deeplove
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
25 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add deeplove's blog to your web]
Links
 

 

ธรรมะสวัสดีวันหยุด




หึ หึ..ไม่เคยเขียนบล๊อคลักษณะนี้เลย แต่วันนี้เอาสักหน่อยและกันนะคะ...สิ่งที่เขียนนี้ให้เครดิตกับ //www.learntripitaka.com/scruple/katanyu.html ที่เข้าไปนั่งอ่านและศึกษาเกี่ยวกับธรรมที่คนไทยพุทธทุกคนควรรู้และน่าจะรู้ไว้ ธรรมเหล่านี้มีบางอย่างที่ทุกคนรู้จักดีและปฏิบัติอยู่ บางอย่างอาจเคยคุ้นตาคุ้นหู บางอย่างอาจไม่เคยเห็นมาเลยก็ได้

บางคนอาจเคยสงสัยว่า "ธรรม" คืออะไรพยายามค้นหาว่า ธรรม คืออะไร ก็หาไม่ได้สักครั้ง และมีคนบอกว่า ธรรมจะคืออะไรไม่มีใครตอบได้ เพราะแม้แต่ผู้เข้าถึงธรรมก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าธรรมคืออะไร มีคนบอกว่าธรรมนั้นอยู่เหนือสมมุติบัญญัติของทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร แต่เราสามารถฝึกให้บรรลุธรรมได้ เมื่อบรรลุธรรมแล้ว จะเข้าใจว่าว่าคืออะไร ถึงแม้ว่าจะเข้าใจธรรมแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบอกผู้ใดได้เพราะสิ่งที่ได้จากธรรมเป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตัวนั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพคำว่า รู้เฉพาะตัว เค้าจึงว่าไว้ดังนี้ เมื่อมีคนมาบอกเราว่า “มีมะม่วงผลหนึ่งอร่อยมาก มีรสเปรี้ยวอมหวาน ไม่ใช่หวานธรรมดาในความหวานนั้นมีความหอมรวมอยู่ด้วย ความเปรี้ยวที่มีนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความหวานเสียไป แต่กลับทำให้รสชาติมันพิเศษขึ้น” หลายคนที่ได้ฟังก็จะไม่เข้าใจว่ามะม่วงอร่อยอย่างไร จนกว่าจะไปชิมเองถึงจะรู้รสชาติที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร และเมื่อชิมแล้วก็บอกคนอื่นไม่ได้อีก เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัว ต้องให้คนอื่นชิมเองถึงจะรู้ว่ารสชาติของมะม่วงลูกนี้เป็นอย่างไร เค้าเปรียบเทียบว่าธรรมก็เป็นเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องเฉพาะตน ที่ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองแล้วถึงจะรู้ว่า "ธรรม" คืออะไร แต่คำว่า "ธรรม" เราสามารถหาความหมายได้ว่า

ธรรม หมายถีง สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง; เหตุ, ต้นเหตุ; สิ่ง, ปรากฏการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด; คุณธรรม,ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ; หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่; ความชอบ, ความยุติธรรม; พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฏขึ้น (พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์)

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ธรรมล้วนอยู่ที่ใจ เกิดจากใจ สำเร็จได้ก็ด้วยใจ " ธรรมทั้งหลายจึงมีใจเป็นสภาพถึงก่อน มีใจเป็นสภาพประเสริฐที่สุด อันสำเร็จแล้วแต่ใจ หากว่าบุคคลมีใจไฝ่โทษแล้ว กล่าวอยู่ หรือว่ากระทำอยู่ ทุกข์ย่อมเกิดกับบุคคลนั้น เพราะทุจริต สามอย่าง คือ มโนทุจริต วจีทุจริต กายทุจริต เสมือนล้อหมุนไปตามอยู่ซึ่งรอยเท้าของโคตัวมีกำลัง กำลังลากเกวียน" (ทรงตรัสพระคาถานี้ที่เมืองสาวัตถี)

