Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนเกียร์ออฟโรดโหด"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


บล็อกนี้เป็นการปั่นออฟโรดโหด แบบไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่


เริ่มจากการปั่นเรื่อยเปื่อย เพราะไม่รู้จะไปไหนดี


ก็เลี้ยวไปตามซอกซอยที่ไม่ค่อยได้ไปบ่อย เปลี่ยนบรรยากาศ


พอดีเห็นซอยนี้ เหมือนมีแรงดึงดูด จิตวิญญาณแห่งออฟโรดมันพุ่งพล่าน


พอเห็นเส้นทางแบบเต็มๆ ก็ลังเลเหมือนกัน เพราะวันนี้กะว่าจะปั่นเรื่อยเปื่อย

แล้วเป็นห่วงเกียร์ด้วย กลัวดินจะเข้า ทำให้อายุการใช้งานสั้น

แต่ก็ไปอยู่ดีครับ คนมันบ้า


ก็เลือกลายแห้งๆ รอยล้อเก่า


แต่มันก็ไม่ได้แห้งทุกจุด บางจุดก็ลื่น ทำให้เล่นยาก


เส้นทางช่วงนี้ ใช้อัตราทด 1:1 เท่านั้นครับ เกียร์สูงหมดสิทธิ์


มันจะมีทางแยกให้เลือกหลายทาง เพราะรถขนดินบุกเบิกไว้

ทางไหนที่มันเละ เขาก็ตัดทางใหม่ จะได้ไม่ติดหล่ม ผมก็ปั่นวนๆ เลือกช่องทางที่ง่ายที่สุด


เอาแบบที่พอมีลายแห้งๆ ให้ไต่ผ่านได้

โจทย์เส้นทางยากๆ รายละเอียดเยอะๆ แบบนี้ นึกถึงยางโทน 26 ทันทีครับ

ล้อ 29 ถ้าต้องเล่นเก็บรายละเอียด ใช้ความเร็วต่ำ มันจะเล่นยาก


ติดอยู่กลางด่านป่าละเมาะมรณะ แต่ด่านนี้จะง่ายทันที ถ้าเป็นหน้าแล้ง


หน้าฝน ที่จุดที่เป็นโคลนจะยาก เพราะดินเละ จุดที่เป็นทรายจะง่าย เพราะดินแน่น

ถ้าหน้าแล้งก็สลับกัน


อีกหน่อย อาจจะไม่เหลือทางให้ปั่น เพราะโดนขุดดินไปขายหมด


เละ และลื่นมากๆ ตรงนี้ ไม่สามารถผ่านได้

สิ่งที่คิด แต่ไม่กล้าทำคือ พอเรามาิผิดลาย ข้างหน้าจะลงน้ำ

ก็หยุดรถ แล้วกระโดดข้ามไปยังลายที่แห้งกว่า ต้องกระโดด เพราะมันมีดินเละๆ ปูดขึ้นมาขวางอยู่

แต่ถึงจะไปหาร่องที่แห้งกว่าได้ แต่ร่องนั้นก็ไม่ได้แห้่ง ยังคงลื่นอยู่

แล้วด้านข้างมีดินปูดขึ้นมาสูง มีโอกาสที่บันไดจะไปติดได้ ทำให้เสียหลัก

ถ้าเกิดไปพลาดหล่นลงตรงนั้น คิดว่าไม่คุ้ม เลยยังไม่กล้าเสี่ยง เดินเอาดีกว่า



ยังไงก็หนีไม่พ้น ต้องมีบ้าง ที่ทรายจะหล่นใส่เกียร์


ยางดอกหนาม กับด่านโคลนดูดมรณะแบบนี้

โคลนดูดชนะขาดครับ ดอกยางจะหนามแค่ไหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้


