Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "ล้อเดียว 29 นิ้ว กับสองล้อ 26 นิ้ว เร็วต่างกันแค่ไหน มีข้อสรุปครับ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมากับตอนสุดท้ายของการปั่นแบบ super marathon นะครับ


จากจุดสีส้ม ซ้ายบนของแผนที่ ทวนเข็มกลับลงมาที่จุดสีเขียว


จากการปั่นรอบถนนสาย 231 มา ผมเห็นหลักกิโลเมตรที่ 46 ไม่เห็นหลักที่ 0 แล้วก็ไปเห็นหลักที่ 1 เลย เข้าใจว่าครบวงแหวนจะได้ประมาณ 47 km รวมกับระยะปั่นกลับบ้านอีกก็คงจะประมาณสัก 48 km


ปั่นมาถึงจุดสีขาว ไฟสว่างดี เลยแวะพัก ไม่งั้นอาการเจ็บก้นจะกำเริมหนัก ถ้าไปหนักเอาช่วงถนนมืดๆ ก็ไม่รู้จะลงจอดตรงไหน


ตอนนี้เวลาประมาณทุ่มกว่า ถนนโล่ง ไม่ค่อยมีรถ


ตอนนี้ผมทำให้ล้อหมุนมานานประมาณ 2 ชั่วโมง 49 นาที


เก็บระยะทางมาได้เกือบ 40 km แล้ว ระยะมาราธอนอยู่ที่ 42.195 km เกินแน่นอนครับ เหลืออีกแค่ประมาณ 2 km เอง ได้อยู่แล้ว


ความเร็วเฉลี่ย 14.1 km/hr


ไฟฉาย จำเป็นกับทริปนี้มาก ใช้งานหนักมาตลอดทาง สายขาดเลยครับ ก็ต้องถือแบบไม่มีสายคล้องที่นิ้ว ถ้าทำหล่นก็จบเลย ต้องระวังให้มากขึ้น


จักรยานล้อเดียว เหนือยกว่าสองล้อหลายเท่า ผมยืนยัน เพราะผมปั่นมาแล้วทั้งสองประเภท ล้อเดียวใช้กำลังขาเยอะกว่ามาก

ไม่มีเกียร์ ปั่นในอัตรา 1:1 เท่านั้น อยากช้า อยากเร็ว ก็ควบคุมที่ขา
อยากเบรก ก็ใช้ขาในการหยุดล้อ ขาจึงทำงานหนักตลอดการเดินทาง

แต่การจอดพัก กลับไม่ใช่ขาที่เป็นปัญหา เพราะถึงกล้ามเนื้อขาจะล้ามากเพียงได มันก็ยังพอไหว แต่กลับเป็นก้นที่ไม่ไหว เพราะมันถูกกดทับเป็นเวลานานๆ จนเจ็บปวดไปหมด ไม่สามารถปั่นต่อเนื่องได้ เท่าที่ผมประมาณดู น่าจะสัก 10-15 km ก็ควรจะจอดพักก้น ไม่งั้นไม่ไหวจริงๆ ครับ

ช่วงพักไม่มีอะไรทำ ก็โชว์อุปกรณ์เสริม ในภาพเป็นแถบสะท้อนแสง ไว้รัดขายามกลางคืน ช่วยสะท้อนแสงได้ดีครับ (ถ้าขนเยอะเกินไปต้องขออภัย ไม่ได้ตั้งใจ มันงอกเอง)


พักเสร็จ ก็ไปต่อ เลยจุดสีขาวลงมา ก็จะข้ามแม่น้ำครับ


จนมาถึงจุดสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสะพานข้ามทางรถไฟ


ใกล้จะวนกลับไปที่จุดเขียวแล้ว


แยกสุดท้าย ก่อนเลี้ยวซ้ายกลับบ้าน


เมื่อกลับมาถึงจุดเขียว ที่เป็นจุด start ก็เก็บสถิติทันทีครับ ผมทำการปั่นไปทั้งสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง


ปั่นรวมระยะทางทั้งสิ้น 48.67 km เกินระยะมาราธอน และเป็นสถิติการปั่นล้อเดียวที่ไกลที่สุดในชีวิตแล้วครับ สำหรับตอนนี้


