จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
กาหรือหงส์ ตอน ๒๔

กาหรือหงส์ ตอน ๒๔






ตอนนี้พลอยใสเริ่มจะรู้สึกรำคาญในกิริยาของอิสรามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เมื่อมองเห็นท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนจนดูเหมือนกังวลอะไรซักอย่างจนดูไม่มีความสุขที่ได้อยู่บนชั้นน้ำตกชั้นที่เจ็ด ซึ่งเป็นชั้นที่มีความสวยงามของธรรมชาติไว้มากที่สุด สภาพป่าที่ดิบครึ้มแทรกด้วยสายน้ำตกที่ไหลจากที่สูงหล่นลงมาสู่พื้นแตกเป็นฟองกระจาย อบอวลไปด้วยละอองหมอกกระจายทำให้ชุ่มฉ่ำ จนแทบจะเรียกได้ว่าที่นี่เหมือนสวรรค์น้อยของน้ำตกศิลาแลงอย่างแท้จริง อิสราชะเง้อมองหามะยมจนไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่พลอยใสพยายามจะชวนคุยสนทนาแต่อย่างใด กระทั่งอานนท์เดินขึ้นมาถึงเด็กหนุ่มจึงเด้งตัวลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามว่า …

“ มะยมไม่ได้มากับคุณหรือครับคุณอานนท์ ..”

“ อ้าวเมื่อตะกี้เห็นเดินมาตามหลังมาอยู่ไวๆ คงอยู่แถวนี้แหละไม่ต้องห่วงหรอกครับประเดี๋ยวก็คงจะมาเองครับคุณชาย ..”

อานนท์เรียกอิสราอย่างเกรงใจ เพราะคนในอำเภอท่าวังหินไม่มีใครไม่รู้จักคุณชายอิสรา บุตรชายเจ้าของไร่ฟ้าเมฆาหรือคฤหาสน์ฟ้าเมฆาอันโอ่อ่าบนเขานั่นเอง …

“ แต่ว่ามันนานแล้วนะครับที่คุณอานนท์เดินตามพวกเรามา … ผมเป็นห่วงเธอน่ะครับ ..”

“ คุณอิสไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ที่นี่ยัยมะยมมาวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กผมรับรองได้ไม่มีอันตรายอะไร แล้วชาวบ้านแถวนี้ก็เป็นชาวบ้านทำนาทำไร่กันธรรมดา ไม่มีอันตรายเหมือนคนที่อื่น ๆ แน่นอน..”

“ นั่นสิคะคุณอิส พี่นนท์พูดถูกแล้ว แถวนี้มีแต่ธรรมชาติสวยงามไม่มีอันตรายอะไรจริง ๆ”

พลอยใสพยายามจะเสริมคำพูดของอานนท์ด้วยความตั้งใจลึก ๆ ไม่อยากให้อิสราอยู่ห่างตนเองไปในตอนนี้ … แต่เด็กหนุ่มยังยืนยันตามเดิมด้วยความรู้สึกกรุ่น ๆ ในใจ เพราะยังไม่เห็นตัวมะยมทั้ง ๆ ที่แยกจากกันมาจากที่จอดมอเตอร์ไซค์มานานแล้ว จึงฝากพลอยใสให้อานนท์ดูแล ส่วนตนเองจะไปตามมะยมที่น้ำตกชั้นล่าง …

“ ผมฝากคุณอานนท์ช่วยดูแลคุณพลอยสักประเดี๋ยวนะครับ ผมร้อนรู้สึกเป็นห่วงมะยมมาก ๆ ว่าจะลงไปตามที่ด้านล่าง … เดี๋ยวผมมาครับ ” พลอยใสจึงตอบสวนไปว่า “ โธ่ ! อิสราคะไม่ต้องไปตรงไปตามหรอกคะ เสียเวลาป่าวๆ ”

พลอยใสยังมีความหวังที่จะอยู่กันสองต่อสองกับอิสรา ทั้งที่มีอานนท์ยืนมองตาปริบ ๆ ด้วยอารมณ์หึงหวงอยู่ใกล้ ๆ จนถึงกับเอ็ดสาวน้อยหน้าสวยว่า ..