รอดมาได้แล้วครับ


ด่านป่าละเมาะมรณะนั่น เป็นทางลัดออกมาสู่ทางปั่นริมแม่น้ำครับ


เส้นทางช่วงนี้ ปั่นไม่เครียดแล้วหละครับ โล่ง ไม่มีใคร



ม่านเมฆหนา ทำให้วันนี้ ไม่ค่อยมีแดด



ปั่นดูแม่น้ำ ก็เพลินดี



ช่วงนี้ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว ทางราบปกติ


ไปข้ามสะพานทางโน้นดีกว่า



ถึงแล้วครับ สะพานข้ามลำห้วย


พักชมวิว ถ่ายรูป


ข้างหน้าจะเป็นด่านตื่นเต้นแล้วครับ เป็นด่านตลิ่งชันมรณะ

มันจะชันมาก ผมว่า บางจุด ไม่ถึงก็ใกล้เคียง 45 องศา

ผมไม่เคยผ่านได้เลย ตอนแรกก็ทำใจอยู่ คิดว่าคงผ่านไม่ได้เช่นเคยวันนี้


ดีใจเล็กน้อยครับ วันนี้ผ่านได้ ด้วยล้อ 29 นิ้ว ขาจาน 150mm

ในรูปไม่รู้จะเห็นชัดหรือเปล่า ว่ามันชัน ถ่ายรูปกลับไป ตอนที่ขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว

ลักษณะจะเป็นทางริมตลิ่งแคบๆ ระยะประมาณ 50 เมตร

ก็เกือบไม่รอดครับ หอบจับเลย ต้องยืนปั่น ใช้การทิ้งน้ำหนักตัวลงที่บันได


ตัดภาพมาอีกที อยู่ที่วัดแถวบ้าน

กลับถึงบ้าน ต้องรีบไปล้างรถเลยครับ


โชคดีของคนขี้เกียจล้างรถแบบผม ที่ได้มารู้จักกับยางโทน

เพราะมันล้างง่ายเหลือเกิน ชิ้นส่วนมันน้อย แค่ฉีดๆ เช็ดๆ ก็เสร็จแล้ว


หวังว่า จะป้องกันฝุ่น กันทรายได้ดี อย่างที่คุยนะ

แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ





 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 15:59:28 น.
Counter : 1663 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ปั่นไปเรื่อยเปื่อย กับยางโทนเกียร์"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


วันนี้ไม่มีประเด็นสำคัญ มีแต่ปั่นไปเรื่อย


ก่อนออกเดินทาง ก็เช็คลมยากสักหน่อย ลมอ่อนเกินไป ก็เติมให้อยู่ที่ประมาณ 20-22 psi เหมือนเดิม

จะเห็นว่า ยางใน มันปูดออกมาทางรูที่ขอบล้อ หวังว่ามันจะไม่ปูดออกมามากกว่านี้นะครับ

มันเป็นขอบล้อที่กว้างพิเศษ แล้วเจาะรู เพื่อให้มันน้ำหนักเบา


ออกเดินทางแล้วครับ วันนี้แดดแจ่ม หลังจากครึ้มมาหลายวัน


มาถึงวันนี้ การใช้เกียร์ของผม ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ใช้ได้อย่างสบายใจ

ไม่เครียด หรือกังวลเหมือนใหม่ๆ ตอกได้ก็ได้ ตอกไม่ได้ก็ตอกใหม่ สบายๆ


มาถึงวันนี้ ถ้าพูดถึงการเดินทาง ไม่อยากขี่ยางโทนธรรมดาเลยครับ เพราะติดใจในความเร็ว


สถานที่เดิมๆ ก็จริง แต่พอฤดูเปลี่ยน บรรยากาศก็เปลี่ยนไป


มีน้ำ ทำให้ดูสดชื่นผ่อนคลายมาก เขียวไปหมด


แล้วก็ไปปั่นในวัด เกือบเหยียบเต่า


เป็นเต่าหับซะด้วย หายาก ขี้อายมาก ปิดฝาสนิทเลย


บรรยากาศในวัด น่าปั่นมาก ไม่มีคน


ร่มรื่น เย็นสบาย



แวะถ่ายรูป


ออกเดินทางต่อครับ


ไม่ได้เห็นเงาตัวเองมาหลายวัน ถ่ายไว้สักหน่อย


ปั่นไปเรื่อย ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน มีแต่ที่เดิมๆ


แบ็คกราวด์เขียวสวยดี


ออนโรด สลับออฟโรด


ว่าแล้วก็เลี้ยวเข้าซอยใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยเคยไปดูดีกว่า