ความเร็วเฉลี่ย อยู่ที่ 14 km/hr บนจักรยานล้อเดียวขนาด 29 นิ้ว ระยะ crank 125 mm


แต่ทั้งหมดนั่น ไม่ใช่สถิติอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นการวัดเฉพาะเวลาที่ล้อหมุนเท่านั้น จริงๆ แล้วผมออกเดินทางประมาณ 16 น. จบที่ 20 น. ใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้านำข้อมูลทั้งหมด มาคำนวณใหม่ จะได้ดังนี้ครับ

1) ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นเวลาปั่น 3.5 ชั่วโมง และเวลาพักอีกรวมแล้ว ครึ่งชั่วโมง

2) เก็บระยะทางไป 48.67 km แต่ไม่ได้ปั่นต่อเนื่อง มีจอดพัก

3) นำ 48.67 หารด้วย 4 จะได้ความเร็วเฉลี่ยแท้จริงที่ 12.17 km/hr เพราะต้องรวมเวลาที่หยุดรถด้วย


ค่าที่ได้ จะได้นำมาเทียบกับสองล้อได้ เพราะสองล้อผมเคยไปเส้นทางเดียวกันนี้ ทดสอบมา 2 ครั้ง และสองล้อสามารถปั่นต่อเนื่อง โดยไม่ต้องจอดพัก


ปั่นสองล้อ MTB 26 นิ้ว ครั้งแรก ได้ระยะทาง 47.92 km

บางท่านอาจจะสงสัย ว่าทำไมระยะทางต่างจากล้อเดียวอยู่บ้าง อาจเพราะขนาดล้อไม่เท่ากัน ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนจากการตั้งค่าในเครื่องวัด หรือถ้าตั้งค่าได้แม่นยำแล้ว แต่จักรยานล้อเดียว เวลาปั่น ล้อจะแกว่ง ทำใ้ห้ระยะทางจะได้เพิ่มกว่าสองล้อเล็กน้อย เพราะสองล้อ ล้อจะแกว่งน้อยกว่า ยิ่งติดเซ็นเซอร์ให้ล้อหลัง ยิ่งล้อไม่แกว่งเลย แม่นยำที่สุด


ความเร็วเฉลี่ยของสองล้อ ครั้งแรกทำได้ 19.6 km/hr


ปั่นสองล้อครั้งที่สอง เก็บระยะทางได้ 48.16 km ครั้งนี้ได้ระยะทางเพิ่ม เพราะเป็นการปั่นตามเข็มนาฬิกา ก็เหมือนได้ปั่นวงนอกของถนนวงแหวน ทำให้ได้ระยะมากกว่าปั่นวงใน


และเนื่องจากตั้งใจปั่น เพื่อเก็บสถิติให้ดีที่สุด ความเร็วเฉลี่ยจึงดีขึ้นอีกหน่อย ได้อยู่ที่ 21.3 km/hr

ใช้เวลาปั่นแค่สองชั่วโมงกว่าๆ สำหรับสองล้อ

เมื่อมาเปรียบเทียบกันดู ระหว่างล้อเดียว 29 นิ้ว กับสองล้อ 26 นิ้ว พบความแตกต่างดังนี้ครับ

1) ล้อเดียวเหนื่อยกว่ามาก เจ็บก้นมาก จนต้องจอดพัก ส่วนสองล้อก็เหนื่อย แต่ก็ยังไหว เจ็บก้นก็ไม่มากเท่า ทนได้ ปั่นต่อเนื่องได้ตลอดระยะทาง

2) ล้อเดียวทำความเร็วได้ประมาณ 12 km/hr สองล้อทำได้ประมาณ 20 km/hr เทียบกันไม่ได้เลย ถึงแม้ผมจะใช้ล้อเดียวขนาด 36 นิ้ว ถึงแม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้น แต่้ล้อเดียวก็ติดตรงที่เจ็บก้น แล้วไม่สามารถยืนพักปล่อยฟรีขณะปั่นได้ ยังไงก็คงไม่สามารถออกทริปปั่นต่อเนื่องกัีบสองล้อได้แน่

