ายมาทุกอย่างไม่น้อยไปกว่าเอื้อง ฉะนั้นในเมื่อเรามาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งแล้วชะตาต้องกัน ได้หลอมรวมเป็นคนคนเดียวกันก็ถือว่าเป็นโอกาสดีในชีวิตแล้วและถ้าต่อไปเราสองคนจะเป็นอะไร ยังไง ก็ไม่สำคัญ .. สำคัญอยู่ที่เราเข้าใจว่าโลกใบนี้ยังมีกันและกันก็พอ ..
ผมพล่ามยาวเหยียด เอื้องเครือนิ่งฟังสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของผม
เราจูบลากันจนเลยเที่ยงคืน ก่อนที่ผมจะเดินทางไปสถานีขนส่งเชียงใหม่ในอีกสิบห้านาทีต่อจากนั้น ผมเดินขึ้นรถด้วยหัวใจเบาหวิว มองวิวข้างตัวเมื่อรถปรับอากาศแล่นออกจากสถานีแล้วรู้สึกหดหู่เหลียวมองดูเอื้องเครืออีกครั้งก็มองไม่เห็นเธออีกแล้ว ค่อยเอื้อมหยิบเครื่องเล่น mp3มาฟังเพลงบรรเลงของKenny G ที่มีท่วงทำนองแสนเศร้า ก่อนจะงีบหลับไปในเวลาไม่นานต่อจากนั้น
--------------------------------------------
ผมถึงบ้านในเวลาเจ็ดโมงโมงเช้า อากาศรอบๆตัวยังเย็นสบายลมพัดแผ่วมาเป็นระลอกพลิ้วคล้ายคลื่นในทะเลผมกระชับกระเป๋าขึ้นไม่ให้ตกจากไหล่ค่อยเดินไปตามฟุตบาทผ่านบ้านจัดสรรแต่ละหลังไปอย่างช้าๆบ้านหลายหลังพาลูกลูกชายลูกสาว คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายออกมายืนหน้าบ้านเพื่อรอใส่บาตรพระอย่างพร้อมเพรียงกัน ดูมีความสุขเปี่ยมด้วยความรักอย่างแท้จริงน่าอิจฉา
แต่ทำไม .. ชีวิตของผมถึงไม่สมบูรณ์แบบนี้ก็ไม่รู้
ผมเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเจอพี่วิภารัตน์เข้าโดยบังเอิญ พอเธอมองเห็นก็ตกใจ รีบวางถาดใบโตที่ใส่ของถวายพระแล้วเดินตรงมาหาทันที
เพิ่งกลับมาใช่ไหม .. นี่ยอดรู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย
ผมวางเป้สะพายลงข้างตัวแล้วถามว่า อะไร .. มันเกิดอะไรครับพี่วิภา ผมถามคำถามไปหัวใจก็เต้นเป็นกลองระรัวด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่จะได้ยินต่อไป.. ต้องเป็นเรื่องไม่ดีไม่งามแน่นอน
ก็ลูกชายสุดที่รักของยอดน่ะสิ.. ร้องไห้หนีออกจากบ้านบอกว่าจะไปตามหาพ่อ .. น้องรินเลยจัดหนักไปหลายทีแล้วเขาก็หิวกระเป๋าออกไปจริงๆ ไปที่ไหนก็มีใครไม่มีใครรู้ แต่พอวันรุ่งขึ้น เขาก็กลับบ้านเองตอนนี้ไม่ยอมพูดกับใคร..แววตาจ้องไปแต่ข้างนอกเพ้อแต่หาพ่ออยู่ตลอดเวลา .. ยอดมาก็ดีแล้วพี่น่ะสงสารลูกออดจนอดที่จะน้ำตาไหลไม่หยุดไปเลยจริงๆ..
พี่วิภารัตน์เล่าไปพร้อมเช็ดน้ำตาไป .. ผมคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดและเข้าใจดีแล้ว
เธออาจเป็นผู้หญิงเลยมีอารมณ์อ่อนไหวมากไปหน่อย เธอสัมผัสความรักได้ละเอียดอ่อนกว่าพวกผู้ชายแต่ถึงยังไงเธอก็รักลูกออดไปหมดหัวใจ ขอบคุณพี่ที่ดูแลลูกออดให้ ผมจะรีบอาบน้ำแล้วไปดูเขาสักหน่อย สายๆจะไปทำงานครับ ..
