สิ่งมีชีวิต ... ที่เรียกว่า ญาติ
การต่อเติมบ้านที่ใช้เวลาร่วมปี
กำลังจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ถึงแม้ว่า ...
บ้านของเราจะถูกต่อเติม
ขยับขยายมาหลายครั้ง
แต่ใน "ความฝัน" ของคนในครอบครัวของเรา
ยังคงเป็นภาพบ้านเล็ก ๆ หลังเดิมหลังนั้น

บ้านชั้นเดียว
ที่ปูด้วยไม้ปาร์เก้ถูก ๆ ไว้เพียงส่วนหน้า
เพื่อให้มัน "ดูดี" ยามที่แขกไปใครมา
ครึ่งหลังของบ้านปูด้วยเสื้อน้ำมัน
ลายหินอ่อนที่พอจะหาได้ "ถูกที่สุด"

จำนวนห้องมีเท่ากับจำนวนคนอยู่
ห้องน้ำประดับกระเบื้องสีเชย
มีครัวที่ต่อเพิ่มออกไปหลังบ้านอย่างลวก ๆ
เฉลียงกว้างหน้าบ้านทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี
ในยามที่เราจำเป็นต้องต้อนรับแขกเหรื่อ
เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยภายในนั้น
ค่อนข้างที่จะจำกัด

บ้านได้ถูกปรับแต่งสร้างใหม่หลายครั้ง
จนกระทั่งมันได้ขยับขยาย
เป็นเหมือนบ้านผู้มีอันจะกิน
ด้วยความที่คุณพ่อเป็นผู้รับเหมาะก่อสร้าง
การตกแต่งและวัสดุที่ใช้
จึงหามาได้ด้วยราคาถูกและคุณภาพดี
บ้านของเราจึงออกมาดูแปลกตา
ถึงแม้ว่าจะลงเงินไปไม่เท่าไหร่

เหล่าญาิติพี่น้องของพ่อที่เกษียณแล้ว
ครั้งแรก ๆ ก็มาชมบ้าน
เพราะว่าอยากจะต่อเติมบ้านของตัวเองบ้าง
แต่ด้วยความงกสมบัติ
พวกญาิติ ๆ ก็ไม่ได้พูดถึงมันอีก
กลายเป็นว่าอยากจะมาบ้านหลังนี้
เพราะเห็นว่ามันเป็นสถานที่ "ปิดนิค"
หรือ "บ้านพักคนชรา"

นั่นทำให้ผมคิดถึงบ้านหลังน้อยหลังเดิม
ที่ไม่มีแขกคนไหนอยากมาเยี่ยมเยือน
หลังเก่ามากกว่า

บางครั้งคนเราก็ต้องการ
"ความเป็นส่วนตัว"

ผมยอมรับว่า
เหตุผลหนึ่งที่ผมไม่อยากให้ใครมาบ้าน
ก็เพราะบ้านที่ติดกันของผมเป็นออฟฟิศ
และผมก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นเบื้องหลัง
การทำงานของผม

มันก็ไม่สบายใจนักหรอก
ที่จะต้องสร้างภาพให้มันดูดี
ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ถึงขนาดนั้น
แต่สำหรับการค้า
ภาพลักษณ์สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

ญาิติของพ่อไม่เคยอยากให้ใครได้ดี
ไปกว่าลูกของตัวเอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้ครอบครัวผมจะอยู่เหนือทุกคน
แต่งานของผมมันก็เหมือนจุดอ่อน
ให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่า "ญาิติ" พวกนี้
ได้เอามาพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจได้เสมอ

รวมถึงการสอดรู้สอดเห็น
ว่าชีวิตส่วนตัวเป็นอย่างไร
เมื่อไรจะแต่งงาน
สารพัดจะวุ่นวาย

พื้นที่ที่พวกเขาอยากจะสำรวจมากที่สุด
ก็คงเป็นพื้นที่ที่ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นที่สุด
คือด้านหลังออฟฟิศ

"เป็นจุดที่ควรจะสะอาดที่สุด
แต่ทำให้สะอาดได้ยากที่สุด"

คนพวกนั้นคงจะพูดในใจว่า
"มีอะไรที่ต้องปิดบังกันนักกันหนา"
ผมก็หวังว่าพวกเขาจะคิดอะไรได้บ้าง
หากสะกดคำว่า "มารยาท" ได้ถูกต้อง