แปลง่ายๆ ใครทำกรรมอันใดไว้กรรมนั้นก็เหมือนล้อเกวียนที่เดินทับรอยกรรมที่บุคคลนั้นกระทำด้วย กาย วาจา ใจ นั่นล่ะค่ะ ใครทำกรรมดี ความดีก็ย่อมตอบสนอง ใครทำแต่ความชั่วสักวันกรรมก็จะตามทันไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ที่ต้องมาชดใช้กรรมที่ได้ทำด้วยกาย วาจา ใจ นั่นล่ะ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็ทำให้อยากรู้ธรรม ที่ทุกคนควรรู้และทำให้ทุกคนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขและไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเป็นทุกข์ เท่าที่คุ้นเคยก็มีดังนี้ค่ะ


มรรค 8

มรรค = อริยมรรค = มัชฌิมาปฏิปทา = มรรคแปด = ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ = ทางสายกลาง

มรรค แปลว่า "ทาง" ซึ่งหมายถึง ทางเดินของใจ เป็นการเดินจากความทุกข์ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งมนุษย์หลงยึดถือและประกอบขึ้นใส่ตนด้วยอำนาจของอวิชชา และเป็นแนวทางดำเนินชีวิตที่ดี เพื่อให้กาย วาจา ใจ ของคนเราหลุดพ้นจากทุกข์ หรือที่เรียกว่า "อริยมรรค" แปลว่าทางอันประเสริฐ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้คนเรามีหลักยึดและไม่อ่อนแอ จนตกอยู่ใต้อำนาจ ความอยาก และไม่แข็งตึงจนเป็นการทรมานกายให้หมดจากความสุขทางกาย หรือจะเรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางดำเนินสายกลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะพอควร และมรรคมีองค์แปด คือ ความถึงพร้อมมีดังนี้

1. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเข้าใจถูกต้อง
2. สัมมาสังกัปปะ คือ ความใฝ่ใจถูกต้อง
3. สัมมาวาจา คือ การพูดจาถูกต้อง
4. สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำถูกต้อง
5. สัมมาอาชีวะ คือ การดำรงชีพถูกต้อง
6. สัมมาวายามะ คือ ความพากเพียรถูกต้อง
7. สัมมาสติ คือ การระลึกประจำใจถูกต้อง
8. สัมมาสมาธิ คือ การตั้งใจมั่นถูกต้อง

หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเองโดยแยกแยะแต่ละหัวข้อได้ดังนี้

สัมมาทิฏฐิ (ปัญญา) ก็คือ ความเข้าใจถูกต้อง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม ต้องเข้าใจว่าทุกข์ คืออะไร และอะไรทำให้เราเกิดทุกข์ และทำอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์ และจะไม่เกิดทุกข์ขึ้นอีก เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ

สัมมาสังกัปปะ(ปัญญา) คือ ความใฝ่ใจถูกต้อง คิดหาทางออกไปจากทุกข์ด้วยกฎแห่งเหตุและผล ที่เห็นชอบมาแล้วได้แก่ การไม่เพ่งร้าย การไม่ทำทุกข์ให้แก่ผู้อื่นแม้เพราะเผลอ รวมทั้งความใฝ่ใจถูกต้องทุกๆอย่างที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นจากสิ่งที่มนุษย์ไม่ประสงค์

สัมมาวาจา (ศีล) คือ การพูดจาถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น

สัมมากัมมันตะ (ศีล) คือ การกระทำถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น

สัมมาอาชีวะ (ศีล) คือ การดำรงชีพถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น

สัมมาวายามะ (สมาธิ) คือ ความพากเพียรถูกต้อง เป็นส่วนของใจที่บากบั่นในอันที่จะก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง

สัมมาสติ (สมาธิ) คือ การระลึกให้ใจทำแต่สิ่งที่ถูกต้องเกื้อหนุนแก่ปัญญาที่ไม่ทำให้สิ่งไม่ดีครอบงำ

