ขึ้นรถเมล์ีญี่ปุ่นคนเดียวครั้งแรกของป้าโซ
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงวันหยุดยาวของที่นี่ เริ่มหยุดวันจันทร์ที่ 30 แล้วเปิดราชการอีกสองวันจากนั้นก็มาหยุดวันพฤหัสที่ 3 ยาวไปถึงวันอาิทิตย์ ซึ่งบางที่เขาก็หยุดอังคารกับพุูธให้จะได้หยุดยาวครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่อิลุงกับเจ้าสองคนหยุดแบบมีเว้นวรรคสองวัน สำหรับป้าโซทำงานตามปกติฮ่ะ สัญญาการว่าจ้างไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวๆยิ่งห้ามลาเพราะทำงานเกี่ยวกับด้านของกินปากท้องคน ยิ่งขายดีในช่วงนี้
แต่ป้าโซก็ชอบนะถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้หยุดยาวอย่างเค้าก็เหอะ เพราะวันหยุดของพวกทั่นๆ ป้าโซก็ได้เว้นงานประจำไปเช่นไม่ต้องตื่นแต่เช้าเตรียมปิ่นโตแล้วกระหืดกระหอบซิ่งไปส่งคุณคนเล็กไปร.ร.ก่อนจะเลยไปทำงานเพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว กลับมาจากทำงานก็ไม่ต้องคิดเรื่องเมนูอาหารเย็น เพราะเป็นหน้าที่ของอิลุงโดยปริยายเนื่องจากได้หยุดพัก ซึ่งถ้าฮีขยันก็เสาะหาเมนูใหม่ๆตามเน็ตแล้วออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาทำกินกันโดยมีป้าโซเป็นลูกมือ เนี่ย..ชอบตรงเนี้ย
วันนี้ท่านผู้เฒ่าของบ้านท่านมีนัดมี้ทติ้งกับบรรดาผู้เฒ่าด้วยกัน ป้าโซเลยต้องสละรถประจำตำแหน่งให้ปู่เอาไปใช้สอย (มันก็รถของปู่เค้าแหละ ยังมีหน้ามาติ๊งต่างว่าเป็นของเรา) อิลุงเก้าะเลยต้องไปส่งป้าโซทำงานตอนเช้า แต่วันนี้เจ้าตัวเล็กเค้าต้องไปแข่งยูโดในตัวเมืองคุรุเม่ด้วย พอส่งป้าโซเสร็จพ่อมันก็พานักกีฬาไปสนามแข่งเลย ไปถึงก่อนเวลาหน่อยแล้วไปงีบต่อในรถก่อนเค้าเปิดสนามแข่ง
ปัญหาอยู่ที่ตอนป้าโซเลิกทำงานแล้วจะทำยังไง? เพราะช่วงที่ป้าโซเลิกงานเจ้าตัวเล็กอาจกำลังติดพันแข่งยูโดอยู่ก็ได้ พ่อมันก็ต้องนั่งลุ้นติดขอบเบาะไม่มีเวลามารับป้าโซซึ่งอยู่กันคนละทิศ เลยได้ฤกษ์ที่ป้าโซจะต้องนั่งรถเมล์ญี่ปุ่นคนเดียวซะที หลังจากที่อิลุงเคยพานั่งอยู่ครั้งสองครั้งสมัยที่แค่มาเที่ยวบ้านที่นี่ ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่เป็นกิจจะลักษณะ ซึ่งมันก็นานมาแล้ว ..
เอาน่ะ.. อยู่มาจนถึงปัจจุบันถึงแม้จะอ่านคันจิบางตัวไม่ออก แต่ปากเราก็มีถามเค้าก็ได้ เรื่องพูดนี่พอมั่นใจได้อยู่ว่าสื่อสารรู้เรื่องถ้าภาษาไม่เป็นศัพท์เทคนิคเฉพาะเิกินไปนัก.. ลองดูๆ
ว่าแล้วก็ถามเด็กที่ทำงานที่นั่งรถเมล์เป็นประจำว่าค่ารถจากที่ำทำงานไปสถานีรถไฟที่ตัวเมืองคุุรุเม่ราคาเท่าไหร่ จะได้เตรียมเหรียญให้พอดีเอาให้ง่ายเข้าไว้ว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอนซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะมีให้หรือเปล่าเพราะมีคนขับประจำรถเมล์อยู่คนเดียว ไม่มีกระเป๋ากระปี๋เป่านกหวีดเขย่ากระบอกเก็บตังค์แง้บๆเหมือนบ้านเรา .. เด็กที่ทำงานบอกสนนราคา 330 เยนค่ะป้า เอ๊ย..พี่..