3) ล้อเดียวใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง สองล้อใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ต่างกันเกือบครึ่งต่อครึ่ง

ที่สรุปให้ดู ล้อเดียวเสียเปรียบทุกอย่างครับ แ่ต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบล้อเีดียวในเรื่องความท้าทาย และความรู้สึกที่แตกต่างจากสองล้อ ทำให้ยังคงขี่ต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็เข็ดแล้วหละครับ สำหรับการปั่นล้อเดียวระยะมาราธอนแบบนี้ เพราะมันทำผมเจ็บก้นอย่างมาก เจ็บกล้ามเนื้อขาด้วย แต่ไม่มาก

ยังไง ถ้าจะปั่นมาราธอนอีกที ขอให้มีล้อเดียวขนาด 36 นิ้วก่อนก็แล้วกันครับ




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 23:32:13 น.
Counter : 3352 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "การจราจรหนาแน่น แถมทำถนนอีก สถิติเสียหมด"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาเจอกันต่อ กับปฏิบัติการปั่นมาราธอนด้วยจักรยานล้อเดียว


บล๊อกก่อนหน้า จบที่จุดสีฟ้าด้านขวาบนแผนที่ บนถนนวงแหวนสาย 231 พักจนหายเมื่อยก้นแล้ว ก็เดินทางต่อไป มุ่งสู่จุดสีม่วง ซึ่งระหว่างทางก็มืดๆ ต้องใช้ไฟฉายส่องทางตลอดครับ


เลยจุดสีม่วง ซึ่งเป็นจุดตัดกับถนนสาย 2060 ก็จะเข้าเขตเมือง ที่มีประชากรหนาแน่น เลยมีไฟถนนตลอดทาง สว่างดีครับ ไม่ต้องฉายไฟแล้ว


บริเวณจุดตัดกับถนนสาย 212 การจราจรค่อนข้างหนาแน่น ผมต้องจูงรถข้ามแยกเอา


จูงข้ามแยกมาได้ ก็เก็บสถิติสักหน่อย ตอนนี้ปั่นมาได้ 2 ชั่วโมง 14 นาทีแล้ว


เก็บระยะทางไปกว่า 32 กิโลเมตร และตรงแยกนี้ จะเป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของถนนสาย 231 ด้วยครับ


ความเร็วเฉลี่ยตกลงไปเหลือ 14.4 km/hr จากปัญหา ขาล้า ทางมืด แล้วต้องเดินจูงข้ามแยกด้วย


โดดเดี่ยวเดียวดาย บนถนนสาย 231


การจราจรหนาแน่นยังพอปั่นได้ แต่เจอกับทำถนนสิครับ ไปไม่รอดเลย ดินร่วนล้วนๆ


แอบลองปั่นดูแล้วครับ ไม่ไหว ขาก็ล้า ล้อก็ใหญ่ ขาจานก็สั้น ดินมันยุบตัวด้วย จูงดีกว่า ตรงจุดสีส้ม เป็นบริเวณที่กำลังทำถนน


หลังจูงเอา ก็ลองเก็บสถิติดู ตอนนี้ปั่นบวกจูงมาได้ 2 ชั่วโมง 28 นาทีแล้ว


เก็บระยะทางมาได้ 34.77 กิโลเมตรแล้ว ใกล้ความจริงเข้าไปทุกที สำหรับระยะมาราธอน


ตอนนี้ความเร็วเฉลี่ยตกไปอยู่ที่ 14 km/hr จากตอนยังไม่มืด ที่ปั่นจากจุดเขียวมาถึงจุดสีแดงบนแผนที่ ทำไว้ที่ 15 km/hr ความเร็วหายไปแล้ว 1 km/hr

หลังจากได้พักยาวจากบล็อกก่อน และได้ลงเดินข้ามแยก ลงเดินตรงจุดที่ทำถนน ช่วยให้อาการเจ็บก้นทุเลาลงไปมาก

ใจจริงผมอยากปั่นต่อเนื่อง โดยไม่ลงจากจักรยานล้อเดียวเลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ทั้งปัจจัยภายใน (เรื่องของการเจ็บก้น) และปัจจัยภายนอก ทั้งจังหวะไฟแดง จังหวะรถเยอะ จังหวะทำถนน เป็นต้น ทำให้เท้าต้องแตะพื้นจนได้

