จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

กาหรือหงส์ ตอน ๓๔

กาหรือหงส์ ตอน ๓๔





ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากเหลือเกินในความคิดของมะยม เพราะใบหน้าที่คล้ามเข้ม นัยน์ตาที่คมกริบและหวานหยาดเยิ้มกระพริบตามองลงมาสบตาตัวเองทุกครั้ง ใจหนอใจมันก็มักจะเต้นตามแรงสั่นของหัวใจไปด้วยทุกครั้งเช่นกัน …

เด็กสาวถอนหายใจหนักหน่วงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของคืนนี้แล้วก็ไม่รู้ และจะยังคงเป็นอย่างนี้จนถึงรุ่งเช้าอีกหรือเปล่า ภาพใบหน้านั้นคงวนเวียนไปมาจนมีความคิดอยากจะออกไปหายานอนหลับของครูพลมากินสักสามเม็ดแล้วนอนหลับไปเลย แต่สมองสั่งการมาว่าพรุ่งนี้มีสอบวิชาคณิตศาสตร์เพื่อเก็บคะแนน กลัวจะเกิดอาการเบลอยานอนหลับไปเสียก่อน ความคิดนั้นจึงจบไปเพียงแค่นั่น …

มะยมค่อยแง้มหน้าต่างออกอย่างช้า ๆ เหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่โปรยปรายไปด้วยหมู่ดาวที่ดาระดาษเหมือนเพชรนิลจินดาส่องแสงแวววาวระยิบระยับ สะท้อนกลับมาดังอัญมณีล้ำค่าของโลกและจักรวาลที่จะหาค่าประมาณมิได้ จนวันคืนจะผ่านไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ มะยมอดแปลกใจหัวใจของตัวเองไม่ได้ว่าวันนี้ตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมต้องมาหวามไหวกับคนฉวยโอกาสเช่นนายอิสราคนนั้น ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่เติบโตมาจนเป็นคนสมบูรณ์ในวันนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย …

จันทร์เจ้าขาส่องแสงทอประกายนวลออกมาดูอร่ามไปทั้งพื้นปฐพี กัลป์พฤกษ์สีเหลืองมองเห็นราง ๆ ในความสว่าง ลมโบกสะบัดกระทบใบของมันให้ไหวไปตามแรงลมน่าดูยิ่งนักในคืนนี้ …

มะยมถอนหายใจข่มความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อครู่อย่างเต็มที่ ใช่ “ ความรักที่ใฝ่หา “ หรือเปล่า เด็กสาวเฝ้าถามตัวเองจนกระทั่งเข้าสู่ห้วงนิทราของคืนวันในอีกวัน

--------------------

หลังจากที่ปู่คำตันพาทั้งสองไปแนะนำและฝากฝังให้กลุ่มขุดเรือที่ริมน้ำน่านในวันแรกแล้วนั้น จนกระทั่งในวันต่อมามะยมกับอิสราจึงเป็นแขกประจำช่วยกันสัมภาษณ์ และเก็บหาข้อมูลจนแทบจะทุกวันที่ทั้งสองมีเวลาว่างจากการเรียน โดยที่ไม่ได้มากันแค่สองคนเท่านั้น แต่มาเป็นแพ็กเก็ตสาม

“แกนั่งเฉยหน่อยได้มั้ยนังยม ฉันกลัวจะตกน้ำนะย่ะหล่อน..”