มันยากเกินกว่าจะใช้วิธีแบบ "ผู้ดี" กับคนพวกนี้
คนที่มองเห็นเราเป็นคน "ระดับต่ำกว่า" เขา
มาตลอด 30 ปี
ความพยายามที่ฉาบใบหน้าด้วยรอยยิ้ม
และวิธีการโต้คารมแบบเฉือดเฉือน
มันหมดลงไปแล้ว ... นับตั้งแต่วันนั้น

พ่อได้โทรมาเกริ่นกับผมก่อนหน้า
ว่า "อาผู้หญิง" ของผมซึ่งเป็นครู
จะมาให้ผมสอนคอมพิวเตอร์
ซึ่งผมเองไม่คิดอะไรมากนัก
วันนั้นเป็นวันเสาร์
ผมออกไปทำธุัระในช่วงเช้า
เพราะคิดว่าอาน่าจะมาที่บ้านในช่วงบ่าย

โทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น
ด้วยเลขหมายโทรเข้าที่คุ้นเคย
"อยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าจะไปบ้านให้สอนคอมพิวเตอร์หน่อย"
อาโทรมาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
เกินกว่า "การขอความช่วยเหลือ"

ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่ไม่ดีนัก
"อีกสิบนาทีเจอกันที่บ้าน"
ห้องสมุดของมหาวิทยาลับอยู่ห่างจากบ้านไม่เกินนี้
ถ้าพูดแล้วว่าจะช่วยน่าจะจบกัน
ผมวางงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างหงุดหงิด
และรีบขับรถกลับบ้าน

เป็นไปตามคาด
อามาถึงบ้านหลังจากผมประมาณครึ่งชั่วโมง
ถึงที่ก็นั่งคุยกับพ่ออีกสักพักใหญ่จึงจะเริ่มคุยเรื่องงาน

"อาอยากจะพิมพ์ข้อสอบ
ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เลย ไหนต้องทำยังไง"
ผมหยิบดิกส์ข้อมูลมาใส่ในโน๊ตบุ๊คอย่างเซ็ง ๆ
ผมไม่เชื่อหรอกว่าอาจะพิมพ์ไม่เป็นและไม่เคยใช้คอมฯ
โรงเรียนมัธยมชื่อดังของกรุงเทพ
ที่มีธุรกิจจัดงานศพอันเลื่องชื่อ
คงมีคอมพิวเตอร์ในห้องพักครูเครื่องนึงเป็นอย่างน้อย

ผมพยายามสอนวิธีการใช้ word
ถึงแม้ว่าผู้เรียนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะรับรู้
ทุกคนในบ้านมีงานที่จะต้องทำเหมือนกัน
เมื่อผมสอนเสร็จก็พูดปลีกตัวเพื่อจะไปทำงานส่วนตัว

"เอกมานี่หน่อย"
เสียงคุณอาเจ้าปัญหาดังขึ้นไปถึงชั้นบน
"ตกลงว่าจะเปลี่ยนภาษายังไง"
ผมพยายามสอนอย่างช้า "อีกครั้ง"
ในการเปลี่ยนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
และการใช้ตัวหนังสือบน

"นี่ไงเห็นไหม เอกพิมพ์ไวกว่าอาอีก"
อาพูดต่ออีกสองสามคำ
เป็นที่เล่นที่จริงให้ผมพิมพ์ข้อสอบของอาจนเสร็จ

"คุณอาค่อย ๆ ลองทำไปจะดีกว่าครับ
ทำไปเรียนรู้ไปทำให้จำง่าย"

ถ้าคิดว่าผมโง่ละก็ "ผิดถนัด" ครับ
ความชั่วร้ายของญาติ ๆ
ทำให้ผมเรียนรู้วีธีการรับมือ
กับพวกหน้าไหว้หลังหลอกได้เป็นอย่างดี

อาหันไปคุยกับพ่อแม่เรื่องออกไปหาอะไรอร่อย ๆ ทาน
แล้วไม่พอยังจะไปซื้อของในซุปเปอร์ฯ อีก
นั่นหน่ะรวมสามชั่วโมง ... แล้วงานจะเสร็จได้อย่างไร

"อาทิ้งงานไว้กับเอกแล้วกันนะ
แ้ก้ให้เสร็จถึงตรงนี้แหละ"

ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้าง

"ผมมีงานที่จะต้องทำเหมือนกัน
แล้วอีกอย่างคอมฯ เครื่องนี้มันก็ไม่ค่อยดีเสียด้วย"
ผมพูดหน้าตาเรียบเฉย
ก็คนที่บอกจะมาเรียนกลับทิ้งงานให้ทำ
แล้วไปเดินตากแอร์ในห้างเสียดื้อ ๆ นี่ครับ

