กาหรือหงส์ ตอน ๒๘
กาหรือหงส์ ตอน ๒๘ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดลำลองสบายๆอยู่ในบ้าน อิสราชะโงกมองไปดูสภาพอากาศภายนอกที่ตอนนี้เริ่มสลัวรางเตรียมคืบคลานเข้าสู่ความมืดแห่งราตรีกาลในเวลาอีกไม่นานต่อจากนี้ ก่อนที่จะค่อยเดินลัดเลาะบันใดหินอ่อนสีขาวประดับด้วยราวสีทองเหลืองอร่ามดูคลาสิกและสวยงามไปในคราวเดียวกัน แถมทำเป็นลดหลั่นเล่นระดับลงมาเป็นวงโค้งลงมาจากด้านหลังตัวคฤหาสน์ฟ้าเมฆา ..อิสราเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงห้องโถงใหญ่ที่ตอนนี้มีเสียงใสแจ๋วของใครบางคนกำลังสั่งงานอย่างขมีขมันอยู่ภายในห้องโถงโล่งกว้างที่เป็นห้องครัวใหญ่ ไม่ได้ตกแต่งวิจิตรอะไรเหมือนในตัวคฤหาสน์มากนัก แต่ถูกจัดไว้สำหรับข้าวของทำครัวมากมายหลากหลายชนิด จนดูเล็กไปถนัดตาเมื่อยืนอยู่ข้างในห้อง ..คุณอุ่นเรือนหันไปมองตามเสียงเคาะขอบประตูบานไม้ทันทีที่มีดังขึ้นมาประกอบ ..“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก … อิสเข้าไปได้มั้ยฮะแม่ กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า …”“ เข้ามาสิลูก แม่กำลังจัดเตรียมอาหารไว้ให้ท่านพ่อใส่บาตรครบรอบวันเกิดวันพรุ่งนี้จ๊ะ ..” คุณอุ่นเรือนกำลังสาละวนจัดเตรียมอาหารสำรับใหญ่ด้วยข้าวปลาอาหารที่ครบถ้วนบริบูรณ์สำหรับท่านชายปกรณ์เทวาทำบุญตักบาตรครบรอบคล้ายวันเกิดในวันพรุ่งนี้ ด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วอย่างที่เห็นเป็นปกติ อิสระจึงกระโจนเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดาด้วยท่าทีรักใคร่ สุดรักสุดดวงใจ ก่อนจะเอ่ยถามว่า …“ เตรียมอะไรใส่บาตรตั้งมากมายครับแม่ มีอะไรให้อิสช่วยหรือเปล่า..”“ ไม่ต้องแล้วล่ะลูก สยามกับแม้น และคนอื่น ๆ เค้าเตรียมของมาตั้งแต่กลางวัน นี่ก็เสร็จหมดทุกอย่างแล้ว แถวนี้มีแต่พริกกับเครื่องเทศ ... ลูกไปห่างๆ แม่หน่อย แม่รู้สึกเหนียวตัวไปหมดแล้วเหมือนกัน ”“ แต่อิสอยากช่วยแม่แน่ฮะ นะแม่นะ ขออยู่ในครัวด้วยหน่อย ..”“ เอ๊ะ! วันนี้ลูกมาแปลก ๆ ไหนขอแม่ดูหน้าดูตาคนมีพิรุธหน่อยสิ … นั่นแน่ มีอะไรที่มุมปากจริง ๆ ด้วย … ปากเขียวคล้ำอย่างนี้ อิสราไปทำอะไรมาเหรอลูก ..” คุณอุ่นเรือนเอ่ยถามอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ละมุนละม่อมตามกิริยาสาวชาวเหนือที่เป็นมา ..“ ไม่มีอะไรหรอก ผมทำตัวเองน่ะครับ ”“ ลูกเอ๊ย ! วันนี้ทำไมพูดประหลาด ๆ จัง มีใครในโลกนี้มั่งที่เอามือมาชกปากตัวเองจนบวมเจ่ออย่างนี้มั่ง แม่อยากจะรู้เหมือนกัน ..หรืออิสเป็นคนแรกที่ทำได้ฮึลูก ..”