|
|||
ชีวิตที่ไม่มี "รถ" (ตอนที่ 1) เนื่องจากรถของน้องผมมีปัญหานิดหน่อย ผมจึงต้องเป็นพี่ชายที่แสนดี เสียสละ "ราชรถ" คู่ใจให้กับน้องไป น้องมันก็เดินทางลำบากกว่าผมเยอะ โชคดีที่ช่วงนี้อากาศค่อนข้างสบาย ถึงแม้ว่าบ้านผมจะค่อนข้างชานเมือง "รถไฟฟ้า หรือ รถใต้ดิน"อะไรไม่มี แต่ในช่วงเวลาที่ฟ้าปลอดโปร่งเช่นนี้ "สองเท้า กับ รถเมล์" ก็คงจะไม่แย่ไปสักเท่าไรนัก ชีวิตที่ไม่มี "รถ" มันก็ขำ ๆ ดีครับ คิดถึงตอนสมัยเรียนเหมือนกัน สมองเราแทบจะกลายเป็น "ฐานข้อมูลรถเมล์" ขึ้นตรงนี้ ... ไปลงตรงไหน สายไหนขับช้า ขับเร็ว กระเป๋าคนไหนกวนประสาท กระเป๋าคนนี้นามสกุลเหมือนเพื่อนอีกคน ที่สารพัดที่จะจดจำได้ ก็เพราะการจราจรที่ "ติดขัดสุด ๆ " ของบ้านเรา รถเมล์บางคันรอประมาณชาติเศษ พอมาถึง คนก็กรูกันขึ้นราวกับ "เรือโนอาห์" รถเมล์บางคันก็มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เรียกกันว่า "มาส่งญาติคนขับ" และรถบางสายก็ขับเร็วยิ่งกว่า "รถปอเต๊กตึ๊ง" ซึ่งตอนที่เราเด็ก ๆ มันก็รู้สึกว่าทันใจจ๊อดดีหรอก แต่พอมาตอนนี้ ... ขอมีชีวิตรอดให้ถึงบ้านจะดีกว่า เมื่อวันก่อน ... จัดทริปเอง นั่งรถเมล์ไป "ถนนข้าวสาร" คนเดียว จำได้ว่าออกจากบ้านประมาณทุ่มนึง เดินจากในซอยไปจนถึง "ป้ายรถเมล์ที่ถูกต้อง" ก็คือป้ายที่รถเมล์สายที่เราจะนั่งแล่นผ่านนั่นแหละครับ โดยเท้าอย่างเดียว ก็ราว "ครึ่งชั่วโมง" ได้ครับ "คนไ่ม่แก่" ก็เหนื่อยเหมือนกัน ถึงป้ายรถเมล์ ... ก็ต้องนั่งรอรถเมล์ เมื่อก่อนผมเคยสนุกสนาน กับการดูผู้คนบริเวณป้ายรถเมล์ เดาไปว่า "คนนี้ น่าจะเป็นอะไร กับคนนี้" "ขนมเจ้านี้ต้องอร่อยแน่เลย ดูหน้ายัยป้าที่ขายดิ โคตรโปร" แต่ที่สนุกที่สุดก็คือ "พวกมันจะขึ้นสายเดียวกับกูหรือไม่" ตอนนี้ยอมรับว่า ... การรอรถเมล์นาน ๆ "มันไม่ทันใจวัยรุ่น" เอาเสียเลย เหมือนกับอะไร ๆ ในโลกปัจจุบันมันเ็ร็วไปหมด จนลิฟท์เก่า ๆ ที่เราขึ้นอยู่ทุกวัน ก็ดูเหมือนจะวิ่งช้าลงไปด้วย "เมื่อไหร่มันจะมาว่ะ" เสียงบ่นในใจของใครหลายคน ผมนั่งจับเวลารอรถเมล์ .. บวกไป "เกินครึ่งชั่วโมง" ชีวิตจะเศร้าได้อีกหรือไม่ สักพักนึง "ราชรถ มาแล้วววว" ปรากฏการณ์ "กรู" ก็เกิดขึ้นทันใด รถเมล์เป็นเหมือนกับแม่เหล็กแท่งใหญ่ ดึงคนที่กระจายอยู่แถวนั้นไปซุกกันอยู่ที่เดียว "ขึ้นประตูหน้าลงประตูหลัง" พี่ไทยไม่สน สนแต่ขึ้นคนแรก แล้วนั่งให้ได้เร็วที่สุดเป็นพอ เมื่อผมก้าวขึ้นรถเมล์ คำแรกที่ก้องในหูผู้ชายคนนี้ก็คือ "โปรดเอื้อเฟื้อแก่เด็ก สตรี และคนชรา" จำได้ว่าสมัยเราเด็ก ๆ ไม่ยักกะมี "สตรี" ลุกให้ "เด็ก" นั่งมั่ง