“ ปล่อยให้คุณอิสเค้าไปทำธุระของเขาหน่อยสิพลอยใส คุณน่ะต้องอยู่กับผม”

“ งั้นก็ดีล่ะครับ ผมไปล่ะ..”

อิสราค่อยย่างเดินเลี้ยวลดไปตามแก่งหินที่ยื่นโผล่เหนือน้ำเป็นแนวตะปุ่มตะบ่ำ โดยมีตะไคร้น้ำสีเขียวปกคลุมจนเด็กหนุ่มแทบจะเซถลาหล่นลงน้ำไปในหลายช่วงก้าว กระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงคนสองคนกำลังดิ้นรนต่อสู้กันในโขดหินที่เห็นอยู่ลางๆ ด้านหน้า …

เด็กหนุ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำ หัวใจกระตุกโครมครามด้วยความตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ใจหนึ่งสั่งการให้วิ่งหนีไปเรียกคนมาดูและมาช่วยหากเกิดเหตุร้าย ส่วนใจอีกใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปช่วยในทันทีตามสัญชาติญาณลูกผู้ชาย เพราะถ้าหากช้าอาจจะไม่ทันการอะไรก็เป็นได้ …

อิสราจึงตัดสินทำในอย่างแรก ก็คือ รีบวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่ชลประทานที่นั่งเป็นเวรยามอยู่ในสำนักงานทางด้านล่างในทันทีที่คิดว่า ถ้ากลับมาคงมีเวลาทันช่วยเหลือ …

แต่เด็กหนุ่มทำได้แค่ชะงักเท้าไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเสียงที่แผดร้องดังลั่นมาเป็นระลอก ๆ คือเสียงที่ตนเองแสนจะคุ้นเคยกว่าสรรพเสียงใดใดในโลกนี้ อิสราถลาตัวเข้ายังโขดหินรวดเร็วอย่างไม่คิดชีวิต จนเห็นร่างสูงใหญ่หนาทะมึน ผมเฝ้ารงรัง เสื้อขาดรุ่งริ่ง กลิ่นสาปสางเหม็นเน่าสุดสุดกำลังค่อมอยู่บนร่างเล็กบางด้วยท่าทางที่ประสงค์ร้ายมากกว่าเป็นมิตร จนคนร่างเล็กที่อยู่ด้านล่างถึงกับตะโกนออกมาร้องขอความเมตตาอย่างน่าสงสาร …


“ อย่า อย่าทำฉันเลยพี่ อย่าทำฉันเลย จะเอาอะไรเอาไปเถอะเงินนาฬิกา ฉันก็มีนะพี่ นี่ไง นี่ไง ”


มะยมพยายามจะทำทีท่าว่าอ่อนลง เพื่อรอเวลาสะบัดหลุดจากการเกาะกุมของชายกักฬระผู้นี้ในทันทีที่มีโอกาส แต่เด็กสาวได้แค่คิดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อคนตัวสูงใหญ่กำลังก้มตัวดึงเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายออกจากตัวด้วยกำลังมหาศาล มะยมหลับตาปี๋เริ่มปลงตกกับชะตากรรมของตัวเองในตอนนี้ …

แต่แล้วทุกอย่างกลับหยุดนิ่งเหมือนดูโทรทัศน์แล้วกดรีโมทแช่ภาพไว้เพียงเท่านี้น เพราะภาพที่เด็กสาวรับรู้ในตอนนี้คือมีคนกำลังพุ่งชาร์ทเข้ามาพร้อมกับคำสบถรุนแรง จับใจความกระท่อนกระแท่นว่า …

“ หยุด! เดี๋ยวนี้ไอ้ชาติชั่ว ”

ผัวะ ผะ ผัวะ ผัวะ ผะ ตุ๊บ ตั๊บ

เหตุการณ์ชุลมุนจนมะยมต้องถอยฉากออกมา ...

