จากบล๊อกที่แล้วที่ต้องไปจัดประชุมที่ จ.ชลบุรี บล๊อกหน้าที่แล้วพูดถึงที่พักที่ประทับใจ บล๊อกหน้านี้มารวมภาพผลที่ได้จากการจัดประชุมทุกครั้ง คือ ได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เคยไปแล้วบ้างไม่เคยไปบ้าง
ก่อนเข้า จ.ชลบุรี หัวหน้าให้แวะไหว้พระพุทธโสธร ที่วัดหลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณสัก 2 อาทิตย์ได้แล้ว..ได้เคยมาครั้งหนึ่งแล้วกับครอบครัว แต่ครั้งนั้นได้ไปไหว้หลวงพ่อโสธรองค์จำลองด้านนอก แต่วันนี้ได้เข้าไปไหว้องค์จริงในโบสถ์ใหญ่เลยค่ะ..ดีจังก็เลยได้เก็บภาพมาเยอะแยะแต่ขอเอามาลงแค่นี้ แบบว่าขี้เกียจทำค่ะ...(ความขี้เกียจสูง)
หลังจากที่แวะไหว้พระที่วัดหลวงพ่อโสธรแล้ว ก็ตรงเข้าจังหวัดชลบุรี แล้วก็แวะอีกแล้วที่อ่างศิลา ..เห็นแต่ครกหินเต็มไปหมด ไม่ได้หยิบกล้องมาถ่ายเพราะตอนนี้ยังมึนๆ อยู่ พอเลยแล้วคิดขึ้นได้ว่าทำไมไม่ถ่ายเก็บไว้หว่าคะ..ก็เลยไม่มีภาพตอนนี้ค่ะ...คนขับรถนำเสนอให้ไปไหว้องค์หน่าจาที่ศาลเจ้าหน่าจา ที่บูรณะตกแต่งสร้างซะใหญ่โต สวยงามอย่างภาพที่เห็นค่ะ แต่ถ้าใครไปจริงๆ แล้วจะตะลึงกับความสวยงามของรูปปั้นและภาพที่แสดงความมีฝีมือทางด้านศิลปะค่ะ มีของที่ระลึกและของฝากพวกปี่เซียะมากมายค่ะที่นี่..เนี่ยซื้อกลับมาห้อยหน้ารถ คันละอัน..เพื่อให้มีสิ่งคุ้มกันเวลาเดินทาง...ราคาไม่แพงมากค่ะ แล้วแต่ใครจะเลือกซื้อ..
ออกจากศาลหน่าจาก็ต้องเลยไปไหว้เจ้าแม่เขาสามมุข บนอ่างศิลา ก่อนไปถึงจะผ่านดงน้องเจี๊ยกๆ คร่อก นั่งกันเต็มถนนไปหมด แบบไม่กลัวรถไม่กลัวตาย ใครแหยมเข้ามาเอาพวกรุมอะไรแบบนี้..รถต้องหลีกให้เค้าค่ะ เค้าใหญ่ในพื้นที่นี้จริงๆ แต่ถ่ายไม่ทันเพราะรถขับผ่านค่อนข้างเร็วถ่ายไม่ทันน้องเจี๊ยกๆ..เอาน่าถ่ายได้แค่นี้ก็ดีและค่ะ..เนอะ..
ออกจากอ่างศิลาก็เข้าสู่ถนนเลียบทะเลบางแสน ตอนเด็กๆ เคยมาบ่อยกับครอบครัวตอนนั้นทะเลไม่หนาแน่นไปด้วยร้านค้าริมหาดแบบนี้ แต่ตอนนี้ถึงร้านค้าเยอะแต่ก็เป็นระเบียบดูสวยงามดีค่ะ...
ตอนไปถึงบางแสนก็เย็นมากๆ แล้ว คนเลี้ยงข้าวนัดเจอกันที่ร้านติดดิน ซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่เกือบสุดทะเลบางแสน..บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตรงไหน เพราะเพิ่งเคยไปครั้งนี้เป็นครั้งแรก รู้แต่ว่าอร่อย บรรยากาศดี ลมพัดตึงตลอด มีฝนปรอยๆ เม็ดเล็กๆ เป็นระยะแต่แป๊บเดียวเอง...คนที่นั่งริมหาดจึงไม่ถอยเข้าที่ร่มเพราะตกปรอยๆ ได้สักแป๊บนึงก็หายแล้ว..อิ่มจุกค่ะ...ทานแบบไม่บันยะบันยัง หรือที่เรียกว่าตายอดนายอยากมาก็ว่าได้ค่ะ ก็นะมันเย็นแล้ว มื้อเที่ยงก็ผ่านมานานแล้ว เดินทางก็หลายชั่วโมงอยู่ ไม่มีอะไรทำก็หิวเร็วสิคะ พอเห็นอาหารก็ไม่อั้นล่ะ ที่สำคัญฟรี...55555...
พออิ่มเริ่มมองโน่นมองนี่มองบรรยากาศรอบๆ ตัว ระหว่างรอผู้ใหญ่คุยกัน นั่งเฉยๆไม่ได้ก็ลุกเดินดูโน่นดูนี่ตามประสา หยิบกล้องออกมาถ่ายวิวริมทะเลดีกว่า ตรงนี้ชายหาดไม่สวย คือ ทรายไม่ขาว แต่พระอาทิตย์ตกดินแล้วเลยได้ภาพค่อนข้างคลาสสิคในความรู้สึกตัวเอง ถ่ายภาพทะเลบางแสนตอนนี้ดูดีจังเลยว่าม่ะคะ.....
เช้าวันต่อมาก็ปฏิบัติภาระกิจ คือการจัดประชุมจนเย็น ก็ได้เวลาเที่ยวก่อนไปทานข้าว คนขับรถพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่เกาะลอย ศรีราชานั่นล่ะค่ะ พอไหว้เสร็จก็ได้เวลาทานข้าวอีกมื้อ เจ้าภาพนัดเลี้ยง (กินฟรีอีกแล้ว) ที่ร้านอาหารริมทะเลบางพระ ถ้าจำไม่ผิดบอกและไงคะว่าความจำค่อนข้างสั้น..ถ่ายรูปร้านมาก็ไม่ติดเห็นแต่แสงไฟที่ป้ายเลยเอามาลงไม่ได้เพราะมีแสงไฟไม่เห็นตัวอักษร..5555...นั่งทานกันไปคุยกัน ผู้ใหญ่คุยกันสนุกสนาน ผู้เด็กกว่าก็ทานกันซะเปรม วันนี้ไม่มีใครแตะต้องข้าวเลยสักคนเพราะทานแต่กับข้าวก็อิ่มจุกแล้วค่ะ พอหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน ก็เหนื่อยมาทั้งวันนี่คะ หันไปมองผู้ใหญ่คุยกันสารพัดเรื่อง การเมืองบ้าง งานบ้าง ส่วนตัวบ้าง ขืนเสนอหน้าไปสอดคงถูกมองหน้า..ว่าแล้วหาทางแก้อิ่มจุก ออกไปเดินเล่นฝั่งทะเลตรงข้ามร้านดีกว่า ว่าแล้วก็ชวนกันออกเดินไปยืนมองทะเลฝั่งตรงข้าม ที่นี่ส่วนมากจะมีแต่เรือประมงจอดกันอยู่เต็ม ไม่ได้เอาภาพที่ถ่ายนี้มาลงเพราะบอกแล้วไงคะว่า..ขี้เกียจ...55555....แค่นี้ภาพก็เยอะแล้วค่ะ..กลับมาก็พอดีผู้ใหญ่เลิกคุยกันแล้วและเตรียมตัวกลับพอดี...
ตื่นมาเช้าอีกวัน ปฏิบัติภาระกิจวันสุดท้ายเกี่ยวกับการจัดประชุมจนบ่ายก็ได้เวลากลับ กทม. ตอนแรกผู้ใหญ่ที่ชลบุรีจะพาไปเกาะสีชัง แต่ผู้เล็กอย่างพวกเราไม่อยากไปแล้วอยากกลับบ้านที่ กทม. อย่างเดียว ผู้ใหญ่เลยต้องเกรงใจ ให้รถกลับ กทม.เลยโดยไม่แวะที่ไหนสักแห่งแม้ห้องน้ำก็ไม่ได้แวะค่ะ...55555...ไปบ้านใครบ้านมันโน่นล่ะ ใครทนได้ก็ทนไปอะไรแบบนี้...ขากลับนั่งหลับมาตลอดทางจนเข้า กทม. ก็ตื่นพอดีฝนตกตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ลาดกระบัง..แต่พอเลยไปนิดหนึ่งฝนก็เริ่มซาเม็ดลง แปลกดีแฮะ...แต่พอใกล้ถึงที่ทำงาน อ่าว..ฝนเริ่มลงเม็ดอีกแล้วมันจะเอายังไงคะเนี่ย...และแล้วก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพตามคำอวยพรของใครบางคนค่ะ ขอบคุณนะคะที่อวยพรในการไปทำงานทริปนี้ค่ะ...
จันทร์
ฤารัก ฉันจะ เป็นเพียง ความฝัน ไม่มี วันนั้น
จันทร์คืนแรม วับแวม อยู่บน ปลายฟ้า
คงล้า อ่อนแรง ทอแสง แหว่งเว้า ครึ่งดวง
คืนเหงา มันเศร้า มันซึม ในทรวง
จันทร์เพียง ครึ่งดวง คล้ายจันทร์ เจ้ารอ ใคร
จันทร์คืนแรม วับแวม มีเพียง ครึ่งใบ
คงดัง กับใจ ฉันที่ มีเพียง ครึ่งดวง
คอยรัก ที่จัก เดิมเต็ม ในทรวง
โอ้ใจ ครึ่งดวง เฝ้ารอ มาเนิ่นนาน
จันทร์เอ๋ยจันทร์ ที่ลอย เด่นฟ้า
จะมีน้ำตา หลั่งมา เหมือนฉัน บ้างไหม
ความรัก มันช่าง ห่างไกล แสนไกล
ไม่รู้ วันไหน หัวใจ ถึงจะ เต็มดวง
คงมีวัน ที่จันทร์ เจ้าจะ เต็มใบ
แต่ว่า หัวใจ ฉันจะ มีไหม วันนั้น
ฤารัก ฉันจะ เป็นเพียง ความฝัน
ไม่มี วันนั้น วันที่ใจ เต็มดวง
จันทร์เอ๋ยจันทร์ ที่ลอย เด่นฟ้า
จะมีน้ำตา หลั่งมา เหมือนฉัน บ้างไหม
ความรัก มันช่าง ห่างไกล แสนไกล
ไม่รู้ วันไหน หัวใจ ถึงจะ เต็มดวง
คงมีวัน ที่จันทร์ เจ้าจะ เต็มใบ
แต่ว่า หัวใจ ฉันจะ มีไหม วันนั้น
ฤารัก ฉันจะ เป็นเพียง ความฝัน
ไม่มี วันนั้น วันที่ใจ เต็มดวง
ฤารัก ฉันจะ เป็นเพียง ความฝัน
ไม่มี วันนั้น วันที่ใจเต็มดวง