จากนั้นพ่อแม่ก็ชวนอาออกไปทานข้าว
เธอหันมาสั่งกำชับผมว่า
"ยังไม่ต้องยุ่งอะไรกับข้อมูลทั้งนั้น"
ผมยิ้มในใจ

"ความชั่วสามารถสื่อสารกับความชั่วได้อย่างอัศจรรย์"

ผมคิดว่าอาน่าจะเข้าใจอะไรได้ดีแล้ว
แต่ผิดถนัด
อากลับมาจากข้างนอกพร้อมกับแผนการณ์ใหม่
อานั่งพิมพ์งานด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
พร้อมกับปากที่บ่นอยู่ตลอดเวลา

"โอ๊ย ทำไมทำอย่างงี้ไม่ได้"

อาเรียกผมไปสอนอยู่เรื่อย ๆ
ผมก็สอน ๆ ไปแล้วก็หายขึ้นไปทำงานหน้าตาเฉย
มารยาแบบนี้ใช่ว่าอาจะไม่เคยใช้
ผมกำชับน้องสาวว่า
อย่างไรก็ห้ามทำงานนี้ให้อาเด็ดขาด
ถ้ายอม ... คราวหน้าก็ต้องยอมอีก
กับบางคน "ความดี" ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ขนาดอาเป็นอาจารย์สอนพระพุทธศาสนาแท้ ๆ
ยังทำตัวเป็นคนที่ "น่ารังเกียจ" เช่นนี้

ถึงแม้ว่าจะเสแสร้งแกล้งว่าทำไม่ได้สักเท่าไร
ก็ไม่มีวี่แววว่าผมหรือน้องจะมาช่วย
่ส่วนแม่ที่รู้นิสัยอาเป็นอย่างดีก็เห็นด้วยกับผม
พ่อ ... ถึงแม้ว่าจะเกรงใจญาติทุกคน
แต่คราวนี้พ่อเองกลับนิ่งเฉยเสีย
ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นมาขอร้องผมให้ไปช่วยงานอา

คืนนั้น อาแกล้งทำงานดึกทั้งคืน จนต้องค้างที่บ้านเรา
ซึ่งปกติจะอาไม่ค่อยที่จะค้างบ้านใคร
จริง ๆ แล้ว
การพิมพ์ข้อสอบไม่ได้มีอะไรหนักหนา
เพราะมีข้อมูลเก่าในแผ่นดิส์กค่อนข้างเยอะ
เพียงเพราะคนเรา "อยากเอาชนะ"
จึงทำทุกวิถีทาง
เพียงเพื่อให้พ่อเป็นคนลงมือ "สั่ง"
ให้ผมช่วยงานอาจนเสร็จ
คงเป็นความสะใจอย่างที่สุดของอา
หากมันจะเป็นเช่นนั้น

เมื่อพ่อไม่มีวี่แววว่าจะพูดอะไร
อาจึงจำต้องค้างคืนแบบเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
เช้ามา ... ได้ยินเสียงคุยกันว่า
อากำลัง "จะกลับบ้าน"
ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
จนกระทั่งได้ยินเสียงขึ้นบันได
มาถึงห้องทำงานชั้นบนของผม

"อาจะทิ้งงานเอาไว้ให้นะ
ยังไม่ต้องรีบทำก็ได้ เพราะกว่าจะใช้คงสิ้นเดือน"
ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรก
บอกว่างานจะรีบใช้วันจันทร์
จนต้องรีบให้ผมบึ่งรถมาช่วยทำ
แล้วมีหน้ามาปลิ้นปล้อนว่ามีเวลาถึงสิ้นเดือน
ไร้ยางอายสิ้นดี

ผมใช้จังหวะในตอนที่ไม่มีใครอยู่
พูดด้วยเสียงเฉียบคม

"เอางานกลับไปให้หมดนะ
กลับไปเดี่ยวนี้ !"

