กาหรือหงส์ ตอน ๒๖
กาหรือหงส์ ตอนที่ ๒๖ ทุกชีวิตบนโลกใบเล็กใบนี้มักเริ่มต้นวันใหม่ด้วยแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ทอประกายเหลืองอร่ามทาทาบผืนแผ่นดินอันรื่นรมย์ผืนนี้ให้มีความงามควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่ในวันใหม่ที่กำลังเคลื่อนไหวในอีกไม่กีนาทีข้างหน้า ...มะยมตื่นเช้าด้วยความสดชื่นตามปกติ ออกวิ่งเบาไปตามถนนสายลาดยางสายจังหวัดหน้าโรงเรียน พร้อมกับเจ้าแสนดีที่เห่าทักทายเป็นระยะๆ อยู่ข้างๆ อากาศยามเช้าที่มีละอองหมอกเย็นฉ่ำสดชื่นเช่นนี้ทำให้เด็กสาวลืมเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนไปได้ชั่วขณะ...บรรดาแม่ค้าพ่อค้าในตลาดที่ทยอยขับมอเตอร์ไซค์บรรทุกของไปขายเต็มรถเอ่ยทักทายมะยมไปจนตลอดเส้นทาง จนกระทั่งถึงบ้านพักจึงเข้าไปจัดเตรียมอาหารจนเสร็จออกไปรับน้ำหวานที่บ้านตามปกติ …วันนี้อาจารย์อภิชัย หัวหน้าหมวดฝ่ายกีฬาขึ้นพูดที่หน้าเสาธงด้วยท่าทีเคร่งขรึมตามบุคลิกประจำตัวของอาจารย์ฝ่ายปกครอง เรื่องที่ครูอภิชัยพูดถึงวันนี้เป็นเรื่องการแข่งขันกีฬาสีที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ครูทุกคนขอให้ประธานสีที่ได้เลือกไว้แล้ว ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ มะยมหันไปมองเพื่อน ๆ ในแถวเพื่อจะนัดแนะในการร่วมแบ่งงานกันทำ จนเวลาผ่านไปพอสมควรครูอภิชัยกล่าวจบ ขอให้นักเรียนทุกระดับชั้นไปอยู่ตามกลุ่มสีของตนเองทั้งสี่สี คือ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน และสีชมพู มะยมเรียกคณะกรรมการสีชมพูมายืนอยู่แถวหน้าทั้งหมด ก่อนจะแนะนำทุกคนพร้อมตัวเองในตำแหน่งประธานสีชมพู นักเรียนทั้งหมดเกือบห้าร้อยคนปรบมือต้อนรับพร้อมกัน ก่อนจะรับฟังคำอธิบายในกิจกรรมกีฬาแต่ละประเภท แล้วแยกกันไปตามนั้น น้ำหวานยิ้มชื่นโผล่เข้ามาหามะยมเป็นคนแรกแล้วถามว่า “ พี่ยมเหนื่อยมั้ยค่ะ เดี๋ยวหวานจะไปซื้อน้ำอัดลมมาให้ รอแป๊บนึงนะพี่..”“ หวานไม่ต้องหรอก มีคนเอามาให้แล้ว มามะกินด้วยกัน..”“ ใครเป็นคนเอามาให้ล่ะพี่” คนถามอดแปลกใจไม่ได้ที่การแสดงน้ำใจของตนเองมีคนทำก่อนหน้าแล้ว“ อ้าวพี่นึกว่าน้ำหวานใช่ให้ใครเอามาให้พี่ เมื่อกี้นี่เอง …”“ น้ำหวานเปล่าเอามาให้นะคะ หนูเพิ่งลงมาจากห้องพักครูมาแป๊บเดียวเอง เอ๊ะ ! พี่ยมใครเป็นคนเอามาให้กันนี่ ..” น้ำหวานทำตาโตสงสัยขึ้นมา จนมะยมพูดตัดบทว่า “ คงเพื่อน ๆ พี่ อามาให้ล่ะมั่ง อย่าไปสนใจเลยมามะมาช่วยพี่ไปดูพวกเชียร์ลีดเดอร์ทางโน้นดีกว่า..” มะยมลากน้ำหวานไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล ทั้ง ๆ ที่ในใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าแก้วน้ำอัดลมที่เด็กนักเรียนชั้นมอหนึ่งยื่นแก้วมาให้ พร้อมกระซิบเบา ๆ ว่าอะไรตนเองก็ไม่ได้สนใจฟัง เพราะมัวแต่สั่งงานรุ่นน้องหลายๆ คน กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางได้มะยมแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความเหนื่อย กลับบ้านได้ในเวลาเกือบหกโมงเย็น ครูพลนั่งริมระเบียงฟังข่าวจากวิทยุเครื่องโปรดอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยทักเมื่อมะยมถอดรองเท้าเดินขึ้นมาตรงบันใดบ้านแล้ว …“ ดูท่าทางเหนื่อยมากเลยนะลูก วันนี้มีกีฬาใช่มั้ย”“ พ่อรู้ได้ยังไงจ๊ะ หนูว่าจะมาขออนุญาตกลับเย็นทุกวันเสียหน่อย..”“ ก็พี่เรามาขออนุญาตพ่อไปเมื่อกี้แล้วไงล่ะ ... พ่อถึงได้รู้ก่อนมะยมจะกลับมาถึงบ้านอีก นี่เมื่อกี้คุณอุ่นเรือนใช่ให้เจ้าหยามมันเอาผลไม้ในไร่ฟ้าเมฆามาให้ชะลอมใหญ่ ก็ไม่รู้จะเอามาให้ทำไมกัน .. พ่อล่ะเกรงใจจะแย่ แต่พลอยสิหน้าบานเป็นกระด้ง สงสัยคงปลื้มที่คนในวังฟ้าเมฆามาบ้าน ..”“ ทำไมฝ่ายโน้นเค้าใจดีกับคนบ้านเราจังพ่อ ..”มะยมอดที่จะแหย่แกมประชดไปกับผู้เป็นพ่อไปไม่ได้ เหมือนจะไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อย่าเต็มอกว่าเพราะอะไร …“ สงสัยเค้าอยากได้สะใภ้คนบ้านเรามั้งลูก ..”“ อ๊าย! พ่อจ๋าคนไหนล่ะจ๊ะพ่อ หวังว่าคงไม่ใช่หนูนะ ”“ มันก็ไม่แน่ ทางโน้นเค้าอาจอยากจะได้ของแปลกไว้ประดับวงศ์ตระกูลก็ได้นะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮะ”“ พ่อน่ะพ่อ ฝากไว้ก่อนเหอะ นี่หนูเห็นว่าพ่อเพิ่งหายป่วยนะ ไม่งั้นหนูขอทำโทษด้วยการงดทำอาหารอร่อย ให้พ่อทานหนึ่งมื้อเลย ..”“ เฮ้ย ! พ่อพูดเล่นอย่าทำยังงั้นเชียวนา พ่อกำลังเจริญอาหารอยู่พอดีเลยเชียว ..”“ งั้นทีหลังอย่าล้อหนูเล่นให้ใจหายอีกนะพ่อจ๋า หนูขอไปอาบน้ำก่อนนะ ..”“ เออ ! ไปเหอะพ่อบอกให้พลอยเตรียมกับข้าวไว้ในตู้ให้ลูกแล้วด้วย รีบมากินก่อนจะไปทำการบ้านนะมะยม ..” ครูพลตะโกนไปสั่งลูกสาวคนเล็กอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป โดยมีเสียงวิทยุเครื่องเก่าดังแผ่วลอยไปไกลได้ยินเป็นระยะๆ แทรกไปในอากาศที่มีสายลมเป็นตัวสื่อนำให้คนที่กำลังอาบน้ำในห้องน้ำอมยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ …มะยมออกมาจากห้องนอนหลังจากผัดหน้าปะแป้งหลังตามประสาผู้หญิงที่อาจจะมีไม่มากนัก แล้วจึงเดินตรงมายังห้องครัวที่เปิดไฟส่องสว่างไว้ด้วยความหิวที่กระตุ้นแสดงอาการออกมาให้ได้ยินเป็นเสียงท้องดังจ๊อก ๆ ก่อนจะเปิดประตูตู้กับข้าวเสียงดังแอด ๆ ...