วัดนี้รั้วมิดชิดดีมาก


หลงปั่นเพลินเข้าไปกลางทุ่งนา ฟ้าก็จะมืดแล้ว แย่แล้วครับ


แล้วเส้นทางเป็นลูกรังล้วนๆ เลยช่วงนี้

ถ้ามืดก่อนถึงถนนใหญ่ ลำบากแน่ มองหลุมไม่เห็น


บนฟ้า มีเมฆรอยพญานาคด้วยครับ เห็นบ้านเราฮิต เลยถ่ายมาฝาก


ตอนนี้ ผมต้องขึ้นเกียร์สูง เร่งสปีด ฝ่าด่านทางลูกรัง เพราะกลัวฟ้าจะมืดเสียก่อน

ไฟฉายก็ไม่ได้เอามา


จากปั่นเพลินๆ กินลมชมวิว สุดท้ายถูกกดดันด้วยเวลา


เกือบไม่ทัน แต่สุดท้าย ก็มาถึงถนนใหญ่ได้ก่อนฟ้าจะมืด

กลัวติดอยู่่มืดๆ กลางทุ่งนา แล้วมันเล่นยาก มองทางไม่เห็น ไฟถนนก็ไม่มี


นี่ถ้าไม่ได้เกียร์ช่วย ป่านนี้ ยังอยู่กลางทุ่งนาแน่นอน

แ้ล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ







 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2555 10:53:49 น.
Counter : 2314 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนใหญ่ ออกโรงบ้าง"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


บล็อคนี้ไม่มีอะไรมากครับ พายางโทนเกียร์ออกปั่นหลายวัน

กลัวยางโทนใหญ่จะงอน วันนี้เลยเอาออกมาปั่น สลับกันบ้าง


ถึงตอนนี้ ถ้าโจทย์ต้องมีการปั่นเดินทาง แบบออนโรด

ผู้เข้ารอบจะมีเพียงแค่สองคัน คือยางโทนใหญ่ (ขวาสุด) และยางโทนเกียร์ (คันถัดมา)

ส่วนยางโทน 26 มีแววตกงานแล้วหละครับ ปั่นออฟโรดได้สนุกก็จริง แต่เดินทางไปหาเส้นทางออฟโรดได้ช้า

ส่วนยางโทน 24 ก็เก็บไว้ขี่เล่น เพราะเป็นรุ่ง freestyle อยู่แล้ว


ปกติ ผมก็ใช้ยางโทนใหญ่ ในชีวิตประจำวันเป็นประจำ

และปกติ จะใช้ขาจานระยะ 150mm เพราะเล่นง่ายกว่า

เวลาปั่นเข้าเมือง มันจะต้องมีจังหวะหยุดรถ หรือจังความเร็วต่ำบ่อย

ถ้าใช้ขาจานสั้น จะเล่นยาก


แต่คราวนี้ เป็นการปั่นออกกำลังกาย เดินทาง ไม่ได้เข้าเมือง

จุดตัดแยก จุดแออัดจะมีน้อย ต้องหยุดรถ หรือต้องใช้ความเร็วต่ำไม่บ่อย

จึงเหมาะสมมาก ที่จะเลือกใช้ขาจานระยะ 125mm ซึ่งจะทำให้เดินทางได้เร็วขึ้น และสนุกขึ้นด้วย


ล้อใหญ่ที่สุด ก็นุ่มนวลที่สุด


รอบนี้ ต้องผ่านเส้นทางออฟโรดนิดหน่อย แต่ก็ไม่โหดครับ

เป็นทางลูกรังธรรมดา สามารถหาลายเรียบๆ ปั่นไปได้เรื่อยๆ


พามาดูสภาพน้ำขัง แต่ถนนมันแน่นดี ปั่นง่ายครับ

ขาจาน 125mm กับล้อ 36 นิ้ว ก็ยังตอบสนองได้ดี


ยางโทนใหญ่ แม้ตอนนี้ จะเป็นรองยางโทนเกียร์ 29 ในเรื่องของความเร็ว

แต่ด้วยความที่มันล้อใหญ่มาก ความเร็วที่ทำได้ แม้ไม่มีเกียร์ ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว

บวกกับเสน่ห์ในเรื่องของความนุ่มนวล และมุมมองที่สูงเวลานั่ง เลยทำให้ มันยังน่าขี่อยู่


เร็วได้ด้วยตัวเอง แบบไม่มีเกียร์ มันก็สนุกไปอย่าง เพราะไม่ต้องมากังวลกับเรื่องการตอกเกียร์


