ถึงวันนี้ยูโดของผมก็ยังอยู่ที่เดิมครับคือที่1คิวและจะมีสอบสายอีกครั้งในวันจันทร์ที่23 ผมอยู่ที่1คิวมาเกือบ3เดือนแล้ว อาจารย์เคยบอกไว้ว่าถ้าไม่ครบ1ปีคงยังให้จบไปสอบสายไม่ได้จริงๆมันเป็นกฏของโคโดกังที่ว่าอย่างน้อยต้อง1ปีแต่ก่อนกลับไทยได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์นิดหน่อยตอนนั้นอาจารย์คิดว่าผมจะกลับไทยถาวร ถ้าตอนนั้นผมตอแหลไปว่าผมกลับถาวรครับคงได้สายดำตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้วละครับ ว่าแต่จะรีบเอาสายดำไปไหน
ถ้าถามเมื่อปีที่แล้วว่าอยากได้สายดำมั้ยปีที่แล้วคงตอบว่าไม่อยากได้เพราะสายคาดมันก็คือสายคาด ส่วนเรื่องฝีมือมันหลอกกันไม่ได้ครับใส่สายดำ พื้นฐานไม่แน่น เล่นแบบใช้แต่แรง อันนี้ไม่ใช่ยูโด
ถ้าถามตอนนี้ว่าอยากได้สายดำมั้ย คำตอบคืออยากได้เพราะมีเป้าหมายอยู่แต่คำตอบโดยรวมแล้วยังเหมือนเดิมคือยังไม่อยากได้ เพราะว่าฝีมือยังไม่คม การทุ่มยังครึ่งผีครึ่งคนอยู่เลยครับเอามาก็ไม่ได้ทำให้เก่งขึ้น อยู่แบบนี้ฝึกซ้อมไปเรื่อยๆยังไงสายมันก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้วครับ
ถามอีกว่าสายดำหรือโชดั้งได้แล้วมีอะไร แรกๆไม่รู้คิดว่าได้ก็เท่ห์ดีสายสีดำ ใส่กับชุดสีขาวมันดูแล้วไม่จืด ก็เท่านั้นแต่ตอนนี้ความอยากที่จะรีบๆได้สายดำมามีอยู่แค่จุดประสงค์เดียวครับคือเอาไว้เป็นใบเบิกทางเพื่อให้สามารถลงแข่งของโคโดกังที่จัดในแต่ละเดือน ระบบที่ญี่ปุ่นจะแตกต่างกับเมืองไทยเล็กน้อยครับคือถ้าเป็นการแข่งขันแบบเป็นทางการคนที่จะลงแข่งได้อย่างน้อยต้องได้สายดำชั้น1หรือโชดั้ง แปลตามตัวเลยครับโชดั้งแปลว่าเริ่มต้น ส่วนพวกคิวพวกสายสีญี่ปุ่นถือว่ายังเป็นถั่วงอกที่ไม่โผล่ขึ้นมาจากดิน
ยูโดของผมในความคิดคือ ความหลากหลายครับ จะซ้อมจะแข่งกับคู่ซ้อมที่เป็นเด็กผู้ใหญ่เก่งกว่าอ่อนกว่ายังไงก็มีความหลากหลายอยู่ในตัวครับแล้วความที่อยากได้สายดำเร็วๆมันก็เกี่ยวกับความหลากหลายอันนี้ครับเพราะว่าตอนนี้ซ้อมกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่โคโดกังทุกๆวัน ความหลากหลายมันก็เริ่มชินชาอยากได้คู่ซ้อมคนอื่นบ้างครับ แต่ต้องอยู่ในกรอบของความปลอดภัยด้วยนะครับด้วยความต้องการของผมที่ต้องการเจอกับคนมากหน้าหลายตาทำให้ผมพุ่งเป้าหมายไปที่การแข่งประจำเดือนของโคโดกังครับ