“ แม่เลิกล้อได้แล้ว ผมมีเรื่องจะมาปรึกษาแม่อยู่เรื่องหนึ่ง แม่หายเหนื่อยหรือยัง ” อิสราเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ แต่ก็อดจะมองไปยังคนรับใช้สามสี่คนที่ยังอยู่ในห้องไม่ได้ คุณอุ่นเรือนเห็นกิริยาของลูกชายก็เดาได้ทันทีว่าเป็นเรื่องที่อิสราไม่อยากให้ใครได้ยินนอกจากตนเอง จึงโบกมือให้ทุกคนไปพักผ่อนก่อน ถ้าหากได้ยินเสียงเรียกก็ค่อยเข้ามาแล้วเอ่ยว่า ..“ ดูมีลับลมคนในจังเลยนะลูกมีอะไรหรือเปล่า ”“ ไม่มีอะไรลึกลับอย่างนั้นหรอกครับแม่ ก็เรื่องที่แม่ทักผมเมื่อกี้นี่แหละ ”“ อ้อ ! เรื่องปากเจ่อ หมดหล่อนี่ใช่มั้ย … เล่าให้แม่ฟังสิลูกเป็นมายังไง ..”“ เรื่องมันเกิดเมื่อตอนเย็นนี่เอ็ง ผมไปเผลอกอดสาวเข้านางหนึ่งน่ะสิครับ เลยถูกสอยซะเห็นเดือนเห็นดาวระยิบพราวเชียวครับแม่” อิสราเล่าพรางลูบแก้มที่เขียวคล้ำไปพราง แววตาเหม่อลอยนึกถึงเรื่องในตอนค่ำ…“ ว้าย ตาย ! แล้วนี่ไปทำมิดีมิร้ายลูกสาวบ้านไหนเข้าล่ะลูก ”“ คนที่ผมชอบที่ท่าวังหินนี่ก็มีแค่คนเดียว แม่ก็เคยเห็นตัวเป็น ๆ มาแล้วในตลาดวันนั้นไง ”“ นี่แนะ นี่แนะ ! ลูกชายชั้นไปทำอะไรซุ่มซ่ามอย่างนั้นได้ไง … ใครสั่งใครสอนฮึลูกจ๋า” คุณอุ่นเรือนยกไม้ยกมือฟาดไปที่ต้นแขนลูกชายคนเดียวสุดที่รักอย่างหมั่นไส้ ในฐานะที่ทำตัวไม่น่ารัก ไม่ถูกใจแม่ไม่ปลื้มเอาจริงๆ อิสราร้องแกล้งร้องโอยโอยปัดป้องพัลวัน ก่อนจะโอบรัดซุกหน้าเข้าที่แก้มนวลหอมของผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ เคารพบูชาเหนือชีวิต …“ โอ๊ยพอแล้วจ้าแม่จ๋า ดูเหมือนจะเข้าข้างลูกสะใภ้ในอนาคตตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ ““ เดี๋ยวนี้ปากคอเลาะร้ายขึ้นทุกวันนะอิส ถ้าเราโตขึ้นมีลูกสาวคงจะรู้สึกเหมือนแม่ในตอนนี้ … ความจริงแม่ว่าลูกถูกเค้าต่อยมาปากเจ่อ คางเขียวคล้ำอย่างนี้ แม่ว่ามันน้อยไปนะ ”“ แหมแม่ก็ ผมแค่หยอกเค้าเล่นแค่นั้นแหละ ไม่น่ารุนแรงขนาดนี้นี่นา ..”“ ไปหยอกเย้าโดยไม่ถูกกาลเทศะและสถานที่หรือเปล่าลูก เค้าถึงได้โกรธถึงขั้นชกต่อยอย่างนี้ ..” อิสราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ให้คุณอุ่นเรือนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ หญิงสาวผู้เป็นแม่ตรองคิดนิ่งขึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างคิดพิจารณาแล้ว …“ เรื่องวันนี้แม่ขอสรุปว่าอิสราเป็นฝ่ายผิดอย่างไม่มีขอแก้ตัว วิธีแก้ไขที่ละมุนละม่อนที่สุดคือ ควรจะหาโอกาสไปขอโทษเค้าซะ … แต่ในฐานะที่แม่เป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน แม่เข้าใจมะยมอย่างที่สุด เพราะความอับอายที่เกิดจากบุรุษต่างเพศ ท่ามกลางคนนับพันอย่างนั้น มันคงถึงขีดสุดของความอดทนสำหรับคนคนหนึ่งแล้วนะแม่คิดว่ายังงั้นนะอิส ” คุณอุ่นเรือนอดที่จะเหลือบมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปอีกครั้งไม่ได้ ปีนี้อิสราโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว อายุสิบเจ็ดย่างสิบแปด กำลังคึกคะนองและอยากรู้อยากลองไปแทบทุกเรื่อง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งแล้วว่า อิสราเติบโตเตรียมพร้อมจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในอีกไม่กี่ปีแล้ว … เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่กำลังพัวพันยุ่งอีรุงตุงนังในตอนนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ให้คุณอุ่นเรือนเริ่มหวั่น ๆ ใจทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนยังไม่รู้สึกเท่านี้ กระทั่งเมื่อบุตรชายคนเดียวอยู่ที่กรุงเทพ ฯ มาตั้งแต่ยังเยาว์กลับมาอยู่ท่าวังหินตามคำขู่แกมบังคับของท่านชายปกรณ์เทวาผู้เป็นสามี คุณอุ่นเรือนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นชัดเจนขึ้น เมื่ออิสรามีท่าทีที่เปลี่ยนไปจนสังเกตได้ .. เพราะทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อ “ มะยม ” เด็กสาวท่าทางแก่นแก้ว สดใสร่าเริงอยู่เป็นนิจ หน้าตาบ๊องแบ๊วเข้าทีคนนั้น บุตรชายตัวเองจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเคยนิ่งเงียบเคร่งขรึมนิยมคลุกแต่อยู่ในห้องส่วนตัวสำหรับเป็นแกลเลอรี่เก็บภาพวาดฝีมือตนเองมาหลายปี กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีแต่ความสดใสร่าเริงทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อ ๆ นี้ … คุณอุ่นเรือนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง คิดนึกถึงเรื่องที่ไม่อยากให้เป็นการย้อนรอยเรื่องราวในอดีตของตนเองกับท่านชายปกรณ์เทวาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคนทั้งสองที่จะถูกข้างบนฟ้าบันดาลให้เป็น หญิงสาวที่ยังคงความงามไว้ไม่เสื่อมคลายสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งเอ่ยถามแผ่วเบาว่า …“ ทำไมแม่เงียบไปเลยอ่ะครับ ตะกี้เห็นเทศนาข้ากระผมซะกัณฑ์ใหญ่ขนาดนั้น ..”“ แล้วอิสฟังทุกถ้อยคำที่แม่พูดหรือเปล่าล่ะจ๊ะ ..”“ ชัดเจนเต็มสองหูเลยคร้าบผม คราวหน้าคราวหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว …”“ ดีแล้วอิส คนที่เขามีลูกสาว เค้าจะรู้สึกอย่างไงถ้ามีใครมาพรากดวงใจของเขาไปอย่างไม่ใยดี ..”“ โหยแม่จ๋า…อิสยังไม่ได้ทำอะไรถึงขนาดนั้น แต่วันหน้าไม่แน่ถ้าเค้าไม่ตกลงปลงใจกับอิส ..”“ ดูดู๊ … ลูกชายฉันพูดเข้าข้างตัวเองซะไม่มี แล้วนี่เรามั่นใจได้ไงว่าวันข้างหน้า สาวคนนั้นจะตกลงปลงใจกับลูก ยิ่งวันเวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยนนะอิส ..”