ใช้ความใหญ่เข้าข่มวัว มันก็กลัว หลีกทางให้ครับ


ปีนี้ ฝนดีใช้ได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีข้าวกิน


แวะพักแถวๆ ร้านค้า เข้าปิดร้านไปแล้ว ใกล้มืดแล้วด้วย วันนี้ออกจากบ้านมาเย็นมาก

แต่ก็ไม่กังวล เพราะยางโทนใหญ่ ความเร็วมันใช้ได้อยู่แล้ว พากลับบ้านได้แบบไม่ท้อ เหมือนล้อเล็กๆ


ขาจานแบบ 2 รู อีกเช่นเคย

รูใน 125mm สำหรับปั่นเดินทางทั่วไป
รูนอก 150mm สำหรับปั่นเข้าเมือง หรือปั่นออฟโรดโหด

จริงๆ ถ้ามีระยะ 110mm ให้ปรับด้วย จะดีมากเลย ไว้สำหรับปั่นระยะไกล


กลับบ้านได้ก่อนฟ้ามืด

แล้วพบกันใหม่บล็อคหน้าครับ





 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 15:26:26 น.
Counter : 1517 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "พาไปเที่ยวหน้า ม."

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

วันนี้ ผมจะพาไปปั่นเที่ยวชมบรรยากาศ หน้า ม.อุบลครับ ไม่ได้ไปนานแล้ว

ตอนแรกก็เคว้งๆ เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะไปปั่นไหนดี เพราะเส้นทางวิบากที่ชอบไป ช่วงนี้มันก็แฉะมาก เพราะฝนตกตลอด



ก็เลยต้องมาปั่นออนโรด แล้วก็เลยนึกขึ้นได้ ว่าไปเที่ยวแถวม.อุบลก็แล้วกัน


ทางออนโรด ถนนโล่งๆ เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ฝึกใช้ขาจานระยะ 125mm อีกสักครั้ง

ปุ่มเพิ่มเกียร์สีทอง ทองลอกแล้วครับ ทองชุบนี่หว่า


ปรับขาจาน จาก 150mm เป็น 125mm เพื่อให้ปั่นได้ไวขึ้น


ฉิวเลยครับ ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 20 kph


ก่อนออกมาปั่นวันนี้ ว่าจะเติมลมให้ยางแข็งๆ หน่อย จะได้ปั่นออนโรดได้ลื่น

แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า หนืดหน่อย ปั่นช้าหน่อย ก็ไม่เป็นไร

เพราะยังไง เราก็มาออกกำลังกายอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบมากก็ได้


เก็บระยะทาง และทำเวลาได้ดีมากครับ สำหรับเกียร์สูง ขาจาน 125mm


ถึงตรงนี้ ต้องเลี้ยวซ้ายแล้วครับ เพื่อมุ่งหน้าไป ม.อุบล

ถึงทางเลี้ยว ต้องถอนเีกียร์ครับ ไม่งั้นเลี้ยวยาก คุมรถยาก

แต่ตรงจุดนี้ ถอนเกียร์พลาด เพราะมัวแต่เก็บกล้อง

คิดไปเอง ว่าตอกปุ่มเกียร์เข้าแล้ว รอเก้อ เกียร์ไม่ถอน

ความเร็วต่ำ ขาจานสั้น เกียร์สูง มันหนักมากครับ เลยได้ลงจอดฉุกเฉิน


เดินเลี้ยวมา ขึ้นรถ ปั่นต่อ

ถนนเริ่มแคบลง ทำความเร็วได้ไม่มากเหมือนถนนใหญ่ แล้วผ่านชุมชนด้วย

แบบนี้ ขาจาน 150mm พอดีกว่า แต่ก็ขี้เกียจเปลี่ยนบ่อย


ปันด้วยระยะ 125mm เกียร์สูงตลอดเลยครับ ดีหน่อยที่รถไม่ค่อยมี


แวะชมบรรยากาศหน้าฝน


ปันเส้นทางเดิมๆ คนก็ชินตา

ปั่นมาเส้นทางใหม่ๆ คนเห็นก็ตื่นเต้น แปลกใจว่าผมขี่ได้ไง

แต่น้อยคนจะรู้ ว่ามันต้องฝึกฝนมาก่อน แรกๆ ก็ท้อเหมือนกัน คิดว่าตัวเองจะขี่ไม่เป็นเสียแล้ว

แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเอามาใช้แทนสองล้อไปเลย อินจัด