“อะไรกันยัยหมี่ แกเกิดมาสะออนอ้อนรักอะไรกันตอนนั่งเรือนี่ ไปทำอุดจาดตาไกลหน่อยได้มั้ย ”

“ ว้ายตายแล้วอิสขา ดูนังรักยมมันว่ามะหมี่แสนสวยสิค่ะ หน๊อยเว้าออกมาได้ว่าออดอ้อนออเซาะคุณชายรูปหล่อ แสนดีเปอร์เฟคแมนจนเสียจริตหญิงที่งามพร้อม ”

“ โอ๊ย ! ตูอยากจะอ้วกแตก แกน่ะเหรอนังหมี่สวย ดี และงามพร้อม เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ฮ่ะ ๆ ๆ อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก ”

“ แกไม่ต้องมาทำเป็นกลบเกลื่อนมาว่าชั้นหรอกนังยม แกนั่นแหละตัวดี ตอนนี้เพื่อนในกลุ่มสรุปความเห็นเหมือนกันหมดแล้วว่าแกกำลังหลงรักอิสรา ทั้ง ๆ ที่เค้ากำลังมีความรักอันหวานชื่นกับชั้น”

“ เฮ้ย!ทำไมช่างกล้าพูดวะมะหมี่ ไม่อายผีสางเทวดาเลยเรอะ”

“ เชอะไม่แคร์หรอก ดีเสียอีกพวกท่านจะได้เป็นพยานรักของเราสองคนเนอะอิสเนอะ”

“ พอพอเสียทีนังมะหมี่ แกเลิกพูดเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้ว เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลงกันพอดี”

“ ครับผมว่าหยอกกันพอหอมปากหอมคอแค่นี้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมจะทานข้าวไม่ลงไปอีกคน”

อิสราวางพายไว้ข้างตัว แล้วเอามือปาดเหงื่อที่เริ่มรดหยดบนหน้าผากอย่างช้า ๆ คล้าย ๆ ใจกำลังเต้นแรงไปกับคำพูดทีเล่นทีจริงของชายในร่างสาว ที่ทำเอาหนุ่มสาวหวามไหวใจระทึกสั่นรัวไปหมดในตอนนี้..

“ ย่ะพ่อคุณ … แหมพูดตามกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันเชียวนะ นี่ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นนะยัยยม …ใครจะไปหาญกล้ายื้อแย่งแข่งขันในสังเวียนรักทรหดของเธอทั้งสองเล่า แค่ด่านแรกแม่วันวิสามหาโหด ฉันก็ท้อไปสามวันเจ็ดวันทีเดียวเชียว ”

“ แกก็พูดไปโน่นเลยนังหมี่บูด ใครเขาเป็นอย่างที่แกว่ากันล่ะ …ฉันกับอิสราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น”

“ เฮอะ! ใครมันจะไปเชื่อ เห็นจี๋จ๋าหวานเจี๊ยบกันอยู่บ่อย ๆ ”

“ นังมะหมี่ ! แกอยากจะตายโดยการตกน้ำใช่มั้ยนี่ ”

“ ว้ยตายแล้ว…อิสราขาช่วยนาตาลีด้วยนังทอมบอยมันจะฆ่าถีบตกน้ำ ช่วยด้วย ๆ ๆ”

สาวร่างบางตัวสูงใหญ่กว่าทำท่าเหมือนจะกระโดดมาขย้ำคอสาวในร่างชาย หรือชายในร่างสาวจนอีกฝ่ายต้องเอามือปัดป้องร้องกรี๊ดกราดอุตลุดวุ่นวายกันไปทั้งเรือพาย โดยที่มีหนุ่มหล่อหน้าคมนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวเหมือนมองภาพตลกสนุกสนานอยู่ตรงหน้าเป็นภาพประทับใจแห่งปียังไงยังงั้น …

กระทั่งเรือพายได้มาถึงโรงต่อเรือที่มาประจำของทั้งสามคน มะยมรีบเดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้าตามด้วยอิสราและมะหมี่รั้งท้าย ชายวัยกลางคนรูปร่างมะขามข้อเดียว ผิวคล้ำจากการทำงานหนักมาตลอดชีวิตกำลังนั่งใสไม้ด้วยกบไสไม้แบบใช้แรงคนอย่างขะมักเขม้น ไม่สนใจคนทั้งสามจะมายืนข้าง ๆ อย่างเงียบกริบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กระทั่งสาวงามสุดในกลุ่มกระแอมขึ้นมาเบา ๆ ชายวัยกลางคนจึงค่อยผินหน้าหันกลับมามองช้า ๆ ก่อนจะยิงหน้ายิ้มจนเห็นฟันแทบจะหมดทุกซี่ …

