โชคชะตา
คืนนี้เย็นสบายจัง

ฤดูฝน ... ที่ฝนไม่หนักนัก
คงจะทำให้คนเมืองยิ้มได้บ้าง
สำหรับผมมันก็ดีที่รถไม่ติดมาก
แต่ในช่วงกลางวัน
มันก็ไม่ต่างอะไรกับ "ฤดูร้อน"

"ร้อน ship หาย"

อากาศแปลก ๆ แบบนี้
"คนมักง่ายเห็นแก่ตัว"
ก็ยังทำให้เราหงุดหงิดได้อยู่เสมอ

วงจรชีวิตของคนที่หอพัก
ที่อยู่ตรงข้ามออฟฟิศ
มันก็เหมือน ๆ เดิม
แรก ๆ ก็เป็นพนักงานขายของ
ตามตลาดนัด
ต่อมาก็คือ "มีผัว"
แล้วผัวก็ออกรถเก๋งให้
เปิดแผงขายของเอง
รถก็ไม่มีที่จอด...มาจอดในซอย
เกะกะกีดขวางทางจราจรเขา

จริง ๆ เขาก็ไม่ได้มาจอดรถ
หน้าออฟฟิศผมแล้ว
แต่เวลาเอาของขึ้นของลง
มันก็ไม่มีปัญญาจะจอดรถ
เว้นช่องให้ผมเอารถออกได้สักที

"คือจะเอาสบายที่สุดสำหรับมัน"

โดยการที่ท้ายรถอยู่กลางประตูรั้ว
ที่มันใช้ขนของ
ซึ่งอยู่ตรงข้ามประตูรั้วออฟฟิศผมพอดี
และท้ายรถมัน ก็มีกล่องใส่ของกองอยู่
ถ้าพวกเขาเห็นใจเพื่อนร่วมโลกสักนิด
โดยการขยับรถไปให้ไกลอีกหน่อย
เพื่อที่ผมจะได้ขับรถออกไปได้
ก็คงไม่มีปัญหากัน

แต่นี่ก็ไม่

ผมรอเขาขนของกันราว 30 นาที
ทนไม่ไหวก็บีบแตร่ไล่
ก็ยังหน้าด้านหน้าทน
วอร์มเครื่องนานละ ... กว่าจะถอย
ผมละ "หน่าย" จริง ๆ

ระบายเรื่องเซ็ง ๆ จบละครับ

ช่วงนี้ผมก็ยุ่ง ๆ
กับการทำเมนู ทำ artwork
เพื่อที่เราจะได้ทำ profile ร้าน
ไปยื่นให้เจ้าของพื้นที่
หรือพวกที่จัดงานแสดงสินค้าเค้าดู
ผมไม่รู้ว่ามันจำเป็นมากไหม
สำหรับไอ้เจ้า profile ร้าน
แต่การที่เราไปแบบโง่ ๆ
แล้วถูกปฏิเสธออกมาแบบไม่ใยดี
การที่เราจะเข้าไปอีกครั้ง
คงจะเป็นการยากน่าดู

"มันดูยุ่งยากจังนะครับ"
ยากที่สุดที่เคยทำมาเลยมั๊ง
แต่ก็ใกล้ตัวที่สุด
กว่าทำจิวเวลรี่
กว่าทำผ้าไหม
กว่าทำผลิตภัณฑ์สปา

ไม่รู้โปรเจคนี้จะล่มไหมนะ?

ผมแอบคิดอย่างนี้จริง ๆ นะครับ
ไม่รู้ว่าตัวเองมี Passion กับมันพอหรือยัง
ความรู้สึกตอนนี้ ...
เหมือนตัวเองต้องอ่านข้อมูลเต็มไม่หมด
หมอดูคนนึงเคยบอกว่า
"ผมจะต้องเรียนไปอีกนาน
อาจจะทั้งชีวิต"
คงจะเป็นแบบนี้ละมั๊ง

เรื่องหมอดูนี่ต้องบอกว่า
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" 

หมอดูที่แม่นมาก ๆ
อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสีลมสุรวงศ์
คือผมจำไม่ได้แล้วว่าโรงแรมอะไร
แต่จำได้ว่าอยู่แถวนั้น
ตอนนั้นร้านเครื่องประดับของผม
กำลังจะ "เจ๊ง" พอดี

"ผมควรจะทำอะไรถึงจะรู่งครับ?" 
คำถามแรก ... เจาะประเด็นกันเลย

"ก็ทำได้หลายอย่างนะ ของกินก็ได้ ของใช้ก็ได้"
คือมันกว้างมากเหมือนกันอะครับหมอ

"ทำอะไรก็ได้เกี่ยวกับฝรั่ง ๆ
หรือไม่ก็เปิดร้านในที่ที่ฝรั่งเยอะ ๆ"

หมอดูพูดเหมือนพระที่แฟน (เก่า) ลากตัวไปดูเลย
ท่านเคยบอกว่า ผมกับแฟน "ต้องเลิกกัน"
แล้วเลิกกันจริง ๆ (จะเรียกว่าแม่นไหม?)

