Wednesday Night Life Style

KTOne
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Users Online: ... Lovely Visitors :
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add KTOne's blog to your web]
Links
 

 

Beijing: The Great Wall of China

เช้านี้ตื่นขึ้นมานึกว่าฝนตกซะแล้ว แย่จังขอรับ
ถนนเปียกหมด แต่ที่ไหนได้ เดินลงไปดูที่จอดรถ
หิมะตกเป็นเกร็ดๆ น่าเอาน้ำหวานมาราดทานจริงๆ โอ้ว



นี่คงเป็นแม่คะนิ้ง เย้ยย หิมะโปรย เย็นหัวมาก
เค้าบอกต้องใส่หมวกไม่งั้นจะเวียนหัวและปวดหัวมาก



Audi ราดน้ำแข็ง หุหุ โชคดีจริงๆ
ไกด์ก้อยบอกว่าวันนี้เป็นวันแรกของปีนี้ที่หิมะตกขอรับ อ่าาาา



ก่อนไปกำแพงเมืองจีน ก็แวะชมโรงงานผลิตหยกก่อนขอรับ
นี่คงเป็นดาบมังกรหยก อุอิ
เป็นที่ขึ้นชื่อของชาวจีนที่มีความเชื่อว่ามีหยกไว้เป็นสิ่งที่ให้ความคุ้มครอง



ปี่เซี้ยะตัวใหญ่ของร้านหยกนี้ เอ้า ลูบกันซะ หุหุ



นี่ก็สาธิตการทำกันเห็นๆ โอ้ว เย่



ปี่เซี้ยะสีชมพูขอรับ กำลังได้รับความนิยม คู่หนุ่มสาวซื้อกันใหญ่
โชคดีเรื่องความรัก อ่าาาา ไอ้เรามันตัวคนเดียว ขอผ่านดีกว่า หุหุ



กบหยกยักษ์ขอรับ หน้าตานี่ใช้ได้เลย



โคมไฟลูกโลกทำจากเศษหยกหลายๆ ชิ้น สวยงามสุดๆ
ราคาแพงมากทีเดียว งานนี้ได้จี้หยกปีเกิดมาแขวนคอ เกรดดีหน่อยก็หลายพัน จ๊ากกก



นี่ก็รูปวาดในลูกแก้ว อ่ะๆ ซื้อไปฝากบิดาสักนิด เขียนขื่อด้านในได้ด้วย
ที่นี่แพงมากขอรับ ราคาเท่าสนามบินเลย ไปตลาดรัสเซียนี่ถูกกว่าเป็นสิบเท่า
แทบร้องไห้ เลยซื้อลายเสือมาอีกอัน
แต่โชคดีที่ลายม้าที่ขาวดำที่นั่นไม่มีขาย ก๊ากกก ปลอบใจตัวเอง



เสียเงินเสียทองไปตามๆ กัน ออกมาด้านนอกโรงงานก็หนาวเหน็บ
หิมะยังโปรยปรายขอรับ อ่าาา เดินระวังๆ หน่อย ลื่นสุดๆ



จากนั้นก็ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Beijing Waxworks Palace of Ming Dynasty



ก็เนียนดีนะขอรับ



อันนี้ชาวบ้านยากจนน่าสงสารมาก คนดูเลยโยนเงินให้เยอะเลย
เห็นเหรียญสิบไทยด้วยอ่ะ หุหุ



ชมหุ่นขี้ผึ้งจำลองจักรพรรดิ์ทั้ง 13 พระองค์ของราชวงศ์หมิง
มีทั้งยุคที่เจริญรุ่งเรืองสุดๆ จนถึงยุคมืด



ฉากนี้ดูได้อารมณ์ดีขอรับ เป็นการร่วมรับประทานอาหาร



ออกมาจากพิพิธภัณฑ์หิมะก็ยังคงตกอยู่ ดูที่ใบไม้ หิมะหนาเชียว อิอิ



ต้นไม้ขาวโพลน ถ่ายมาเหมือนภาพขาวดำเลยขอรับ
ว่าแล้วก็อยากได้กล้องดีๆ กะเค้าบ้างนะเนี่ย เฮ้อ



อากาศหนาวต้องทานอะไรอุ่นๆ สุกี้มองโกเลียขอรับ
ได้ทานเนื้อแพะ เค้าว่าทานแล้วจะอุ่น อ้วนเลยแหะ
คนละหม้อ เสียวหม้อร่วงมาลวกเหมือนกันแหะ



และแล้วก็ได้เวลาไปกำแพงเมืองจีน เย้ๆๆๆๆ หิมะตกสุดยอดๆๆๆ
ไกด์เล่าว่ากำแพงเมืองจีน สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลกสมัย
จักรพรรดิ์จิ๋นซีฮ่องเต้ สร้างด้วยแรงงาน เลือดเนื้อ และชีวิตของคนนับล้านคน
มีความยาว 6350 กม. ก่อสร้างขึ้นครั้งแรกประมาณกว่า 2000 ปี แน่ะ
มีคนมาทำ Snowman ไว้ด้วย



ป้ายอะไรก็ไม่ทราบ พอดีแยกมาจากไกด์และ ใครรู้ช่วยบอกที
รู้แต่ว่ากำแพงเมืองจีนสร้างราว 700 ปีก่อนคริสตกาลถึงราชวงศ์หมิง
ปีค.ศ. 1368-1644 ความยาว 14600 ลี้หรือราว 6700 กม. เรียกว่ากำแพงหมื่นลี้
ยาวสุดลูกหูลูกตาจัง