พอใกล้ถึง ม. สังเกตง่ายๆ หอพักจะเยอะเป็นพิเศษ


ตอนนี้ ผมอยู่บนถนนเส้นหน้า ม. สาย 24


คนเยอะ รถเยอะ


หวังว่ารถผม ยังคงอยู่ในหมวดจักรยานนะ


แต่ไหล่ทาง ก็กลายเป็นที่จอดรถ ก็เลยต้องไปปั่นเลนนอกอยู่ดี


ดีหน่อย ที่ช่วงหน้า ม. มีช่องทางสำหรับจักรยาน และมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะ


มีหลักปักไว้ด้วย กันรถใหญ่เข้า


ปั่นง่ายเลยครับ แบบนี้


แต่ ตรงบริเวณที่เป็นแหล่งขายของ มอเตอร์ไซค์เยอะมาก


ตรงนี้ หน้า ม. พอดีเลยครับ เลี้ยวขวาเข้า ม. ไปได้เลย


ช่องทางที่มี เสียไปเกือบครึ่ง เพราะกลายเป็นที่จอดมอเตอร์ไซค์


ปั่นสวนกันลำบากครับ


หลายครั้ง ถึงกับต้องหยุด ให้มอเตอร์ไซค์ที่สวนมา ผ่านไปก่อน

เล่นยากเหมือนกัน ถ้าได้ขาจาน 150mm จะเล่นง่ายขึ้น แต่ก็ปรับไม่ทันแล้ว

โชคดีที่ไม่ได้เติมลมยางมาแข็ง ยางอ่อนๆ เล่นง่าย กระโดดหยุดรอง่ายกว่า


ไม่ไหว ออกไปปั่นข้างนอก ดีกว่า ยังไม่อยากพลาด ทำเสียเรื่องตอนนี้


นั่นก็เป็นบรรยากาศ คร่าวๆ หน้า ม.อุบลครับ


ไปละ ตียาวกลับบ้านดีกว่า

ถ้าไม่ใช่ยางโทนเกียร์ ไม่กล้ามาไกลขนาดนี้หรอกครับ ไปกลับก็ 20 กว่ากิโลเมตร

ตอนออกเดินทางมา ก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว


จังหวะขึ้นเนิน ลงเนินโดยทั่วไป ขาจาน 125mm เกียร์สูง ก็ยังไปได้อยู่ครับ ไม่เป็นปัญหา


เริ่มเจ็บก้นแล้ว อยากหาที่นั่งพัก


ยางโทนเกียร์ 29 ถือว่าตอบโจทย์ ผู้ที่ชอบความท้าทาย ชอบการเดินทาง และรักการผจญภัยได้เป็นอย่างดี


ท้าทาย เพราะมีล้อเดียว ต้องฝึกฝนเป็นพิเศษจึงจะขี่ได้คล่อง

เดินทางได้ดี เพราะมีเกียร์ ทำให้เร็วได้เทียบเท่า หรือใกล้เคียงสองล้อ

ผจญภัยก็ได้ด้วย เพราะแข็งแรงพอ ให้ไปปั่นลุยเส้นทางโหดๆ


มีเวลาเหลือ ให้นั่งพักได้ด้วย ไม่ต้องกลัวกลับบ้านมืด


ปรับระยะขาจานกลับไปที่ 150mm เพราะจะเข้าเมืองแล้ว


แอบใช้ทางลัดผ่านตลาด จะได้ไม่ต้องอยู่บนถนนใหญ่


ถนนในตลาดนี้กว้างมากครับ ปั่นง่าย


ได้ดูบรรยากาศผู้คน


เบื่อพวกขี่สวนเลนมากเลยครับ

ถ้าผมปั่นเฉยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ หลีกๆ ให้ได้

แต่ผมต้องการสมาธิในการเปลี่ยนเกียร์ ต้องก้มไปมองปุ่มเกียร์

ต้องการใช้พื้นที่ไหล่ทางอย่างเต็มที่ ไม่อยากพลาดไปชนใคร

พอเสียสมาธิ เลยทำให้ผมหลงๆ ลืมๆ วิชาตอกเกียร์ไปเลย

เผลอไปใช้การยันปุ่มเกียร์ ซึ่งไม่ถูกต้อง กดปุ่มไม่ได้สักที

ต้องให้ส้นเท้าด้านใน ตรงกับปุ่มเกียร์ แล้วตบส้นเท้าเข้าหาปุ่มเกียร์ แบบนี้จึงจะเป็นวิธีที่ถูก

