กว่าจะนึกออกก็ผ่าน day 7 มาแล้ว ใครที่เผลอเข้ามาอ่านไดอรี่ อาจจะงงว่าไม่เห็นเขียน ทริก ทิป อะไรเลย ก็ เหมือนที่ผ่านๆ มา เราคือคนธรรมดาคนนึงที่บังเอิญ แต่ก่อน หนัก 55 สูง 168 แล้วต้องมามีเหตุให้ เลิกกับแฟนเมื่อสามปีก่อน (ก่อนแต่งงาน หนึ่งเดือน)
เลย เซ็งชีวิต กลับมาอยู่บ้าน(เดิมอยู่คอนโด ฟิตเนสเกือบทุกวัน ว่ายน้ำ ด้วย) กลับมาอยู่บ้าน กินๆนอนๆ มีชีวิตไปวันๆ เพราะว่า ปกติก็ทำงานเลิกค่ำ กินตลอด ไม่รู้ตัว จาก 55 ขึ้นมาเป็น 58 ก็กำลังดีนะ เพราะว่า แก่แล้ว ผอมมากจะดูเหี่ยว 60 --65--70---74 กิโล โอ้วมายก๊อดดดด
มารู้ตัวอีกทีก็น้ำหนัก ปาเข้าไป 74 อย่างที่บอก
จุดเปลี่ยนก็คือ เข้าไปหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ที่เรารักเหมือนพ่อ ก็ทักเราว่า
"เอ็งไปทำอะไรมา ทำไมมันอ้วนอย่างนี้ " เอ่อ ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทักชั้นเลยสินะ
วันเดียวกันนั้นเอง รุ่นน้องที่ทำงาน ทักว่า "เฮ้ยพี่ พี่แม่ง อ้วนมาก ตูดใหญ่ ส่วนอีกคนก็บอก เจ๊ลดได้แล้วนะคะ'
วันนั้นเองเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตชั้นสินะ อิม...
วันแรก เป็นอะไรที่ยากที่สุด เพราะต้องเริ่มทำท่ามกลางเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง ไหวเปล่าเดี๋ยวเป็นลมนะ แต่ วันแรกของเราก็เป็นไปด้วย วิ่ง ครึ่งชั่วโมง และฮูล่าฮูปอีกสิบนาที (วิ่งช้าๆ) โอ้ว ปวดเนื้อปวดตัว กระดูกดังลั่น ตื่นมาเมื่อยโคตรๆ
ไม่กล้าชั่งน้ำหนักนะ สัปดาห์แรก กะว่าซักสองอาทิตย์จะชั่งและหลังจากนั้น ก็ ชั่งทุกวัน
พยายามชั่งทุกวันนะ เพราะมันจะได้รู้ว่าเราทำอะไรพลาดตรงไหนไปเปล่า ไม่ใช่ เอ้อระเหย คิดไปเอง มโนไปเองว่าผอม เอาที่มันวัดได้
เดือนแรก ลดไปได้ประมาณ 4 kg นะ เวลาน้ำหนักลดลง มันจะมีกำลังใจในการลด แต่ด้วยความที่ย้ายมาอยู่อเมริกาเลยช่วงแรก ยังไม่ได้ออกกำลัง เพราะมัวแต่ปรับตัวอยุ่
แต่น้ำหนักชั่งแล้ก็ทรงตัวนะ (เห็นไหมว่ามันยังไม่ได้ 70 kg อยู่เลย)
ก็หลังจากนั้น สี่เดือนต่อมา มีเหตุให้ต้องไป นิวยอร์ค แล้ว น้องๆ ที่ไปทั้งหมด สวยๆ หุ่นดีกันหมด
ด้วยความที่ Pittsburgh คนไม่ค่อยแต่งตัว ทำให้เรา แต่งตัว แบบ ปอนๆ เสื้อกันหนาวก็เป็น Down เพราะมันอุ่น ของ Abercrombie แต่ มันไม่สวย ด้วยเรื่องทั้งสองเรื่องนี้เอง ทำให้เรา ถ่ายรูปออกมา ทั้งอ้วน ขาใหญ่ และแต่งตัวเสร่อ
บอกตามตรง ตอนอยู่เมืองไทย ไม่เคยแต่งตัวเสร่อ เพราะเป็นคนที่ต้อง Matching ตลอด เสื้อกระโปรงรองเท้า กระเป๋า แต่ Pittsburgh ไม่มีใครแต่งตัวเลย เราเลย ไม่ค่อยใส่ใจ