สัมมาสมาธิ (สมาธิ) คือ การตั้งใจมั่นถูกต้อง ได้แก่สมาธิ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญญา เปรียบเหมือนการลับปัญญให้แหลมคมอยู่เสมอ


สิ่งที่ได้จากมรรคมีองค์แปด คือ ทำให้คนเรามีศิล มีสมาธิ ปัญญา มีสติไม่ขาดสติมีเหตุและผล ไม่หลงเชื่ออะไรงมงาย ใครพูด ใครชักจูงอะไรก็เชื่อไม่คำนึงถึงเหตุและผลและความเป็นจริงเอาตัวเอง ตนเองเป็นที่ตั้งฉันเชื่อของฉันอย่างนี้ก็ต้องเป็นแบบนี้ ยึดตัวเองกลุ่มตัวเองเป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดทุกข์ต่อตัวเองและคนอื่น คิดทำร้ายคนอื่น ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นโดยสร้างเรื่องราวต่างๆ นานาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในสิ่งที่ตัวเองกลุ่มตัวเองต้องการ ซึ่งทำให้คนอื่นเสียหายและเป็นโทษกับผู้อื่น สุดท้ายทำให้ตัวเองเป็นทุกข์เพราะคอยหวาดระแวงในเวรกรรมที่จะตามทันไม่วันใดวันหนึ่ง มรรคมีองค์แปด จึงสอนไม่ให้คนเรากล่าวโทษ กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่นโดยไม่มีมูลความจริงหรือไม่กระทำการใดๆ ที่ทำร้ายคนอื่นไม่ว่าด้้วย กาย วาจา ใจ ที่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เสียหาย จนถึงเสียชีวิตหรือไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสิ่งที่ตนเองไม่ควรได้ ไม่ควรเป็นโดยวิธีการต่างๆเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองอยากได้และต้องการโดยทางไม่ถูกไม่ควร ทางที่ถูก คือ ต้องคิดให้ได้ว่ากว่าจะได้อะไรมาต้องใช้ความพยายามในทางที่ถูกที่ควร ไม่ควรใช้กำลัง ความสามารถในทางผิดๆ ใช้วิธีการผิดๆ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือทะเยอะทะยานอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ทั้งที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ ประสบการณ์ยังน้อย อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในเวลานี้ ก็คือ รัฐบาล ที่ยังมีรัฐบาลเงาแอบอยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศของผู้นำ ซึ่งคนจะขึ้นเป็นระดับนี้ได้ต้องไม่ให้ใครมาสั่งการเบื้องหน้าเบื้องหลังได้ แต่สิ่งที่เห็น คือ ตกอยู่ภายใต้อำนาจคนใกล้ตัว ใกล้ชิด มรรคมีองค์แปดจึงสอนให้คนเราทำอะไรให้ใช้สติ ปัญญาและความคิดทำในสิ่งที่ดี โดยไม่ให้คนไม่ดี หรือสิ่งไม่ดีมาครอบงำได้ ด้วยการตั้งมั่นตั้งใจที่จะเป็นคนที่ดี รัฐบาลที่ดี และทำดี แต่จะมีมั๊ยล่ะ...5555555.....

หลักธรรมอีกอันหนึ่งที่ทุกคนควรมี คือ

สังคหวัตถุ 4 เป็นหลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล หรือเป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่

1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เป็นคนเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้ไม่เป็นคนละโมบ ไม่เห็นแก่ตัว เราควรคำนึงอยู่เสมอว่า ทรัพย์สิ่งของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้

2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพูดเป็นบันไดขั้นแรกที่จะสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้น วิธีการที่จะพูดให้เป็นปิยวาจานั้น จะต้องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

เว้นจากการพูดเท็จ
เว้นจากการพูดส่อเสียด
เว้นจากการพูดคำหยาบ
เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ


3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย คุณธรรมข้อนี้จะช่วยให้เราเป็นคนมีจิตใจหนักแน่นไม่โลเล รวมทั้งยังเป็นการสร้างความนิยม และไว้วางใจให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย

หลักธรรมหัวข้อนี้คงไม่ต้องแปลเพราะเมื่ออ่านแล้วทุกอย่างลงตัวในตัวเองอยู่แล้ว สำหรับผู้นำประเทศ ถ้าไม่อยากร้อนรน กลัวเก้าอี้หลุดหาย อ่านหลักธรรมข้อนี้ให้มากๆ แล้วพิจารณาให้ดีเพราะเราดูแล้วพวกคุณขาดหลักธรรมนี้ทุกๆ ข้อเลยค่ะ

หลักธรรมที่ควรรู้อีกหัวข้อหนึ่งก็คือ

พรหมวิหาร 4 ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ ได้แก่

เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข
กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
อุเบกขา การรู้จักวางเฉย

เมตตา : ความปราถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น

กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรียกว่า กายิกทุกข์

ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสิกทุกข์

มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เช่น เห็นเพื่อนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครูชมเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้งเอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง

อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

เป็นหลักธรรมที่ผู้บริหารพึงมี อันนี้สำหรับข้าราชการเป็นข้อสอบในการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแม้แต่การสอบเข้ารับราชการอยู่เสมอ อ่านดูแล้วจะได้ความหมายอยู่ในตัวของมันเองโดยไม่ต้องแปล อยากบอกรัฐบาลจังว่าประชาชนอยากมีความสุขโดยไม่มีใครอยากเป็นหนี้ กรุณาอย่าสร้างหนี้ให้ประชาชนต้องรับผิดชอบเพราะรัฐบาลบริหารผิดพลาดเลยค่ะ หรือประชาชนทุกข์ไปเองโดยที่รัฐบาลตั้งหน้าตั้งตากู้ๆ โดยไม่เดือดร้อนอะไรคะเพราะนั่นเท่ากับพวกท่านขาดหลักธรรมข้อ กรุณา เพราะท่านกำลังสร้างทุกข์ทางใจให้กับประชาชนอย่างรุนแรงที่ต้องนั่งมองประเทศชาติเป็นหนี้โดยท่านบริหารเงินไม่เป็นๆ แต่ใช้กับกู้ แต่หาเงินไม่เป็นอะไรแบบนี้ค่ะ และอีกสองข้อที่คิดว่าท่านยังขาดอยู่คือ มุทิตา กับ อุเบกขา งั้นขอมอบหลักธรรมนี้ให้ค่ะ....555555....และยังมีธรรมที่ควรรู้ คือ


อิทธิบาท 4
มีดังนี้

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น

ฉันทะ
คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ

วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง

จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่

วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่


อริยสัจ 4 คือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์

ทุกข์
คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์

สมุทัย

คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง

นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน

มรรค
คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้งนี้


โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของ โลกมีอยู่ประจำกับชีวิต สังคมและโลกของมนุษย์เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบด้วยกันทั้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม

1. โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมี 4 เรื่อง คือ
- ได้ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้ทรัพย์สินเงินทอง ได้บ้านเรือนหรือที่สวน ไร่นา
- ได้ยศ หมายความว่า ได้รับแต่งตั้งให้มีฐานันดรสูงขึ้น ได้ตำแหน่ง ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต
- ได้รับสรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ
- ได้สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ได้ความเบิกบาน ร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ

2. โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจมี 4 เรื่อง คือ
- เสียลาภ หมายความว่า ลาภที่ได้มาแล้วเสียไป
- เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดความเป็นใหญ่ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดอำนาจ
- ถูกนินทา หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี มีใครพูดถึง ความไม่ดีของเราในที่ลับหลังเรียกว่าถูกนินทา
- ตกทุกข์ คือ ได้รับความทุกข์ทรมานกายทรมานใจ