“ โอ๊ย โอ๊ยเจ็บ พอแล้ว ยอมแล้ว”

ชายแปลกหน้าเกาะกุมหัวที่เลือดโชก ร้องโอดโอยแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นว่าเลือดทะลักออกมาอย่างกับสายน้ำที่ไหลรินอยู่เบื้องล่าง เพราะอิสราเอาก้อนหินทุบกระหน่ำตีไปที่หัวอย่างลืมตัวโกรธจัดด้วยแรงทั้งหมดสั่งการไปที่มือนั่น ก่อนจะสบถคำออกมาอย่างสุดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้ว่า


“ จำไว้ว่าทีหน้าทีหลังจะทำอย่างนี้กับพวกผู้หญิงอื่น ๆ ที่ไม่มีทางสู้ วันนี้แกเข้าตะรางไปสงบสติอารมณ์ก่อน ว่าง ๆ ฉันจะแวะไปเยี่ยม …”


นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเด็กหนุ่ม ก่อนจะกระหน่ำหมัดหลุน ๆ ไปที่ใต้คางผู้รุกรานไปอีกครั้ง จนถึงกับหมดสติคอพับคออ่อนร่วงลงพื้นเหมือนนกปีกหัก ก่อนความเงียบจะเข้ามาครอบคลุมอีกครั้งในทันที …

อิสรามองร่างสาวน้อยร่างบางอันเป็นดวงใจที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นงันงก น้ำตาไหลหยดรินสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดแกร่งของตนเองอย่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสงสาร ระคนเห็นใจในโชคชะตาอันโหดร้ายที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนี้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นคราวโชคดีของตัวเองจริง ๆ ที่คิดออกมาตาม มิฉะนั้นก็อาจจะสายเกินแก้ได้ก็เป็นได้ …

อิสราเหลือบมองร่างที่ไร้สติของผู้ประสงค์ร้ายให้แน่ใจว่าจะไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วหนีหายไปแน่นอนแล้ว จึงค่อย ๆ ประคองมะยมที่ยังสะอื้นอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลงมาถึงบริเวณน้ำตกด้านหน้า จนมองเห็นว่ามีสองหนุ่มสาวกำลังกระเง้ากระงอดกันอยู่ใต้ต้นมะค่าโมงริมน้ำตก จึงค่อย ๆ เดินตรงไปที่นั่นในทันที …

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อพลอยใสที่เมื่อครู่มองเห็นว่ายืนอยู่นิ่ง ๆ มองมาทางคนสองคนที่กำลังเดินตรงมาอยู่เฉย ๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว …

ฉาด ด ด ...


“ อะไรกันนี่พลอยใส เธอกำลังทำอะไรน่ะ ”

อิสราที่ยืนประคองมะยมอยู่ใกล้ๆ ตะคอกเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ด้วยดวงตาที่ลุกวาว จ้องเขม็งเหมือนจะขย้ำสาวหน้าหวานให้แหลกสลายเป็นผุยผง เพราะอารมณ์ที่ยังคงปะทุจากเหตุการณ์ร้ายที่ผ่านมาเมื่อครู่ แต่ทว่าสาวร่างบางหน้าหวานกลับไม่ยี่หร่าต่อคำขู่นั่นเลยซักนิด กลับสวนตอบด้วยคำพูดเผ็ดร้อนในทันที ..

“ ถามว่าฉันทำอะไรน่ะเหรอ ตอบง่ายๆ สั้นๆ ว่าฉันกำลังสั่งสอนน้องสาวเสแสร้งไร้เดียงสา หน้าด้าน หน้าไม่อายอยู่น่ะสิอิสรา ยังจะมีอะไรมาอธิบายอีกมั้ยนังตัวดี ... ภาพมันฟ้องอยู่ทนโท่ คราวนี้พ่อคงได้อับอายกันทั้งอำเภอแน่ ”

“ เธอเป็นบ้าอะไรพลอยใส รู้เรื่องอะไรไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”

“ เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ ฉันไม่อยากรู้หรอกน่ะ แต่ถ้าจะให้เดา เฮ้อ! ไม่พูดดีกว่ามันบัดสีบัดเถลิงเกินจะพูดออกได้ ”

คนพูดยิ้มเยาะออกมาอย่างหมิ่นอยู่ในที จนอิสราต้องเอ่ยมาเบา ๆ ว่า ..