ก็ยังมีผิดพลาดอยู่บ้าง เล็กๆ น้อยๆ สำหรับการใช้เกียร์

ก็จะฝึกต่อไปเรื่อยๆ ครับ







 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2555 15:41:07 น.
Counter : 1937 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ยางโทนเกียร์ 29 ขาจาน 125 เร็วแค่ไหน มาดู"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


วันนี้ ผมจะนำยางโทนเกียร์ 29 ออกไปทดสอบปั่น

โดยใช้ขาจานระยะ 125mm ซึ่งไม่เคยใช้มาก่อน


ขาจานที่ผมใช้อยู่กับยางโทนเกียร์ 29 จะเป็นแบบสองรู

สามารถปรับได้สองระยะ คือ 150mm กับ 125mm รูใน

ที่ระยะ 150 จะปั่นได้ลื่นกว่า ควบคุมรถง่ายกว่า

แต่ที่ระยะ 125mm จะปั่นได้ไวกว่า


ออกจากบ้านมา ก็ใช้ขาจานระยะ 150mm ครับ

แล้วบนทางเรียบ ที่ไม่มีความเสี่ยงอะไร

เช่น เป็นจุดตัดแยก เป็นจุดรถเยอะ เป็นจุดขรุขระ ก็จะใช้เกียร์สูงตลอด

อย่างในภาพ ก็เป็นเกียร์สูงครับ ปุ่มที่ขาจานด้านขวา ยุบหายไป

แล้วตอนนี้ ขาผมก็ชินกับอัตราทด 1:1.5 ที่ทำให้ล้อ 29 ใหญ่เที่ยบเท่าล้อ 44 นิ้วแล้ว

พอถึงจุดเลี้ยวบางจุด หลุมบ่อบางแห่ง ก็ผ่านด้วยเกียร์สูงเลย


กำลังจะข้ามถนนครับ เ้ข้าสู่ทางวิบาก


บนทางลูกรัง ก็ัยังใช้เกียร์สูงครับ

เว้นแต่เป็นจุดที่ขรุขระจริงๆ ก็ถอนเกียร์

ตอนนี้ ฝีมือการถอนเกียร์ของผม 100% แล้วครับ ไม่ต้องมอง

แต่เข้า ยังแอบก้มเล็งปุ่มก่อนตอก ให้คะแนนตัวเอง 80% สำหรับการเข้าเกียร์


แรกๆ ที่ฝึกเปลี่ยนเกียร์ ถอนเกียร์จะยากกว่า เพราะเท้าซ้ายไม่ถนัด

แต่พอเท้าซ้ายถนัด ถอนเกียร์ง่ายกว่า

เพราะจังหวะถอนเกียร์ เราต้องลดความเร็วอยู่แล้ว เกือบหยุดนิ่งก็ยังได้

ใช้ส้นเท้าซ้ายเบียดๆ ที่ขาจาน จังหวะเท้าที่ช้าอยู่แล้ว เวลาที่ส้นเท้าจะโดนปุ่มก็มีมาก

ทำให้ไม่ค่อยพลาด แล้วถอนเกียร์ ล้อมันก็เบาลงด้วย ยิ่งรับมือง่าย

ส่วนเข้าเกียร์ จังหวะซอยเท้ากำลังเร่ง โอเคว่า จะเข้าตอนปั่นช้าๆ ก็ได้

แต่ปั่นช้าไป บางทีไม่มีแรงส่งพอ ทำให้พอล้อมันหนักขึ้น แล้วก็ไปต่อลำบาก

ฉนั้น ความเร็วพอเหมาะจะดีกว่า ต้องไปลองฝึกเอง ในแต่ละบุคคล

เวลาเข้าเกียร์ พอจังหวะเท้ามันเร็ว เวลาที่ส้นเท้าสัมผัสกับปุ่ม มันมีไม่มาก 

เลยมีโอกาสพลาด ผมเลยยังแอบมองปุ่มก่อน จะได้ไม่พลาด

อย่างไรก็ตาม ตัวเกียร์เป็นระบบ fixed อยู่แล้ว เราสามารถปั่นถอยหลังได้

นั่นหมายความว่า เราจะย้ายให้ปุ่มเข้าเกียร์ มาอยู่เท้าซ้ายก็ได้

แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน


นี่เป็นบรรยากาศ บริเวณจุดที่ผมจะเปลี่ยนระยะขาจาน จาก 150 เป็น 125mm


ที่ระยะขาจาน 150mm มันพอดิบพอดีจริงๆ

คือปลายเท้าของผม อยู่ในตำแหน่งที่เหยียบบันไดแล้วปั่นได้สบาย ถนัด จะกระโดดก็มีแรงดีดที่ดี