ออกจากที่ทำงานก็เดินๆๆไปที่ป้ายรถเมล์ อิลุงเปิดเน็ตชี้ให้ดูว่าป้ายรถเมล์อยู่หน้ารพ. ให้เดินไปที่นั่น เอ๊ะ..แล้วรพ.มันอยู่ที่ไหนหว่า? ไม่เห็นมีเครื่องหมายกาชาดโชว์ว่าเป็นรพ.เลยนี่นา เห็นแต่อะไรลงท้ายว่า เซ็นเตอร์ๆเนี่ย ซึ่งอิลุงมักจะเหมารวมเวลาบอกเล่าให้ป้าโซฟังว่าเป็นรพ.ทุกที มันจะเป็นรพ.จริงหรือแค่คลินิคหรือแค่สถานพักฟื้นคนแก่ฮีก็เหมาแปลเป็นรพ.ไปซะหมด .. เล็งๆหาป้ายรถเมล์ก็หายากชะมัด เพราะป้ายมันไม่เด่นเป็นซะง่าหรือมีเพิงคอยรถเมล์แบบกุงเต้บบ้านเฮา ป้ายรถเมล์ที่นี่จะสูงเหนือหัวคนมานิดเดียว เป็นพลาสติกสี่เหลี่ยมสั้นๆแบนๆ ทาสีออกน้ำตาลๆ ไม่สะดุดตาเลยสักนิด ที่มั่นใจว่าเป็นป้ายรถเมล์แน่ก็คือมีป้ายพลาสติกสีขาวแ่ผ่นโตๆระดับสายตาบ่งบอกวันเวลาที่รถเมล์จะแล่นมาจอด อ่านๆไปเออ..รถเมล์คันต่อไปที่จะมาจอดคือเวลา 13.26 น. ป้ายนี้แหละชัวร์แล้วอิลุงบอกคันไหนก็ได้ที่มาขึ้นไดุ้ทุกคัน .. เจอป้ายรถเมล์แล้วสำรวจเหรียญในกระเป๋าอ้าว.. ไม่มีเหรียญเลยนี่หว่าต้องเดินไปกดน้ำดื่มที่ตู้เพื่อจะได้เงินทอนมาเป็นค่ารถเมล์
ดูเวลาที่มือถือบ่งบอก 13.24 น. อีกสองนาทีได้รู้กันว่ารถเมล์ญี่ปุ่นจะรักษาเวลาได้อย่างรถไฟหรือเปล่า มันต้องมีผิดเวลามั่งละ้ว้าาา .. รถมันก็ต้องมีติดมั่งไรมั่ง เหอๆๆ จะได้เห็นว่ารถเมล์ญี่ปุ่นผิดเวลาก็คราวนี้แหละชั้น (แล้วมันเป็นบร้าไรต้องมานั่งจับผิดเค้าเนี่ย?) นั่นๆ.. มานั่นแล้วรถเมล์คันเบ้อเริ่ม เฮ่ย.. มันฟลุ้คตรงเวลาพอดีร้อก เป๊ะเลย.. 13.26 ตามเวลาที่บอกที่ป้าย
รีบถลาไปยืนหน้าป้ายให้คนขับเห็นว่ามีคนรอนะยะ โดยทั่วไปไม่เคยเห็นใครเค้าโบกมือหยอยๆเรียกรถเมล์แบบบ้านเรา .. เก็บไม้เก็บมือไม่โบกหรอกวะ ไม่จอดก็ช่างมัน.. แต่ขอให้จอดทีเท้อะะะ.. .. พรืดดด.. รถเมล์จอดแล้วแต่ประตูด้านหน้าเลยที่เรายืนรอไป ว่าจะเดินไปขึ้นที่ประตูหน้าแล้วแต่เอ๊ะๆ.. มันมีสองประตูตรงกลางรถเปิดกว้างๆตรงหน้าเราพอดีเด๊ะ เออ..เค้าคงเชิญเข้าประตูนี้แหละ เดินขึ้นรถเมล์ตรงหัวบันไดมีกล่องที่มีกระดาษเล็กๆยื่นอยู่ ที่กระดาษมีหมายเลข 7 พิมพ์ไว้สีฟ้าๆ อิลุงบอกไว้ว่าให้หยิบป้ายนี่แล้วค่อยไปหย่อนตอนจะจ่ายเงิน เออ..ตรงตามที่อิุลุงบอกไว้เลยหยิบกระดาษนี่แล้วขึ้นไปนั่งแหมะเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดตรงบันได..