“ พลอยใส เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังดูถูกเราสองคนอยู่ ”

อิสราปกติจะเป็นคนเงียบ ๆ กลับโต้ตอบไปอย่างทันทีทันควัน ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย ฉันกับมะยมถูก เอ่อ … ”

คนร่างสูงใหญ่ต้องชะงักคำพูดไว้เท่านั้น เมื่อสาวร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนยกมือขึ้นเป็นนัยความหมายว่าให้หยุดพูด ..

“ จะให้ฉันเข้าใจว่าอะไรล่ะอิสรา ในเมื่อเธอทั้งสองออกจากป่ามาในสภาพยับเยิน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้ามอมแมม เหมือนผ่านศึกหนักมาหมาดๆ มาอย่างนี้ เฮอะ! คราวนี้พ่อคงปลื้มตายเลยที่ลูกสาวคนโปรดใจง่ายอะไรอย่างนี้ ทำมิดีมิร้ายผู้ชายไม่เลือกสถานที่ ”

พลอยใสทำสีหน้าเยาะเย้ยมะยมอยู่อย่างเดิม โดยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเข้าใจผิดอะไรกันไปไกลมากมายเหลือเกินแล้ว อิสราส่ายหน้าอย่างไม่มีคำอธิบายอะไรอีกแล้ว ได้แต่ก้มมองร่างบางของสาวน้อยที่กำลังประคองอยู่ในอ้อมกอดที่ตอนนี้สะบัดหลุดแล้วเดินตรงไปยังคนที่พูดป่าวอยู่ฝ่ายเดียวตั้งนาน …

… เพี ย ะ .. เพี ย ะ ..

“ นังสำส่อนแกกล้าดียังไงมาตบฉันหือ ..”

พลอยใสยกมือลูบหน้าที่แดงฉานเป็นรูปฝ่ามือ ทำท่าจะร้องไห้ ไม่เห็นเก่งเหมือนปากที่ด่าคนอื่นเค้าป่าว ๆ เมื่อครู่เลย มะยมยกมือขึ้นทำท่าจะลงมือซ้ำ แต่คนร่างสูงกับยึดไว้แน่น พลางส่ายหน้าทอดสายตามองมาเหมือนจะปรามว่าแค่นี้พอได้แล้ว …

“ จำไว้ให้ดี ถึงฉันจะเป็นน้องของเธอแต่ในนาม ก็ใช่ว่าจะมาพูดดูถูกดูแคลนได้ตามอย่างชอบใจอย่างนี้ และขอบอกเอาบุญไว้หน่อยว่าทีหน้าทีหลังดูอะไรให้ถี่ถ้วนก่อน แล้วค่อยลงไม้ลงมือ ไม่งั้นชีวิตอาจจะไม่ปลอดภัยตายฟรีได้ง่ายๆ เราไปกันเถอะอิสรา ”

“ กรี๊ด! กรี๊ด! อีนังเด็กบ้า แกกล้าขู่ฉันเหรอ ฉันจะฟ้องพ่อ ฉันต้องไปบอกพ่อ วันนี้แน่ คอยดู้”

“ หยุดได้แล้วพลอยใส ผมว่าตอนนี้เราลงไปข้างล่างกันเถอะ ดูเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนะ..”

