จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๓๓

กาหรือหงส์ ตอน ๓๓





ปู่คำตันมองสองหนุ่มสาวที่หัวเราะต่อกระซิกเริงร่าบนเรือไม้ซุงแบบดั่งเดิม เปิดปีกหัวและท้ายแล้วเจาะด้านในเป็นร่องเรือเป็นเหมือนรางใส่ข้าวหมู โดยทำกระดูกงูเป็นสันนูนตลอดไปทั้งลำเรือเพื่อให้คนพายและคนนั่งไปยืนอยู่ตรงกลางเพื่อถ่วงน้ำหนักเรือเอาไว้พอดี มะยมจับขอบเรือไว้แน่นก่อนจะเอ่ยถามปู่คำตันเมื่อมือน้อยสัมผัสอะไรสากสีขาว ๆ กลิ่นแปลก ๆ …

“ ปู่ขาที่หนูกำลังจับอยู่ตรงขอบเรือ เป็นยางเหนียว ๆ เรียกว่าอะไรหรือค่ะ “

“ อ้อนั่นเขาเรียกว่าขี้ระย้า มันเป็นน้ำยางไม้พื้นบ้านเรานี่แหละเอามาต้มกับกวาง นี่ไม่ใช่สัตว์สี่ขานะลูก แต่เป็นน้ำยางไม่เหมือนกัน นำมาต้มให้เข้ากันแล้วใส่ผสมกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวต่าง ๆ อย่างมะกรูด มะนาว มะเฟือง อย่างนี้ เคี่ยวจนได้ที่ รอจนเย็นตัวจะได้กาวธรรมชาติอย่างที่เราสองคนกำลังจับเล่นนั่นแหละ “

“ โอ้โห! น่าทึ่งภูมิปัญญาคนโบราณจริงเลย แล้วตอนนี้คุณปู่จะพาเราสองคนไปที่ไหนครับ “

“ อ้าวก็ไหนพวกเอ็งอยากจะเห็นเขาทำเรือแข่งไม่ใช่หรือ นั่นเลยคุ้งน้ำข้างหน้าก็จะถึงแล้ว ไอ้หนุ่มออกแรงช่วยปู่พายเร็ว ๆ หน่อยสิลูก “

“ เอ้าปู่ครับ ! ฮุยเลฮุย เอ้าฮุยเลฮุย ๆ ๆ ๆ ..”

อิสราเริ่มส่งเสียงดังประหนึ่งว่าตนเองกำลังจะพายเรือในสนามแข่งขันเรือชิงถ้วยพระราชทานในตัวจังหวัดยังไงยังไง จนมะยมที่กำลังจ้องเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมานิด ๆ เอ่ยแซวว่า …

“ นายต้องจำท่าทางวันนี้ให้ได้นะอิส อาทิตย์หน้าอาจารย์เพทายจะนัดซ้อมฝีพายแล้ว แถมอาจารย์จะให้นายเป็นหัวหน้าฝึกร่วมกับอาจารย์ด้วย งานนี้หนักแน่ๆ จ๊ะ ”

“ ผมทราบครับมะยม เคยเห็นในทีวี แต่ดูท่าทางสนุกมาก วันนี้เลยจะมาขอฝากตัวกับคุณปู่ช่วยชี้แนะพวกเราสองคนด้วยครับ “ คนตัวสูงโยนลูกถามไปยังชายชราที่ทำท่าอมยิ้มในใจ …

“ เอาล่ะจะบอกเคล็ดลับให้แน่ๆแต่ตอนนี้เร่งพายอีกหน่อยพ่อหนุ่มใกล้ถึงท่าน้ำข้างหน้าก็จอดได้เลย “

“ ตรงต้นไทรต้นนั้นเหรอครับคุณปู่ วังเวงน่ากลัวจัง “

“ นั่นแหละเจ้าพวกฝีพายเก่งๆ มารวมตัวกันที่นี่ทุกวัน ถ้าเอ็งอยากได้วิชาความรู้ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ พวกพี่ๆ เขาจะได้เมตตาสอนสั่งและถ่ายทอดความรู้ให้ “