เดี๋ยวสิยอดพี่มีเรื่องบางเรื่องอยากให้รับรู้แต่ต้องรับปากว่าจะใจเย็นๆไม่วู่วามไปเมื่อฟังเรื่องจบแล้ว
ผมหยุดเดินแล้วหันมาฟังอีกครั้ง มีเรื่องอะไรหรือครับ .. ผมพยายามทอดเสียงให้เบานิ่งราบเรียบให้เป็นปกติทั้งๆที่ข้างในกำลังร้อนรุ่มดังไฟกองใหญ่มาแผดเผา
ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของเธอสองคนที่ต้องปรับความเข้าใจกัน ตัวพี่เป็นแค่คนนอกจะพูดจะเล่าอะไรไปมากมายไปคงไม่เหมาะไม่ควร..
ผมเห็นแววตาที่หวาดหวั่นของพี่วิภารัตน์จนนึกกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ดูเธอลุกลี้ลุกลนกว่าทุกครั้ง แต่ก็พอจะเดาเรื่องราวได้คร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ผมทัวร์จังหวัดเชียงใหม่
เล่ามาเถอะครับพี่วิภา ..อะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้คงแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
พี่วิภารัตน์อึกอักไปชั่วขณะ ก่อนจะเล่าว่า เมื่อวานน้องรินพาผู้ชายคนตัวสูงๆมาที่นี่ ..
ผมตกใจ อะไรนะ ..นี่เขากล้าพาไอ้ห่านั่นมาหาพี่ พากันมาทำไม ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ความโกรธกำลังแล่นริ้วขึ้นมารวดเร็วเกินกว่าจะยับยั้งได้อีกต่อไป
เขา .. เอ่อ .. พามาแนะนำตัวแล้วบอกว่าจะมีงานทำบุญบ้านเร็ววันนี้ พร้อมมีงานเลี้ยงพิเศษเล็กๆเชิญแขกเฉพาะที่สนิทๆ.
มีงานเลี้ยง เลี้ยงไปทำไม ..ผมยังถามคำถามต่อไป .. หัวใจข้างในมันสั่นจะหยุดเต้นเสียให้ได้ด้วยความกลัวคำตอบที่กำลังจะได้ยิน
เห็นบอกว่าเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ ..
บ้าจริง .. เลวระยำสิ้นดี ชาติชั่วหาใดเปรียบ นี่ไอ้บ้านั่นคงขนของเข้าบ้านทันทีที่ย้ายออกสินะ..
ใจเย็นๆอย่าวู่วามนะยอด ถ้าเธอจะจบเรื่องก็ขอให้จบด้วยดี ต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตของใครของมันจะดีกว่านะพี่ว่า..
ผมครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแทบไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ทุกอย่างที่เป็นปกติในชีวิตของผมกำลังกลับตาลปัตรไปเสียหมดทุกเรื่องนั่นรวมทั้งภรรยาที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานนับสิบปีอย่างระริน
สบายใจได้ผมไม่ฆ่าเขาหรอก พอตกลงเรื่องลูกเรียบร้อยแล้วผมอยากจะขอพักห้องเก็บของหลังบ้านของพี่เป็นการชั่วคราวจะได้ไหมครับ ..
ได้ได้สิ เดี๋ยวพี่จะสั่งให้นงเยาว์มาเก็บของไปไว้ที่ห้องชั้นบน ยอดจะได้นอนสบายๆ ..