“ ผมมั่นใจในตัวเธอคนนี้ที่สุดแล้ว และมีความรู้สึกว่าเธอก็คิดแบบเดียวกันผมเพียงแต่อาจจะสงวนท่าทีไว้บ้าง เพราะความเป็นผู้หญิงนี่แหละครับแม่ ”“ มั่นใจขนาดนั้นเชียวอิสรา… ลูกอย่าลืมเผื่อใจไว้สำหรับอุปสรรคในวันข้างหน้าด้วย และระหว่างลูกกับมะยมยังเป็นแค่การเริ่มต้น ยังไม่รู้จะเจออะไรอีกมากมายในวันข้างหน้า แล้วเรื่องวันนี้แม่ว่ามันคงไม่จบง่าย ๆ แน่ ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้ ..” คุณอุ่นเรือนเอ่ยถึงคนอื่นยังไม่ทันจบ คนอื่นที่ว่าก็สั่งคนรับใช้ประจำตัวคือนางบัว ให้มาตามที่ห้องครัว ก่อนจะลับหายไปพร้อมคำพูดชวนคิดว่า … “ ท่านชายให้มาตามคุณชายอิสไปพบที่โต๊ะอาหารค่ะ ไปตอนนี้เลยนะคะท่าทางคุณหนูวันวิสาจะโมโหมาก ๆ อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนแล้ว หงุดหงิดอาละวาดกับทุกคนเลย ไม่รู้ไปโกรธใครมา ”“ แม่บัวไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันกับชายอิสจะตามไป ขอล้างมือล้างไม้หน่อย”“ เจ้าค่ะคุณผู้หญิง แต่เร็วๆ หน่อยนะคะ ป้าจะแย่ถ้าคุณๆ ไปช้า ..”“ เออ ๆ ป้าบัวรีบไปเถอะ เดี๋ยวบ้านจะแตกไม่รู้นะเอ้า “ อิสราอดที่จะเย้าแม่บ้านอาวุโสที่แปรพักตร์เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ จงรักภักดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้กับวันวิสาและหม่อมพักตร์พิลาส ผู้สูงศักดิ์ ..“ ค่ะ ค่ะ …ป้าไปนะคะคุณชาย ” พอคล้อยหลังคนรับใช้เก่าแก่ อิสราถอนหายใจเฮือกใหญ่ช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นมารดาอย่าขอความเห็น “ เรื่องนี้อิสต้องไปตอบท่านพ่อเอ็ง ตอนนี้แม่ช่วยอะไรเราไม่ได้แล้ว ““ วันวิสาก่อเรื่องอีกแล้ว …แล้วอย่างนี้ลูกจะแต่งงานกับคนใจคอคับแคบอย่างนี้ได้ยังไงล่ะจ๊ะแม่ ถ้าจะให้ไปแก้ตัวกับท่านพ่อ คงต้องโกหกคำโตแน่นอน ..”“ เอาอย่างงี้สิลูก แม่มีแผนอยู่แผนหนึ่งลูกลองใช้วิธีนี้ดู มันเป็นทางออกที่ไม่เลวเลยนะ..”“ เรื่องมันเป็นยังไงครับแม่ ” อิสราเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะรู้สึกโล่งใจที่มีคำตอบสำหรับเรื่องราวในตอนเย็นเรียบร้อยแล้ว จึงโน้มตัวลงหอมแก้มผู้เป็นมารดาและที่ปรึกษาเฉพาะกิจอย่างรักใคร่สุดซึ้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินประคองกันไปยังห้องโถงใหญ่ที่ประดับประดาด้วยโคมแก้วระย้า และสิ่งละอันพันละน้อย วิจิตรตระการตากว่าบริเวณอื่น ๆ หม่อมเจ้าปกรณ์เทวานั่งหลังชิดพนักเก้าอี้ ใบหน้าเงียบขรึมตามบุคลิกที่เป็นปกติ มองตามร่างสองแม่ลูกที่เดินประคองกันมานั่งโต๊ะพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยใบหน้าที่ไม่มีทุกข์ร้อนอะไรในใจอะไรเลย ตรงกันข้ามกับสาวน้อยร่างบางหน้าตาคมสวยตามแบบฉบับผู้ดีเมืองกรุงที่นั่งเงียบ ๆ แต่หน้าง้ำเป็นช้อนอยู่คนเดียว … ประมุขของบ้านเอ่ยทักคนทั้งสองด้วยวาจาที่ราบเรียบว่า …“ เอ้ามากันครบแล้ว แม่ละมัยตักข้าวได้ ฉันหิวแล้ว ..”