อันนี้เป็นสิ่งที่แถมให้สำหรับใครบางคนที่ลืมคำว่า "กตัญญู" พระพุทธศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี คนดีย่อมเป็นที่ต้องการของทุกคนและทุกที่ คนดีทำให้สังคมทุกสังคมเจริญประเทศชาติเจริญ คนดีอยู่ในสังคมใดสังคมนั้นๆ ย่อมมีความสุข ความกตัญญู คือ คุณสมบัติและสัญลักษณ์ของคนดี เป็นหลักถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิตของคนดี เป็นผู้ควรค่าแก่ความรัก เกียรติ ศักดิ์ศรี และการยกย่องสรรเสริญจากผู้อื่น ความกตัญญู ย่อมทำให้มีชีวิตประสบแต่ความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง

ดังนั้นความคิดและความเชื่อของสังคมวัฒนธรรมไทย จะสรรเสริญผู้มีความกตัญญูและตำหนิผู้ที่ไม่รู้จักบุญคุณคนอื่นเป็นอย่างมาก คนไทยมีความเชื่อว่าผู้ที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณจะมีความเจริญรุ่งเรืองประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนผู้ที่เนรคุณนั้นจะประสบความวิบัติเป็นที่รังเกียจในสังคม ได้มีการเปรียบเทียบว่า คนที่เนรคุณนั้น เป็นคนไร้ค่ามีจิตใจกระด้างดังเนื้อหิน เขาจะกรุณาคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อคนที่มีบุญคุณต่อเขา ยังทำให้เขาสำนึกไม่ได้ กตัญญู เป็นธรรมอันเป็นมงคลที่ 25 ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้โดยเน้นให้นำไปพัฒนาคุณสมบัติของคนดี แปลตามตัวหนังสือ คือ ผู้รู้ว่า คนอื่นทำความความดีอะไรไว้แก่ตนบ้าง หรือรู้อุปการคุณที่ผู้อื่นทำให้ตนเองนับถือเป็นหลักแห่งความยุติธรรมและความเป็นธรรมอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ เพราะเป็นการสอดคล้องกับหลักคำสอนว่า การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ มีคนทำดีให้กับเราแล้ว และเราได้รับผลประโยชน์จากการทำดีของเขา เป็นต้นว่า ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุข แต่สิ่งที่ปรากฏที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คือ การรับรู้แต่ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแก่ตน ไม่รับรู้คุณความดีของเขา ย่อมถือได้ว่าไม่ยุติธรรมต่อกัน หรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นคนเนรคุณ ไม่มีวันเจริญไปได้หรอกนะ ก็น่าจะรู้ตัวนะว่าใครบ้างที่เข้าคุณสมบัติในข้อนี้ดี....555555.....

ก็หามาให้อ่านกันเล่นๆ ค่ะเผื่อเป็นแนวทางการวางชีวิตที่ดีที่ทำให้ไม่ทุกข์กับสิ่งแวดล้อม(ที่เป็นพิษ)กันอยู่ในเวลานี้ และขอกระแทกแดกดันใครบางคน ที่ประพฤติปฏิบัติแบบนี้ แบบไม่มีธรรมอยู่ในใจลองอ่านดูบ้างนะตัวเองเผื่อจะละๆ ลดๆ อะไรลงบ้าง หรือปล่อยวางบ้างก็ดีนะตัวเองอย่ากุมหรือกำอำนาจที่ไม่(น่า)ใช่ของตัวเองไว้ตลอดไป เมื่อมีสิ่งที่มีก็ไม่ได้อยู่กะเราคงทนถาวรนักตำแหน่ง ทรัพย์สินเงินทองที่โกงกิน ที่กอบโกยมิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อพวกคุณตายไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้ หรือคิดจะกอบโกยไว้ให้ลูกหลานตัวเองต่อไปล่ะ...บอกได้เลยว่าทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบมีแต่ฉิบหายค่ะท่าน....แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะเจ้าคะ....5555555.....




White Flag
Artist - Dido

I know you think that I shouldn't still love you,
I'll tell you that.
But if I didn't say it, well I'd still have felt it
where's the sense in that?