"แล้วออฟฟิศผมละครับ
จะไปเช่าอยู่ที่ไหนดี" ผมถามต่อ

"ไปไหนไม่ได้ไกลหรอก
ก็ต้องอยู่แถว ๆ นี้นี่แหละ
อยู่ใกล้พ่อใกล้แม่ไว้ก็ดี"

อันที่จริงผมกับพ่อแม่
ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่
อยู่ใกล้กันเป็นต้องทะเลาะกัน
ผมเองจึงไม่เคยคิดว่า
ตัวเองจะต้องมี "ที่ทำงาน"
ใกล้ ๆ บ้านอีก

สุดท้ายก็หนีไม่พ้น
ออฟฟิศแรกของผมคืน "คอนโด"
ที่พ่อซื้อเอาไว้
ซึ่งถือว่าอยู่ใน "ซอยเดียวกับบ้าน"
คุณคิดว่าจะมีคนซื้อคอนโด
ที่อยู่ใกล้บ้านตัวเองสักกี่คน?
ถึงจะใกล้
ก็คงไม่ใกล้กันเหมือนบ้านกับคอนโดผมแน่
ตอนแรกเค้าซื้อเพราะเห็นห้องมันสวย
เป็นห้องมุมมองไม่ติดตึกอื่น
มีสระว่ายน้ำ ... เผื่อเราไปว่ายกัน
แล้วก็เผื่อว่าเราต้องซ่อมสร้างบ้าน
จะได้มีที่ซุกหัวนอน

ผมก็ได้อาศัยที่นี่จริง ๆ
ตอนซ่อมแซ่มบ้าน
และทำเป็นออฟฟิศอยู่พักนึง

ปัญหามันอยู่ที่
ด้วยความที่มันเป็นคอนโด
แล้วเวลานัดพนักงานผู้หญิงมาสัมภาษณ์
"มันลำบากมากจริง ๆ"
แน่นอนว่ามันดูอันตรายมาก
สำหรับผู้หญิงที่จะขึ้นมาหาผู้ชาย
ที่อยู่คนเดียวบนคอนโดในซอย

ตอนที่ผมอยู่คอนโด
เป็นช่วงที่มี "ความสุข" เหมือนกัน
แอบพาแฟนมาเที่ยวที่ห้อง
ด้านล่างเป็นร้านสะดวกซื้อ
กินเป๊ปซี่จนตัวกลม

ทางด้านพ่อแม่ก็คงจะเหงา
พ่อผมท่านกลัวผมเครียดมาก
แล้วจะ "กระโดดตึกฆ่าตัวตาย"

ถึงผมจะเป็นคนเครียดง่าย
แต่การมองโลกในมุมมองที่ตลก
ก็เป็นพรสวรรค์อย่างนึงของผมเหมือนกัน

หลังจากนั้น ... เพื่อนบ้าน
ที่อยู่ติดกับบ้านผม
ก็ติดต่อพ่อแม่ผมมา
ว่า "อยากขายบ้าน"
แน่นอนว่าพวกท่านรีบซื้อ
ด้วยราคาที่ไม่แพงนัก

บ้านเดิมจริง ๆ ของผมเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ
เนื้อที่แค่ราว 50 ตารางวาเท่านั้น
ถ้าเทียบกับ "ความจน" ของพวกเรา
ในสมัยที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
การที่จะผ่อนบ้านแบบนี้
ด้วยเงินเดือนครูสองคน
การใช้เงินในชีวิตประจำวันของเรา
ต้องประหยัดมาก ๆ

ประหยัดแบบว่า
น้องไม่เคยได้ซื้อตุ๊กตา
ผมไม่เคยได้ซื้อของเล่น
ถึงได้ก็น้อยมาก
แต่ก็มีคนให้ของเล่นเรามาเล่นบ้าง
ยืมเพื่อนเล่นบ้างอะไรประมาณนี้

ผมก็ขำ ๆ นะ

แต่เรื่องที่ไม่ค่อยขำ
คือตอนเด็ก ๆ 
ผมต้องรับมรดกเสื้อนักเรียน
ของ "พี่สาว" ลูกของป้ามาใส่
ซึ่งมันเป็น "เสื้อคอบัว"

ตอนเด็กผมไม่ได้สังเกตอะไรมาก
แต่พอโตขึ้นหน่อย
แล้วดูรูปถ่ายเทียบกับเพื่อน
ทำไมเสื้อนักเรียนของเราไม่เหมือนกัน

