Bloggang.com : Tree Rose - แกงเห็ด แบบอีสานบ้านเฮา

Bloggang.com : weblog for you and your gang

Group Blog

All blogs

แกงเห็ด แบบอีสานบ้านเฮา

เย็นนี้อยากกินอาหารที่เบาๆท้องมีผักเยอะแยะ มีน้ำซุปซดร้อนๆ ร้อนชื้นฝนตกแบบนี้เห็ดออกดีนัก มีเห็ดตั้งหลายอย่างรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ที่แน่ๆกินแล้วไม่ตาย555
ส่วนประกอบ
เห็ดตามชอบ เห็ดตับเต่า เห็ดเผาะ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดขอน เห็ดเข็มทอง เห็ดนางฟ้า มีอะไรก็ใส่ แต่ถ้าเครื่องเยอะจะ แซ่บมาก
ผัก ผักชะอม ผักติ้ว ใบแมงลัก บวบ ผักหวาน ฟักทอง ใบย่านาง
น้ำปลาร้า น้ำเปล่า
คั้นใบย่านางกับน้ำเปล่า ขยี้ๆเหมือนซักผ้าจนได้น้ำสีเขียวเข้ม เค็มๆขี้มือ
ตั้งน้ำใบย่านางให้เดือด ใส่ผักที่สุกยากก่อนเช่นฟักทอง แล้วก็ใส่อย่างอื่นจนครบ พอเดือด ผักสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า กลิ่นจะหอมฟุ้งเชียวแหละ ได้เวลาตักเสริฟแว้ว ร้อนๆควันพลุ่งเลย

สำหรับคนที่อยู่ต่างแดน กลืนน้ำลายไปก่อนนะคะ หรือหาวัตถุดิบที่คล้ายๆกันทำไปก่อน แล้วค่อยกลับมากินที่เมืองไทยเถอะคะ ซดน้ำร้อนๆ กัดเห็ดกรุบๆมันจะลื่นๆนิด ๆด้วย โล่งคอดีคะ

หลังจากรับประทานกันแล้ว มาทราบประโยชน์ของเห็ดกันดีกว่า
ประโยชน์ของเห็ดแต่ละชนิด

1. เห็ดหอม เห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะช่วยลดไขมันในเลือด อีกทั้งยังเพิ่ม มีคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็ง มีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี1 บี2 และวิตามินดี ช่วยบำรุงกระดูก มีปริมาณโซเดียมต่ำ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัดชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”

2. เห็ดหูหนู เพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง ช่วยบำรุงปอดและไต

3. เห็ดนางฟ้า สามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือดและโรคกระเพาะ

4. เห็ดเข็มทอง มีรสชาติเหนียวนุ่ม หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง

5. เห็ดโคนหลวง ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ จากการทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดนี้สามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ เป็นต้น
6.เห็ดตับเต่า มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร แพทย์แผนโบราณของไทย นำเอามาปรุงเป็นยามาใช้ในการรักษาโรคได้ช้านานโดยเห็ดตับเต่า
เป็นสมุนไพรที่ใช้ในการบำรุงกำลัง บำรุงตับ และบำรุงปอดไปด้วยกัน
7.เห็ดแชมปิญอง หรือที่บ้านเราเรียกว่าเห็ดกระดุม สรรพคุณของมันคือช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเห็ดอื่นๆ เพราะในแชมปิญองมีสารที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ aromatase ตัวการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย
8.เห็ดฟาง เราจะเห็นเห็ดฟางบ่อยที่สุดในต้มยำ เมนูอันลือลั่นของคนไทยเรา แต่ทั้งๆ ที่เห็นหน้ากันออกจะบ่อย แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่าเห็ดฟางมีวิตามินซีสูงและมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด ถ้าทานประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก ลดการผื่นคันต่างๆ และลดการติดเชื้อได้ แต่มีข้อแม้ว่าไม่ควรทานกันสดๆ เพราะเห็ดฟางมีสารที่คอยยับยั้งการดูดซึมอาหารได้ ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่
9.เห็ดหลินจือ คุณค่าของเห็ดหลินจือมีมากเสียจนบริษัทเครื่องสำอางหลายแห่งต้องเอาไปเป็นสกัดผสมกับเครื่องสำอางประทินโฉมให้สาวๆ กันเลย แต่การกินจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้รอยย่นไม่มาถามหาแล้ว ยังมีเอนไซม์ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัส แก้อักเสบ ลดความดันเลือด แก้ปวดศรีษะ รวมทั้งลดไขมันในเส้นเลือดด้วย
10.เห็ดถั่งเช่าสามารถรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้เหมือนกับยาไวอากร้าเลยทีเดียว และมีสรรพคุณหลากหลาย อาทิ ช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ อาการไอ ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบ ทำให้การทำงานของไตดีขึ้น ทำให้ร่างกายสดชื่น ความจำดีขึ้น ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบ ต่อต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิต้านทางของร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา เป็นต้น