เด็กสาวต้องนิ่งขึงไปในทันทีที่พบว่าตู้กับข้าวมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีกับข้าวอย่างที่ครูพลบอกเมื่อครู่แต่อย่างใด จึงปิดประตูตู้กับข้าวลงอย่างเบามือแล้วใจสั่งว่าให้ลงไปหาเจ้าแสนดีข้างล่าง จนสักครู่มะยมก็มานั่งที่โต๊ะกินข้าวพร้อมอาหารที่เตรียมไว้แล้ว …พอทรุดตัวลงนั่งได้สักพักครูพลเดินเข้ามาตบที่หัวเบา ๆ พร้อมถามว่าแกงเลียงบวมใส่เนื้อปลาแห้งอร่อยมั้ย มะยมไม่ตอบกลับก้มหน้าไม่พูดจาอะไร ผู้อาวุโสจึงเกิดความสงสัยจึงถามอีกครั้งว่า ..“ ตกลงเรากำลังกินอะไรกันแน่มะยม ทำเป็นเงียบเชียวนะ ..”“ มาม่าต้มแสนอร่อยกินจ๊ะพ่อ อร่อยและประหยัดกะตังดีด้วยนะ..”“ เฮ้ย! ทำไมมากินอาหารขยะอย่างนี้ แล้วกับข้าวในตู้ล่ะไปไหนเสียล่ะมะยม เมื่อกี้พ่อเห็นอยู่นะ มีแกงสองอย่างกับผัดคะน้าน้ำมันหอยอีกอย่างด้วย”ครูพลเตรียมถอนหายใจเมื่อรู้เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในบ้านอย่างที่กำลังเกิดตอนนี้ได้ “พ่อจ๋าอย่าไปพูดถึงมันเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว หนูก็มีอาหารกินเรียบร้อยแล้วนี่ .”“ ไม่ได้หรอกมะยม พ่อต้องไปพูดกับพลอยใสให้รู้เรื่องอีกครั้ง”“ ไม่เอาน่าพ่ออย่าโมโหสิ ลุงหมอเขาห้ามโมโหง่ายๆ อย่างนี้จำได้หรือเปล่า ประเดี๋ยวความดงความดันขึ้นพรวด หนูไม่รับผิดชอบนา ... ขี้เกียจพาคนตัวหนักไปโรงพยาบาลอีกแล้วนะ ..”“ เอาล่ะพ่อเชื่อ แต่พอกินประทังไปไหวมั้ยไอ้เจ้ามาม่าไร้สาระอะไรนี่”“ โอ๊ยพ่อจ๋า ! สอบอมอยอหอ แปลว่าสบายมากอย่าห่วง มะยมกินง่าย นอนง่าย อยู่ง่ายมาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อจำไม่ได้หรือไง อย่างตอนเด็กๆ สมัยเรียนชั้นอนุบาลมะยมยังห่อข้าวไปกินที่โรงเรียนด้วยไข่ต้มหนึ่งใบกับน้ำพริกหนุ่มทุกวัน จนครูแซวว่ายายมะยมไข่ต้มพ่อมารับที่หน้าโรงเรียนแล้ว จำได้มั้ยจ๊ะพ่อ ..”“ อื่อๆ พ่อจำได้สิตอนนั้นลูกอายุได้สามสี่ขวบเท่านั้น ขี้อ้อนขี้แย ติดแม่การะเกดเป็นที่หนึ่ง ”“ พอพูดถึงแม่ หนูก็คิดถึงขึ้นมาอีกแล้ว ป่านนี้แม่คงอยู่สบายที่บนฟ้าแล้วเนอะพ่อจ๋า ”“ คงเป็นอย่างนั้นแหละลูก ... แม่การะเกดของหนูเป็นคนดี จิตใจประเสริฐ ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเสมอ บนฟ้าบนสวรรค์ต้องต้อนรับได้ความยินดีแน่นอน แต่เอ๊ะ ไปมาเราสองคนวกมาคุยเรื่องเก่าๆ ได้ไง ทานข้าวต่อไปแต่อย่านอนดึกล่ะ .. เดี๋ยวจะต้องใช้แรงงานในงานกีฬาสีอีกหลายวัน ..”