เขาอาจจะมองว่าเราเป็น "ผู้ชาย" มั๊ง แต่ผมมองตัวเองว่าเป็น "เด็ก" นะเจ๊ มันก็มีหร๊อกจำพวก "นางฟ้า" บนรถเมล์ แต่อาจจะด้วยอากาศเมืองไทยมันร้อนไป หรือคนขับรถเปิดไม่เพลงไม่ค่อยโดน หรือโดนเบี้ยวค่าแชร์ ... สารพัดจะเหตุผล "นางฟ้า" ก็เลยกลายร่างเป็น "ดาราตุ๊กตาทอง" ในบท "คนนอนหลับ หรือ "คนตาบอด" ยอดเยี่ยม อ๋อเพิ่มอีกนิดคือ "บทคนตาย" ฮ่า ๆ ปากร้ายได้อีก ประสบการณ์ "เก้าอี้ดนตรี" ในวัยเยาว์ กอร์ปกับ ... นาน ๆ จะขึ้นรถเมล์สักที ก็เลยตัดสินใจว่า "จะให้คนอื่นนั่งตลอดทาง" มี "แม่กับลูกชาย และกระต่ายหูตก" แม่เอามือตีหน้าผากลูกด้วยความเอ็นดู เป็นภาพที่น่ารักมากที่สุดในวันนั้น ตอนแรกคุณแม่กับคุณลูกนั่งคนละที่กัน แม่ก็เรียกลูกกับกระเป๋าบรรจุกระต่ายน้อยน่ารักมานั่งด้วยกัน สามชีวิต ... ความสวยงามที่คงเกิดขึ้นบ่อย ๆ เพียงแต่เราจะ "มองเห็น" มันหรือเปล่า ผมมองดู "เจ้ากระต่ายน้อย" เสียเพลิน เพราะกลัวว่า มันจะป่วยเพราะแอร์เย็นจัดบนรถ จนลืมว่าเหลือที่นั่งว่างอยู่อีกทีหนึ่ง ผมจึงเรียกให้ "นักศึกษาผู้หญิง" ในชุดพละ ที่ยืนอยู่ค่อนข้างไกล ... มานั่ง น้องทำหน้างง ๆ จนอดคิดไม่ได้ว่า ตัวเองหน้าตาคล้ายกับ "คนไม่มีน้ำใจ" ไปได้อย่างไร เพียงอึดใจเดียว นี่นั่งข้าง ๆ น้องศึกษาคนนั้นก็ว่างอีกแล้ว เหลือบไปดู ... ทุกคนมีที่นัึ่งกันเต็มรถ น้อยครั้งนะ ที่จะรู้สึกว่า "ทำดี แล้วเห็นผลทันตา" อันที่จริงระยะทางก็ไกลอยู่ สุดสาย จน สุดสาย ก็ไม่รู้ว่าถ้าต้องยืนกันจริง ๆ จะเมื่อยแค่ไหน อยู่บนรถเมล์นาน 40 นาทีเห็นจะได้ เห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยรำไร ... ถึงจุดหมายแล้ว "ถนนข้าวสาร" (แล้วค่อยมาเล่าต่อครับ) เคยใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพ รู้สึกว่าทุกคนรีบร้อนเกินไป
อีกอย่างชีวิตแบบนี้ ไม่ชอบเลย แค่เราจะเดินทางไม่กี่กิโล เราก็เหมือนใช้เวลาทั้งชีวิตโหนรถเมล์ ยิ่งช่วงคนเลิกงาน ทุกคนจะปล่อยสารออกมา กลิ่นตีกันมั่วไปหมด ตอนนี้ตัดปัญหา พาชีวิตมาที่ต่างจังหวัด มันต่างกันคนละขั้วเลย ถึงแม้รถจะติดบ้างเป็นบางวัน กระเป๋ารถเมล์ปากร้าย คนขับที่คิดว่าบรรพบุรุษเป็นคนสร้างถนน แต่ก็มีไม่เห็นบ่อยนัก...อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องมาหงุดหงิดใจอย่างสภาพจราจรใน กทม... จขบ มีความฝันเหมือนกันเลยค่ะ อยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง ขอให้ความฝันของพวกเราเป็นจริงในเร็ววันนะคะ โดย: กิ๊ฟท์ศรี วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:8:23:48 น.