คนที่ลงแข่งแน่นอนว่าอย่างน้อยโชดั้งทุกคน (ไม่โชดั้งก็มีครับมีกรณียกเว้นอยู่เล็กน้อย)ในการแข่งประจำเดือนที่โคโดกังนั้นโชดั้งในความคิดของผมแบ่งออกเป็น4ส่วน
1.นักเรียนโคโดกัง(ม.ต้น)ที่เรียนมาตั้งแต่ประถมปัจจุบันก็ยังซ้อมอยู่เป็นประจำ
2.โชดั้งจากอื่นแต่ว่ามีการฝึกซ้อมตามชมรมที่โรงเรียนหรือมหาลัยโดยมีอาจารย์ที่ชำนาญสอนอยู่
3.นักเรียนโคโดกัง(ผู้ใหญ่)ที่เรียนจบแล้วได้โชดั้ง
4.โชดั้งที่ได้มาจากที่อื่นๆ
ความเก่งความเหนียวไล่มาตามลำดับเลยครับพวกเด็กม.ต้นสังกัดโคโดกังอันนี้ถือว่าแข็งที่สุด ทั้งเทคนิค ทั้งความเร็ว ความแรงและท่านอน คือแข่งแต่ละเดือนพวกนี้แพ้ไม่ค่อยเป็นอยู่แล้วนอกจากเจอกันเองหรือไม่ก็แข่งลายรอบจนหมดแรงไปเอง (ก็มันเล่นซ้อมทุกวันจันทร์ถึงเสาร์16.30-19.30แถมปิดห้องซ้อมอีกต่างหาก ลับเฉพาะจริงๆ)
ถัดมาโชดั้งที่ได้มาจากที่อื่น แต่ว่าเป็นนักเรียนนักศึกษาแล้วอยู่ชมรมยูโดที่โรงเรียนหรือมหาลัยนั้นๆแต่ว่ามีอาจารย์หรือรุ่นพี่เก่งๆคอยด่าคอยสอนอยู่เป็นประจำ พวกนี้ยากตรงที่มาคนละสายกับโคโดกังลูกเล่นจะแปลกตาเผลอก็แพ้ง่ายๆเหมือนกัน
ลำดับที่3 เหมือนกับผมที่เรียนจบตามโปรแกรมของโคโดกังที่อยู่ลำดับ3ก็เพราะว่า พวกนี้เรียนจบแล้วมักซ้อมไม่สม่ำเสมอถ้าคนที่ขยันซ้อมก็จะขึ้นไปเป็น2-3ดั้ง พวกนั้นถึงเก่งจริงส่วนพวกที่ยังอยู่ที่โชดั้ง อาจเป็นเพราะประสบการณ์น้อยไปกำลังสะสมอยู่หรือไม่ก็ละเลยการซ้อม แบบว่าจะแข่งวันสองวันค่อยมาซ้อม มันจะทันที่ไหน
สุดท้ายพวกโชดั้งอื่นๆ หรือพวกที่ได้มานานมากแล้ว เลิกเล่นไปมาปัดฝุ่นมาซ้อมมาเล่นใหม่ พวกนี้จะง่ายสุดผมเคยลองกับสายดำหลายๆคนที่ได้มาจากที่อื่นเช่นตามอำเภอหรือว่าตามคลับตามชมรมที่เปิดสอน อันนี้พื้นฐานจะไม่แน่นมากเลยอยู่เป็นลำดับสุดท้ายในความคิดของผม
ถ้าถามผมอยากเจอใครในการแข่งประจำเดือนใจจริงแล้วอยากเจอพวกง่ายๆก่อนซักคนสองคนเป็นการเก็บแต้มไปในตัวแล้วค่อยเจอกับพวกยากๆเพื่อเก็บประสบการณ์ แต่ถึงเวลาจริงแม้แต่น้ำหนักคู่ต่อสู้มันก็ยังเลือกไม่ได้ครับแบบว่า เค้าจัดให้เจอใครก็ต้องเล่นกันตามนั้นแหละครับ