“ พ่อไปนอนเถอะจ๊ะ เดี๋ยวหนูจะล้างจาน อ่านหนังสือนิดหน่อยแล้วจะเข้านอนเลย”“ โอเคพ่อจะไปนอนแล้วพรุ่งนี้วันพระอย่าลืมปลุกพ่อใส่บาตรด้วยล่ะ..”“ ไม่ลืมแน่นอนพ่อ รีบนอนเถอะ ..”มะยมทำท่าปล่อยพลัง เอามือดุนหลังผู้เป็นพ่ออย่างเป็นกันเองแล้วผลักร่างอ้วนพุ้ยไปข้างหน้าคล้ายผลักของหนัก ก่อนที่ร่างนั่นจะลับตาไป จึงมานั่งที่เดิมเพื่อเก็บสแปร์มาม่าที่เหลือให้หมด แล้วยกน้ำดื่มสะอาดที่ตั้งวางข้างๆ ขึ้นดื่ม จ่อมจมกับความคิดแวบเข้ามาในทันทีที่น้ำดื่มหมดแก้ว ..เด็กสาวคิดว่าเป็นการดีแล้วที่ตนเองไม่เล่าเรื่องพลอยใสเทกับข้าวเย็นทั้งสามอย่างไปให้เจ้าแสนดีกินอย่างเอร็ดอร่อยในชามข้าวของมันข้างล่างให้ครูพลฟัง ... มิฉะนั้นอาการป่วยของผู้เป็นพ่อที่กำลังดีกระเตื้องขึ้นมาก อาจจะทรุดลงไปอีก ถึงตอนนั้นทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้ไปแล้วก็เป็นได้ มะยมถอนหายใจแรงอีกครั้งก่อนจะเข้าไปในครัวเพื่อล้างจานด้วยความเหนื่อยใจเหนื่อยกายเหมือนทุกครั้งที่เกิดเรื่องหมางใจระหว่างตนเองกับพลอยใส …-------------------------------------วันนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายสำหรับมะยมอีกวันเพราะเป็นวันกีฬาสีวันสุดท้าย กิจกรรมกีฬาได้แข่งขันกันหมดแทบทุกประเภทเหลือแต่เพียงกีฬาชนิดสุดท้ายคือ การแข่งขันกีฬาฟุตบอลระหว่างคณาจารย์กับคณะกรรมการแต่ละสี มะยมในชุดกีฬาทะมัดทะแมงยืนเป็นกองหน้าคู่กับอิสราเตรียมตะลุยฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพทั้งสิ้น อิสราเอ่ยทักทาย ยิ้มยวนยั่วล้อไปว่า ..“ เล่นให้เต็มที่นะครับ อย่าให้เสียชื่อประธานนักเรียนได้ล่ะมะยม เดี๋ยวคุณเล่นตามแผนที่ผมวางไว้นะครับ จำได้หรือเปล่า” อิสราเอื้อมมือป้องปากกระซิบที่ข้างหู จนมะยมรู้สึกว่ามันใกล้จนรู้สึกจักกะจี้ จึงเบี่ยงตัวหลบไปเล็กน้อย เว้นระยะห่างพอสมควร ก่อนจะนิ่งฟังต่อไปว่า …“ แผนของผมคือจะให้คุณครูวิ่งมากๆ แล้วพวกเราค่อยชิงทำประตูในตอนหลัง ..”“ ตกลงทำตามที่นายว่าแล้วกัน..” มะยมรีบตอบเพราะเห็นว่าสายตาทุกคู่ทั้งในสนามและนอกสนามจ้องเขม็งมองมาเป็นสายตาเดียวกัน รวมทั้งสายตาสองคู่ที่จ้องมองมาอย่างไม่ปรารถนาดีอยู่มุมสนามนั่นด้วย“ แต่อย่าลืมกติกาของพวกเราที่จะเล่นให้แพ้นะครับ พวกอาจารย์จะได้ดีใจตกลงตามนี้เขี่ยบอลเลยดีกว่า ..” อิสราเน้นย้ำเจตนาอีกครั้งก่อนจะ วิ่งออกไปข้างหน้าเมื่อเสียงนกหวีดจากกรรมการตัดสินดังขึ้นก้องกระจายไปทั่วบริเวณสนาม … มะยมเขี่ยลูกบอลให้กลิ้งไปยังเดี่ยว หัวหน้าแก็งหนุ่มแสบในทันที …พอเสียงนกหวีดดังยางครั้งเดียวของกรรมการผู้ตัดสินเป่าหมดเวลาในครึ่งหลังกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ไมตรีระหว่างคณาจารย์กับคณะกรรมการแต่ละสีโรงเรียนมัธยมท่าวังหิน มะยมถึงกับหอบแหก ๆ เดินตรงมายังร่มต้นหูกวางที่มีสมาชิกสาวซ่าส์หน้าสลอนแย่งกันยื่นน้ำส่งมาให้โดยพร้อมเพรียงกัน แต่คนมาถึงกลับเลือกแก้วของสาวหน้าหวานคนเดิม … “ แก้วนี้ดีกว่าอร่อยกว่าแก้วอื่นเยอะเลย ..” มะยมหยิบแก้วสีเขียวสดใส น้ำแข็งบางๆ ลอยฟูฟ่องน่ากินที่สุดเข้าดื่มอักๆ ไม่เกรงอกเกรงใจคนอื่น ๆ เลย จนสาวทอมบอยมาดนิ่มคือ จิ๊บ ที่นั่งยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเพื่อนคนอื่นก่อนจะเอ่ยแซวออกมาว่า “ โอ๊ยจะอ้วกแตก มาหวานเรี่ยราดอะไรกันแถวนี้ยะหล่อน วันนี้แข่งกีฬาวันสุดท้ายน่าจะทำตัวให้สมเป็นประธานสีหน่อย ไม่ใช่ติ๊งต๊องคอยตาสบตาชายหนุ่มระหว่างแข่งกีฬา ..”“ เฮ้ยนังจิ๊บ … แกพูดอะไรบ้าเว่อร์ไปเหรอเปล่า ชั้นไปสบตาใคร ตอนไหนย่ะหล่อน..”“ อ้าวก็กับพ่อยอดขมองอิ่มนายอิสราสุดหล่อนั่นไง เตะบอลไปสบตาปิ้งๆกันไป ใครๆ แถวนี้อิจฉาตาร้อนผ่าวๆกันไปหมดแล้ว ...ไม่เชื่อถามทุกคนสิ..” จิ๊บโยนลูกให้กับเพื่อนทุกคน ... มะยมหันไปมองรอบโต๊ะกลมก็เห็นเพื่อนพยักหน้าเห็นด้วยกันหมด จึงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเอ่ยถามไปอย่างข้องใจในตอนที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ในตอนนี้ ..“ คิดกันไปโน้นเลยนะเพื่อนๆ ฉันก็แค่ทำตามแผนการเล่นตามที่ตกลงกันไว้กับนายอิสราเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างที่พวกแกคิด แล้วนี่พวกแกลากฉันเข้าไปสู่วิมานฉิมพลีที่พวกแกสร้างขึ้นมาได้ไงเนี่ยฉันงงจริง ”“ ไม่ต้องปฏิเสธเลยนังยม แกอ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่แก พวกฉันจับตาแกมาตั้งแต่เขี่ยบอลครึ่งแรกแล้ว แหม! เตะบอลทีมองกันทีกว่าจะจบเกมส์มดแมงบินว่อนกันไปทั่วเต็มสนาม ”“ พวกแกบ้าไปแล้ว ฉันนี่นะเตะบอลไปสบตากับหนุ่มไป เพี้ยนหรือเปล่า”“ เอาเหอะๆ นังยม ฉันไม่แซวแกแล้วนะดูซิพวกเรา แค่แซวเล่นๆ แค่นี่หน้าแดงเป็นตำลึงสุกเชียวนะยะหล่อน เขินใช่มั้ยนี่นังยม ยอมรับมาเถอะน่าไม่ต้องอายพวกเราหรอก ”“ นังพวกบ้าเอ๊ยฉันจะไปล่ะ ขืนอยู่นี่นานอาจโดนพวกแกกัดซะเยินทั้งตัวเลย ไปกันดีกว่า เดี๋ยวอาจารย์จะเรียกรวมแจกถ้วยรางวัลแล้ว ไปนะเพื่อนๆ ” มะยมกึ่งลากกึ่งจูงน้ำหวานไปข้างหน้าอย่างทุลักทุเล