ผมพยักหน้าและพูดอะไรอีกสองสามประโยคก่อนจะขอตัวเข้าบ้านเพื่อสะสางในเรื่องที่พูดคุยทั้งหมด
-------------------------------
ผมยืนมองบ้านชั้นเดียวที่สร้างให้กว้างเต็มบริเวณบนพื้นที่75 ตารางวาที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมาทั้งชีวิตก็อดใจหายเสียดายไปไม่ได้ ต่อไปคงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว .. ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เดินเข้ามามันช่างน่าเศร้าใจ .. ที่ต้องเดินออกจากบ้านของตัวเองโดยมีห่วงอาลัยอยู่เต็มเปี่ยม
บ้านหลังนี้ ... เคยอุ่นอวลไปด้วยความรักความห่วงหาอาทรต่อกัน
บ้านหลังนี้ ... เป็นเสมือนเกราะคุ้มกันภัยจากภยันตรายทุกอย่าง
บ้านหลังนี้ ... เป็นเถ้าความสุขวันวานที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาอีกแล้ว
เช้านี้บ้านของผม ..ไม่ใช่สิบ้านของระรินดูเงียบเหงาเหมือนไม่มีใครอยู่ในตัวบ้าน ผมผลักประตูบ้านเข้าไปเงียบๆ รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้ากำลังเข้าไปในบ้านคนอื่น
พอผลักประตูเข้าไปก็ผลักไม่ได้เหมือนถูกล็อกจากข้างในบ้าน จึงเดินอ้อมไปหลังบ้านพบลำดวนพี่เลี้ยงเด็กกำลังง่วนอยู่กับอาหารมื้อเช้า .. เธอสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นผม
อ้าว .. คุณยอดกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เธอถามโดยไม่ได้มองหน้าเร่งจัดจานกับข้าวบนโต๊ะอย่างขมีขมันเอางานเอาการ
มาเมื่อเห็นนี่แหละ .. วันนี้มีอะไรพิเศษรึ.. ทำไมเตรียมกับข้าวตั้งหลายอย่าง ..
คือ เอ่อ .. วันนี้คุณเค็มมาพักค้างที่นี่คุณรินเลยให้ลำดวนจัดอาหารเพิ่ม แต่หนูก็แปลกใจ.. ปกติเขาไม่เคยค้างคืนที่บ้านนี้เลย
ผมฟังแล้วเข่าแทบทรุดหมดแรงเอาเสียดื้อๆ รู้สึกอึ้งแล้วอึ้งอีก .. ไม่คิดว่าระรินจะกล้าพาผู้ชายมาค้างอ้างแรมในบ้านทั้งๆที่ผมยังอยู่ทั้งคน แล้วที่สำคัญลูกทั้งสองก็ต้องเห็นพฤติกรรมของเธออย่างแน่นอน
ผมรีบเดินเข้าไปในห้องรับแขกทันทีด้วยความอยากเจอคนทั้งคู่ พอถลันเข้าไปก็เห็นระรินกำลังดูโทรทัศน์สีหน้าเคร่งขรึมคิ้วสองข้างขมวดติดกัน .. เธอไม่มองหน้าผม แต่ผายมือให้นั่งลงนั่งเก้าอี้โซฟาในฝั่งตรงกันข้ามแล้วพูดว่า กลับมาแล้วหรือคุณน้ำเสียงเธอเนิบนาบแต่ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่เยียบเย็นเหมือนน้ำแข็ง .. ไร้ซึ่งหัวใจของความเป็นคน
ผมวางกระเป๋าไว้ข้างเสาเหลียวมองไปรอบตัวก็รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องนอนของผม ส่วนห้องของลูกกบลูกออดดูเงียบเชียบผิดปกติ .. ระรินเหมือนรู้ใจ รีบตอบมาว่า ..
ลูกๆไม่อยู่บ้านหรอก ฉันเอาไปฝากคุณแม่กับยายนับดาวดูแลชั่วคราว เพื่อรอจัดการเรื่องบางเรื่องให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยรับกลับบ้าน
ผมนั่งลงความโกรธแล่นริ้วไปทั่วทั้งหน้า มันชาดิกจนไร้ความรู้สึก .. ระรินใจร้ายกับผมมากเลือดเย็นอำมหิตกับคนที่เธอเคยเรียกว่า .. ผัว
ทำกันถึงขนาดนี้เลยรึระริน ..ทำไม ทำไม ..
อะไร .. ฉันว่าคุณต้องทบทวนถามตัวเองก่อนดีไหมว่าทำไมเรื่องราวมันถึงเลยเถิดมาไกลขนาดนี้เธอแค่นเสียงหัวเราะพร้อมพูดออกมาด้วยประโยคที่ผมคิดว่า .. คนไม่มีใจให้กันก็เป็นแบบนี้เอง
บอกมาสิ .. ผมทำอะไร ..
กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง.. อย่าให้ฉันสาธยายความเลวความชั่วของคุณเลยยอด .. แค่นี้ก็ฉาวโฉ่อับอายคนไปทั้งเมืองมากพอแล้ว..
งั้นรึ .. ขอถามอะไรหน่อยสิระริน ผมยืดตัวตรง ตั้งใจพูดกับเธอจริงจังจริงๆ
ผมอยากรู้ว่า .. คุณไปฟังใครมาว่าผมสารเลวถึงขั้นชั่วช้าให้อภัยไม่ได้ จนคุณต้องมีชู้ เตรียมหย่า และทำตัวเหลวแหลกถึงขนาดพาผู้ชายมานอนบ้านโดยไม่ละอายลูกเลยสักนิดเดียว ลองคิดดูซิว่าใครจะเลวกว่าใคร..