นั่งลอยหน้าลอยตาไปอยู่พักนึง สอดส่ายสายตาสำรวจว่ากล่องจ่ายเงินอยู่ตรงไหน เก้าอี้ที่เรานั่งนี่ทำไมสีมันแตกต่างจากเก้าอี้ตัวอื่นๆหว่า? หันไปมองป้ายด้า้นข้างอ๊ะ..มีภาษาปะกิตคู่กับภาษาญี่ปุ่น มีภาพประกอบด้วยว่า .. ที่หล่อนจ่อมอยู่น่ะเป็นเก้าอี้ของคนเฒ่าชะแรแก่ชรา หญิงมีครรภ์และเด็กน้อยนะยะ.. อร๊ายย แล้วชั้นสะเออะมานั่งตรงนี้ได้ยังงั้ยยยย.. เผ่นผึงเขยิบไปนั่งอีกสองตัวถัดไปในพลัน อ้ะ..นั่งใกล้คนขับเข้ามาอีกหน่อย ใกล้กล่องจ่ายเงิน ทีนี้ละจะได้เล็งว่าเวลาเค้าจ่ายเงินกันเค้าทำยังไง?
อ๊อด.. มีคนกดกริ่งจะลงป้ายหน้า เสียงเทปประจำรถเมล์พูดอะไรเจื้อยแจ้ว เริ่มมีสติสตังค์จับความละว่าเค้าพูดว่าไง อ่อ..เค้าพูดประมาณ... "ขอบคุณนะฮ้าที่ใช้บริการ.. ขอให้ท่านผู้โดยสารโปรดงดใช้โทรศัพท์ และกดเสียงเรียกเข้าให้เป็นระบบสั่น ป้ายต่อไปคือ... ท่านผู้โดยสารโปรดเตรียมตัวและค่าโดยสารให้พร้อม.." ... รีบควักโทรศัพท์มือถือออกมากดเสียงเรียกเป็นระบบสั่นก่อนอิลุงจะโทร.มาจิกว่าถึงไหนแล้ว ดูคนที่จะลงว่าเค้าจ่ายเิงินยังไง วะ!! เล่นถือการ์ดรูดกันปริ๊ดๆ เป็นการ์ดค่ารถเมล์สำหรับคนที่ใช้บริการประจำก็จะ่ซื้อเป็นตั๋วเดือนอะไรประมาณนั้น เล่นรูดการ์ดกันยังงี้แล้วตรูจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเค้าหย่อนเงินตรงไหนกัน?
คือตรงคนขับมันมีกล่องใสๆอยู่หนึ่งกล่อง มีลูกศรชี้พร้อมเขียนคันจิไว้แปลว่าทางเข้า มันน่าจะเป็นกล่องนี้แหละนะช่องใส่เงิน .. แต่ๆๆ มันมีอีกสองช่อง อันนึงเดาว่าน่าจะเป็นช่องใส่ธนบัตรเพราะแบนๆ ข้างล่างช่องแบนๆมีกล่องรองรับที่น่าจะใส่เศษเงิน หรือจะเป็นไอ้ช่องนี้หว่า? แล้วยังจะมีช่องที่ใส่เฉพาะเหรียญเป็นเหรียญๆอีกช่องนึงอยู่ด้านบน .. มันชักจะหลายช่อง.. แล้วมันอันไหนกันว้าาาา.. เอาน่ะ ยังไงก็ถามคนขับตอนจะลงละกัน แต่อุ่นใจอย่างนึงว่าป้ายที่ป้าโซจะลงน่ะมันเป็นสถานีรถไฟใหญ่ศูนย์กลางเมืองคุรุเม่ซึ่งต้องมีีคนขึ้นลงรถเมล์กันมาก ไว้คอยทำตามๆเค้าก็ได้..
พอดีมีคุณยายแ่ก่ๆสองคนเดินลงจากรถ สองคุณยายหยุดยืนจ่ายเงินตรงช่องหย่อนเงินหน้าประตู ได้ิยินเสียงปรึกษากันว่าเบอร์สองๆ.. สองร้อยเจ็ดสิบเยน แล้วคุณยายทั้งสองก็หย่อนเงินลงในกล่องแรกที่ป้าโซหมายตาไว้ เออ..เป็นอันว่ารู้แล้วว่า้ต้องหย่อนเงินลงที่กล่องนี้.. แล้วอีกสองสามช่องล่ะมีไว้ทำไร?