มาอยู่บ้านได้สามไปกลับไปอีกที่ขึ้นรถเมล์ไม่ถูกทิศถูกทาง
โดย: คนเมืองตำน้ำกิน (comnow1234 ) วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:9:33:41 น.
เป็นคนหนึ่งที่จะไม่ดิ้นรนซื้อรถค่ะ ไม่ใช่ไม่อยากได้นะคะ คือมันไม่อยากขับค่ะ ขนาดนั่งให้คนอื่นขับให้ยังเครียดเลย ไหนจะเรื่องที่จอด ไหนจะกลัวรถหาย
แก้ปัญหาด้วยการทำงานที่ไหนก็ต้องย้ายที่อยู่ตามไปอยู่ไม่เกินสองป้ายจากที่ทำงาน ส่วนเงินที่เหลือเก็บไว้ซื้อบ้านที่ต่างจังหวัดไว้อยู่ตอนแก่ค่ะ โดย: อ้อ (sandseasun ) วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:19:59:24 น.
Enzember: ใช่ครับ อะไร ๆ ก็รีบเร่ง แต่มีความรู้สึกว่า อยู่กทมวันนึง แป๊บเดียวหมดวันซะแล้ว
แสนดีคนในพื้นที่: ขอบคุณที่มาให้กำลังใจครับ กิ๊ฟท์ศรี: ถ้ามีโอกาสก็อยากย้ายไปอยู่ ตจว เหมือนกันครับ เล็ง ๆ พัทยาเอาไว้ ส่วนเรื่องห้อง ตอนนี้พยายามจะมีห้อง ... แต่เรื่ิองหนังสือที่จะมาใส่นี่ รวม ๆ แ้ล้วก็แพงโขอยู่เหมือนกัน คนเมืองตำน้ำกิน: ฮ่า ๆ ผมก็ร้างมานานครับ จับสายรถเมล์ไม่ถูกเหมือนกัน อ้อ: ถ้าไม่ต้องซื้อรถยนต์ได้ก็ดีสิครับ ผมเองก็เป็นพวกซุ่มซ่าม รถมีรถยจนไม่อยากจะซ่อมแล้ว ทิ้งไว้งั้นแหละ แต่ส่วนใหญ่ผมต้องไปที่ไหนไกล ๆ บ่อย ๆ มันก็ลำบากนะครับ อย่างบ้านผม ไปบางแค ไปบางขุนเทียน ไปรังสิต นั่งรถเมล์มันก็ช้า แล้วก็มันไม่ได้ไปส่งถึงหน้าบ้านเขา ใช้บริการแท็กซี่ก็แพงครับ โดย: Guynes วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:21:23:40 น.
เล่าเรื่องชีวิตประตำวันได้น่าฟังนะคะ
นี่..มาฟังคุณบ่นนะเนี่ยเรื่องข้างบนเนรายแค่เล่าได้สนุกมากเลยค่ะ จะรออ่านเรื่อยๆค่ะ โดย: chabori วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:19:59:15 น.
ประสบการณ์บนรถเมล์มีมากมายหลากหลายค่ะ อ่านแล้วขำ และมันก็จริงด้วยนะ รถเมล์บางสายรอเป็นชาติ แถมพอมาแล้วคนก็ดันขึ้นเหมือนเราเยอะ ซะด้วยสิ ประสบการณ์ในชีวิต รถเมล์ที่ใช้เวลารอนานมากที่สุด ก็คือ 177 รอนานมาก ถึง ชาติเศษ แต่พอมีรถใช้เองแล้ว ก็ลืมประสบการณ์เหล่านั้นไปจนหมด จะมาสำเหนียกได้อีกที ก็ตอนที่ เอารถเข้าศูนย์ซ่อมเนี่ยล่ะ แต่ก็สนุกดีค่ะ
โดย: มายด์_มอร์นิ่งกลอรี่ วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:20:13:13 น.
|
Guynes
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
มันไม่ได้ช้าลงหรอก
หัวใจเราเร็วขึ้นต่างหาก
ทุกอย่างก็เลยดูช้าไปซะหมด