“ อ้าว … มากันแล้ว วันนี้ทำไมเงียบ ๆ กันล่ะ”

“ วันนี้พวกหนูจะมาดูพวกลุงขุดเรือชื่ออะไรหงส์นะลุง” มะยมเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ

“ เขาเรียกเรือนางหงส์ เป็นเรือแบบใหม่ มีต้นแบบมาจากภาคอีสาน เดี๋ยวนี้ชาวบ้านแถบนี้ทำเรือแบบนี้กันหมดแล้วลูก มันขุดได้ง่าย ไม่เปลืองไม้มากนัก เศษไม้ที่เหลือก็สามารถไปทำอย่างอื่น ๆ ได้อีกตั้งมากมาย”

“ ลุงแคนครับไม้ซุงที่นิยมใช้ขุดเรือส่วนมาเป็นไม้อะไรครับ” อิสราถามขึ้นมาอีกบ้าง

“ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่มักจะใช้ไม้ตะเคียนกันเยอะ ซึ่งมีข้อดีก็คือมีน้ำหนักเบาและขุดหรือถากได้ง่ายกว่าไม้ชนิดอื่น ๆ เครื่องไม้เครื่องมือสมัยเก่า ๆ พวกลุงโละทิ้งไปหมดแล้ว และที่พวกเราเห็นอยู่ในตอนนี้ก็เรือที่ต่อเสร็จสมบูรณ์เตรียมลงซ้อมได้เลย เหลือแต่ทำไม้ประกบขอบเรือนิดหน่อยเท่านั้น”

“ แล้วที่เขาเอาเศษไม้มาจุดเผาสุมกองไฟตลอดลำเรือคืออะไรคะลุง ”

มะยมเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าควรจะถามข้อมูลให้ได้มากที่สุด …

“ เขาเรียกว่าการโกลนเรือ หรือ การเบิกเรือ เป็นกรรมวิธีที่ใช้ความร้อนลนจนน้ำมันตะเคียนไหลเยิ้มออกมา ทำให้ไม้ขยายตัวและใช้ไม้งัดกราบเรือทั้งสองข้างแล้วใช้ไม้ค้ำกราบเรือ ทิ้งไว้จนเนื้อไม้เย็นลงก็จะได้กราบเรือกว้างตามที่ต้องการ ส่วนขั้นตอนการทำที่นั่งของฝีพายพวกเราคงได้เห็นพี่ ๆ ลุง ๆ ทำกันเมื่อวานแล้ว”

“ หัวท้ายของเรือทำไมมันถึงเรียวยาวยังงั้นล่ะคะลุงแคนขา” มะหมี่ที่นั่งเงียบ ๆ เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

“ ทางบ้านเราก็จะแต่งหัวและหาวเรือเป็นรูปปากฉลาม แล้วนำไปประกอบกับกัญญาหัวและท้าย”

“ อะไรนะครับลุงชื่อแปลก ๆ กัญญาหัวเรือ”

“ ส่วนประกอบหลังจากหัวเรือหรือโขนเรือที่เราแกะเป็นรูปพญานาค ถัดมาก็คือกัญญาหัวหรือ แก๋นคอที่เริ่มตั้งแต่คอเรือจนถึงช่วงต่อลำเรือแข่ง จะทำด้วยไม้เนื้ออ่อนเพราะมีน้ำหนักเบา ก่อนจะเขียนลายสีเป็นรูปลายพื้นเมืองน่าน ลายเปลว ลายกนก หรือลายไทยเป็นต้น ส่วนการลงสีมักจะลงสีที่ตัดเส้นกัน อย่างสีแดง สีเขียว สีทอง หรือสีดำ และลำท้ายของเรือก็คือกัญญาท้ายหรือแก๋นท้าย เป็นส่วนที่ต่อจากหางวรรณแกะสลักเป็นรูปเครือเถาวัลย์ เป็นกระทายท้ายแล้วเขียนลวดลวยต่างๆไปจนสุดลำเรือตามความคิดของแต่ลำบ้านจะคิดออกมา”