อานนท์เดินเข้ามาหาแฟนสาวในทันทีที่คู่ของอิสรากับมะยมเดินลับไปทางด้านล่างของน้ำตกซึ่งเป็นที่ทำการสำนักงานของน้ำตกศิลาแลง พลอยใสสะบัดตัวอย่างไม่พอใจ หน้าง้ำหน้างออย่างคนเสียหน้าสุด ๆ ก่อนลิ่วตัวปลิวไปอย่างรวดเร็ว อานนท์ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเซ็งชีวิตขึ้นมาอย่างที่สุด …

นับแต่ได้รู้จักและคบหาเป็นแฟนกันมานานครั้งยังเป็นเด็กวัยรุ่นใหม่ ๆ อานนท์กับพลอยใส เหมือนดอกไม้ที่เริ่มบานแย้ม ทั้งสดสวยเริงร่า บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เหมาะกันด้วยประการทั้งปวง เพราะอานนท์เป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนมัธยมท่าวังหิน แล้วเรียนดีได้อันดับหนึ่งตลอดมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงมอหก ก่อนจะจบไปศึกษาต่อที่คณะวิศวกรรมที่มหาวิทยาลัยตั้งใหม่ในตัวจังหวัด ด้วยความเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจากิริยามารยาทงดงาม สมกับเป็นลูกครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนมาเป็นอย่างดี …

ครูพลไม่เคยห้ามให้ทั้งสองไปมาหาสู่กัน ถึงแม้จะไม่เหมาะสมในแง่ของวัยวุฒิเท่าใดนัก แต่ทั้งสองก็ไม่เคยนำเรื่องเสื่อมเสียมาให้เป็นที่คลางแคลงใจแต่อย่างใดเลย อานนท์กลับทำสิ่งตรงกันข้าม นั่นคือเป็นมือเป็นเท้าแทนครูพลในหลายเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการใช้แรงงาน หรือการติดต่อธุระปะปังในเรื่องต่าง ๆ มีแต่พักหลังนี้เท่านั้นที่พลอยใสเริ่มที่หายหน้าไปจากบ้าน ไม่ได้พบเจอกับคนรักเหมือนดังเดิม …

ในพักหลังทั้งสองเริ่มทะเลาะและระหองระแหงกันอยู่เสมอ ๆ เด็กหนุ่มพยายามอดทนเพราะความเป็นสุภาพบุรุษ และสงสารครูพลที่เคยฝากฝังพลอยใสไว้ว่าช่วยดูแลน้องด้วยคนนะ แม่ก็ไม่มี หนำซ้ำพ่อก็ไม่ค่อยมีเวลาสั่งสอนลูก ๆ ด้วยมัวแต่ยุ่งเรื่องการบริหารโรงเรียนท่าวังหิน และประชุม สัมมนาสารพัดงานจิปาถะมากมาย อานนท์ทำตัวดีเสมอมา จนถึงวันนี้เด็กหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองทำมาตลอดเวลายาวนานนั้นเพื่ออะไร …

--------------------------


กว่าที่คนทั้งสี่จะเสร็จจากการให้ปากคำตำรวจที่ยกสถานีย่อม ๆ มาที่น้ำตกศิลาแลง หลังเกิดเหตุการณ์ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็กินเวลาไปเกือบมืดแล้ว ตำรวจสอบปากคำอิสรากับมะยมอย่างเคร่งเครียดและให้กำลังใจว่าโชคดีมาก ๆ แล้วที่ช่วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมวายร้ายตัวกลั่นที่คร่าชีวิตเด็กสาวมาทั่วทั้งภาคเหนือมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน จนมาถึงที่นี่แล้วเกิดเรื่องราวใหญ่โตมากมาย และกล่าวชมเชยว่าทั้งมะยมกับอิสรามีสติในการต่อสู้ได้อย่างเยี่ยมยอด จึงรอดพ้นอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด …

คนร้ายถูกมัดและจับกุมเข้าไปในรถตำรวจที่รัดกุมแน่นหนา ทั้งอิสราและมะยมเริ่มเหน็ดเหนื่อยกับคำให้การแล้ว จนครูพลมาถึงแล้วสวมกอดมะยมไว้แน่นพร้อมเอ่ยปลอบขวัญเสริมกำลังใจด้วยท่าทีที่ชื่นเย็นใจ

เด็กสาวสะอื้นฮัก ๆ ในอกผู้เป็นพ่อ ก่อนจะพร่ำบ่นต่าง ๆ เนิ่นนาน จนทุกอ่างเข้าที่เรียบร้อยหมด คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตัวไปทำการสอบสวนวายร้ายต่อที่โรงพัก ครูพลจึงนำคนทั้งสี่กลับบ้านด้วยความเงียบที่ปกคลุมตลอดการเดินทางจนถึงบ้านพัก อิสราขอแยกตัวกลับในทันทีที่เห็นสยามมายืนรอแล้ว ..

“ ผมขออนุญาตคุณลุงกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ผมจะมาหาที่นี่นะครับ..”

“ ลุงขอบใจพ่อหนุ่มมากนะที่ช่วยเหลือยายมะยม นี่ถ้าหนุ่มไม่ช่วยไว้ทันท่วงที ป่านนี้ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบไหน ..” ครูพลเหม่อลอยไปนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ..

“ ผมควรจะขอโทษคุณลุงที่เป็นต้นเรื่องชวนมะยมไปเที่ยวที่น้ำตกนั่น เลยเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในวันนี้ครับ ถ้าผมไม่ เอ่อ …. ”

อิสราเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายกระซิบ ด้วยสำนึกในความผิดอย่างเต็มที่ แต่ครูพลโบกมือพร้อมกับเดินตรงเข้ามาตบที่ไหล่แล้วบอกว่า …

“ ไม่มีใครอยากให้เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นอย่างนี้หรอกครับคุณชาย..”

ครูพลเปลี่ยนสรรพนามเรียกเด็กหนุ่มในทันทีที่หายตกใจแล้ว เพราะในผู้คนอำเภอท่าวังหินแทบจะทุกคนต่างก็รับรู้กันโดยปริยายว่าคฤหาสน์ฟ้าเมฆามีทายาทรุ่นใหม่ว่าที่เจ้าของมรดกเกือบทั้งหมดที่นี่ รอคอยวันเวลาสืบทอดเป็นเจ้าของในอีกไม่ช้าไม่นานคือ เด็กหนุ่มลักษณะดีคนที่ยืนตรงหน้าในตอนนี้ อิสรายกมือขึ้นกราบครูพลอีกครั้งก่อนจะกลับไป เมื่อเสียงมอเตอร์ไซค์ของสยามแว่วหายลับไป … ครูพลจึงบอกให้อานนท์กลับบ้านได้เลย เพราะไม่มีอะไรแล้ว เหลือแต่วันพรุ่งนี้วันอาทิตย์ ตัวครูพลจะต้องไปสถานีตำรวจ เพื่อให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประกอบรูปคดีอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เด็กหนุ่มจึงลากลับไปโดยไม่มองหน้าสาวอีกนางหนึ่งเลย ผู้อาวุโสจะเอ่ยทักอยู่ตงิด ๆ แต่ก็หยุดไว้แค่เพียงคิดเท่านั้น …

แต่ก็อดถามไปสาวหน้าคมที่เดินขึ้นบ้านอย่างเงียบ ๆ ไปไม่ได้เมื่อเห็นว่าลูกสาวทั้งสองนิ่งเงียบไม่มองหน้า มองตา ยืนคนละมุม มาตั้งแต่อยู่ที่ทำการน้ำตกแล้ว …

“ เจ็บตรงไหนลูก ไม่ไหวก็บอกพ่อเลยนะ จะพาไปให้ลุงหมอที่โรงพยาบาลช่วยดูให้..”

“ ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะพ่อ แค่ฟกช้ำนิดหน่อย เดี๋ยวจะขึ้นไปทาน้ำมันเหลืองก่อน แล้วจะเลยเข้านอนเลย แล้วนี่พ่อจ๋าจะท่านอะไรจ๊ะ หนูจะไปต้มข้าวให้ ..”

“ ไม่ต้องแล้วล่ะลูกให้พ่อจัดการเอง มะยมเจ็บหนักขึ้นไปพักผ่อนเถอะ..”

“ จ๊ะพ่อ หนูไปนะ ..” มะยมคล้อยร่างไปได้เพียงครู่ พลอยใสที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ในมุมห้องทำท่าจะลุกตามไป แต่ครูพลเอ่ยทักหยุดเอาไว้ ...