หิมะโปรยทางเดินขาวโพลนเลยขอรับ
กำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์โลก ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ
1. กำแพงเมือง มีทั้งเป็นกำแพงหิน ดิน ทราย และอื่นๆ มีความสูงราว 3-8 เมตร
และยอดกำแพงกว้าง 4-6 เมตร



เดินขึ้นไปได้สักพักมองลงไปด้านล่าง หิมะบนหลังคานี่สวยจังขอรับ
นึกถึงญี่ปุ่นเลย อยากไปหน้าหนาวสักครั้ง เย้ยย
2. หอสังเกตการณ์ แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นบนใช้สอดส่องและยิงธนูต่อสู้ข้าศึก
ชั้นล่างถูกซอยออกเป็นห้องเล็กๆ ใช้เก็บสรรพาวุธและเป็นที่พักนอน
ของเหล่าทหาร



ที่ขึ้นนี่ก็เป็นป้อมแรกที่พวกทัวร์นิยมมาปล่อยกัน อิอิ
เพื่อนที่เคยมาบอกเราขึ้นไปถึงป้อมที่สี่ อากาศเบาบางมากเลย
คนทั่วไปเดินถึงป้อมที่สาม ไอ้เราก็นะ นี่แค่ป้อมแรกเอง
เดินขึ้นไปก็ลื่นลงมา กำและ
3. ตัวด่านหรือป้อมปราการ สร้างตามจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์



ต้องเดินอย่างระวังขอรับ เห็นตกบันไดมาหลายคนแล้ว
ลื่นมากๆ บันไดบิ่นสึกหรอตามกาลเวลา หุหุ
4. หอส่งสัญญาณ ตั้งอยู่นอกเขตกำแพงตามยอดเขาหรือที่ซึ่งสามารถ
มองเห็นได้ชัดเจนจากที่ไกลๆ ตอนกลางคืนใช้จุดไฟแจ้งเหตุ
กลางวันใช้ควันไฟส่งสัญญาณ



เอาล่ะ ขึ้นมาถึงป้อมแรกแล้ว ฮาาาา
มันเป็นทางลาดขึ้น คนเยอะทีเดียว โหยย หมอกลงหนามองไม่เห็นป้อมที่สามเลย



ตามกำแพงด้านขวาจะมีโซ่อยู่แล้วก็มีกุญแจคล้องอยู่มากมาย
เค้าว่าเป็นของคู่รักที่มาล็อคกันแถวนี้อ่ะ เย้ยย รักยืนยงมั้งขอรับ



ไม่ไหวๆๆ เดินขึ้นไปสักพักก็ไถลลงมา ก๊ากกก ยืนอยู่กับที่ยังไม่ได้เลย
ต้องเกาะกำแพงไว้ เศร้าและ ไถลลงมากันใหญ่



เป้าหมายที่ฝันไว้ป้อมที่สาม แง้ๆๆๆ เศร้า ไปไม่ถึงฝั่งฝา
ส่งตัวแทนไปขึ้นป้อมสอง สำเร็จขอรับ
แต่ขาลงล้มก้นกระแทกพื้น น่าสงสาร ต้องเกาะโซ่เดินลงมา เหอๆๆ



หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ท้อใจ เดินลงมาด้านล่าง
ยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองป้อมนั้น ฝากไว้ก่อน
ไว้มาใหม่ ยามไม่มีหิมะ ฮึ่มๆๆๆๆ



ปัจจุบันเหลือให้เห็นเป็นรูปกำแพงตามดินแดนตอนเหนือของจีน
กรุงปักกิ่ง 18 ด่าน นครเทียนจิน 2 ด่าน มณฑลกันซู่ 20 ด่าน
มณฑลเหอเป่ย 43 ด่าน มณฑลเหลียวหนิง 2 ด่าน
มณฑลหนิงเซี่ย 15 ด่าน มณฑลซันซี 61 ด่าน มณฑลส่านซี 24 ด่าน เท่าน้านน



นี่ก็ต้นเล็บมังกร แง่งๆๆๆ ไม่มีใบหลงเหลือขอรับ เกร็ดหิมะเกาะ สวยงาม



ป้อม 1 ที่พิชิตมาได้ ก๊ากกก



ปีหน้าก็ 2008 แล้วขอรับ Beijing Olympic
ไกด์บอกราคาโรงแรมแพงขึ้นสิบเท่า ก๊ากกก
ง้านมาใหม่ 2009 แล้วกันๆๆ ว่าแล้วก็แวะซื้อของที่ระลึกกัน



วันนี้ก็หนาวสั่นกันทั้งวัน ไปแวะชมการสาธิตการรักษาแผลจากไฟไหม้
ของโรงงานเป่าฝู่ถัง ผลิตยาบัวหิมะที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองจีน
เค้าว่าถูกกว่าเจ๊เล้ง ก๊ากก อ่ะ เสียเงินเสียทอง ลดแลกแจกแถมกันไปตามๆ กัน
น่าสงสารเจ้าหน้าที่คนนี้ต้องเอามือไปลูบโซ่ร้อนๆ ทุกครั้งไป อิอิ



เหนื่อยหนาวๆๆ นอนฝันดีพร้อมลุยต่อวันต่อไปขอรับ
เปิด Heater ให้หน่อยๆๆๆ




 

Create Date : 06 มกราคม 2551    
Last Update : 6 มกราคม 2551 16:28:53 น.
Counter : 4221 Pageviews.  