“ ดูมันยุ่งยากและซับซ้อนหลายขั้นตอนดีเหมือนกันนะลุงแคน”

มะยมเดินสำรวจไปทั่งก่อนจะมาหยุดถามด้วยความสงสัย พรางเอื้อมมือไปดูลวดลายอันวิจิตรบรรจงเขียนที่ส่วนท้ายของเรือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับสายตาคมเข้มของใครคนหนึ่งที่มาจ้องลงมาอยู่ก่อนแล้ว

“ ทุกขั้นตอนที่ลงมือทำผ่านการคิดและวางแผนมาแล้วทั้งนั้น ก็ได้ที่ปรึกษาที่สำคัญก็คือปู่คำตัน คนขยันแห่งบ้านท่าวังหิน พวกเราถึงทำงานเสร็จลุล่วงไปได้ไงล่ะ น่าภูมิใจใช่มั้ย”

“ ครับ!คุณปู่ใจดีกับพวกเรามาก นี่ถ้าไม่ได้คุณปู่มาช่วยโรงเรียนของเราคงทำอะไรไม่ได้สักอย่างแน่ ”

“ ปู่คำตันเป็นตำนานอันทรงคุณค่าของชาวท่าวังหิน ทุกคนเคารพและรักแกแทบทั้งนั้น …แต่เอ่อ ..พ่อหนุ่ม ลุงยังไม่ได้ถามเรื่องฝึกซ้อมเรือที่ท่าน้ำเมื่อวาน เป็นยังไงกัน”

“ อ้อ ! เมื่อวานอาจารย์เพทายแกให้พวกผมฝึกซ้อมตามตารางเป็นวันแรก พวกเพื่อน ๆ เหนื่อยกันแทบสลบเกือบทุกคน ยังพายกันไม่คล่องเท่าไหร่ครับ …ลุงแคนพอจะบอกเทคนิคการพายเล็ก ๆ น้อยกับพวกกระผมจะได้มั้ยครับ ” อิสราเอ่ยถามต่อ หลังจากอธิบายไปพลาง จรดปากกาไปพลาง …

“ ขั้นตอนและเทคนิคใหญ่ ๆ พี่เขาคงจะบอกพวกเราไปแล้ว แต่ลุงจะเสริมอีกนิดเดียวว่า ฝีพายที่มีร่างกายแข็งแรงและเคลื่อนไหวรวดเร็ว มักจะยึดหลักในการแข่งขันทุกครั้งกันด้วยเทคนิคง่ายสามอย่างก็คือ หนึ่งออก คืออกตัวเวลาสตาร์ทให้เร็วที่สุด สองคืออัด นั่นก็คือช่วงกลางของการแข่งขันผีพายต้องฟังสัญญาณจากผู้นำจ้ำให้ได้แรงและเร็วที่สุด สุดท้ายคือบิน คำนี้เป็นอันรู้กันว่าใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว ทุกคนจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจ ในจังหวะสุดท้ายนี้อย่างเต็มที่จนถึงชัยชนะที่คาดหวังนั่นล่ะเราทุกคน “ บิน” สำเร็จแล้ว”

“ ฟังแล้วหึกเหิมนะลุง มะหมี่อยากจะลงไปเป็นฝีพายกับอิสราจังอ่ะ”