“ ท่านลุงคะท่านลุง ทรงลืมอะไรไปหรือเปล่า “ เสียงเจื้อยแจ้วดังแทรกความเงียบขึ้นมาทำเอาทุกคนต้องหันไปทางนั้นพร้อมกันทันที ... “ ท่านพ่อจะรับประทานข้าว อย่ารบกวนท่านสิ ..” อิสราเอ่ยทักขึ้นมาปรามสาวร่างบางทันทีที่พูดจบ “ ก็เรื่องของใครล่ะ คนนั้นต้องรับผิดชอบสิ จะปล่อยคาราคาซังได้อย่างไง ..”“ เรื่องมันจบไปแล้วจะฟื้นขึ้นมาทำไมกัน” เด็กหนุ่มวางช้อนลงหันหน้าไปทางอื่นด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว“ เรื่องมันยังไม่ได้เริ่มต้นต่างหากอิสรา วิสาเล่าให้ท่านลุงฟังหมดแล้วทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องที่นังนั่นมันชกปากเธอจนสลบเหมือดไป ”“ มันไม่ใช่อย่างนั่นเลยนะวิสา เธอก็รู้ว่าฉันแค่แสดงความยินดีกับเค้าเท่านั้นเอง ““ แสดงความยินดีอะไร นังนั่นมันถึงแสดงกิริยาต่ำ ๆ ป่าเถื่อนสิ้นดีออกมาอย่างนั้นล่ะ ทุกคนทั้งโรงเรียนเห็น และเป็นพยานได้ ถ้าวิสาพูดไม่จริงค่ะท่านลุง ““ เธอกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยนะวิสา เรื่องมันแค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นเอ็ง ..”“ ไหนลองเล่ามาให้พ่อฟังทั้งหมดสิลูก “ ท่านชายปกรณ์ทนฟังมานานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ“ เรื่องมันไม่ซับซ้อนอย่างที่ใครบางคนเล่ามาหรอกครับท่านพ่อ เมื่อตอนมีพิธีมอบรางวัลการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันกันมาอย่างเหนื่อยยากตั้งหลายวันที่บริเวณหน้าเสาธง ลูกเป็นประธานกลุ่มสีแดงได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยกีฬารวมรับรางวัลกับลุงนายอำเภอภิมุข ส่วนสีที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศก็คือ สีชมพู เอ่อ ... มะยมเป็นประธานกลุ่มสีอยู่ พอลูกรับรางวัลเสร็จเรียบร้อย ลูกก็เข้าไปสวมกอดมะยมตามมารยาทที่เคยได้ร่ำเรียนมาจากอังกฤษ คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา …แต่มะยมไม่เข้าใจคิดว่าลูกลวนลามเลยชกเข้าที่ปากลูก จนเห็นดาวเห็นเดือน ร่วงลงมากับพื้นเวที ก็ได้วิสานี่แหละครับมารับไว้ ไม่งั้นก็คงน่าดูกว่านี้ เรื่องมันก็เป็นอย่างที่ลูกเล่ามาทั้งหมดนี้แหละครับท่านพ่อ ..” เด็กหนุ่มเล่าจบ ท่านชายปกรณ์เทวาถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดังลั่นไปทั้งบริเวณห้องโถง … “ ฮ่ะ ฮะ ฮะ ให้มันได้อย่างงี้สิอิสรา ” “ ท่านลุงอย่าเชื่ออิสรานะคะ เรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้ชักหน่อย เรื่องมัน” วันวิสาพยายามแย้งว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่จริง แต่ท่านชายปกรณ์เทวาเป็นผู้ใหญ่พอจึงพูดตัดบทไปในทันทีว่า .