Beijing: The Forbidden Palace

ปีใหม่นี้ไปไหนดี ปักกิ่งๆๆๆ แต่ดูสภาพอากาศแล้วคงหนาวเกินจะทน อิอิ
เลยขอไปแต่เนิ่นๆ ขอรับ

Wonderful Package ออกเดินทางกับสายการบิน Air China ถึงสนามบินนานาชาติปักกิ่ง
ลงจากเครื่องต้องรีบวิ่งขึ้นรถเพราะอุณหภูมิอยู่ที่ -5 หนาวสั่นสะท้านจริงๆ ขอรับ ขนกระเป๋าขึ้นรถไปโรงแรมชานเมือง



พักที่โรงแรม Bai Ming Xiang โรงแรมระดับ 2 ดาว



เช้านี้อากาศสดใสอุณหภูมิ -5 ถึง 6 องศาเซลเซียส
โอ้ว แม่เจ้า เช้าๆ อย่างนี้ก็ยังติดลบอยู่ ขึ้นรถโค้ชของเราดีก่า อิอิ



ไกด์สาวท้องถิ่น ผู้ที่เคยไปเรียนที่ไทยเป็นปี ทักทายพร้อมสอนภาษาจีนเล็กน้อย
หนีห่าว แปลว่าสวัสดี ท่องคำนี้ไว้ตลอดการเดินทาง หุหุ แต่ก็ไม่ยักกะเห็นไกด์
ท้องถิ่นพูดคำนี้แหะ ได้ยินแต่ เจ่าซั่งห่าว ซึ่งแปลว่าสวัสดีตอนเช้าซะมากกว่า
เหอๆๆ และก็เซี่ยเซี่ย ขอบคุณๆ อันนี้พูดบ่อย อุอิ

เคยได้ยินว่าคนจีนชอบเลี้ยงนก โอ้ว กรงนกวางเรียงรายยังกับร้านขายนกเลยขอรับ



ถึงแล้วขอรับ เช้านี้มีแดด ดีจัง อากาศเย็นจนน้ำเริ่มแข็งแล้ว
นึกถึงเบียร์เป็นวุ้นๆ เย้ยยย



ไกด์สาวพาเราเข้าด้านหลัง เย้ยย ไม่ได้ชอบแบบน้านนะ
เค้าว่าด้านหน้าคนเยอะ ด้านนี้ดีกว่า เข้าเขตพระราชฐานชั้นในก่อน เหอๆๆ
พระราชวังต้องห้าม กู้กง สถานที่ว่าราชการและที่ประทับของจักรพรรดิ 24 พระองค์ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เค้าว่างั้น



ตัวอะไรนี่ เดินตามไกด์แทบไม่ทัน เพราะมัวแต่ถ่ายรูปขอรับ ฮาาาาา
เค้าว่าให้เราเดินชมโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ 720000 ตร.ม. โห กว้างสุดๆ เดินไหวมั้ยอ่ะ



ไกด์บอกว่าจะพาชมอาคารเครื่องไม้ที่ประกอบด้วยห้องต่างๆ ถึง 9999 ห้อง
ถ้าชมตั้งหมดคงต้องขอค่าไกด์เพิ่ม ฮาาาาาาาาาาาาา



คนน้อยกว่าที่คิดขอรับ เคยเห็นในรูปคนเพียบ เหมือนงานกาชาด ก๊ากกก
ไกด์บอกให้เดินชมตำหนักว่าราชการ พระตำหนักชั้นใน
ห้องบรรทมของจักรพรรดิ์ และห้องว่าราชการหลังมู่ลี่ไม้ไผ่ของพระนางซูสีไทเฮา
อยู่ไหนกันบ้างนี่ เดินดุ่มๆ ถ่ายรูป เป็นลูกทัวร์ที่แย่จริงๆ



ไกด์สาวก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ไม่เห็นมีใครสนใจฟังเท่าไหร่ น่าสงสารขอรับ
แต่ก็เป็นธรรมดา พวกเรามาถ่ายรูป เย้ๆๆๆๆ
เค้าว่าพระราชวังต้องห้าม สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง
เป็นที่พักของจักรพรรดิ 24 พระองค์ มีประวัติยาวนานกว่า 500 ปี หุหุ



ที่นี่เค้าอลังการงานสร้างจริงขอรับ กู้กง หมายถึงพระราชวังเดิม หรือ จื่อจิ้นเฉิง
แปลว่าพระราชวังต้องห้าม มาจากชาวจีนถือคติในการสร้างวังว่า
จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์
ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็นที่ต้องห้าม
คนธรรมดาสามัญไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ แต่ในที่สุดเราก็เข้ามาได้ เย้ๆๆๆ



พื้นทางเดินนี่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ ขอรับ สึกหรอนิดๆ อิอิ
เค้าว่าพระราชวังต้องห้ามสร้างโดยยึดหลักขนบธรรมเนียมของระบบศักดินาคือ
อำนาจสูงสุดของประเทศอยู่ที่จักรพรรดิพระองค์เดียว
ดังนั้นรูปแบบทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่งจึงเน้นความใหญ่โตโอ่อ่า
เพื่อให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขามมากกว่าเน้นในด้านประโยชน์ใช้สอย อ่าาาา