สาวงามประจำกลุ่มสาวซ่าส์เอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับทำตาเหม่อลอยชวนฝัน(ค้าง) จนมะยมที่ยืนอยู่ขาง ๆ หมั่นไส้เอาศอกกระทุ้งไปซะหนึ่งทีโทษฐานเฟ้อฝันไร้สาระ ก่อนจะหันไปมองอิสราที่ตอนนี้ยังคงอมยิ้มอยู่เงียบ ๆ แต่ก็ยังคงลากปากกาจดคำพูดของลุงแคนเมื่อครู่อยู่ต่อไป …

“ โอ๊ยมะหมี่ …หล่อนตื่น ๆ ได้แล้วอย่าฝันจะไปลวนลามฝีพายพวกนั้นเลย ขอร้องเหอะเพื่อน”

“ แกอิจฉาฉันล่ะสินังยมที่จะได้ใหล้ชิดฝีพายรูปหล่อ ๆ พวกนั้นน่ะ”

“ อยากจะอ้วกแตกอีกแล้ว แต่เปลี่ยนไม่ดีกว่าเดี๋ยวจะเลอะแถวนี้ซะหมด แต่ลุงแคนคะพรุ่งนี้พวกเราจะไปที่ท่าน้ำไปดูอิสรากับเพื่อนซ้อมพายเรือ ลุงว่างไปดูด้วยกันหน่อยมั้ยคะ”

“ เอาซิลูก .. ลุงว่างเสมอสำหรับลูกหลาน พรุ่งนี้เราเจอกันที่นั่นเลย”

“ เอาเป็นว่าวันนี้พวกเรามาหาความรู้กับลุงพอหอมากหอมคอ พรุ่งนี้เจอกันที่นัดหมายครับ”

อิสรา มะยมและมะหมี่ออกจากเรือนต่อเรือริมน้ำน่านในเวลาใกล้โพล้เพล้ สายน้ำน่านนิ่งสงบไหลรินไหลระรินไปตามแรงน้ำ อิสราพายจ้ำไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ไป แต่ก็ยังมีเสียงแทรกเป็นเสียงทะเลาะกันของมะยมกับมะหมี่ที่ไม่สนว่าอิสราจะพายไปทางไหน ใกล้ถึงหรือยัง …

กระทั่งคนทั้งสามมาถึงที่จอดรถประจำทางริมสะพานข้ามน้ำน่านที่คนบ้านแถบนี้ใช้ในการสัญจรผ่านไปมา มะหมี่มองเห็นรถกะบะสีเขียวเข้มยี่ห้อดังจอดทิ้งไว้อยู่ใต้ร่มไทรต้นใหญ่อย่างสงบแล้ววิ่งถลาไปขึ้นนั่งบนรถนั่นในทันทีที่สัญญาณกันขโมยหยุด …

“ เฮ้อ ! มาถึงรถเสียที วันนี้เหนื้อยเหนื่อยเนอะอิสรา” สาวสวยเอ่ยขึ้นพร้อมทอดตัวพนักพิงเบาะหลังเหมือนเหนื่อยอย่างที่พูดออกไปจริง ๆ

“ แกจะมาเหนื่อยเรื่องอะไร เห็นนั่งพักทุกห้านาทีนี่นา”

“ นี่แกจะกัดฉันไปถึงไหนกันฮึนังยม …วันนี้ฉันขอยกธงขาวยอมแพ้นะไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“ ผมว่ามะหมี่ดูเพลีย ๆ นะครับ ...ลุงแม้เร่งแอร์ให้แรงขึ้นอีกหน่อย ท่าอากาศในรถจะอบอ้าว”

อิสราหันหลังแล้วเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าศึกสายเลือดรอบไหม่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกรอบ ก่อนที่สาวร่างบางจะโพล่งขึ้นขัดจังหวะคำพูดเสียก่อนว่า…

“ อย่าไปเอาใจมันมากนักนะอิสรา นังนี่สะออนผู้ชายอย่างนี่แหละ”


“ แต่ดูท่าแล้วมะหมี่ไม่สบายจริงนะ เห็นเดินเซๆไปมาอยู่เรื่อยๆ”คนพูดน้ำเสียงจริงใจชัดเจนเป้นการยืนยันอีกคำรบหนึ่ง ..