“ วันวิสาก็อย่าไปคิดอะไรมากสิลูก เจ้าตัวเค้าเล่ามาหมดเปลือกอย่างนี้แล้ว อย่าไปชักไซร์ไล่เรียงให้เกิดความอีกเลย ไหนๆ เรื่องมันก็จบไปแล้ว ชายอิสต้องไปขอโทษแม่หนูนั่นด้วยนะลูกท่าทางจะตกใจไม่ใช่น้อย ”“ ท่านลุงคะ หนูรับเรื่องนี้ไม่ได้ ขอหนูไม่ร่วมโต๊ะอาหารนะคะ หนูจะไปเล่าเรื่องนี้ให้หม่อมยายฟัง”“ อ้าวไหงอย่างงั้นล่ะวิสา แต่เอาเถอะเดี๋ยวลุงจะให้แม่บัวจัดสำรับไปที่ห้องก็แล้วกัน ..”วันวิสามองหน้าทุกคนไล่เรียงกันไปมาตั้งแต่อิสรา คุณอุ่นเรือนและท่านชายปกรณ์เทวาก่อนจะส่งเสียงร้องกรี๊ดอย่างโกรธจัด ก่อนจะกระแทกช้อนส้อม กระทืบเท้า สะบัดก้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ..“ กรี๊ด กรี๊ด วิสาไม่ยอม วิสาไม่ยอมจริงๆด้วย ” ประมุขแห่งวังฟ้าเมฆาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาออกมาทันทีที่ร่างบอบบางลับหายไป แล้วหันไปมองคู่ชีวิตที่นั่งข้าง ๆ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง แล้วสั่งนางละมัยตักข้าวทันที .. --------------------------ในเย็นวันนั้น พอกลับมาถึงบ้านพัก มะยมวางกระเป๋านักเรียนไว้ข้างกายบนโซฟาสีฟ้านุ่มสะอาดตาอย่างไม่ใยดี ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงเอนตัวทิ้งไปอย่างเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกับเรื่องราวแสนวุ่นวายในวันนี้ จึงข่มตาหลับพักลงไปอย่างลำบากยากเย็น เพราะเรื่องราวในหัววนเวียนไปมาจนถึงกับต้องถอนหายใจออกไปเบา ๆ ก่อนจะสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นว่าครูพลผู้เป็นพ่อยืนจังก้าทอดตามองมาห่างจากโซฟานุ่มไม่ถึงเมตร “ กลุ้มใจนักหนาลูกเอ๊ย ! มาถึงบ้านถึงกับหมดแรงเลยเรอะ ““ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะพ่อ หนูเพียงแต่มีเรื่องไม่สบายใจอยู่นิดหน่อย““ ถ้าไม่เป็นความลับเกินไป จะเล่าให้พ่อฟังก็ได้นะลูก “ ครูพลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คล้ายเกรงใจในตัวลูกสาวคนเล็กคนนี้อยู่ในที เรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ได้พร่ำสอนมักจะเน้นย้ำอยู่เสมอว่ามีอะไรที่พอจะบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังได้ภายในครอบครัว ก็ให้เล่าระบายออกมาให้รับรู้กัน เพื่อจะได้หาทางแก้ไขปมปัญหานั้นร่วมกัน ... “พอดีหนูมีเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อยจ๊ะพ่อจ๋า หนูหมดแรงทั้งกายและใจ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว จะไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าสิ้นดี “ มะยมส่ายหน้าช้า ๆ สีหน้าละเหี่ยใจชัดออกมา “ ถ้าลูกไว้ใจพ่อ ก็ลองเล่ามาสิมะยม เผื่อพ่อจะชี้แนะอะไรได้มั่ง““ เรื่องมันเป็นความผิดหนูทั้งหมด เค้าอาจจะไม่ตั้งใจก็ได้ หนูนี่แย่จริง ๆ ““ เกริ่นเรื่องมาซะน่าฟัง พ่อเลยชักอยากรู้แล้วสิ “ ครูพลเย้าหยอกมะยม เพื่อคลายบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดขึ้นมานิด ๆ เพราะเดาอารมณ์ลูกสาวได้ว่าอึดอัดใจไม่อยากเล่าเรื่องในใจสักเท่าไหร่นัก …มะยมจึงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นให้ผู้เป็นพ่อฟังทั้งหมด กระทั่งมานั่งกลุ้มใจในการกระทำของตนอยู่ในตอนนี้ ผู้อาวุโสนั่งนิ่งๆครุ่นคิดตามประสาคนมีลูกสาวที่โบราณเปรียบเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้านไปเพียงสักครู่ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จริงจัง ยากจะเดาความรู้สึกข้างใจแท้จริง ..” พ่อพอจะเดาเหตุการณ์ได้ออกจนทะลุปรุโปร่งแล้ว ขอเสนอความเห็นในฐานะประธานฝ่ายประชาธิปไตยของบ้านว่า นายอิสราเพื่อนของลูกคนนั้นเค้าไม่มีความผิดหรอกมะยม ““ อ้าว! พ่อจ๋าไหงเป็นงั้นไปได้ล่ะจ๊ะ ตกลงนี่มะยมผิดใช่มั้ยที่จู่ๆนายคนนั้นเข้ามากอดหน้าตาเฉย ต่อหน้าธารกำนัลเกือบสองพันคน หนูอายก็เป็นเหมือนกันนะ“ มะยมขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงประชดน้อยใจผู้เป็นพ่อ“ พ่อไม่ได้หมายความว่ายังงั้น ลูกไม่ผิด ส่วนนายอิสรานั่นก็ไม่มีความผิดเพราะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจไม่ได้มีเจตนาลวนลาม เพียงแต่อาจจะติดนิสัยขี้เล่น ฝรั่งจ๋าไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่าคิดมากสิลูก ““ โธ่!พ่อนึกว่าจะเข้าข้างกันกลับไปเข้าข้างศัตรูซะเนี่ย หนูไม่ยอม หนูไม่ยอม หนูไม่ยอมนะหนูไม่ยอม “ มะยมแสร้งร้องเพลงแสนฮิตกลบเกลื่อนอารมณ์ตนเองไปข้างๆคูๆ ทั้งที่ในใจข้างในร้อนรุ่มใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวผู้เป็นพ่อจะตำหนิที่ตนเองไม่ได้รักนวลสงวนตัวตามปกติวิสัยลูกผู้หญิงที่ดี แถมมาเล่าได้อย่างเต็มปากเต็มคำอย่างตอนนี้ แต่แล้วทุกอย่างกลับผิดคาด ครูพลไม่โกรธแถมอารมณ์ดีเสียอีกที่ตัวเองไปทำร้ายอีกฝ่ายเข้า ยังไง เอ๊ะ! ยังไง …ข้างครูพลเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากลูกสาวแสนรักแสนห่วงแล้ว อาการแรกที่เกิดคือ อยากจะโกรธอีกฝ่าย แล้วลงโทษตัวต้นเหตุที่นั่งข้างหน้าในตอนนี้ที่ปล่อยตัวไปอย่างนั้น … แต่มานึกตรองดูอีกทีแล้วก็คิดได้ว่า มะยมได้ชำระบัญชีความอายของตนเองไปด้วยกำปั้นหมัดหลุน ๆ หมัดนั้นไปเรียบร้อยแล้ว หนำซ้ำได้ขอแถมเป็นความกลุ้มใจกระบุงใหญ่อยู่ในตอนนี้ ความโกรธทั้งหมดจึงมลายหายไปอย่างรวดเร็ว …“ พ่อว่าอิสราเค้าไม่ใช่คนอย่างนั้นนี่ลูก คงไม่ได้ตั้งใจจะฉีกหน้าลูกหรอก ป่านนี้ปากคงบวมเบ่งร้องโอย ลั่นไร่ฟ้าเมฆานั่นแล้วมั้ง ““ พ่อจ๋านะพ่อจ๋า แทนจะเข้าข้างกันกลับไปเห็นคนอื่นดีกว่าลูก ฮึ! หนูโป้งพ่อแล้วด้วย ““ ฮ่ะ ฮะ เขินหน้าแดงก็เป็นด้วยลูกสาวพ่อ แต่มันมีวิธีแก้อยู่นะลูก”“ ทำยังไงล่ะพ่อหนูกลุ้มใจจะแย่แล้วกลัวเขาเป็นอะไรมาก ... เห็นพวกเพื่อนเล่าว่านายนั่นหงายหลังตาค้างไปเลย ไม่รู้แกล้งหรือเปล่า ““ ทำอย่างที่พ่อกำลังจะบอกสิลูก แล้วอย่าลืมขอโทษเค้าให้เรียบร้อย ยังไงมิตรภาพความเป็นเพื่อนก็ยังมีค่าเสมอสำหรับการมีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ ผูกมิตรไว้ดีกว่าผูกศัตรูนะลูก จำคำพ่อไว้ให้ดี “ “ จ๊ะพ่อ ..”เพราะคำแนะนำของผู้เป็นพ่อนี่แหละทำให้มะยมถึงต้องถ่อสังขารออกจากบ้านมาอย่างเร่งรีบตรง มายังไร่ฟ้าเมฆาด้วยข้าวของที่พะรุงพะรังประดามีตามที่ครูพลยัดใส่มือมาให้ ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิด ลูกตาว หน่อไม้ป่า เห็ดเผลาะ ผักหวาน ไข่มดแดง สมุนไพรหายากมากมาย ใส่ในถุงเต็มไม้เต็มมือมะยมไปหมด …คฤหาสน์ฟ้าเมฆาอันทรงภูมิตั้งตระหง่านสีขาวเด่นอยู่ตรงหน้าเด็กสาวบ้านป่าที่กำลังตัวลีบยืนพร้อมชะลอมใหญ่เล็กวางบนพื้นมากมายหลายอันอยู่บริเวณที่เรียกว่าเทอเรซ … มะยมเหลือบตามองไปรอบ ๆ สังเกตความสวยงามของการจัดสวนแบบต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินใจ ถึงกับอุทยานในใจว่านังมะหมี่ มันไม่ได้พูดถึงวังฟ้าเมฆาเกินเลยจากความเป็นจริง แม้แต่นิดเดียว ที่นี่สวย อลังการงานสร้างอย่างที่มะหมี่โม้ เอ๊ย เล่าไว้เลย เวลาผ่านไปได้นานสักครู่ มะยมไม่รู้จะทำอะไร เพราะคนรับใช้ที่บอกตัวเองว่า ให้รอที่ประตูหน้านี่สักครู่จะไปเรียนคุณอุ่นเรือนกับคุณชายอิสราให้ทราบ ยังไม่กลับมาแต่อย่างใดเลย ..เอ๊ะ ! ดอกไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ มือดอกนี้ไม่เคยเห็น มันชื่ออะไรหว่า …กลีบดอกมีสีแดงเข้ม ทรงพุ่มกระทัดรัด ใบมีสีเขียวเป็นขน ๆ บาง ๆ คล้ายกำมะหยี่รูปไข่แกมรี ขอบใบหยักเป็นรูปซี่ฟันตื้น มีเส้นร่องใบชัดเจน ดอกสีแดงสวยมากรวมตัวกันเป็นกระจุก ๆ อยู่ที่เดียวกันกลางพุ่มต้น ทรงดอกจะเป็นทรงกระเปาะกลม ชื่อว่าอะไรน้า … ดอกคลาซิโอลาเนีย หรือว่าไม่ใช่ หรือว่าเป็นดอก ทิวเบอรัสบีโกเนีย หรือ เจอราเนียม ยังงี้ต้องจับดูที่ผิวดอกว่าจะมีคุณสมบัติเข้ากับดอกใด …มะยมเอื้อมมือไปคลึงที่ดอกสีแดงบางสวยงามอย่างเบามือ ก่อนจะชักกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อมีเสียงแหลมปรี๊ดดังมาจากข้างหลัง …“ หยุดนะ …เอามือบ้านนอกของแกออกจากดอกไม้นั่นเดี๋ยวนี้นะ นังสะเล่อ “ ------------------------อุ๊ย .. กำลังสนุกจบซะแล่ว อิอิ ติดตามตามที่ ๒๙ ในวันพฤหัสนะครับผม ..คืนนี้ฝันดีนะครับเพื่อนหนอนที่น่ารัก ..นายอิส /เมฆชรา๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓๒๓นาฬิกา ๕๕ นาที ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