สาวน้อยหน้าหวานทำสีหน้าปุเลี่ยนๆ คล้ายอยากจะอยู่คุยกับพี่ๆมากกว่าจะไปกับสาวห้าวข้างตัว…แต่เด็กสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดของใครบางคนดังลั่นมาจากมุมตึกข้างโรงอาหารที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสองเมตร “ หยุดคุยกันก่อนสิมะยม ฉันมีเรื่องจะถามเธอ ..” เป็นวันวิสากับพลอยใสคนเดิมนั่นเอง คราวนี้ทั้งคู่มาในมาดใหม่ ดูนุ่มนวลใจเย็นกว่าเดิมจนน่าผิดปกติ ..“ มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอวิสา หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องไร้สาระอะไรพรรณนั้นนะ..” มะยมพูดดักคอสาวชาวกรุงที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ที่มุมปากนิดๆ ด้วยเรื่องที่เคยมีประวัติกันมาไม่นาน แต่ฝ่ายตรงกันข้ามกับยักไหล่ไม่สนใจอะไรที่เอ่ยมาเมื่อครู่เลย … “ อาจเป็นเรื่องใหม่ในเรื่องเก่าก็เป็นได้ เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันกำลังจะหมั้นกับอิสรา และเธอก็รู้แล้วด้วยว่าฉันไม่ชอบให้เธอไปไหนต่อไหนกับอิสสองต่อสอง ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเชื่อที่ฉันพูดเลย แถมยังพยายามทุกอย่างที่จะเข้าใกล้เขาโดยที่เขาไม่ได้เต็มใจซักนิด ฉันไม่เข้าใจ เธอทำยังงั้นทำไมฮึมะยม ..”“ พูดดีดีนะเธอ ใครไปตามตื้อนายอิสราไม่ทราบ ที่แน่ๆคงไม่ใช่ฉันแน่นอน ..” มะยมแย้งไปเมื่อเห็นว่ามันเป็นเรื่องน้ำเน่ามาก ๆ ที่จะมาพูดเรื่องไร้สมอง ไร้ความคิดแย่งผู้ชายเช่นนี้“ ภาพมันฟ้องอยู่โต้ง ๆ แล้วว่าหล่อนพยายามอ่อยอิสราอยู่ตลอดเวลา ในสนามฟุตบอลตะกี้ก็ใช่ ที่น้ำตกจนเกิดเรื่องราวนั่นก็อีก และอีกหลายครั้งฉันไม่อยากจะโพนทะนาให้อับอาย.. เธอกล้าทำมันทั้งๆ ที่ลูกผู้หญิงทั่วไปไม่มีวันที่จะกล้าได้ขนาดนั้น ...มะยมฉันถามเธอหน่อยเธอชอบอิสรามากใช่มั้ย ...” วันวิสาพูดอะไรต่อมิอะไรออกมาอีกมากมายหลายคำ ล้วนแต่ทำให้มะยมฟังแทบจะทนฟังไม่ได้ ... ตัวสั่นด้วยความโกรธ ... กำหมัดแน่นไปหลายครั้ง .. ได้น้ำหวานที่ยืนฟังข้างๆ ดึงแขนเอาไว้ เด็กสาวจึงคายความร้อนรุ่มในใจไว้แล้วเอ่ยไปอย่างใจเย็นว่า…“ วันวิสา ฟังฉันนะ คราวนี้จะขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ... แล้วกรุณาจำใส่กะโหลกหนาปัญญานิ่มของเธอเอาไว้ซะด้วยว่า คนอย่างอีมะยมไม่ได้พิศวาสอะไรคนของเธอเลย ... ต่อให้หน้าตาหล่อเหลาเลิศฟ้ามาดินกว่านี้สักสิบเท่า ก็ไม่มีผลต่อชีวิตชั้น ขออยู่เงียบๆอย่างนี้ดีแล้ว...