“ นั่นเค้าเรียกสำออยแล้วล่ะจ๊ะ มะหมี่ตื่น ๆ ๆ ใกล้ถึงบ้านหล่อนแล้ว”

มะยมกระซิบเรียกเพื่อนซี้ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนกัดจิ๊กอย่างเกรงใจตามั่นคนขับรถที่อมยิ้มกับความสัมพันธ์ประหลาดของพวกเด็ก ๆ กลุ่มนี้ที่นึกครึ้มว่าน่ารักดี ดูสนุก ๆ แก่น ๆ ทโมนสมวัย ..

“ อือ ! ฉันรู้แล้วโว้ย ... ไม่ได้หลับตาซะหน่อย มองดูทางอยู่ตลอด …ว่าแต่แกเหอะเรื่องเชียร์รีดเดอร์กับพวกแปรอักษรน่ะเตรียมตัวไปถึงไหนอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งจริงวันแรกแล้ว”

“ เรื่องนี้แหละที่ฉันกำลังกลุ้มใจอยู่ เพราะกลัวจะไม่ทันงาน …นี่ก็งวดเข้ามาทุกวัน เหลือเวลาเพียงสองอาทิตย์เท่านั้นเอง … พูดเรื่องนี้ขึ้นมาฉันเลยนึกเรื่องอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่งมะหมี่ ”

“ แกอย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องที่นัง เอ๊ย เพื่อนเรากำลังรวมหัว เอ๊ย ช่วยกันคิดหัวแทบระเบิดในตอนนี้”

“ ก็เรื่องเดียวกันนี่แหละ ป่านนี้ไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่า”

“ แกไม่ต้องคิดมากหรอก พวกนั่นมันมืออาชีพกันอยู่แล้ว พรุ่งนี้คงได้รู้แน่ว่าพวกเราหรือพวกนั้นจะพังหรือจะอยู่ ”

สาวสวยในร่างชายเอ่ยขึ้นพร้อมนิ่งครุ่นคิดอย่างทีไม่เคยเป็นมาก่อนในวันนี้ จนคนร่างสูงนั่งอยู่ตอนหน้าของรถอดจะเอ่ยถามอย่างสงสัยไปไม่ได้ว่า …

“ มีเรื่องอะไรกันเหรอครับมะยม มะหมี่ ”

“ไม่มีอะไรหรอกอิสรา เรื่องของผู้หญิงน่ะ ” มะยมรีบละล่ำลักตอบทันทีที่อกฝ่ายพูดจบ พรางหลบสายตาคมปราบในทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นมีอกว่า “ นังหมี่ถึงบ้านแกพอดี พรุ่งนี้เจอกันนะเพื่อนรัก”

“ ย่ะหล่อนพรุ่งนี้เจอกัน ว่าแต่วันนี้หล่อนอย่าทำอะไรอิสราของชั้นนะยะ ถ้าฉันรู้ …อาจมีตบ”

“ เออๆ ไปเถอะว่ะ ข้าเบื่อหน้าเองเต็มทีแล้ว บายเพื่อน ”

พอรถกะบะสี่ประตูออกตัวมะยมจึงหันหลังกลับไปโบกมือให้มะหมี่ที่เดินลับไปในตัวบ้านของตัวเองไปในทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกมา แล้วความเงียบก็ครอบคลุมบรรยากาศในรถอีกครั้ง กระทั่งถึงหนาโรงเรียนบ้านท่าวังหิน อิสราให้ตาแม้นจอดรถไว้ข้างนอกรั้วโรงเรียน ส่วนตัวเองกับมะยมจะเดินเข้าไปยังบ้านพักครูพลกันตามลำพัง …