ทางเข้าห้องน้ำขอรับ ก๊ากก เดี๋ยวนี้ห้องน้ำพัฒนาขึ้นมาก คงเพื่อต้อนรับโอลิมปิค
ปีหน้า กำแพงเค้าสูงแดงจริงๆ แหะ
อ่ะๆ ฟังไกด์พูดต่อตามหลักสถาปัตยกรรมสมัยโบราณได้กำหนดให้ด้านหน้า
เป็นที่ว่าราชการ ด้านหลังเป็นที่อยู่อาศัย



ดูจีนมากๆ ไกด์บอกว่าด้านหลังเป็นตำหนักที่ประทับของจักรพรรดิและมเหสี
อีก 3 หลัง ได้แก่ ตำหนักเฉียนชิง ตำหนักเจียวไท่ และตำหนักคุนหนิง
เดี๋ยวเราคงจะได้ไปตำหนักด้านหน้าบ้าง ไกลจริงๆๆ



โอ้ว ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกเหรอเนี่ย ดีนะที่อากาศเย็นสบาย
ถ้าร้อนแบบบ้านเราคงเหงื่อตกขอรับ



ตำหนักหน้า 3 หลัง ได้แก่ ตำหนักไท่เหอ ตำหนักจงเหอ
และตำหนักเป่าเหอ เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่ยิ่งใหญ่
ตั้งตระหง่านเรียงกันตามลำดับ ณ กึ่งกลางอาณาบริเวณส่วนหน้าของพระราชวัง
ยังๆ ยังไม่ถึงขอรับ จ๊ากกกก



โอ้ว ดูภายในกันบ้าง ที่ประทับของจักรพรรดิ์ เจ๋งจริงๆ เหมือนในหนัง อิอิ



ลายมังกรของแท้ขอรับ เหมือนโอ่งมังกรบ้านเราไหมนะ ก๊ากกก



อ่าาา ถึงจนได้ ตำหนัก 3 หลังในเขตพระราชฐานชั้นนอกเป็นที่ว่าราชการแผ่นดิน
และที่ทรงงานของจักรพรรดิ



เค้ายังคงปรับปรุงซ่อมแซมต้อนรับปีหน้าอย่างต่อเนื่องขอรับ
ตำหนักไท่เหอเป็นตำหนักเอกที่มีความพิเศษที่สุด
ดังนั้นจึงมีรูปแบบการก่อสร้างและการตกแต่งเป็นสุดยอดของพระราชวังต้องห้าม
รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่จุดกึ่งกลางของนครปักกิ่งพอดี



หาวิวคนโล่งๆ ได้ซะที อิอิ
ตำหนักที่สูงตระหง่านที่สุดในพระราชวังแห่งนี้โดดเด่นบนฐานหินอ่อนสีขาว 3 ชั้น
ด้านหน้าตำหนักมีการจัดวางนาฬิกาแดดและเจียเลี่ยง ซึ่งเป็นเครื่องมือชั่งตวงวัด
ชนิดหนึ่งซึ่งจักรพรรดิเฉียนหลงทรงให้ทำเลียนแบบเจียเลี่ยงในสมัยถัง
ไม่เห็นอ่ะๆๆๆ ว้าๆๆๆๆ



ตำหนักแห่งนี้ใช้เป็นที่จัดพิธีสำคัญของราชสำนักตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงและชิง เช่น พิธีครบรอบพระชันษา พิธีฉลองขึ้นปีใหม่
เห็นในหนังจีนหลายเรื่องขอรับ ดีจัง กลับไปดูหนังอาหลิวดีกว่า ก๊ากก
อ่าาาา ธงไทยปลิวไสวในต่างแดน เย้ๆๆๆ



กว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ ซะด้วย ขอหน้าตรงหน่อยๆๆ



ถึงทางออกด้านหน้าแล้วขอรับ คนเดินเข้าเยอะมากจริงๆ
ดีที่มาทางประตูหลัง เย้ยยย วิวสุดฮิต อิอิ



และนี่ก็คือด้านหน้าทางเข้าของพระราชวังต้องห้ามนี่เอง
คนจีนมาเที่ยวเพียบเลยแหะ กากี่นั้งๆๆ



โอ้วว รูปท่านประธานเหมาขนาดใหญ่มากกกกก
อ่ะ เดินๆๆๆ เดินทางสู่ จตุรัสเทียนอันเหมิน จตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สัญลักษณ์ของประเทศจีนใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีฉลอง
เนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ อิอิ



มีอนุสาวรีย์วีรชนศาลาประชาคมหอระลึกประธานเหมา เจ๋อตุง ด้วยขอรับ



หิวๆๆๆ รีบไปทานอาหารกลางวันกันขอรับ หลังจากเดินเป็นกิโล
จากนั้นเค้าก็พาไปหอบวงสรวงเทวดา เทียนถัน
เป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงทรวงเทพยาดาแบบป้ายบรรพบุรุษของจักรพรรดิ์
ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง อ้าว ไหนล่ะ เห็นคนสูงอายุมาวิ่งเล่นกันมากมาย



ที่แท้ด้านหน้าก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้สูงวัยกันขอรับ
เหมือนสวนลุมบ้านเราเลย มีรำไท้เก็ก ตามระเบียงยาวนี่ก็หลากกิจกรรม
ถักไหมพรม หมากรุกจีน ร้องเพลงปลุกใจ เล่นไพ่ สุดจะบรรยาย