คือ เป็นตำแหน่งเหยียบบันได ที่ถูกต้อง ตามทฤษฎีการปั่นจักรยานก็ว่าได้

จะเป็นพื้นที่ บริเวณก่อนถึงนิ้วเท้า ให้อยู่ที่กลางบันได

แล้วส้นเท้าผม ก็พอดีมาตรงกับปุ่มเกียร์ ขาจานระยะ 150mm จึงเป็นระยะที่เข้ากับเท้าผมมากๆ

ผมใส่รองเท้าเบอร์ประมาณ 42-43 ครับ

ถ้าขาจานยาวกว่านี้ ส้นเท้าผมจะไปไม่ถึงปุ่มแล้ว ถ้าจะฝืนใช้สุดๆ ปลายเท้าในการเหยียบบันได

ก็ปั่นไม่สนุก และไม่มั่นคงด้วย มีโอกาสเท้าหลุดจากบันไดได้


ตอนนี้ ปรับมาใช้รูในแล้วครับ ระยะ 125mm

ตื่นเต้นนิดๆ เพราะล้อมันจะหนักขึ้น กรณีเข้าเกียร์

ถ้าไม่ได้เข้าเกียร์ ใส่ขาจานระยะ 110mm ก็ไม่กลัว เพราะเคยลองมาแล้ว


พอขาจานสั้นลง จะต้องปรับตำแหน่งเหยียบบันไดเข้ามาที่กลางฝ่าเท้าสักหน่อย

เพื่อให้ส้นเท้ายังคงตรงกับปุ่มเกียร์อยู่

อันนี้ไม่เป็นปัญหาครับ มันก็ห่างกันไม่มาก พอขยับได้ และยังคงให้ความมั่นใจในการปั่นอยู่

แต่ถ้าเข้าในมาอีก จนบันไดมาอยู่ที่กลางฝ่าเท้า อันนี้ไม่เหมาะ

ไม่เป็นไปตามทฤษฎีการปั่น เท้าไม่มีความยืดหยุ่นช่วยออกแรง จะกระโดดก็ยากกว่า

รองเท้าผมวันนี้ซกมกมากเลยครับ อายนิดหน่อย แต่ก็เป็นหลักฐานที่ดีในการยืนยันว่า

ไม่จำเป็นต้องใช้รองเ้ท้าดีๆ แข็งๆ ก็ได้ ผ้าใบโซมๆ ธรรมดา ก็ตอกเกียร์ได้ อยู่ที่จังหวะ และการฝึกฝน

เพราะถ้าดูรองเท้าที่ฝรั่งเขาใช้ จะเป็นรองเท้าเฉพาะเลยด้วยซ้ำ สำหรับใช้ตอกชุดเกียร์ตัวนี้


ตอนแรกคิดว่า พอขาจานสั้นลง พอเราขึ้นเกียร์สูง คงมีหล่นจากจักรยานบ้างหละ

แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่พลาดเลยครับ โอเคว่ามันหนัก และหนื่ดกว่าเก่า

แต่พอดี จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของเรา ชำนาญพอสมควรแล้ว

แล้วมันไม่ได้ล้อหนักจากหยุดนิ่ง มันมีแรงส่ง จากเกียร์เบา ไปสู่เกียร์หนัก

ทำให้ รู้สึกว่าไม่แตกตากมาก จากขาจานระยะ 150mm ในเรื่องของการเปลี่ยนเกียร์

เด็กๆ ในภาพ แอบปั่นตามผมมา แต่หารู้ไม่ว่า กำลังตามยางโทนเกียร์อยู่ ไม่ทันหรอกหนูจ๋า


ขาจานที่สั้นลง รู้สึกได้เลย ว่าปั่นได้ไวขึ้น

แต่ถ้าคิดจะหยุดกระทันหัน ไม่มีทางเลยครับ หยุดไม่ได้

ต้องใช้ค่อยๆ ชะลอ แล้วจึงหยุด นั่นหมายความว่า ถนนควรจะโล่งๆ


ยางโทนเกียร์ เป็นอะไรที่เปลี่ยนโลกของจักรยานล้อเดียวไปเลยครับ

ผมไม่ได้เวอร์นะ พูดจริงๆ เพราะผมเคยปั่นยางโทนธรรมดามาทุกขนาดแล้ว

มันช้ามาก ไม่สามารถตอบสนองการเดินทางไกลได้เลย

แป๊บเดียว มาถึงถนนใหญ่แล้ว


บนถนนใหญ่ แน่นอนว่า มีหลักกิโลเมตรให้ผมได้ใช้งานอีกแล้ว

ผมก็จะนับหลักกิโลนี่แหละ แล้วพอดี เป็นจุดเดียวกับที่ผมนับไปก่อนหน้า กับขาจานระยะ 150mm

วันนี้ใช้ขาจาน 125mm มั่นใจว่าเร็วขึ้นแน่ แต่จะเร็วขึ้นแค่ไหน ต้องดูกันต่อไป

ผมผ่านหลักกิโลเมตรที่ 7 เวลา 18.03.20 น.


ก็พยายามปั่นเต็มที่ ตามสภาพ ตามสถานการณ์ บางทีมีดินหลนๆ ข้างทาง ก็ต้องปั่นช้าลงหน่อย

ผมไปผ่านหลักกิโลเมตรที่ 5 เวลา 18.08.55 น.

ระยะทาง 2 km ใช้เวลาในการเดินทาง 5 นาที 35 วินาที หรือ 5.58 นาที


5.58 นาที เก็บระยะทางได้ 2 km
ถ้า 60 นาที ก็จะได้ระยะทาง 21.5 km

สรุป ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 21.5 kph

สภาวะคือ ยางวิบากขนาด 29 นิ้ว ลมยาง 20 psi ขาจาน 125mm

ครั้งก่อน ใช้ขาจานระยะ 150mm ทำความเร็วได้ 18.9 ก็เร็วขึ้นกว่าเดิม 2.6 kph

ตัวเลขที่ได้ น่าพอใจมากๆ และมีกำลังใจ ให้อยากไปปั่นแจมกับสองล้อ

ถึงแม้เอาเข้าจริงๆ สองล้อจะเร็วกว่าอยู่ดี แต่อย่างน้อย ก็ทำความเร็วได้ใกล้เคียงกันมากขึ้น

ถึงแม้จะต้องรอกัน ก็จะได้รอไม่นาน ไม่กลายเป็นตัวถ่วงแบบที่เคยเป็นมา


บรรยากาศ ตอนใกล้จะถึงบ้าน

ขาจาน 125mm กับอัตราทด 1:1.5 มันหนักขึ้น รู้สึกได้

แต่มันก็อยู่ี่ที่การฝึกฝนครับ ปั่นไปเรื่อยๆ กล้ามเนื้อมันก็จะชินในที่สุด


กลับบ้านมา ผมแอบมาลองขึ้นรถ แล้วออกตัวจากหยุดนิ่ง ด้วยเกียร์สูง ด้วยขาจานระยะ 125mm

โอ้โห มันหนักมหาโหดเลยครับ ไม่สามารถขึ้นรถ แล้วออกตัวไปได้ ยอมเลยครับ อย่างกับคนพึ่งหัดใหม่

กับขาจาน 150 เกียร์สูง ก็สุดยากแล้ว กับ 125mm ไม่ได้เลยครับ

ผมขอขึนเกียร์สูงขณะปั่นก็พอ มันมีแรงส่งเดิมช่วย มันง่ายกว่า


สรุปว่า

ยางโทนเกียร์ 29 ขาจาน 125mm เหมาะมาก กับการปั่นแนว touring

ออกนอกเมือง ถนนโล่งๆ เดินทางไกลๆ


สำหรับการใช้งานปั่นทั่วไป ปั่นในชีวิตประจำวัน ปั่นวิบาก ปั่น xc

ก็ใช้ระยะ 150mm นี่แหละ สมบูรณ์แบบแล้ว

แล้วเจอกันได้อีก บล็อกหน้านะครับ






 

Create Date : 29 มิถุนายน 2555    
Last Update : 29 มิถุนายน 2555 21:59:06 น.
Counter : 1781 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.