เวลาในยามนี้เข้าสู่ความมืดในตอนหัวค่ำแล้ว แสงจันทร์ทอนวลใยกระจ่างหลุบลู่อยู่ปลายยอดต้นหูกวางมองเห็นทางโรยกรวดราง ๆ มะยมเดินนำหน้าเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านทันทีที่ลงจากรถ อิสราเดินตามประกบอย่างรวดเร็วจนมาทันในอีกอึดใจ ก่อนจะดึงข้อมือบางเอาไว้อย่างเบามือ …

“ เดี๋ยวค่อยเข้าบ้านก็ได้นี่ครับมะยม ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”

“ เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพ่อจะคอย ”

“ ถ้าพูดเวลาอื่น ผมเกรงจะไม่สะดวกอยากจะบอกมะยมในตอนนี้เลย มันเป็นเรื่องสำคัญมาก”

“ เอา เอารีบพูดมาสิ แล้วปล่อยมือฉันได้แล้ว เดี๋ยวใครในโรงเรียนมาเห็นข้า มันจะไม่ดี”

“ คือผมอยากจะรู้คำตอบเรื่องของเราที่คุยกันในวันก่อน มะยมลืมไปแล้วหรือยัง”

“ ไม่ลืมหรอกอิสรา เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ …อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน เราอย่าไปคาดหวังกันเลยดีกว่า วันนี้นายอาจจะบอกว่าชอบฉัน วันข้างหน้าเราสองคนอาจจะไม่พบเจอกันหรือไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เป็นได้ ฉันไม่อยากจะเป็นคนตัดความหวังที่สวยงามของนาย คิดให้ดีดีสิ ”

อิสรากระตุกมือให้อีกฝ่ายกลับมาเผชิญหน้ากัน แล้วจ้องมองไปในดวงตาที่คมซึ้งของอีกฝ่ายก่อนจะโน้มตัวไปดึงร่างบอบบางน่าทะนุถนอมของอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดไว้กับอกแน่นหนา เพ่อละเมอไปตามอารมณ์เคลิ้มฝัน …

“ ผมคิดและแน่ใจที่สุดแล้ว ผมไม่เคยมีความรักและนี่ก็คือความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผมที่มันจะเกิดขึ้นกับคุณคนเดียวมะยม”

“ แต่ …….”

“ ไม่ต้องมีแต่…ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี เชื่อผม ไว้ใจผมสิมะยม”

มะยมไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลยยังคงนิ่งงันในอ้อมกอดของคนหน้าคมร่างสูงอยู่อย่างนั่น จนกระทั่งเจ้าแสนดี หมาแสนรู้ตัวดีเห่ากรรโชกได้ยินเสียงมาแต่ไกล ๆ ทั้งสองจึงคลายอ้อมกอดแล้วเดินจูงมือไปด้วยกันอย่างเงียบ ๆ แข่งกับเสียงจิ้งหรีดเรไรและแมลงกลางคืนที่ส่งเสียงแทรกระงมยินไปทั่วในความมืดของราตรีกาลที่จะคืบคลานมาในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แล้ว ….

----------------------

ฮ้าตอนนี้หวานพอมั้ยครับเพื่อนหนอน .. ติดตามอ่านเรื่อยๆๆนะครับกำลังสนุกเชียว (พูดเองเออเองนะเรา) ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านกันมาหนาแน่นขึ้นทุกวัน.. ขอมีความสุขมากๆๆ นะครับผม เจอกันวันอังคารนะครับผม ..

นายอิส /เมฆชรา ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ สิบโมงสี่สิบนาที

--------------------------------




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 22 สิงหาคม 2553 11:03:07 น.
Counter : 785 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมฆชรา
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




เข้าสู่ปีที่ 8
Friends' blogs
[Add เมฆชรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.