กลับมาต่อ กับปฏิบัิติการปั่นยางโทนใหญ่ออฟโรดโหด

บล็อกนี้เป็นตอนจบแล้วหละครับ

หลังจากบล็อกก่อนหน้า ได้ภาพวิดีโอล้มสวยๆ ในด้าน single track มรณะ

พอผ่านมาได้แล้ว ก็จะขึ้นทางเรียบครับ

เป็นทางซีเมนต์ ผ่านทุ่งนา

พอฝ่าด่านโหดมาได้ ทำให้ตอนนี้ ยางโทนใหญ่เชื่องขึ้นเยอะเลยครับ

เทียบกับครั้งแรก ที่ได้ขึ้นขี่มัน รู้สึกตื่นล้อใหญ่มากๆ

ยิ่งได้ทางเรียบแบบนี้ ปั่นอย่างมั่นใจเลยครับ

นึกว่าจะปั่นสะบายๆ แล้ว ต้องมีล็อคหลบอุปสรรคอีกเล็กน้อย

ทางก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ ข้างหน้า จะมีด่านตื่นเต้นรออยู่ครับ

เป็นด่านสะพานแคบมรณะ ซึ่งเป็นสะพานทางเบี่ยง ไว้ใช้ในหน้าน้ำหลาก

พอดีถนนแถวนี้ เขาออกแบบเป็นร่องลึก ตามสะภาพลำห้วย

เพื่อไม่ให้ถนนขวางทางน้ำ ถ้าน้ำท่วมถนนจริงๆ รถใหญ่ก็จะผ่านไม่ได้

ก็ให้อ้อมไปใช้ถนนสายหลักเอา

พอดี เจ้ายางโทนใหญ่ มันเชื่องขึ้นแล้วสำหรับผม ก็เลยกล้าปั่นครับ

คลิปสุดท้าย ถ่ายก่อนฟ้าจะมืด เวลายางมันบดไปกับทางลูกรัง

ผมว่าเสียงมันเพราะมากเลยครับ เลยอยากถ่ายเก็บไว้ฟัง

แต่กลับได้ยินเสียงอะไรไม่รู้แปลกๆ

ทริปนี้ ออกจากบ้าน 16.45 กลับมาบ้าน 18.44 ก็ตีเสียว่าใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง

แต่อยากรู้มากเลยครับ ว่าเก็บระยะทางไปเท่าไหร่ จะได้คิดความเร็วเฉลี่ยได้

เลยไปประมาณดูเอา ใน google maps

ดูแล้ว น่าจะได้ประมาณ 25 km ก็ทำความเร็วเฉลี่ยได้ประมาณ 12.5 kph

ก็ถือว่าใช้ได้เลยครับ เพราะทางมันโหด ต้องล้ม ต้องหยุดรถบ่อย

ในแผนที่ ออกจากบ้านตรงจุดสีเขียว ขวาบน แล้วปั่นไปตามจุดเขียวเล็กๆ

จุดสีแดงเป็นด่าน คันนามรณะ

จุดสีฟ้าเป็นด่าน double track มรณะ

จุดสีม่วงเป็นด่าน ดงทรายมรณะ

จุดสีน้ำเงินเป็นด่าน ดงหินมรณะ

จุดสีเหลืองเป็นด่าน single track มรณะ

จุดสีส้มเป็นด่าน สะพานแคบมรณะ

(เน้นเติมมรณะ ให้มันดูเว่อร์ๆ หน่อย จะได้รู้สึกตื่นเต้น)

และจุดสีน้ำตาล เป็นจุดที่บันทึกวิดีโอสุดท้าย กำลังปั่นผ่านป่า

ในป่า จะเห็นเป็นพื้นที่เขียวค่อนข้างใหญ่ มีเส้นทางให้ปั่นด้วยนะครับ

แต่รอบนี้ไม่ได้เข้า มันจะมืดก่อน ถ้าเข้าไป ก็จะได้ฝ่าด่าน "ป่าหิมพานต์มรณะ"

ก็คงจะมันไปอีกแบบ

ส่วนจุดเหลืองเล็กๆ ก็เป็นเส้นทางถนนใหญ่ ที่ใช้ปั่นกลับบ้านครับ

แล้วพบกันใหม่กับการพจญภัยครั้งหน้าครับ

สรุปสุดท้าย ตอนนี้ ผมประทับใจในความเร็วของเจ้ายางโทนใหญ่ 36 นิ้วมากๆ ครับ

มันใหญ่ เร็ว และลุยได้สะใจวัยรุ่นจริงๆ