กลับมาเรื่องสอบสายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ผมมีความรู้สึกว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของผม ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือยังไงแต่รู้สึกว่าอาจารย์ปักธงให้เรียบร้อยแล้วว่าจะให้ผมจบแล้วให้ไปสอบคาตะในปลายเดือนนี้ ถึงมันจะไม่ครบปีตามระเบียบการของโคโดกังแต่เหมือนกับว่าอาจารย์มีข้ออ้างมีทางออกให้ผมแล้วครับอาจจะอ้างว่าผมลงทะเบียนตั้งแต่เดือนกุมภาปีที่แล้ว นับแล้วมันก็เกิน1ปีหรือจะอ้างว่าผมเริ่มต้นที่จะเรียนตอนเดือนพฤษภาคมแต่ติดปัญหาบาดเจ็บที่เส้นเอ้นข้อศอกขวาอันนี้อาจารย์มีเก็บใบรับรองแพทย์เอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วเลยครับหรือจะอ้างไปว่าผมซ้อมสม่ำเสมอสมควรที่จะจบได้แล้ว ก็ว่ากันไป
เรื่องของอาจารย์นี้มันก็เรื่องนึงแต่เรื่องหลักๆก็ขึ้นอยู่กับตัวเองมากกว่า ถ้ามันแต่ก้มตัวเหยียดแขน ทำของแปลกๆให้อาจารย์ไม่ปลื้มยังไงก็ไม่จบถึงแม้จะครบปีก็ตามตอนนี้แต้มสำหรับการจบเลยไปเรียบร้อยแล้วครับการสอบครั้งนี้แพ้ชนะไม่มีผลอะไรกับผมทั้งสิ้น เลยไม่กดดันเท่าไร แต่ใจจริงก็ไม่อยากแพ้ใครเหมือนกันครับตั้งแต่แข่งสอบสายมาแพ้ไป2ครั้ง ให้กับคนๆเดียวกันทั้ง2ครั้งเลยครับ (เดือนที่แล้วแก้มือชนะมาได้แต่เดือนนี้อาจจะต้องเจอกันอีก) เรื่องคู่ต่อสู้ มีตัวละครลับโผล่มา1คนกับของเดิมอีก3คน ใน4คนนี้ผมต้องเจอ2คนแน่ๆ แต่น่าจะเป็นคนที่เพิ่งโผล่มา(แบบว่าเคยเรียนนานมากแล้วไม่รู้ว่าติดอะไรหายไปประมาณเกือบปีได้)กับคนที่ผมแพ้ไป2ครั้งส่วนอีก2คนที่เหลือไม่แน่ใจว่าวันจันทร์จะมาสอบได้มั้ย ถ้ามาได้คงได้เจอกัน
กับคู่ต่อสู้คนที่หายไปเป็นปีแล้วเพิ่งกลับมาซ้อมใหม่ ถือว่าสูสีครับเพราะว่าน้ำหนักคู่ต่อสู้น่าจะประมาณ80หน่อยๆ ส่วนผมอยู่ที่75 ถือว่าอยู่ในระดับน้ำหนักเดียวกันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบจากการที่ซ้อมเข้าคู่รันโดริดูแล้ว ก็พื้นฐานใช้ได้ครับผมว่าน่าจะเป็นคนที่เล่นด้วยแล้วสนุกครับ
ถัดมาอีกคนนึง น้ำหนัก100โล ติดงานเลยไม่ค่อยมาซ้อมเท่าไรพื้นฐานดีมาก ทฏษฐีแน่น ผมไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรผมยังต้องถามคนๆนี้บ่อยๆเลยครับถ้าเจอน่าจะเป็นคนที่กินได้ยากสุด