ก็จริงอย่างที่แม่บอก
เด็ก ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก
ประหยัดตอนเด็ก
ดีกว่ามาประหยัดตอนลูกโต
ตอนเด็กจะมีเสื้อหนาวตัวเดียว
รองเท้าผ้าใบขาด ๆ
เสื้อผ้ามรดกโลกล้านปียังไง
ก็ไม่ได้ใส่ใจ

ที่พวกเราพอมีเงินมีทองใช้มาได้
ก็เพราะพ่อมาทำรับเหมาก่อสร้าง
ในช่วงเศรษฐกิจบูม
และแม่ได้ทำมางานธนาคาร

ผมยังจำได้ว่า
เราได้เงินไปเที่ยว "เมืองนอก" ฟรี ๆ
เพราะพ่อทำยอดขายอะไรสักอย่างได้

"เมืองนอก กับ รถยนต์"
เป็นอะไรที่ชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดฝัน

"โชคชะตา"
เป็นเรื่องที่น่าพิศวงเหมือนกัน

บ้านด้านหนึ่งถูกทำเป็นออฟฟิศ
พวกผมซื้อบ้านข้าง ๆ ได้อีกหลังหนึ่ง
ทำให้ได้ขยายบ้านได้กว้างขึ้นนิดหน่อย
ผมเคยบอกกับพ่อนะ
ว่าไม่เห็นจำเป็นต้อง "ซื้อบ้านเพิ่ม" เลย
บ้านเล็ก ๆ ที่เราอยู่กัน
เราก็อยู่กันได้มาตั้งหลายปี

ผมยังเชื่อเสมอ
ว่า "สุขอยู่ที่ใจ"
เราเคยผ่านความจนกว่านี้มากแล้ว
ความจนทำให้ผมไม่เคยคิดจะจีบใคร
เพราะผมคงไม่มีเงินไปซื้อของขวัญดีดี
ไม่มีเงินไปเลี้ยงข้าวเขา
สังคมที่โรงเรียนผมอาจจะไม่ได้ไฮโซนัก
แต่ผมก็คิดว่า
ผมก็คงจะจนที่สุดในห้องแล้วหล่ะ
บางครั้งผมก็ไม่มีใคร
ไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคน

แต่ผมก็ยังมีดนตรี
"ดนตรีคืออาหารทิพย์"
นั่นทำให้ผมรักเครื่องดนตรีหลายชนิด
ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดว่า
จะมีปัญญาหามาครอบครองได้

และสุดท้าย
เราก็ยังมี "ลมหายใจ"
เรายังมีจินตนาการ
ที่ทำให้เราหลบหนีจากความเจ็บปวด
ในชีวิตจริงที่เราต้องเจอ


เมื่อก่อนผมเป็นคนที่ดู "ไพ่ยิปซี"
ให้กับพวกเพื่อนน้อง ๆ 
แล้วก็เพื่อน ๆ ผมบ้าง
คือเมื่อก่อนผมชอบเรื่องลี้ลับเหมือนกัน
แต่สุดท้ายผมก็รู้สึกเบื่อ
กับการมานั่งเดาอนาคตของเรา

แต่ผมก็ยังคงเชื่อ
ในการพยากรณ์ของไพ่ยิบซี
ถึงแม้จะไม่ได้จับมันมากว่าสิบปี

"อนาคตจะเป็นยังไงนะ?"

คำถามแบบนี้นี่เอง
ทำให้มี "หมอดู" เกิดขึ้นในโลก

ผมไม่เคยคิดว่า
คนแบบผมจะ "ร่ำรวย" 
ขึ้นมาได้สักเท่าไหร่นักหรอก
ผมเป็นคนติสท์แตก
ผมขอให้ตัวเองมีชีวิต
โดยมีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปวัน ๆ
กับสิ่งที่ทำ
กับของที่กิน
กับเพลงที่ร้อง
กับสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้พบเจอ
และเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตในโลก
ให้น้อยที่สุด

อาจจะดูงี่เง่าไปบ้าง
แต่ก็ไม่เดือดร้อนใครนี่นา





Create Date : 06 กันยายน 2556
Last Update : 6 กันยายน 2556 6:10:34 น.
Counter : 718 Pageviews.

2 comments
  
โชคชะตา บางทีก็เล่นตลกกับเรา
โดย: yourself วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:12:09:10 น.
  
น่านสิครับ

แต่ขออย่าให้ตลกฝืด ตลกร้ายแล้วกัน
โดย: Guynes วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:22:38:53 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
กันยายน 2556

2
3
4
5
8
9
11
12
15
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
6 กันยายน 2556
All Blog