“ งั้นเหรอครับปู่ ผมจอดที่ท่านี้เลยนะ“

“ เออ เออ เบา เบาล่ะอย่าเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนตอนขึ้นเรือมา ข้ากลัวเรือของข้าล่มเต็มที “

“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ “

เสียงหัวเราะสดใสร่าเริงดังกังวารแว่วมาจากข้างหลังเมื่อปู่คำตันพูดจบ ถึงจะเป็นการหัวเราะเพื่อเยาะเย้ยแต่ในความคิดของอิสรากลับ เป็นน้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งมากถึงมากที่สุดเมื่อได้ยินเสียง ๆ นี้จบลง คนตัวสูงกระโดดลงไปบนท่าเรือที่ทำขึ้นมาอย่างง่าย ๆ คือต่อไม้กระดานแผ่นใหญ่ยื่นออกมาในน้ำ แล้วทำเป็นหลักไม้เพื่อผูกเชือกเวลาจอด พร้อมกับโบกมือให้คนทั้งสองที่ลุกขึ้นจนเรือโยงโคลงเคลงไปมา …

“ ทำเป็นหัวเราะไปนะครับมะยม คุณปู่ส่งมือมาสิครับผมจะได้ดึงขึ้น “

พอผู้อาวุโสยื่นมือมาอิสราก็ค่อยดึงขึ้นมาบนท่าน้ำ ปู่คำตันเดินหายลับไปในทันที พออิสราจะหันกลับไปดึงมะยมบ้าง ก็พบว่าสาวเจ้ากระโดดขึ้นมาบนท่าเรียบร้อยแล้ว แถมเดินตัวปลิวตาปู่คำตันไปอย่างรวดเร็ว … อิสราส่ายหน้าแล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างขำขำ ที่พยายามจะสร้างโอกาสใกล้ชิดสาวมาดเข้มคนนี้ตลอดเวลา แต่อีกฝ่ายก็มักจะรู้ทันไปซะทุกที จึงรีบเดินตามไปยังเรือนหลังคามุงแฝกเปิดโล่งริมน้ำไปในทันที

เรือนไม้ไผ่ขัดแตะทำขึ้นอย่างลวก ๆ แต่มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกมัดเรียงตัวกันแน่นคลุมกันเป็นหลังคาขนาดยาวไปตามแนวแม่น้ำประมาณยี่สิบกว่าเมตรจุคนที่ตอนนี้กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวร้องเพลงกันเป็นที่สนุกสนาน กระทั่งมีใครคนหนึ่งตะโกนมาบอกว่า …

“ พ่อปู่มา พ่อปู่มาโว้ยพวกเรา … เงียบ ๆ กันหน่อย “

อิสรากับมะยมเดินเข้ามาสมทบปู่คำตัน โดยยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่ผู้อาวุโสจะแนะนำนักเรียนฝึกงานจำเป็นสองคนที่จะเข้ามาหาความรู้กับพี่ ๆ แห่งเรือพายที่ขึ้นชื่อที่สุดของท่าวังหิน ที่ใคร ๆ ไม่รู้จัก …

…. เรือเทพประทานฟ้า ….

ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อเริ่มชื้นออกที่มือทั้งสองข้าง ตกประหม่าหน้าซีด เพราะชายฉกรรจ์ที่ยืนจังก้าตรงหน้าประมาณเกือบสิบห้าคนหลากหลายวัยด้วยกันต่างจ้องคนทั้งสองอย่างไม่วางตา ด้วยความไม่เคยเห็น ว่าจะมีวัยรุ่นอายุอานามน้อยนิดจะมาสนใจในการขุดเรือเพื่อเข้าแข่งขัน แถมทั้งสองดูท่าทางบอบบางเป็นคุณหนูขนาดนี้จะมาศึกษาขั้นตอนการขุดเรือไปทำไม จนกระทั่งปู่คำตันเอ่ยแนะนำคนทั้งสองเสร็จสิ้น ความเป็นกันเองเริ่มจะคืนมาสู่บรรยากาศเจี๊ยวจ๊าวตั้งแต่ต้น ….

“ ไหนใครคือลูกครูพลเหรอปู่ น้องผู้ชายหรือน้องผู้หญิง “

“ ไอ้เซ่อพวกเอ็งจำมะยมลูกสาวครูพลไม่ได้จริง ๆ เหรอ เมื่อก่อนตอนเล็ก ๆ ยังมาวิ่งเล่นที่ท่าน้ำนี่เป็นประจำ บ๊ะพวกนี้ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน“ ปู่คำตันตำหนิชายผิวคล้ำอายุประมาณสามสิบห้าที่เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ อ้าวนังหนูนี่เหรอ แหมโตวัยจัง วันนี้ครูพลไม่มาด้วยเหรอจ๊ะมะยม “

“ วันนี้พ่อมีงานที่โรงเรียนจ๊ะน้าฉันกับเพื่อนเลยมากันสองคน เดินมาหาปู่ที่ท่าน้ำแล้วก็มาที่นี่แหละจ๊ะ”

“ ครูพลแกเคยสอนพวกเราที่นี่เกือบทุกคน ถ้าเป็นเรื่องประเพณีวัฒนธรรมพื้นบ้าน “พ่อครูพล” จะนำหน้าพวกเราทำเสมอ ๆ ไม่เว้นแม้แต่เรือขุดเรือกันในวันนี้ ครูก็เป็นคนไปขอทุนที่อำเภอกับท่านปลัดดนัย จนพวกเราได้มารวมตัวทำอีกครั้ง “

“ อ้าวแล้วไหง ครูพลไม่บอกกล่าวมะยมเองล่ะปู่ ทำไมต้องมาถึงที่นี่ … มันทั้งไกล ทั้งยุงเยอะด้วย “

“ กูก็ไม่รู้มันเหมือนกัน เมื่อวานมันมาหาที่บ้านข้าแล้วบอกว่าลูกสาวจะพาเพื่อนมาหา และให้ข้าช่วยแนะเคล็ดวิชาต่างๆ ให้ “

ปู่คำตันพยายามจะอธิบายความเป็นมาให้กลุ่มฝีพายข้างหน้าฟังอย่างหมดเปลือก จนมะยมเห็นว่าควรจะเอ่ยแทรกขึ้นอะไรขึ้นมาบ้าง ..

“ อย่างนี้จ๊ะน้าคือทางโรงเรียนมีนโยบายที่จะให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนสัมพันธ์ ในทุกด้านที่สามารถเข้าร่วมได้ อย่างเช่นการเข้าร่วมการแข่งขันประกวดเรือแข่งของจังหวัดในปีนี้ที่มีการแข่งเรือทั้ง 4 ประเภท คือ เรือเล็ก กลาง ใหญ่ และประเภทสวยงาม ทางโรงเรียนนำโดยอาจารย์ประสงค์ ท่านก็มีความคิดจะให้นักเรียนในโรงเรียนเข้าร่วมในกิจกรรมนี้ด้วย อาจารย์จึงมอบให้ฉันกับอิสรา คนที่ยืนอยู่นี่มาให้พวกน้า ๆ ช่วยแนะเทคนิคหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ให้จ๊ะ “

“ มะยมเอ็งอย่าบอกข้านะว่าเอ็งจะลงเป็นฝีพายด้วยน่ะ “

“ เฮ้ย ! มึงจะบ้าหรือไงไอ้หมาน ผู้หญิงจะมาพายเรือแข่งได้ไง จะแซวอะไรก็ดูตาม้าตาเรือมั่งนะโว้ย”

ปู่คำตันทำท่าจะยกขาขึ้นถีบชายหนุ่มรุ่นกระทงที่ดูท่าจะอายุอานามไม่เกินยี่สิบห้าปีด้วยความหมั่นไส้อีกครั้ง “ อย่าไปว่าน้าเค้าเลยจ๊ะปู่ ความจริงฉันก็อยากจะพายเรือแข่งกับเพื่อน ๆ ด้วยเหมือนกัน ท่าทางคงสนุกดีเนอะ“มะยมหัวเราะยิ้มร่าไปพร้อมกับทุกคนที่ส่งเสียงอึกทึกคึกโครมปานจะมีงานอะไรสักอย่าง

ส่วนคนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็เริ่มคุ้นเคยและบรรยากาศเริ่มเป็นกันเองบ้างแล้ว …

“ อ้าวหัวเราะสนุกสนานกันใหญ่ปู่เลยลืมแนะนำไอ้หนุ่มรูปหล่อคนนี้ไปเลย เฮ้ยพวกเรา นี่ลูกชายไร่ฟ้าเมฆามาจากกรุงเทพ ตอนนี้ย้ายมาเรียนที่ท่าวังหินแล้ว จะมาขอข้อมูลกับมะยมด้วยอีกคน “

“ สวัสดีครับพี่ทุกคน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ “

“ ฮ่ะ ๆ ๆ ไอ้หนุ่มรูปหล่อมีมารยาทดียังกะพระเอกลิเกเลยปู่ ยังงี้พ่อน่าจะไปเป็นพระเอกหนังมากกว่านะพ่อ “ เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแซวดังมาจากข้างหลัง จนทุกคนต้องหันไปมองตามเสียงนั้นทันที …

“ เอาอีกแล้วไอ้ลบ งานเค้ามาดี ๆ จะพังก็เพราะมึงนี่แหละ …อิสราจะมาให้พวกเราแนะวิธีเป็นฝีพายที่ดี พายอย่างไงไม่ให้เรือจม หรือพายยังไงให้ได้ถ้วยชนะเลิศ …เข้าใจมั้ยวะ “

“ เข้าใจแล้วน่าปู่ ผมแซวน้องเขาเฉย ๆ ล้อเล่น ๆ สนุก ๆ ขำขำน่ะ..อย่าซีเรียสสิ ผมก็เคยไปทำงานเป็นคนงานในไร่องุ่นของท่านชานเหมือนกัน ท่านใจดีกับพวกเรามาก ๆ “

“ เออ ๆ วันหลังก็อย่าชักใบให้เรือเสียอย่างนี้สิ เอาพวกลิงทั้งหลายข้าพูดถึงไหนแล้ววะ ..”

“ ปู่กำลังจะฝากสองคนนี้ให้พวกเราดูแลไงครับ “
“ ข้าแก่แล้วหลง ๆ ลืมอย่างนี้เสมอ … ใช่ข้าอยากจะฝากให้พวกเองดูแลพวกเด็ก ๆ ให้เหมือนลูกเหมือนหลานเลยนะ พรุ่งนี้ข้าจะมาพร้อมครูพล มาดูว่าพวกเองทำงานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้สองคนนี่มาเสาะหาความรู้ไปถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ เค้าต่อไป … แค่นี้พวกเอ็งพอจะทำได้มั้ยวะ “

“ ได้ครับปู่ สบายมากครับ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราจัดการเอง ..”

เสียงตะโกนดังแทรกขานรับเจตนารมณ์ของผู้อาวุโสที่หอบสังขารอันแก่ชรามาถึงโรงต่อเรือแห่งนี้ในเวลาที่จวนโพล้เพล้เต็มทน ก่อนที่คนทั้งสามจะขอตัวกลับไปในทางเดิม …

อิสรานั่งจ้ำพายเรือไปข้างหน้าฟังคำสนทนาของปู่คำตันกับมะยมอยู่อย่างเงียบ ๆ ก่อนจะตอบคำถามไปในบางครั้ง กระทั่งพายเรือย้อนกลับมายังจุดที่เดิมอีกครั้งหลังจากที่ไปส่งผู้อาวุโสยังบ้านริมแม่น้ำ…

อากาศยามเย็นจวนจะค่ำบริเวณริมน้ำน่าน เย็นยะเยือกผะแผ่วไล้ผิวจนสาวหน้าคมต้องเอามือกอดอก ห่อปากซู่คล้ายไล่ความหนาวให้ไปจากบริเวณนั้น อิสราจ้ำพายเรือไปเงียบ ๆ ก่อนจะหยุดพายแล้วส่งเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำส่งให้คนขี้หนาว..

“ อากาศเริ่มเย็นแล้วนะครับมะยม … ผมชอบอากาศอย่างงี้จัง กรุงเทพฯหาไม่ค่อยจะมีเมท่าไหร่ “

“ จะไปมีได้ไงต้นไม้ซักต้นก็ไม่มี หนำซ้ำอากาศเป็นพิษกระจายอยู่เต็มเมืองซะขนาดนั้น จ้างให้ฉันไม่มีวันไปอยู่ที่นั่นหรอก เมืองอะไรก็ไม่รู้ร้อนเป็นบ้า คนอยู่ก็เอาแต่หน้าบูดบึ้ง ไม่ยิ้มแย้มให้กันเลย สู้ที่ท่าวังหินก็ไม่ได้ อากาศดีกว่าตั้งเยอะ “

“ ข้อนี่ผมไม่เถียง กรุงเทพเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ แต่มันก็ไม่ถึงกับเลวร้ายเสียเลยทีเดียว มันยังมีแง่มุมสวยงามเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างวัดพระแก้ว วัดอรุณฯ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลปินแห่งชาติ ท้องฟ้าจำลอง เป็นต้น ทุก ๆ ที่กล่าวมาผมชอบไปหมด และไปได้บ่อย ๆ ด้วย วันหลังถ้ามีโอกาสผมจะพามะยมไปให้ได้เลยทีเดียวเชียว “

คนพูดทำตาลอยเปี่ยมไปด้วยความหวัง เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนฟากฟ้า จนคนนั่งตรงกันข้ามถึงกับย่นคิ้วแลบลิ้นยาวออกมาล้อเลียน …

“ โอ๊ย! … ฉันอยากจะอ้วกออกมาซะตอนนี้จริง ๆ อิสรา หวานจนเลี่ยนเกินไปรึเปล่าจ๊ะพ่อคุณทูนหัว นี่กะจะจีบสาวบนเรือพายนี่เลยเหรอคงซาบซึ้งตายล่ะ เอางี้ไว้วันหลังฉันส่งตัวแทนคือนังมะหมี่มาแทนรับคำป้อยอของนายดีกว่า คงสนุกดีพิลึกเนอะ “

“ โธ่! ผมพูดจริง ๆ นะครับมะยม “

เมื่อพูดจบประโยคอิสราปล่อยพายลงข้างตัวเอาดื้อ ๆ แล้วเอื้อมมือหนาใหญ่มั่นคงมาจับมือเล็กบางของมะยมไว้อย่างทันทีทันควัน จนสาวหน้าคมสะดุ้งเฮือก รู้สึกตกใจตั้งตัวไม่ติดระคนแปลกใจในพฤติกรรมของผู้ชายหน้าตาหล่อระเบิดเถิดเทิงขวัญใจหนึ่งเดียวของกลุ่มสาวซ่าส์ที่ห่ามและรวดเร็วบุ๊ปปั๊บปานกามนิตหนุ่มนั่นทีเดียว … จึงแก้เขินโดยขู่ตะคอกไปเบา ๆ ว่า …

“ เฮ้ยอิสราปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวชาวบ้านแถวริมน้ำเห็นข่าวมันจะไม่ดี “

“ ผมปล่อยแน่ ถ้ามะยมรับปากว่าจะไปกรุงเทพฯกับผม… เอ่อ ..เมื่อถึงวันนั้น” คนพูดทำหน้าตาจริงจังเหลือเกิน จนคนฟังสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่แสดงออกมาในตอนนี้ มะยมรู้สึกหน้าแดง เลือดสูบฉีดพล่านไปทั้งร่างกาย พลางนึกถึงคำพูดของส้มโอที่ว่าให้สังเกตคนที่ป้วนเปี้ยนรอบ ๆ ตัวคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาคนนั้นกำลังจะผูกมิตรไมตรีอย่างลึกซึ้งกับตัวเธอเองด้วยความพยายามมากกว่าปกติ …

“ พูดอะไรบ้า ๆ ใครจะไปบ้านนายที่กรุงเทพฯด้วย ฉันคนล่ะที่จะขอปฏิเสธ “

“ ผมชอบคุณจริง ๆ นะครับมะยม พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้แล้วเมื่อวันก่อน … ผมไปสารภาพกับท่านไปตรง ๆ และขอท่านช่วยให้เราสองคนสมหวัง คุณอาจจะตำหนิว่าเรายังเด็กเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ แต่สำหรับความคิดผม เรื่องนี้ควรจะพูดตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะผมมั่นใจในตัวคุณ ผมมั่นใจจริง ๆ “

“ ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ ฉันว่านายไปเช็คสมองใหม่ไป แค่คิดเล่นๆว่าจะผ่านด่านคู่หมั้นจอมโวยของนายให้ได้ ฉันก็เริ่มสยองกว่าที่จะคิดเป็นกิ๊กกับนายแล้วล่ะ “

“ เรื่องของวันวิสา ผมจัดการได้แน่นอนมะยมไม่ต้องห่วง เธอไม่มายุ่งวุ่นวายแน่ถ้าฝันของเราสองคนเป็นจริงในวันข้างหน้า“

มะยมเงยหน้ามองใบหน้าคล้ามที่ต้องแดดอ่อน ๆ ยามเย็นอยู่ในตอนนี้อย่างฉงนฉงายในกิริยาที่กำลังแสดงอย่างเอาจริงเอาจังเสียเหลือเกิน จนตัวเองอยากสะบัดมือไปให้พ้น ๆ อุ้งมืออุ่นที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอดความแข็งแกร่งก็ยังคงมีอำนาจเหนืออยู่ดังเดิม จึงทำได้แค่เพียงเหลียวซ้ายแลขวา หาวิธีหลุดพ้นบ่วงบรรณาการในตอนนี้ …

“ จ๊ะฉันรู้ว่านายเป็นคนเก่ง ทำได้อย่างที่พูดแน่ๆ ตอนนี้ปล่อยมือฉันก่อนสิ โอ๊ยอิส นายดึงฉันไปทำไมน่ะ ฉันเจ็บนะ “

มะยมยิ่งงงกันไปใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ถูกจับมือนุ่มไว้แน่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น …

แต่คนร่างสูงกลับดึงร่างบางของตัวเองไว้ในอ้อมแขนแล้วสวมกอดไว้แน่นจนแทบจะหายใจอยู่แล้ว …

“ มะยม ผมชอบคุณนะ … ผมชอบคุณจริง“

“ ว้ายตายแล้ว …นี่นายกำลังทำอะไร ประเดี๋ยวคนแถวนี้เห็นเอาไปฟ้องพ่อฉัน ได้จบเห่กันพอดี …ถ้านายยังอยากจะเป็นเพื่อนฉันและพบเจอกันอีก กรุณาอย่ารุกล้ำสิทธิ์ปล่อยตัวฉันได้แล้ว“

พอเจอไม้ตายสาวน้อยแห่งท่าวังหินเป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเท่านั้น อิสราถึงกับปล่อยร่างบอบบางออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็อ้อยอิ่งอยู่นานจนมะยมต้องผลักร่างสูงใหญ่เป็นนักกีฬาออกอีกครั้งหนึ่ง ถึงจะพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่งนี่ไปได้ ก่อนจะแสร้งหันไปมองทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าที่แดงกล่ำคล้ายดังผลตำลึงสุกของตัวเองโดยปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งกลับถึงบ้าน …




กาหรือหงส์ ตอนนี้ลงจอก่อนหนึ่งวันเพราะเสาร์อาทิตย์ ผมไม่ว่างโพสต์ ขอบพระคุณที่ติดตามกันมาเหนียวแน่น .. ติดตามตอนใหม่ได้สามวันนี้นะครับ .. ขอบพระคุณคร้าบ ...

นายอิส/ เมฆชรา

๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓

๑๙ นาฬิกาหน่อย ๆ อิอิ




Create Date : 20 สิงหาคม 2553
Last Update : 20 สิงหาคม 2553 19:19:39 น. 0 comments
Counter : 709 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.