I promise I'm not trying to make your life harder
Or return to where we were

But I will go down with this ship
And I won't put my hands up and surrender
There will be no white flag above my door
I'm in love and always will be

I know I left too much mess and
destruction to come back again
I caused nothing but trouble
I understand if you can't talk to me again
And if you live by the rules of "it's over"
then I'm sure that that makes sense

I will go down with this ship
And I won't put my hands up and surrender
There will be no white flag above my door
I'm in love and always will be

And when we meet
Which I'm sure we will
All that was then
Will be there still
I'll let it pass
And hold my tongue
And you will think
That I've moved on....

I will go down with this ship
And I won't put my hands up and surrender
There will be no white flag above my door
I'm in love and always will be

I will go down with this ship
And I won't put my hands up and surrender
There will be no white flag above my door
I'm in love and always will be

I will go down with this ship
And I won't put my hands up and surrender
There will be no white flag above my door
I'm in love and always will be





 

Create Date : 25 เมษายน 2552
7 comments
Last Update : 25 เมษายน 2552 13:19:23 น.
Counter : 1241 Pageviews.

 

ได้อะไรเยอะเลยครับ..ขอบคุณมากครับ..

 

โดย: บูรพากรณ์ 25 เมษายน 2552 9:49:44 น.  

 

ดีจ้า มารับทราบค่ะ สาธุ

 

โดย: ย่าชอบเล่า 25 เมษายน 2552 12:42:13 น.  

 

หวัดดีวันเสาร์ค่ะ วันหยุดพักผ่อนให้สบายนะคะ... กงกรรมกงเกวียน ใครทำอะไรไว้ ไม่ช้าก็เร็ว กรรมนั้นย่อมสนองผู้ทำผิด...
ขอบคุณสำหรับธรรมสอนใจวันหยุดนะคะ สาธุค่ะ

 

โดย: ต้นอ้อท้าลม 25 เมษายน 2552 13:54:15 น.  

 

^^ ขอบคุณค่ะ ที่มาแนะนำ

ดีจังเลย

อ่านได้เลย รวดเดียว ยาวเฟื้อยยยยย

อิอิ

 

โดย: pamaano 25 เมษายน 2552 16:42:59 น.  

 




เหมือนได้สดับพระธรรมเทศนาก่อนนอนเลยครับ

มาส่งเข้านอน ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ

 

โดย: เซียน_กีตาร์ 25 เมษายน 2552 20:53:44 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อก (ซึ่งโดนพันทิปเก็บเข้ากรุ หุหุ)

นายสนธิ นี่ เชื่อไหมคะว่าเมื่อก่อนเราชอบเขามาก ตั้งแต่สมัยเขายกยอยกย่องนายกทักษิณ ดีอย่างโน้นอย่างนี้ จนมารู้สึกแปลก ๆ และไม่ชอบเมื่อเขาเริ่มด่าหยาบคายเสีย ๆ หาย ๆ หลังจากนั้นเราก้อไม่ฟังนายสนธิ พูดอีกเลย...
เราก้อไม่เข้าใจว่าทำไมคนหลาย ๆ คนรวมถึงเพื่อนเราด้วยการศึกษาก้อดีและสูงด้วย ทำไมถึงได้มาหลงใหล งมงายแบบไม่ลืมหูลืมตากับคำพูดของนายสนธิ คนนี้นักก้อไม่รู้...

ปอลอ...กำลังฟังปราศรัยด่ารัดตะบาน อภิสิด ของเสื้อแดง อยู่หรือป่าวคะ มันส์จริง ๆ เลย...

 

โดย: อิ่ม_Aim 25 เมษายน 2552 20:59:41 น.  

 

แวะมาส่งเข้านอนค่ะ เพลงที่บ้านพี่เพราะดีนะคะ ออกแนวสาวห้าว หุหุ โดนค่าโดน แต่ตอนนี้บ้านต้นอ้อเพลงพังค่ะ ฟังไม่ได้ยินเสียแล้ว เฮ้ออ....ต้องแก้ใขอีก ฝันดีนะคะ แล้วจะมาเยี่ยมอีกค่า

 

โดย: ต้นอ้อท้าลม 25 เมษายน 2552 21:09:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.