หรือผู้ที่ชอบรับประทานเห็ดที่มีอยู่ตามธรรมชาติหรือภายในท้องถิ่น บางครั้งหากเราหาเห็ดที่มีอยู่ตามธรรมชาติมารับประทาน ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจกลายเป็นโทษแก่ร่างกายเพราะทานเห็ดที่มีพิษเข้าไป และทำให้มีอาการปวดหัว มึน คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตไปก็เป็นได้

วิธีการทดสอบเห็ดมีพิษ :

ให้นำน้ำสะอาดใส่ในหม้อแล้วนำไปต้มบนไฟให้เดือดจัด หลังจากนั้นให้ใส่เห็ดที่เก็บมาได้หรือเห็ดที่ต้องสงสัยว่าจะมีพิษ ลงไปในหม้อน้ำเดือด จากนั้นใส่เมล็ดข้าวสารลงไปเล็กน้อย ประมาณ 10-20 เมล็ด โดยปล่อยตั้งไฟทิ้งไว้ ประมาณ 10 นาที จึงยกลงจากไฟ ตั้งพักไว้ให้เย็น แล้วให้ตักเมล็ดข้าวสารขึ้นมาบีบดูว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร หากเมล็ดข้าวสารแหลกหรือเปื่อยยุ่ยคามือ แสดงว่าเห็ดชนิดนั้นไม่มีพิษ สามารถนำมารับประทาน แต่ถ้าเมล็ดข้าวสารยังคงแข็งตัวอยู่ในสภาพเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะบดขยี้อย่างไรก็ตาม แสดงว่าเห็ดชนิดนั้นมีพิษ ห้ามนำมารับประทานโดยเด็ดขาด

Create Date : 13 พฤษภาคม 2553

Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 11:00:15 น.

15 comments

Counter : 6022 Pageviews.

ทักทายยามเย็น ทานข้าวให้อร่อยนะคะ ^^

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว

วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:07:27 น.

โอ๊ย เป็นตาแซ่บหลาย ค่ะ
อยู่บ้านนอกบ้านนาอย่างอ้อก็ได้กินบ่อยๆค่ะ
ยิ่งเดี๋ยวนี้ผักหวานมาขายตามตลาดเยอะ
แกงใส่ไข่มดแดง แซ่บค่าาาา55555

โดย: อ้อค่ะ (morkor

) วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:10:43 น.

แกงเห็ดน่ากินจังเลยค่ะ
แบคกราวด์ก็สวยมาก ..
น้ำลายไหลหยดติ๋งๆ แล้ว อิอิ

โดย: star_paradise

วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:59:26 น.

น่ากิจังเลย

โดย: nuyza_za

วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:21:45 น.

น่ากินมาก

สมัยเด็กๆ เคยไปเก็บเห็ดแบบใน บีจี จขบ ด้วย สนุกมาก 55

โดย: มะฮุงนิ

วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:40:50 น.

แบล็คกราวน์ทำให้อ่านยากจังค่ะ
แต่กับข้าวน่าหม่ำนะคะ

โดย: ซามอ

วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:04:02 น.

แกงเห็ดนี่ของโปรดเลยนะคะ

ชอบมากๆเลย

โดย: vekalover

วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:08:57 น.

ตาแซ่บขนาดเลยน่อ

โดย: ich habe kein Geld

วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:18:47 น.

อาหารที่น่าตาแบบนี้โดนใจเปิ้ลสุดๆ เลยค่ะอยากทานๆๆๆๆ

โดย: APPLEAIR

วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:39:05 น.

แวะมาดูวิธีทำแกงเห็ด น่าอร่อยจังเลยค่ะ

คงจะทำไม่เป็นเช่นเคยเพราะเครื่องมากมาย คงได้แต่รอซื้อทานหรือ
มีใครใจบุญทำให้ทานเท่านั้นค่ะ
ชอบอาหารพื้นเมืองมาก ๆ ค่ะ

โดย: tummydeday

วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:42:06 น.