นี่ก็วงดนตรี Live concert เล่นกันตามทาง ตั้งวงกันเอง น่าสนุกมากๆ ขอรับ



และแล้วก็มาถึงเสียที หอเทียนถัน หอสักการะฟ้า
เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิเสด็จมาประกอบพิธีสักการะเจ้าฟ้าและดิน
ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เพื่อขอความสิริมงคลแก่ตน
ขอฟ้าขอฝนให้พืชผลในไร่นาอุดมสมบูรณ์ พสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุข เท่ห์จัง



นี่ก็เป็นปุ่มทองๆๆ ที่ประตูขอรับ ทำไมต้องเป็นปุ่มๆ ด้วยนะ
ไกด์บอกว่าที่นี่น่ะมีพื้นที่กว่า 2 ล้านตารางเมตร ใหญ่กว่า กู้กง 4 เท่า
มีกำแพงโอบล้อม 2 ชั้น แบ่งเป็นเขตชั้นนอกกับเขตชั้นใน



ออกแบบก่อสร้างเทียนถันอิงหลักฟ้าดินของชาวจีน ฟ้าโค้ง ผืนดินเหลี่ยม
และฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทิศเหนือจึงสูงกว่าตอนใต้และมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม
ตอนใต้จะเตี้ยกว่าและเป็นมุมฉาก กว้างใหญ่จังแหะ เอ้า เดินๆ



นี่คือหอเทพสถิต สถานที่ประดิษฐานแผ่นป้ายองค์เทพเทวาทั้งหลาย
จะเป็นอาคารสูง 19.5 เมตร สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เดินวนกะเค้าซะหน่อยๆ อิอิ



ที่ตรงนี้มีกำแพงสะท้อนเสียงด้วยขอรับ เป็นกำแพงทรงกลมรอบนอก
ของหอเทพสถิต ยาว 193.2 เมตร สูง 3.7 เมตร
สามารถส่งผ่านเสียงไปถึงผู้ที่ยืนอยู่กำแพงฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
แม้เสียงจะเบาก็ตาม แต่ไกด์บอกตอนนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว กำแพงมันไม่เรียบแล้ว
เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นจุดที่ใกล้สวรรค์มากที่สุด อ่าาา
ขึ้นไปยึนบนจุดแล้วอธิษฐานขอพร จะสมหวัง อิอิ



จุดที่ว่า ต้องเข้าคิวขึ้นไปยืนขอรับ
แต่เอ๊ะ ลูกโป่งคนสวยไหงไม่ยอมขึ้นไปนะ คนก็ไม่เยอะ ก๊ากกก
ยืมภาพมาลงหน่อยขอรับ ขอบคุณ LPFC



จากนั้นก็ไปชมกายกรรมปักกิ่งสุดยอดกายกรรมชื่อก้องโลก
ออกแนว Fusion มากๆ ไม่เหมือนที่ดูกันแถวบ้านเรา
แสง สี เสียง สวยงามมาก รับบัตรจากไกด์ เข้าไปก่อนเลือกที่นั่งได้ก่อน เย้ๆๆ



ทานข้าวแล้วก็กลับเข้าที่พัก หมดไปหนึ่งวันขอรับ แว่บ




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2550    
Last Update : 21 ธันวาคม 2550 19:50:33 น.
Counter : 1640 Pageviews.  

HK Shopping รอบสอง

มีโอกาสได้ไปฮ่องกงเป็นครั้งที่สองขอรับ
หลังจากไปเที่ยวเมื่อสองเดือนที่แล้ว จ๊ากกก
คราวนี้ไปช้อปปิ้งอย่างเดียวเลย หุหุ
พักแถว Tsim Sha Tsui สบายสุดๆ

ออกเดินทางแต่เช้าไปฝั่ง HK กันไปสถานี Courseway Bay
เดินช้อปไปเรื่อยๆ และก็ Sasa



เดินแถว Time Square เช่นเคย



คราวที่แล้วไม่มีเวลาเดินดูละเอียด คราวนี้เอาซะให้หนำ เดินมันทุกชั้น
เดินมันทุกซอก ทุกมุม เหอๆ



แวะทาน Krispy Kream ที่นี่เช่นเคย
คราวนี้เป็น Fruit Festival ต้องลองๆๆ



เป็นพีชชุ่มฉ่ำ กับน้ำมะนาว เข้ากันเจงๆ ขอรับ



อิ่มท้องพอควร ก็เดินช้อปกันแหลกขอรับ Outlet ย่านนี้
G2000 Giordano Bossini ไม่พอๆๆๆ กลับไปแถวที่พัก
Esprit Outlet เดินหอบของ เจอคนไทยทุกที่ ไม่น่าเชื่อ
จนดึกดื่นก็กลับที่พัก เหนื่อยสุดๆ

เช้าวันต่อมาไปที่สถานี Central ขอรับ



เจอตึกที่คุ้นเคยเช่นเดิม



วันนี้ฟ้าสดใส แม้ว่ายังง่วงนอนอยู่ก็ตามแต่ หุหุ



เดินไปทางด้านซ้ายก็เจอร้านอาหารเดิม Yoshinoya แม้มันจะไม่ค่อยอร่อย
เหมือนที่ญี่ปุ่น แต่ก็นะ กองทัพเดินด้วยท้อง กินซะๆๆ



เดินเลี้ยวซ้ายไปอีกทีก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นนึง
เพื่อไปยังบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกกกก เย้ๆๆ



ทางเข้าเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง วนหาอยู่ตั้งนาน



มันก็เป็นบันไดเลื่อนขึ้นไปบนเขาอ่ะขอรับ
ข้างบนเป็นย่านที่อยู่อาศัย พอตอนเช้าเค้าก็เปิดให้คนบนนั้น
เดินลงมาทำงานกัน เราก็เลยต้องยืนรอจนกว่าจะ 10 โมงเช้า
แล้วเค้าถึงเปิดบันไดให้เราขึ้นไป



แปลกดีขอรับ รอขึ้นบันไดเลื่อน ฮาาาาา



แวะซื้อชวนป๋วยปี่แป่กอแบบเป็นเม็ดมาอมให้ชุ่มคอก่อน หุหุ



มองลงไปข้างล่างเห็น Taxi เพิ่งออกไปทำงานกัน โหยยย ติดกันยาวแหะ



มีรถรางด้วย ดีจังมาวันธรรมดา นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี เอ๊ะ หรือเค้าไม่ค่อยมา
ที่นี่กัน เย้ยยย



เดินไปสักพักเค้าก็จะมีที่ให้แต็ปบัตร Octopus เพื่อจะได้ส่วนลดค่าเดินทางไป
2 เหรียญ โอ้ว รีบไปๆๆ



เดินไปจนสุดทาง เย้ยยย จะลงกันยังไงเนี่ย ต้องลงบันได เดินอ๊วกเลยขอรับ
ระหว่างทางเจอร้านอาหารไทยด้วย หุหุ



เย้ยย มี Fitness บนนี้ด้วย เห็นแต่พวกฝรั่งมาออกกำลังกายกันขอรับ



เฮ้อ เห็นหนทางเดินลงยังอีกยาวไกล เริ่มท้อแหะ หมดแรงข้าวต้ม



ดีที่มาเจอร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดัง ขอพักเหนื่อยหน่อยๆๆ



อย่างร้อนเลยขอรับ หอม หวาน มัน อร่อยสุดๆๆๆ



เย้ยยย มีร้าน Krispy Kreme ที่นี่ด้วย โฮะๆๆ แต่ไม่ไหวแล้วขอรับ อิ่ม



แล้วก็ไปตลุยช้อปกันแถว Ocean Terminal จนดึกดื่น หมดเนื้อหมดตัวกันไป

เช้าวันต่อมาก็ต้องตื่นแต่เช้าอีก เหอๆๆ ท้องร้องแต่เช้า
ไปกินติ่มซำขึ้นชื่อกันๆๆ เย้ มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย ขอบคุณพระเจ้า หุหุ



ถ้วยชาไก่กาเหมือนบ้านเราเลย



ซาลาเปาที่นี่อร่อย แป้งนุ่มมากขอรับ



โดยเฉพาะไส้หมูแดง อ่ะ หุหุ



อิ่มแล้วก็ไปกันต่อเลยขอรับ
นั่งไปสถานี East Tsim Sha Tsui



แล้วไปนั่ง KCR ต่อไปยัง Lo Wu



และแล้วเราก็จะข้ามด่านไปเซิ่นเจิ้นกัน เย้ๆๆๆๆ




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 10:56:04 น.
Counter : 1602 Pageviews.  

Japan: Kyoto

ออกจากเมืองนารา ก็นั่งรถไฟไปเกียวโต
แวะห้างซะหน่อย ไปซื้อเค้กฉลองวันเกิดเจ้าค่ะ
ปีนี้มาฉลองวันเกิดไกล ถึงญี่ปุ่น หุหุ



มีให้เลือกมากมายหลายแบบจริงๆ
เดินวนไปมาอยู่นานเลย แบบว่ารักพี่เสียดายน้อง



น่ารักๆ น่ากินทุกแบบเลยอ่ะ



แล้วก็มาหยุดที่ตู้นี้ เพราะมีสตอเบอร์รี่เป็นลูกๆ
น่าทานมากๆ เจ้าค่ะ



ได้เค้ก แล้วก็ไปหาอาหารเย็นกินกัน
โอ้ว.....ข้าวห่อไข่



ชีสสสสส



ตัดเค้กวันเกิดกันค่ะ



นั่งรถต่อไปที่พัก วันนี้พักแบบเรียวกังค่ะ
ชื่อว่า Ryokan Yamazaki



มีผ้าขนหนูกับชุดยูกะตะ ให้ใช้ด้วย



ที่พักค่ะ เงียบ สงบ ดีจัง



ห้องพักอยู่ชั้น 2 ด้านล่างจัดเป็นสวนสวย
สไตล์ญี่ปุ่น ส่วนด้านในเป็นร้านอาหารเจ้าค่ะ



ร้านอาหารไว้บริการแขกที่เข้าพักและลูกค้าอื่นๆ



ทานไป ชมสวนไป เพลินๆ ก๊ากกก



Ryokan Yamazaki
13, Takahana-cho, Umegahata,
Ukyo-ku, Kyoto Phone: 81-75-864-1308



ที่นี่มีทานุกิตัวโตมากกก หุหุ



รอรถที่ป้ายรถเมล์จะเข้าเมือง เจอน้องๆ
กำลังไปโรงเรียนกันค่ะ น่ารักเชียว
อิอิ ชอบเด็กๆ



มาถึงสถานี JR เกียวโต ก็เห็นนี่เลยค่ะ
เกียวโต ทาวเวอร์



นั่งรถซิตี้บัสไปวัดคิโยมิซึค่ะ



มีป้ายให้ร่วมกันโหวต 7 Wonder ด้วยค่ะ
ตอนนี้ก็คงทราบผลกันแล้วนะคะ
อุอุ



วัดน้ำใส “มรดกโลก” เป็นวัดเก่าอยู่บนเชิงเขา



มีเฉลียงไม้รองรับด้วยต้นเสาขนาดใหญ่สูง 15 เมตร
จำนวน 139 ต้น เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็น
ทิวทัศน์สวยงามของเมืองเกียวโต เจ้าค่ะ