ใครหน้าไหนก็อย่ามายุ่งกับฉันก็แล้วกัน ไม่งั้นสวยขอเตือนไว้ก่อน..” มะยมพาร่างของน้ำหวานปลิวไปตามเรี่ยวแรงที่มีไปข้างหน้าลับหายไปในทันที ปล่อยให้วันวิสากับพลอยใสที่นิ่งเงียบอยู่คนเดียวตั้งนานสองนานอย่างผิดปกติปลดปล่อยอารมณ์คลั่งแค้นออกมาเป็นคำพูดเต็มที่ว่า “ ดูน้องตัวดีของเธอสิพลอย มันขู่ฉันอย่างหน้าด้านคนอะไรพ่อแม่ไม่สั่งสอน ตัวเองมีความผิดแล้วยังมาตีหน้าใสซื่อว่าไม่ผิดอีก...อย่างนี้มันน่าจะตบล้างน้ำให้หายแค้น ..”“ฉันว่าเราหยุดโวยวายก่อนเถอะวิสา ตอนนี้ฉันอายคนรอบๆ ตัวเราแล้วนะ..” พลอยใสเริ่มจะหงุดหงิดที่วันวิสาพาดพิงถึงคนในครอบครัวโดยเฉพาะถ้าเหมารวมครูพล ผู้เป็นพ่อเช่นนี้ จึงติงเรื่องอื่นไปตามน้ำดีกว่า “ เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าบ้านั่น มันยโส กวน …. ฉันมากเลยนะพลอย ..” วันวิสาฉลาดพอที่จะแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อความสะใจและทดสอบสาวหน้าใสเด็กสาวหน้าจิ้มลิ้มที่ยืนสนทนาในตอนนี้ว่าอยู่ข้างฝ่ายตัวเองแน่นอน เพราะดูจากพฤติกรรมที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากันกับอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา แถมหนำซ้ำเวลาสนทนาถามหาอีกคน พลอยใสมักจะอารมณ์เสียไปในทุกครั้ง …“ เธอจะทำอะไรก็ทำไปเถอะวิสา ฉันไม่ยุ่งเรื่องนี้ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”“ โอเค …คราวหลังถ้าฉันจะทำอะไร คิดอะไรเธออย่ามาห้ามนะพลอย... ฉันถือว่าเธอเห็นดีเห็นงามด้วยกับฉันในทุกเรื่อง” วันวิสาตอบอย่างฉะฉานมั่นใจ จนอีกฝ่ายต้องโต้กลับมาว่า “ เอาเลยเธอจะคิดทำอะไร ทำเลย ฉันอยู่ข้างเธอเสมอตกลงหรือเปล่า ” พลอยใสตอบย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กระด้างในน้ำเสียงจนคนฟังสัมผัสได้ … แต่คนอย่างวันวิสาจะแคร์อะไรกับเรื่องพลอยใส เพราะเป้าหมายใหญ่ ก้างขว้างคอชั้นดีอยู่ที่คนผู้น้องที่ชื่อมะยมมากกว่า …“ ฉันจะทำแน่เธอคอยดูไว้ให้ดีแล้วกันพลอย ตอนนี้ฉันว่าเราไปรวมแถวก่อนดีกว่าอาจารย์กวักมือเรียกแถวแล้วไปเถอะพลอย ” ทั้งสองจึงรีบวิ่งไปยังแถวที่จัดเตรียมทำพิธีมอบรางวัลสำหรับกีฬาประเภทต่าง ๆ หน้าบริเวณเสาธงในทันทีที่ได้ยินเสียงออดดังขึ้นหลังจบเพลงกราวกีฬาดังยาวหนึ่งครั้ง …. -------------------------กาหรือหงส์ ตอนที่ ๒๖ จบแล้วติดตามตอนใหม่ในวันมะรืน .. ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านกันมาอย่างเหนียวแน่น ติต่างเอาประมาณ ๓๐ ท่าน อิอิ .. ขอบคุณจากใจจริง ๆๆ นายอิส / เมฆชรา๗ สิงหาคม ๒๕๕๓๑๔นาฬิกา ห้านาที