ระรินหน้าซีดเผือด ลุกยืนขึ้นด้วยอาการโกรธจัด คนสารเลว .. ทีตัวเองสำส่อนไม่เลือกหน้าไม่เคยมองย้อนดูเลยซักนิด พอคนอื่นทำกลับคืนถึงกับร้อนเป็นเจ้าเข้า .. ทำไม .. ฉันทำผิดอะไรตรงไหน.. การที่พาผู้ชายเข้าบ้านก็ปกติ ทำให้ใครๆเห็นว่าเราคบกันอย่างเปิดเผยไม่ได้แอบซ่อนแอบลักกินเหมือนที่คุณทำ .. มั่วไปไม่เลือกไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ..ฉันขยะแขยงเหลือเกิน .. นี่มันคงถึงปลายทางของชีวิตคู่แล้วสินะ.. ต่อไปคุณจะทำอะไรไปที่ไหนก็ตามสบายเถิด .. ฉันขอพอแค่นี้ ..
ผมยิ้มเหยียดมองระรินตัวเท่ามดปลวก.. จากผู้หญิงที่ผมเคยรักที่สุดกลายมาเป็นคนที่ผมอยากฆ่าใหตายไปตรงหน้า .. เอาผู้ชายมานอนในบ้าน .. บนเตียงนอนส่วนตัวลูกทั้งสองคงสรรเสริญพฤติกรรมคุณแม่ดีเด่นของเขาเป็นแน่แท้ .. ผมหัวเราะขื่นๆออกไปให้เธอได้ยิน
เธอนิ่งเฉย แล้วตอบว่า คุณรู้ไหมว่าเราสองมันต่างกันตรงไหน ..
ผมไม่ตอบ เธอรีบอธิบายเสียเอง ต่างกันตรงที่ฉันมีพี่เค็มคนเดียว แต่คุณมีเป็นสิบเป็นยี่สิบยังไงล่ะ .. ใช่ฉันยอมรับว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องตามค่านิยมจารีตประเพณีไทยแต่ก็คงไม่นานหรอกอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้เสียด้วยซ้ำที่ฉันกับพี่เค็มจะได้เป็นคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์
ผมตกใจอีกครั้งถามไปว่า .. นี่หมายความว่า ยังไงเราก็ต้องหย่าขาดจากกันใช่ไหม..
ใช่ วันพรุ่งนี้ด้วย เธอพยักหน้าพร้อมหัวเราะออกมาเหมือนขบขันที่เห็นผมประหม่าตกใจ
เลว .. คุณสารเลวกว่าที่คิดไว้มาก ใจร้าย เลือดเย็น ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครเลวได้เท่าคุณอีกแล้วระริน..
ผมมือเย็นเยียบเลือดในตัวเกือบแข็งไปทันใด ความเครียดประดังมีถึงขีดสุดแล้ว
ถ้าฉันผิดฉันก็ขอโทษด้วย .. แต่คงไม่มีเมียคนไหนทนรับสภาพผัวตัวเองออกไปเริงสวาททำกิจกรรมพิเศษกับผู้หญิงทั่วทั้งเมือง โดยไม่มีเลยสักครั้งที่จะคิดถึงหัวอกคนร้องไห้นั่งรอคอยอยู่ข้างหลังคืนแล้วคืนเล่า.. คุณเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม ..
คราวนี้ระรินร้องไห้โฮออกมาจนผมถึงกับตกตะลึง ไม่เคยรับรู้เรื่องราวที่เธอพูดมาก่อน
คิดอยากจะเอื้อมมือไปปลอบและขอโทษ พร้อมสารภาพผิดในสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด อยากขอโอกาสเริ่มต้นใหม่ อยากให้เธอลงโทษสาสมกับความชั่วที่ได้กระทำไป.. ผมก็ทำไม่ได้ แข้งขามันแข็งไปหมด
และแล้วเหตุการณ์กลับเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อประตูห้องนอนเปิดออกมาช้าๆพร้อมกับร่างสูงเด่นของนายเค็มเดินเข้ายืนข้างหลังระรินอย่างเงียบๆ
----------------------------------
จบตอน