“ อย่าเพิ่งขึ้นไปพลอย พ่อมีเรื่องจะถามอะไรหน่อย ” คนพูดทำท่าสะบัดสะบิ้งรำคาญผู้เป็นพ่อย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องหยุดเพราะผู้อาวุโสจ้องมองมาเหมือนจะจับผิดอะไรสักอย่าง

“ นี่พ่อจะมาเอาอะไรกับหนูอีก หนูเหนื่อยและง่วงแล้วนะ”

“ พ่อแค่อยากถามว่าทำไมไปทำตัวรุ่มร่ามกับคุณชายอิสรา เค้าขนาดนั้น …ไหนรับปากพ่อแล้วไม่ใช่เหรอว่า ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ไปยุ่งกับบ้านนั่นอีก ..”

“ ใครมันคาบข่าวมาฟ้องพ่ออีกล่ะ นี่คงเล่าว่าหนูลงไม้ลงมือจนเจ็บปางตายด้วยล่ะสิ … นี่แหละหนาคนเรามีความผิด พอคนอื่นจับพิรุธได้ เลยพาลคนอื่นไปกันใหญ่ ” คนพูดพลางยิ้มเยาะอย่างเลือดเย็น ผ่านใบหน้าที่สวยคม แต่ดูเหมือนภาพที่บิดเบี้ยว พิกลพิการ ….

ครูพลถึงกับอึ้งนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดเล่าออกมาของลูกสาวคนโต เรื่องราวต่างๆ ที่ว่าร้ายรุนแรง ถึงขั้นหมายปองชีวิตกันในวันนี้ว่าหนักหนาสาหัสมากมากับครอบครัวของตนเองแล้ว ยังไม่สู้เรื่องที่ได้ยินจากปากลูกสาวคนโตเมื่อครู่นี้เลย จึงเอ่ยถามไปด้วยความอดกลั้น ข่มความโกรธอย่างเต็มที่ว่า …

“ ไหนเล่าความจริงทั้งหมดให้พ่อฟังสิพลอยใส อย่าโยกโย้ค่อย ๆ เล่ามา..”

“ จะมีอะไรจ๊ะพ่อจ๋า แค่หนูจับได้ว่ามีใครบางคนแถวนี้ไปแอบจี๋จ๋ากับผู้ชายในที่ลับตาคน แล้วโชคไม่ดีดันเจอตอเข้าอย่างจัง จนเกิดเรื่องเกิดราวกันใหญ่โตในวันนี้ไงล่ะคะ …นี่หนูก็อยู่เฉย ๆแล้วนะคะ ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ ”

“ ก็เห็นอานนท์มากระซิบบอกพ่อว่าลูกมีเรื่องลงไม้ลงมือกับน้องด้วยไม่ใช่เหรอ..”

“ หนูไม่ได้ทำอะไรนี่คะ แค่สั่งสอนไปเบาะๆสองสามทีเท่านั้น หน๊อยพี่นนท์นะพี่นนท์แอบดอดมาฟ้องพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่นะ วันหลังต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบอีกคน ..” พลอยใสทำตาลุกวาว คล้าย ๆ คนกำลังอาฆาตแค้นอะไรบางอย่าง ดูน่ากลัวมากกว่าน่ารัก …

“ จะโทษอานนท์ไปทำไมกันล่ะพลอย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษพ่อที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดี เลี้ยงให้เป็นคนขี้อิจฉา ริษยาคนอื่นอย่างที่ลูกกำลังเป็นในตอนนี้ พลอยฟังพ่อนะลูก พ่อขอเถอะนะเรื่องอาฆาตพยาบาทคนอื่นนี่ มันหลายครั้งแล้วที่ลูกเป็นคนก่อเรื่อง โดยไม่ตริตรองให้ดี คราวนี้ร้ายแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือกับน้อง เรารู้ใช่มั้ยว่าน้องถูกทำร้ายร่างกาย และโชคดีแค่ไหนที่รอดมาได้โดยไม่เป็นอะไรเลย ทำไมเป็นคนอย่างงี้ พ่อไม่เข้าใจพลอยเลยจริง ๆ ทำผิดอยู่อย่างซ้ำซากอย่างนี้ แล้วใครจะมารักพลอย พ่อถามหน่อยสิ..”