ป้ายถัดไปมีสาวๆขึ้นรถเมล์มา เธอมานั่งตอนหน้าพร้อมควักธนบัตรออกมา .. ทีนี้ละจะได้รู้กันว่าเค้าจะทอนเงินยังไง แต่สาวน้อยคนนั้นกลับขยับไปสอดเงินตรงช่องสอดธนบัตรพร้อมกับเศษเงินก็ร่วงกราวลงมาตรงกล่องด้านล่าง ความโง่คลี่คลายลงตรงนี้แหละ.. ไอ้ที่สงสัยมันคือที่แลกเศษเหรียญอัตโนมัตินั่นเอง!! มาย้ำ่ความแน่นอนอีกทีก็ตรงสาวที่นั่งข้างหน้าป้าโซเธอหยอดเหรียญห้าร้อยเยนในช่องที่ใส่เหรียญ แล้วเศษเงินก็ร่วงกราวลงมาในกล่อง ใครมันจะไปคิดวะว่าจะมีที่แลกเศษเงินอัตโนมัีติในรถเมล์ด้วย!! คิดว่ามีเฉพาะในร้านซักผ้าอบผ้าแบบหยอดเหรียญกับตามเกมส์เซ็นเตอร์เท่านั้น
จริงๆเค้าก็มีเขียนคันจิบอกไว้ตามช่องต่างๆ เพราะบ้านนี้เมืองนี้คนแก่เยอะ ต้องอธิบายวิธีใช้ให้กระจ่าง แต่ป้าโซอ่อนคันจิเอง .. แล้วก็ึถึงสถานีรถไฟที่ป้าโซจะต้องลง คนลงกันเยอะตามคาด ป้าโซหย่อนเงินพร้อมตั๋วกระดาษลงช่องจ่ายเงินตามราคาเป๊ะพอดีที่เด็กที่ทำงานบอกมา..
กะว่าจะไปดูไอ้ัตัวเล็กแข่งซะหน่อยปรากฏว่าอิลุงโทร.มาบอกว่าแข่งเสร็จแล้ว เด๋วจะมารับที่สถานีรถไฟ.. แล้วอุบเงียบเชียวว่าผลการแข่งขัีนลูกเป็นยังไง ผ่านมาได้กี่คน? .. พอขึ้นรถเจ้าตัวเล็กถึงได้ยื่นใบเกียรติบัตรให้ดู เดาเอาว่าคงได้ที่สองหรือที่สามน่ะแหละเพราะได้ใบนี่มา.. ถามเค้าว่าได้ที่เท่าไหร่ล่ะลูก? แม่อ่านไม่เป็นแต่ไม่เห็นตัวคันจิที่บอกว่าสองหรือสามนี่นะ? เจ้าตัวถึงชี้ให้เห็นคันจิตัวแรกแต่แม่ก็อ่านไม่เป็นน่ะแหละ เค้าบอกว่า "ยูโช" .. หาาาา.. ได้ที่หนึ่ง?? คนแข่งมีน้อยใช่มั้ยลูก? เจ้าตัวบอกพอดีคนแข่งแบบทีมไม่มีสิทธิ์ลงแข่งเดี่ยวนะแม่ แล้ววันนี้ทีมเ้จ้าตัวเล็กคนไม่พอก็ไม่ได้ลงแข่งแบบทีม เจ้าตัวเล็กเลยแข่งเดี่ยวไป แข่งแม็ทช์เดียวกันนี้ปีที่แล้วได้ที่สอง แต่ปีนี้เอาชนะเพื่อนคนที่แพ้ปีที่แล้วเขี่ยเค้าตกรอบไปอยู่ที่สามแล้วตัวเองมาเข้ารอบชิง มาชนะด้วยคะแนนวะซะอะริกับยูโคสองครั้งได้ที่หนึ่งไปครอง..
พักนี้ออกจะอัพบล็อกติดๆกัน(หรือเปล่า?) พบกันใหม่ในบล็อกหน้า ขอบคุณที่ติดตามค่ะ..
Create Date : 06 พฤษภาคม 2555 |
|
20 comments |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2555 1:53:09 น. |
Counter : 3064 Pageviews. |
|
|
|