ตัวของอาเริ่มสั่น
ไม่รู้ว่าด้วยความโกรธ หรือความอาย
หรือด้วยไม่คิดว่า ผมจะกล้าทำแบบนี้
แน่นอนว่าถ้าพ่อแม่อยู่
ผมอาจจะใช้วิธีพูดจาเฉือดเฉือนในแบบที่ผมถนัด
เพื่อไว้หน้าพ่อกับแม่บ้าง

แต่ในตอนนี้ ... มันช่างเหมาะเสียเหลือเกิน
ที่จะแสดงให้อารู้ว่า
จะไม่มีวัน "ทำชั่ว" กับครอบครัวเราได้อีกต่อไป

อารีบเดินลงไปข้างล่าง
ถึงแม้พ่อจะถามเรื่องงานที่ให้ผมทำ
แต่อาดูเหมือนจะไม่อยากพูดถึงมัน

เพราะถ้าอาคิดจะฟ้องพ่อ
มันมีสิ่งที่อาสมควรจะอายมากกว่าหลายเท่า
หากว่าผมเอาเรื่องนี้ไปปูดให้บรรดาหลาน ๆ ทั้งหลายฟัง
และในเมื่อผมกล้า "พูดตรง ๆ" ออกมาแบบนี้
ยังมีอะไรอีกหรือ ที่ผมจะไม่กล้าทำ

พ่อกลับมาเล่าให้ฟังจ๋อย ๆ ว่า
อาขับรถกลับบ้านไปเหมือนจะร้องไห้
คนแบบนี้ไม่มีวันสำนึก
ถ้าจะสำนึกได้ ... ก็ควรจะเร็วกว่านี้สักสิบปี
ผมและน้องเคยสงสารอา
คิดว่าแกเป็นสาวทึนทึก
แก่ไปใครจะดูแล
หลาน ๆ คนอื่นไม่มีใครเอา
ก็คงต้องตกอยู่ที่ผมกับน้อง

แต่ตอนนี้อาคงกลัวผม
เอาหมอนอุดจมูกอย่างในละครกระมัง
เพราะเวลาเห็นหน้าผมร่วมลงรับประทานอาหารที่ไร
ก็ทำหน้าเหมือนเห็นยมฑูต

วีรกรรมของคนนามสกุลเดียวกัน
มีมากจนผมเคยบอกแม่ว่า

"อยากจะเอามาเขียนนิยาย"

แม่คัดค้านเสียงแข็งราวกับว่าผมจะทำจริง
แม่รู้เสมอว่าผมใฝ่ฝัันอยากจะเป็นนักเขียน
และผมก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง
จากการมีโอกาสได้เขียนคอลัมน์
ลงแมกกาซีนเกี่ยวกับไอทีอยู่หลายปี

ถ้าสักวันคุณได้อ่านนิยายที่มีเรื่องทำนองนี้
ก็ไม่แน่ว่า ..

อาจจะเป็นฝีมือผม










Create Date : 04 มีนาคม 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 0:02:21 น.
Counter : 692 Pageviews.

6 comments
  
ชีวิตยิ่งกว่าละครน้ำเน่า.. มันมีจริงๆ ค่ะ บ้านเมก็เป็นค่ะ ตอนนี้เลิกนับญาติไปละค่ะ โกงกินสารพัด งืมงืม
โดย: ผู้หญิงมากฝัน (maesnake ) วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:18:17:10 น.
  
อืม...นี่แหล่ะค่ะญาติ

ญาติใครก็เป็น เฮ้อ....
โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:21:05:51 น.
  
หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง

ญาติห่วยๆ แบบนี้เราก็มี

น่าเบื่อที่สุดดดด
โดย: Life & Learn วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:1:02:59 น.
  
สวัสดีครับ คุณ maesnake คุณโยเกิตมะนาว และคณ Life & Learn

ละครน้ำเน่าก็มาจากชีวิตจริงนี่ละครับ
คนบางคนก็เหมือนบัวใต้ตม
เกินเยียวยากันแล้วจริง ๆ

สำหรับญาติ ๆ ในความรู้สึกผม
ถ้าไม่ได้จริงใจอะไรกันมากนัก
ก็ควรต่างคนต่างอยู่
เราเองก็จะได้ไม่ต้องขุ่นมัวจิตใจ
ที่เราไปคิดไม่ดีกับเขา
เป็นบาปเป็นกรรมของเราด้วยอีกเปล่า ๆ

น่าแปลกที่คนพวกนี้ ไม่คิดอย่างเราบ้าง
โดย: Guynes วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:1:27:04 น.
  
ตามมาอ่านหลังจากอ่านบล็อกสงครามแฟนคลับแล้ว


เอ่อ.........


เรามีและเจออะไรหลายๆอย่างเหมือนกันมาก แบบว่าต่างกันแค่เราเป็นผู้หญิงและคุณเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง


โดย: XODA วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:15:34:36 น.
  
555 สะใจดีแฮะ ความเกรงใจมันสอนกันไม่ได้จริง ๆ
โดย: yourself วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:11:42:34 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
มีนาคม 2553

 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog