วันก่อนได้ชวนกันไปวัดเล่งเน่ยยี่ และศาลเจ้าพ่อเสือ และแวะไปทำสังฆทานที่วัดระฆัง..ก็ชวนกันไปไหว้พระ 9 วัด...แต่ตอนชวนค่อนข้างสาย ดูเวลาแล้วคงไม่ทันแน่นอน เลยไปที่ศาลเจ้าพ่อเสือ และวัดเล่งเน่ยยี่แล้ววกกลับมาทำสังฆทานที่วัดระฆัง แค่ 3 ที่ก็ตกบ่ายแก่ๆ แล้วคงได้แค่นี้ล่ะ การไหว้พระ 9 วัด คงต้องใช้เวลาในวันอื่นน่าจะดีกว่า...

ศาลเจ้าพ่อเสือ

ตั้งอยู่บนถนนตะนาว ใกล้กับเสาชิงช้าเป็นศาลเจ้าชาวจีนแต้จิ๋ว คนจีนเรียกกันว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" มีเทพเจ้าประจำศาลคือ “เสียนเทียนซั่งตี้” หรือที่คนไทยเรียกว่า “เจ้าพ่อเสือ” และถ้าหากบ้านใครตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่ง หรือจุดที่ถือกันว่าจะมีวิญญาณเลวร้ายพุ่งเข้าบ้าน จะนิยมเอาเสือคาบดาบไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านเพื่อขจัดสิ่งเลวร้าย เคราะห์ร้ายที่จะมากล้ำกรายชีวิตของเราให้พ้นไปหรือว่าบรรเทาลงได้มีความเชื่อกันว่าทุก ๆ ปีขาลบุคคลที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของเสือแล้วจะเป็นปีที่มีความก้าวหน้าอย่างมากมาย ผู้อ่านที่มีดวงชะตาไม่ค่อยดีควรหาโอกาสไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า) ให้ได้เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และเสริมมงคลให้แก่ตัวเองและครอบครัว ซึ่งมีคนทำตามแบบนี้แล้วชีวิตดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เคยเกิดและขัดขวางจะคลี่คลายและลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

วันนี้คนเยอะมาก...เข้าไปจอดรถที่หลังศาล เดินออกมาจะเห็นร้านขายเครื่องไหว้เจ้าพ่อเสือหลายร้านมาก...เลือกซื้อสักร้านเพราะทุกร้านเหมือนกันหมดในด้านราคาและของไหว้ ของไหว้ก็มีหลายราคาให้เลือกแล้วแต่จะไหว้แบบครบชุด หรือไหว้ชุดใหญ่ชุดเล็ก ตามแต่ความถนัดของแต่ละคน ที่สำคัญเมื่อซื้อของไหว้เสร็จทางร้านจะมีบริการมัคคุเทศน์ (ตัวไม่น้อย) พาไปไหว้และแนะนำการไหว้ ที่น่าขำวันนั้นคือ คนที่พาไปเป็นแรงงานชาวพม่า ที่พูดจาตามประสาคนพม่าที่อาศัยอยู่ในไทย...555555....ฟังไม่รู้เรื่อง...ฟังตั้งนาน...เผอิญคนที่ไปด้วยกันจะถนัดล้อเลียนการพูดของคนพม่าที่อาศัยในเมืองไทย...ฟังออกแฮะ..เค้าจะบอกให้เอาของไปถวายตรงโน้นตรงนี้ จุดธูปกี่ดอกตรงไหนบ้าง เอาน้ำมันไปโรยตามที่ให้โรย..สอนพวกเราจนเสร็จพิธีกรรมเป็นอันเสร็จภาระกิจของร้าน...

ออกจากศาลเจ้าพ่อเสือตอนแรกจะไปวัดเล่งเน่ยยี่ ที่ตั้งอยู่เยาวราช แต่เกิดปัญหาที่ขบคิดไม่ออกว่าจะเอารถไปจอดกันที่ไหนดี...ตอนแรกก็คิดจะจอดรถไว้ที่ศาลเจ้าพ่อเสือแล้วนั่งรถตุ๊กๆ ไปเยาวราช..แต่มีบางคนไม่เห็นด้วยบอกไม่คุ้มเพราะค่าจอดรถที่นี่แพง ไหนจะต้องเสียค่าที่จอดรถ ค่ารถไปกลับ สู้ไปไหว้ที่วัดเล่งเน่ยยี่ที่บางบัวทองเลยดีกว่า...อันนี้รีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรง...เหตุผลที่สำคัญ คือ ไม่เคยไป....55555555.....อยากไปมานานแล้วรีบพยักหน้ารับกลัวบางคนจะเปลี่ยนใจ...

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์

ในภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า “ เล่ง ” แปลว่า มังกร “ เน่ย ” แปลว่า ดอกบัว “ ยี่ ” แปลว่า อารามหรือวัด ความหมาย (แปลเอง) คงแปลว่า "วัดที่มีมังกรและดอกบัว" มั๊งคะ วัดนี้ ตั้งอยู่ ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หาไม่ยากไปถึงตลาดบางบัวทองเมื่อไรก็จะเห็นป้ายบอกทางไปวัด พอถึงทางเลี้ยวก่อนเข้าวัดก็เลี้ยวเข้าไปยังไมทันหายใจก็ถึงหน้าวัดแล้วค่ะ....วัดนี้แต่ เดิมเป็นโรงเจขนาดเล็ก ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายได้พัฒนาเพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และแสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวทิตาถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระมหาบูรพกษัตริย์ไทยที่คณะสงฆ์จีนนิกายได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร นอกจากนี้ก็เพื่อตั้งเป็นพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชน ได้ปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีกรรม พร้อมทั้งเป็นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจีนนิกาย เป็นที่ตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไทย-จีน เป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณร และสร้างศาสนทายาทของพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชานุญาตให้สร้างวัด และพระราชทานนามว่า “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์”

ลักษณะสถาปัตยกรรมวัด สร้างแบบศิลปะจีนล้วนๆ เป็นพุทธศิลป์ในราชวงศ์หมิงชิงมีการวางผังตามแบบวัดพุทธศาสนานิกายฌาน ตัวอาคารจะวางผังล้อมลาน เรียกว่า ซี่เตี่ยมกิม การจัดวางวิหารถือตามแบบวัดหลวง โดยมีวิหารจตุโลกบาลเป็นวิหารแรกพระอุโบสถอยู่กลาง ด้านหลังพระอุโบสถมีวิหารบูรพาจารย์ ส่วนวิหารอื่นๆ อยู่ประกอบสมดุลซ้ายขวา

พระประธาน 3 องค์ คือ พระอมิตาภพุทธเจ้า พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าในอดีต)

บันไดทางขึ้นลงพระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ คือ พระอมิตาภพุทธเจ้า พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) และ พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์พุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าในอดีต) ตรงกลางบันไดจะมีมังกรแกะสลักประณีตและงดงามมาก

วิหารท้าวจตุโลกบาล เป็นวิหารแรก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระโพธิสัตว์และเทพเจ้าต่าง ๆ ที่พิทักษ์ปกปักษ์พระพุทธศาสนา

สิงโตทำหน้าที่เฝ้าทางที่จะขึ้นไปสักการะพระพุทธเจ้า

ที่วิหารอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ และวิหารสุขาวดีหมื่นพุทธ ชั้นเดียวกันกับพระอุโบสถ เป็นสถานที่นมัสการเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือพันตา อันเปรียบเสมือน ท่านได้ใช้พระเนตรพันดวงสอดส่องทุกข์สุขของเหล่าสรรพสัตว์ทั่วสากลโลก มีความวิจิตรพิสดารมากค่ะ

วิหารหมื่นพุทธ เป็นที่ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่บำเพ็ญภาวนา จะได้ไปเกิดในดินแดนสุขาวดีที่เต็มไปด้วยความสุข

วัดระฆังโฆสิตาราม

ตั้งอยู่ที่ฝั่งธนใกล้ท่าน้ำพรานนกหรือศิริราชติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับท่าช้างวังหลวง สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดบางหว้าใหญ่ สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อวัดนั้น ตามหลักฐานในพระราชพงศาวดาร เล่าไว้ว่าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้มีการขุดดินเพื่อประสงค์จะทำสระแล้วสร้างหอไตรปิฎก (สระนี้ยังปรากฏอยู่ในบริเวณหมู่กุฎิคณะ ๓ ในปัจจุบัน) ระหว่างที่ขุดดินอยู่นั้นได้พบระฆังลูกหนึ่ง เมื่อลองตีดูปรากฏว่ามีเสียงไพเราะยิ่งนัก ความทราบถึงรัชกาลที่ ๑ จึงทรงขอไปไว้ที่หอระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวัง และได้สร้างระฆังขึ้นใหม่ถึง ๕ ลูก และทรงสร้างหอระฆังให้ด้วย และพระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า "วัดระฆังโฆษิตาราม" และต่อมาในรัชสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เปลี่ยนชื่อวัดระฆังเป็น "วัดราชคัณฑิยาราม" (คัณฑิ แปลว่า ระฆัง) แต่ไม่มีคนนิยมเรียก คงยังเรียกกันว่า "วัดระฆัง" ซื้อสังฆทานภายในวัดนั่นล่ะเค้ามีบริการพาไปทำสังฆทานด้วยล่ะ...วันนี้ทำสังฆทานให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนที่เรารักมาก ขอให้เจ้ากรรมนายเวรของเค้ามีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และอย่าได้จองเวรจองกรรมกับคนที่เรารักอีกเลย...สาธุ...ความจริงแล้วทุกครั้งที่มาที่วัดนี้จะมาปล่อยปลา แต่วันนี้ไม่ได้ไปปล่อยปลาไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...

ออกจากวัดระฆังแวะไปทานกาแฟที่ร้าน...(ชื่อร้านจำไม่ได้...55555....) อยู่ใกล้ครัวระฆังทอง สองร้านนี้เป็นพี่น้องกันเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก กาแฟก็กลมกล่อม ทั้งที่เราไม่ทานกาแฟแต่ก็รู้ว่ารสชาติโอเคเลย ได้ขนมมา 1 กระปุกอร่อยมาก...ใครไปแถวนั้นอย่าลืมไปอุดหนุนนะคะ..ใครเป็นแขกที่ร้านนี้เค้าถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยเห็นบอกว่าสักวันจะเอารูปที่ถ่ายทั้งหมดเอามาตกแต่งร้าน....อืมมมม...จะไปดูว่าจะเอารูปตกแต่งเมื่อไรนะคะ...5555555.....

ทำบุญแล้วสบายใจ...เป็นความตั้งใจที่จะทำบุญแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ด้วยไม่มีเวลาอย่างหนึ่ง และเวลาที่พร้อมจะไปด้วยกันก็หายากอีกอย่างหนึ่ง วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปรู้สึกดีมากๆ เลย การทำบุญไม่ได้หวังอะไรตอบแทน แต่สิ่งที่ได้รับคือความสบายใจก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว...อย่าลืมไปทำบุญในปีเสือ (ดุ) กันนะคะ....

ส่วนรูปนี้เป็นรูปเจ้าตัวเล็กแต๋วแตก...ที่เอามาดูทีไรขำได้ทุกที...อืมมม...โตขึ้นจะเบี่ยงเบนป่ะคะเนี่ย...หลานช้านนนนน....