ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

รู้หรือไม่ "สมุดบันทึกของ Da Vinci บันทึกอะไรไว้"

รู้หรือไม่ "สมุดบันทึกของ Da Vinci บันทึกอะไรไว้"



Leonardo da Vinci เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ.1995 ที่หมู่บ้าน Vinci ในแคว้น Tuscany ของประเทศอิตาลี มารดาเป็นหญิงชาวนาชื่อ Caterina บิดาเป็นคหบดีที่มีฐานะมั่งคั่งชื่อ Piero da Vinci ถึงแม้จะเป็นเด็กที่เกิดจากการสมรสนอกกฎหมาย แต่ da Vinci ก็สามารถเติบใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหาในสังคมอิตาลีสมัยนั้น

da Vinci ได้รับการยกย่องว่าเป็นสากลมนุษย์ที่รอบรู้ในศาสตร์และศิลป์แทบทุกแขนง เขาเป็นศิลปินเอก เป็นยอดวิศวกร และเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสรรค์ผู้มีคติประจําใจว่า การเสาะแสวงหาความรู้อยู่เสมอเป็นวิถีชีวิตของคนเก่ง ความสนใจของ da Vinci นั้นหลากหลาย เขาได้ศึกษาลักษณะการไหลของนํ้า วิธีการบินของนก และระบบการไหลของโลหิตในร่างกายคน นอกจากนี้เขาก็ยังสามารถวาดภาพได้อย่างชนิดไร้ผู้ใดเทียมทานอีกด้วย

นับเป็นโชคดีของมนุษย์ที่ da Vinci ได้เขียนข้อสังเกต และความคิดฝันทั้งหลายของเขาลงในสมุดบันทึกที่มีความหนากว่า 1,000 หน้า เอกสารเหล่านี้คือมรดกลํ้าค่าที่ da Vinci ได้มอบให้แก่โลก นอกเหนือไปจากภาพวาดที่ประมาณค่ามิได้ เช่น Mona Lisa, The Last Supper และ Adoration of the Magi เป็นต้น

ในสมุดบันทึกนั้น da Vinci ได้เขียนบทความ และภาพวาดเกี่ยวกับก๊าซพิษ ระเบิดนาปาล์ม เรือรบ มนุษย์กบ เทคนิคการควบคุมและป้องกันนํ้าท่วม การสร้างปืนใหญ่ เครื่องจักรไอนํ้า เรือดํานํ้า เฮลิคอปเตอร์ ร่มชูชีพ รถถัง เครื่องปรับอากาศ เกียร์รูปเกลียว ใบพัดเครื่องบิน ฯลฯ เขาเขียนภาพและคิดสร้างอุปกรณ์เหล่านั้นในขณะที่ชาวโลกยังไม่รู้จักอุปกรณ์ที่ว่านี้เลย จนกระทั่งอีก 450 ปีต่อมา เทคโนโลยีปัจจุบัน จึงสามารถทําความฝันบางประการของ da Vinci เป็นจริง

Sir Anthony Bennett ผู้เป็นนักประวัติศาสตร์ผู้ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ได้กล่าวถึงความสามารถในการสังเกตของ da Vinci ว่าอัจฉริยะท่านนี้มีประสาทตาที่ไวและละเอียดเหมือนตาของซูเปอร์แมน เพราะสามารถเห็นเกลียวคลื่น เห็นการทำงานของกล้ามเนื้อนกขณะบินก่อนที่โลกจะมีกล้องถ่ายภาพชนิด slow - motion ใช้เสียอีก

da Vinci เวลาต้องการวาดภาพกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เขาจะใช้วิธีศึกษาจากศพจริงๆ ภาพที่วาดได้จึงชี้ให้เขาเห็นความรู้ที่ผิดของ Aristotle และ Galen นอกจากนี้ da Vinci ยังได้ทุ่มเทศึกษาการทํางานของระบบการหมุนเวียนของโลหิตจนเกือบพบหน้าที่แท้จริงของหัวใจด้วย

da Vinci เสียชีวิตที่ Chateau of Cloux ในประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2062 ขณะมีอายุได้ 77 ปี Francesco Malzi เป็นศิษย์รักของ da Vinci ได้รับมรดกที่เป็นสมุดบันทึกบางเล่ม ส่วนอีกบางเล่มได้ถูกนําไปเก็บในพิพิธภัณฑ์ของประเทศสเปน อังกฤษและอิตาลีเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2541 ได้มีผู้นําสมุดบันทึกของ da Vinci ออกประมูลที่ Christie ใน New York สมุดเล่มนี้มี 72 หน้า มีภาพประกอบ 360 ภาพ ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพวาดที่บรรยายธรรมชาติการไหลของนํ้า

อภิมหาเศรษฐี Bill Gates ได้ประมูลซื้อสมุดบันทึกเล่มนี้ไปด้วยเงิน 770 ล้านบาท สถิตินี้เป็นสถิติโลกในการซื้อขายสิ่งพิมพ์ประเภทสมุดบันทึก

ในสายตาของคนทั่วไป การได้อ่านข้อความและเห็นภาพของ da Vinci เปรียบเสมือนกับการได้เข้าไปนั่งอยู่ในจิตของมนุษย์ - เทวดาผู้นี้ขณะกําลังทํางานก่อนที่ da Vinci จะจากโลกไป เขาได้กล่าวกับ Malzi ผู้ศิษย์ ว่า “ Tell me if anything was ever made” ขณะนี้เราคงบอกได้ว่าเราประดิษฐ์อะไรต่อมิอะไรตามความคิดของ da Vinci ได้แล้วหลายชิ้น และอีกหลายความคิดที่เหลือเราก็คงกําลังศึกษาหาความเป็นไปได้ในการสร้างมันขึ้นมาครับ




บทความโดย sagime
ข้อมูลจาก
ipst.ac.th/ThaiVersion/publications/in_sci/davinci.pdf




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2553
1 comments
Last Update : 23 กรกฎาคม 2553 12:22:22 น.
Counter : 2513 Pageviews.

 

สุดยอดครับ

 

โดย: Zen (Zen Entania ) 25 สิงหาคม 2553 10:39:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.