“ ไม่มีใครรักก็ช่างตนอื่นสิพ่อ หนูเกิดมาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว “ มัน” สิเกิดมามีคนโอ๋ คนรัก แต่หนูสิ มีใครเคยเหลียวแลถามว่าเป็นยังไง รู้สึกแย่มั้ยที่เป็นคนอาภัพอย่างนี้ หนูเป็นคนอย่างนี้ก้เพราะคนรอบข้างทั้งนั้น พ่อก็มีส่วนอยู่มาก ..”

พลอยใสยิ้มเยาะเลือดเย็นจนครูพลรู้สึกได้ว่า เด็กคนนี้รักแรง เกลียดแรงจนน่ากลัวมาก นี่ถึงขนาดต่อว่าตนเองว่าเป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมด …

ครูพลจึงค่อยอารมณ์เย็นลงด้วยความสงสารลูกสาว ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ ใจเย็น ๆ หน่อยพลอย ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากกันก็ได้ เรามีกันแค่สามคนเท่านั้น ..”

“ พ่อไปถามมันสิว่ามันเคารพว่าหนูเป็นพี่มันอยู่หรือเปล่า” คนพูดยักไหล่เป็นเชิงต่อว่าน้อยใจ ..

“ มะยมก็อยู่ส่วนเค้า เราก็อยู่ส่วนเราสิพลอย ถ้าไม่พอใจก็หนีห่างกันไป หรือหลบหน้าหลบตาเหมือนทุกวันนี้ก็ได้ ต่อไปนี้พ่อจะไม่ว่าอะไรอีกแล้ว… ถ้าลูกสองคนจะไม่คุยกัน ต่างคนต่างอยู่ไปเลย ”

“ สุดท้ายพ่อก็ยังว่าหนูผิดอยู่วันยังค่ำ หนูว่าชาตินี้ทั้งชาติ ทำความดีแทบตายคงไม่มีใครมองเห็นว่าดีหรอก แม้แต่พ่อก็เถอะรักลูกสองคนไม่เท่ากัน …”

“ พลอยใสอย่าวกกลับมาเรื่องเดิมจะได้มั้ยวันก่อนเราคุยเรื่องนี้จบแล้ว และพ่อจะขอพูดเรื่องพ่อรักลูกสองคนไม่เท่ากันเป็นครั้งสุดท้ายว่า มันไม่เป็นความจริง พ่อรักลูกเท่ากัน ให้ความรักและการเอาใจใส่มาเท่ากันด้วย และพ่อคงจะเสียใจถ้าหากลูกเป็นอะไรไปอีกคน …”

ครูพลทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมกับเดินขึ้นบนบ้านไปด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเต็มกำลัง ปล่อยให้สาวร่างบางสะอื้นไห้อยู่ในมุมมืดคนเดียวด้วยความรู้สึกสับสนประเดประดังเข้ามา …


---------------------------

กาหรือหงส์ ตอนที่ ๒๔ จบแล้ว กำลังเข้มข้น คั่ก อิอิ .. ติดตามตอนที่ ๒๕ วังอังคารนี้นะครับผม .. ขอพระคุณเพื่อนหนอนที่น่ารักที่ซู๊ดที่ติดตามกันมานานแรมเดือน .. ขอบพระคุณคร้าบ ..

นายอิส/เมฆชรา

๑ สิงหาคม ๒๕๕๓

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



Create Date : 01 สิงหาคม 2553
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 15:28:32 น. 1 comments
Counter : 767 Pageviews.

 
when you feel desperate and need hlep
when you are alone and need someone
when you are in the crouded streed and need some secreate place to be alone

then just turn back in to your heart where the true happeness and eternity lies in that is where GOD is and that is where you will find love and joy
in the hand of GOD as it does with me



โดย: da IP: 124.120.4.5 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:22:39:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.