ภายในมีน้ำตกศักดิ์สิทธิ์สามสาย ให้ไปดื่มน้ำ
สายที่หนึ่งขอพรด้านสุขภาพอนามัย
สายที่สองขอพรเรื่องการเรียน การทำงาน
สายที่สามขอพรเรื่องอายุวัฒนะ



เป็นวัดที่สวยงามมากค่ะ



อยากมาที่นี่ให้ครบ 4 ฤดูเลยเจ้าค่ะ



ของที่ระลึกค่ะ
อุอุ กระเป๋าแฟบอีกแล้วเรา



หมูป่าเพียบเลยยย

ที่พักแบบเรียวกัง เมล์ไปจองก่อนค่ะ
//www.ryokan-yamazaki.co.jp/english_2.html



เดินไปด้านซ้ายจะเจอศาลเจ้าแห่งความรัก



เทพเจ้าด้านบนเป็นเทพเจ้าความรัก
กระต่ายเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้าค่ะ



กระต่ายๆ



Love Stone ค่ะ
เห็นสาวๆญี่ปุ่นเดินหลับตา
เดินไปให้ชนหินอยู่ค่ะ หุหุ
อ่า...ต้องลองเดินดูบ้าง



ซื้อเครื่องรางของขลังเป็นที่ระลึกค่ะ



เดินชมวัดกันต่อไป อิอิ



เจดีย์ท่ามกลางซากุระ



น้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายเจ้าค่ะ



อยากอยู่วัดนี้นานๆเจ้าค่ะ
ถ่ายรูปกัน ไม่มีเบื่อเลย



ออกจากวัดเดินถนนละลายทรัพย์
ด้วยใจเต้นตึ๊กตั๊ก วันนี้จะซื้อไม่อั้น อิอิ
อ่า...ร้านขนมที่นี่ไฮเทค มีเครื่องทำขนมแบบนี้ค่ะ



ที่ห้อยโทรศัพท์ค่ะ



เครื่องทำขนมอีกแบบค่ะ



หิวแล้ว ชิมมันจู เจ้าค่ะ



ขายพัดกันทั้งร้านเลย 1000 เยนเท่านั้น เอิ๊ก



ชูครีม ชิ้นละ 300 เยนเจ้าค่ะ



หอมหวาน มากเลยยยยย
เหอๆ



แวะร้านนี้เลยค่ะ ทุกอย่าง 1050 เยน เท่านั้น



อ่า...พวงกุญแจกระต่าย น่ารักจัง
ห้ามใจไม่ไหวจริงๆ
อยากซื้อทุกอย่างเลย แย่แน่เรา



ระหว่างทางเดินลงจากวัด
เจอไมโกะด้วยเจ้าค่ะ



เหมือนตุ๊กตาที่ซื้อมาเลย



นั่งรถต่อไปเที่ยววัดทองค่ะ



วัดทอง หรือ Golden Pavilion
ปราสาทคินคาคูจิ นั่นเองค่ะ
วิหารมี 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพระราชวัง
ชั้นที่สองเป็นแบบบ้านซามูไร
ส่วนชั้นที่สามเป็นแบบวัดเซน



โอะ ..โอ.. คุณลุงท่าทางเป็นมืออาชีพ



เครื่องรางอีกแล้วเจ้าค่ะ
เป็นรูปเณรน้อยซะด้วย
แต่แปลไม่ออกอ่ะค่ะ กำ



อยากแต่งกิโมโนบ้างจัง อุอิ



วัดสุดท้ายก่อนอำลาเมืองเกียวโต
ไปเที่ยววัดสวนเซนค่ะ



วัดเรียวอันจิ มีสวนหินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง



ผู้คนต่างเพ่งไปยังสวนหินอย่างตรึกตรอง
เพื่อค้นหาปริศนาแห่งปรัชญาที่ซ่อนอยู่
ส่วนเรา มองแล้วไม่บรรลุ ค่อยๆ ย่องๆ เดินออกไปเบาๆ
ก๊ากกกกก



บ่อน้ำรูปเหรียญ 5 เยนค่ะ



เดินออกมาด้านนอก ต้นไม้ที่นี่สวยจังค่ะ



อ่า....ฉีดยาให้ต้นไม้ สงสัยจะเป็นสารเร่งดอก



เที่ยวเมืองเกียวโตแต่เพียงเท่านี้เจ้าค่ะ






 

Create Date : 13 กันยายน 2550    
Last Update : 25 กันยายน 2550 16:07:19 น.
Counter : 1410 Pageviews.  

Hong Kong #3

นั่งรถไฟไปลงสถานี TungChung
จะไปวัดโปลินกันค่ะ
โชคดีที่ไปก่อนกระเช้าจะหล่น หุหุ
เพราะขอขึ้นครั้งเดียวพอแล้ว



มาเร็วไป กระเช้ายังไม่เปิดอ่ะค่ะ
ไปเดินเล่นที่ห้างแถวๆนั้นก่อนละกัน
City gate outlet หุหุ



เข้ามาด้านใน ร้านก็ดันยังไม่เปิดซะอีกเนี่ย
เลยได้แต่ Window Shopping อุอิ



แงๆ มี Esprit Outlet ด้วย แต่เค้ายังไม่เปิดอีกเช่นกัน



ได้เวลากลับไปขึ้นกระเช้าดีกว่า
กระเช้า ngong ping
ราคาไป-กลับ 88 เหรียญ



ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร
ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามภูเขา
โอ้ว... คนกลัวความสูงท่าจะแย่ อิอิ



มองลงไปข้างล่าง มีทางให้เดินด้วย
แล้วดันมีคนเดินด้วยอ่ะซิ
เฮ้อ...กี่วันจะไปถึงกันล่ะเนี่ย



อ่า...มาถึงโดยสวัสดิภาพ หุหุ
หมู่บ้าน Ngong Ping เป็นหมู่บ้านจำลองแบบจีนสมัยก่อน
ระหว่างทางเดินในหมู่บ้านมีร้านค้ามากมายค่ะ



โอ้ว อลังการงานสร้างจริงๆ
ขนาดกระถางธูปยังต้องทำใหญ่ๆเลยเจ้าค่ะ



ไปนมัสการ "Tian Tan Buddha Statue"
หรือพระใหญ่กันค่ะ



ขากลับได้เสียวกันอีกรอบ หุหุ
ต้องนั่งกระเช้ากลับค่ะ



นั่งรถไฟไปไป ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์
ต่อรถไฟของ Disneyland
หน้าต่างกิ๊บเก๋มากๆ



มาเที่ยววันธรรมดาก็ดีแบบนี้นี่เอง
คนไม่เยอะ ชอบๆ



โอ้ว...มุมนี้ยอดอิต
เข้าไปถ่ายรูปกันดีกว่า อิอิ



ได้บัตรผ่านประตูเป็นรูปมิคกี้
เก็บเป็นที่ระลึก อุอิ



อ่า...เจอ Stitch ของโปรดใครบางคน
หุหุ ด้วยแหละ



เค้ายืนร้องเพลงกันอยู่เจ้าค่ะ
ฟังได้แปปเดียว ต้องไปต่อซะแล้ว



ปราสาทเจ้าหญิงองค์ไหนกันหนอ
ใช่เจ้าหญิงนิทราป่าวน้า



เข้าบ้านหมีพูห์ กันก่อนเลย
นั่งรถเข้าไปในดินแดนแห่งหมีพูห์
ภายในจะพบเรื่องราวต่างๆ ของหมีพูห์มากมาย
น่ารักดีค่ะ



ได้เวลาพาเรดมาแล้ว 15.30 ค่ะ



มิคกี้ๆๆ ยักษ์



น้องเดลที่ร๊ากกก อิอิ



อันนี้ชุดอะไรเนี่ย
เห็นแล้วคิดถึง เมเจอร์....เมืองแห่งหนัง



ใช่ว่าจะมีแต่คนจีน เค้าก็มีพนักงานเป็นฝรั่งเหมือนกันนะเจ้าค่ะ



โอ้ว...อันนี้เจ๋งๆ ชอบมากเลย



The Golden Mickeys โชว์ที่ไม่ควรพลาด
การแสดงจากเหล่าตัวละครชื่อดัง ประกอบดนตรีค่ะ



อันนี้ไม่รู้ว่าของชนเผ่าไหน
แต่มีทั้งน้ำทั้งควันพุ่งออกมา
ของเค้าไฮเทคจริงๆ ค่ะ หุหุ



รอคิวก็ไม่นานค่ะ
คนน้อยๆ



ไลอ้อนคิง เป็นโชว์ที่ดีที่สุดของดิสนี่ย์แลนด์ ค่ะ
(รอบการแสดง 12.45 14.00 16.30 18.00)



Jungle River Cruise นั่งเรือเลาะแม่น้ำ
เพื่อเที่ยวชมป่าเขา แม่น้ำกัน
ระหว่างทางเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญ อุอุ



บ้านทาร์ซาน จะนั่งแพ เพื่อจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ
เพื่อไปเที่ยวชมบ้านทาร์ซานกันเจ้าค่ะ



อ้าว...ทาร์ซานกับเจน อยู่นี่เอง



และแล้วก็ได้เวลาจุดพลุ
ตื่นตาตื่นใจ อลังการมากๆค่ะ



วันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ
แวะช็อปปิ้งกันอีกรอบที่ Causeway Bay
อ่า...ได้รับ order มาให้ซื้อ Krispy Kreme



พี่ๆ ขอกล่องละ 6 ชิ้น 2 กล่องค่ะ



อันนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซื้อยกแพคเลย Collon รสทาร์ตไข่
มีที่นี่เท่านั้น ฮ่องกง หุหุ



ชานมไข่มุกสูตรฮ่องกง
รสชาติเหมือนเมืองไทย แก้วละ 10 เหรียญ
เห็นราคาแล้วกินของบ้านเราดีกว่า เจ้าค่ะ



ปิดท้ายกันด้วยร้านโปรด
อยากจะไปเหมาชุดทำงานอีก อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามชมเจ้าค่ะ



ได้ข่าวว่าเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากระเช้าตกเจ้าค่ะ
ตอนนี้เลยปิดทำการชั่วคราว ตอนนี้จะเปิดให้บริการ
ตามปกติรึยัง รบกวนผู้รู้แจ้งด้วยค่ะ




 

Create Date : 13 กันยายน 2550    
Last Update : 25 กันยายน 2550 16:07:34 น.
Counter : 2731 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.