นั่นเป็นที่มาของ เดือนธันวาปีที่แล้ว เราเริ่มลดน้ำหนักและปรับปรุงการแต่งตัวครั้งใหญ่ อีกครั้ง
ตอนแรก ลองผิดลองถูกก่อน อยากลดเร็วๆ อยากผอมเร็วๆ ใครๆก็คงคิดว่ามันคงง่าย แต่เราลองมาแล้ว สูตรลดน้ำหนัก ห้าวันเจ็ดวัน สิบวัน ไม่ได้เรื่องหรอก มันจะตายเอา แคลอรี่ไม่พอ
ปรับอาหารปรับไปปรับมา และหาสิ่งที่ เข้ากับตัวเอง จากไม่ค่อยกินข้าวเช้า ปรับชีวิต
เมนูช่วงลดน้ำหนัก (รวมถึงปัจจุบันด้วย)
เช้า : Coffee, ขนมปังโฮลวีต (สำคัญมาก ๆ มีไฟเบอร์หนักท้อง คอนเฟิร์ม) ไข่ต้มสองฟอง กล้วย หรือแอ๊ปเปิ้ล กินแบบนี้มาหกเดือนแล้ว (บางทีแกะไข่แดงออก) ไม่ต้องกลัวคลอเรสเตอรอล เพราะมีวิจัย ปัจจุบันเค้าสนับสนุนไข่ อีกอย่าง คลอเรสเตอรอลกับโปรตีนคงไม่เท่าเนื้อหมูติดมันแน่ๆ
กลางวัน : กินไปเหอะ อยากกินอะไรก็กินไป บางทีก๋วยเตี๋ยว สเต็ก ข้าวผัด อะไรก็ได้ ปกติ แต่อย่าผัดน้ำมันท่วม หรือหวานจนเลี่ยน
(สมัยก่อนเราเติมน้ำตาลในทุกอย่างอย่างน้อยสามช้อน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ หรือก๋วยเตี๋ยว) ส่วนตอนนี้ ค่อยๆลด จนไม่กินน้ำตาล และกินหวานไมไ่ด้เลย
เย็น : จะพยายามกินก่อนหกโมงเย็น เพราะนอนสี่ทุ่ม จะได้ไม่เป็นกรดไหลย้อนและจะได้ไม่สะสม กินอะไรเบาๆ เช่นผลไม้ แต่เรา จะไม่ได้กินน้อยนะ ก็กินจนอิ่มแหล่ะ แคนตาลูป แอ๊ปเปิ้ล สตรอเบอรี มีอะไรก็กินไปว่างั้น ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วย Metabolism ได้สมดุลย์
ตอนนี้ หนัก 62.5 kg
จริงๆเมื่อเดือนกุมภา หนัก 58 -59 นะ แต่ด้วยความที่กลับเมืองไทย กินแหลก เพราะ คิดถึงอาหารไทยมากกกกกกกก น้ำหนักเลยพุ่งมาที่ 63 ในเวลา หนึ่งเดือน
ย้ายมาบอสตัน ตอนแรกไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะอาศัยห้องน้อง ตอนนี้ ย้ายมาอยู่ห้องตัวเองได้สองอาทิตย์เลย เพิ่งเริ่มออกกำลังกายใหม่
ตารางการออกกำลังกาย
ฮ้า !! ไม่มี
หลักการคือออกกำลังกายอะไรก็ได้ที่ชอบ 35-40 นาที และ ท่าลดขาอีก 15 นาที ไม่ได้เน้นอะไรมาก อยากลด Leg and thigh ก็ตามนั้น
ที่สำคัญมากๆ คือต้องมีเครื่องชั่งน้ำหนัก ที่ ค่อนข้างไว้ใจได้ (ซื้อมาแย้ว) ไม่มีอะไรเชื่อถือได้นอกจากเครื่องชั่ง อย่ามโน และต้องชั่งทุกวันนะ
ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ กินเบอร์เกอร์ไป หนึ่งวัน อีกวันนึงเผลอกินคุ๊กกี้ไป แต่ก็ ช่างมัน มันต้องมีกันบ้าง Cheat Meal ไม่งั้นตะบะแตกพอดี
74---58----62 ( สรุปว่าตอนนี้ ลดไป 12 กิโล แต่น้ำหนักที่ต้องการคือ 58 ขออีกสี่กิโล มีเวลาอีก 4 เดือน คงไม่ยากแล้ว) สู้ๆ