คนที่3 แข่งกันมาแล้ว5ครั้ง ผมแพ้ไป2ครั้ง(เป็นคนเดียวที่ชนะผมในการแข่งสอบสายได้)แต่ครั้งล่าสุดเดือนที่แล้วผมฟลุ๊คชนะได้ คนนี้จับทางด้านซ้ายแต่ตอนนี้ไม่กลัวซ้ายแล้วครับ พอดีรอบนี้ที่กลับไทยไปอาจารย์ท่านนึงได้บอกวิธีแก้ทางพอเจอกับพวกจับซ้าย ผมลองดูถึงไม่ชำนาญเท่าไรแต่ว่ากับคู่ต่อสู้ระดับนี้คงพอไปได้ครับ
คนสุดท้ายที่มีแนวโน้มว่าอาจจะได้เจอ เรียนอยู่ม.ปลายจำได้ว่ารันโดริครั้งแรกกับเพือนคนนี้ก็เมื่อปีที่แล้วเดือนกุมภาตอนนั้นผมยังตบเบาะไม่เป็นเลยครับ แต่ดันสะเออไปท้าเค้าขอรันโดริด้วย ครั้งนั้นผมโดนทุ่มกระจายเลยครับแล้วก็มาเจอกันในการรันโดริอีกครั้งเมื่อประมาณ3เดือนก่อน รอบนี้ผมชนะสบายๆถัดมาไม่นานเพื่อนคนนี้กลับมาพร้อมกับอุจิมาตะ เข้าเร็วและแรงแต่จังหวะยังไม่ได้เท่าไร ทำให้ผมที่แหกขาได้เยอะกว่าก้าวหลบออกมาได้แต่ถ้าตอนแข่งจะเสี่ยงเปิดโอกาสให้เค้าใช้ออกมาก่อนไม่ได้ครับ อาจารย์ที่เมืองไทย(คนเดิมที่สอนวิธีแก้จับซ้ายแหละครับ)ได้บอกไว้ว่าถึงเราจะฝืนได้หลบท่าของเค้าได้แต่ผลมันก็คือเท่าทุนแค่เราไม่เสียแต้ม ถ้าจะดีมีจังหวะแล้วต้องเข้าทำเลยไม่งั้นจะเป็นฝ่ายเสียใจเองครับ (จริงๆครับแข่งชิงแขมป์ประเทศไทยยังเสียดายอยู่เลยครับ แพ้เพราะความโง่มีจังหวะแต่ปิดเกมไม่ได้เองจะต้องไม่ให้มันเกิดซ้ำ2อีกแล้วครับ)
แข่งวันจันทร์นี้ผมจะลองเอาสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเมืองไทยมาลองใช้ดูครับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเมืองไทย นอกจากเทคนิคการฝึกหลายๆอย่างแล้วยังมี
-มีจังหวะจับแล้วต้องเข้าทำ อย่าให้เสียโอกาส
-ตอนรันโดริบางครั้งมีลูกเล่นลูกหลอกแต่จังหวะที่จะใช้จริงแล้วต้องเข้าทำให้มันเห็นผล
-2ข้อข้างบนสรุปได้ว่า จังหวะมีต้องรีบทำ เข้าทำแล้วต้องเห็นผลถ้าคิดจะเข้าแล้วอย่าหยุดครึ่งๆกลางๆ
-อิปป้งเซโอนาเกะ ดึง ย่อตัวไปที่เข่าตามองขาจนกว่าจะได้ยินเสียงตบเบาะ
-การใช้มือกดให้ประสานกับท่าขาโคอุจิการิ
-ลูกหลอกโคอุจิการิ ในจังหวะเข้าทำ ให้ทำมือเหมือนจะใช้เซโอนาเกะ (อันนี้โดนกับตัวจำได้แม่นเลยครับ)
-ใส่อาชิกุรุม่าแล้วถอนกลับมาเป็นฮิสะกุรุม่า(เห็นรุ่นน้องใช้แล้วงามแท้ตรงตามหลักยูโดที่ใช้แรงของคู่ต่อสู้ทุ่มคู่ต่อสู้)
-โคโซโตการิ แล้วต่อจังหวะสองด้วยฮิสะกุรุม่าทางด้านหลัง (โดนกับตัวไป2ครั้งแต่ต้องเร็วจริงถึงจะใช้ได้ คงต้องเก็บไว้ก่อนมีเวลาจะฝึกครับ)
ขอเป็นกำลังให้นะครับสู้ๆๆๆ