แล้วพบกับตอนจบของการปั่นมาราธอน บล็อกหน้าครับ




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 22:33:26 น.
Counter : 1465 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ปวดก้นจนต้องลงจอดฉุกเฉิน"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาต่อกับการทดสอบปั่นมาราธอน ด้วยจักรยานล้อเดียว


ตอนก่อนหน้า จบที่จุดแดง บนถนนวงแหวนสาย 231 หลังจากเกิบสถิติการปั่นเสร็จ ก็รีบเดินทางต่อ


ปั่นไปอีกไม่ไกล ก็จะไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำ จุดสีน้ำเงินในแผนที่


มาได้จังหวะพระอาทิตย์ตกพอดี


ตรงสะพานนี้ ผมไม่ได้หยุดรถนะครับ เดี๋ยวเสียสถิติ ถ้าหยุดบ่อยโดยไม่จำเป็น


อยากได้รูปตัวเองกับอาทิตย์ตก เล็งไม่โดนสัก เกือบไม่ได้


มืดแล้วหละครับ งานยากมาเยือนแล้ว ขาก็ล้า ทางก็มืด ต้องควักไฟฉายออกมาส่องทาง ไม่งั้นไม่เห็นหลุม หรือก้อนหิน อาจพลาดพลั้งได้

ระหว่างทางจากจุดสีน้ำเงิน ถึงจุดสีฟ้าในแผนที่ ผมเริ่มเมื่อยก้นอย่างหนัก

ถ้าใครเคยปั่นจักรยานสองล้อไกลๆ จะเข้าใจดี แต่สองล้อยังสามารถยืนปล่อยฟรีเพื่อพักก้นได้ แต่ล้อเดียวทำไม่ได้ ถ้าจะยืนก็จะต้องปั่นไปด้วย ซึ่งก็จะเมื่อยขาอย่างหนัก เพราะขาจะต้องขับล้อ พร้อมกับรับน้ำหนักตัว

เนื่องจากล้อเดียวนั้นนั่งตัวตรง น้ำหนักกดลงที่ก้นจะมากกว่าสองล้อ แม้ผมจะใช้มือซ้ายช่วยกดที่เบาะ ถ่ายน้ำหนักตัวมาที่แขนบ้างแล้ว แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก มันเจ็บปวดจนทนไม่ได้ แต่ก็ต้องทน เพราะระหว่างทางมันมืดๆ ไม่มีที่แวะพักเลย


ตรงจุดสีฟ้า จะมีศาลารอรถเมล์อยู่ เลยตัดสินใจลงจอดฉุกเฉินทันทีครับ ไม่ไหวแล้ว ปวดก้นสุดๆ

ขายังพอไหว แม้จะล้ามากแล้วก็ตาม แต่ก้นสิครับ ไม่ให้ความร่วมมือ


ยังไงก็หยุดรถแล้ว ก็เก็บสถิติสักหน่อย ตอนนี้ผมปั่นมาประมาณชั่วโมงครึ่งแล้ว เวลาในเครื่องวัด คือเวลาที่ล้อหมุนเท่านั้นนะครับ ถ้าล้อหยุด เวลาก็จะหยุด นั่นหมายความว่า เวลาที่เสียไปจากการจอดพักรถ จะไม่ถูกนับ


ปั่นมาได้เกือบ 24 km แล้ว ตรงจุดนี้ก็ได้ระยะประมาณครึ่งทางแล้ว


ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 14.9 km/hr


แต่ว่าศาลาก่อนโดนยุงรุม อยู่ไม่ได้ โชคดีที่ห่างมาอีกหน่อย มีอีกศาลาอยู่ในที่โล่งลมโกรกกว่า ไม่มียุง เลยแวะศาลานี้อีก ก้นช้ำยังไม่หายเลย ถ้ารีบปั่นต่อ คงไปได้ไม่ไกลแน่


มืดไปหมดครับ ถ่ายอะไรก็ไม่ได้ ขอพักนวดขานวดก้นแป๊บ ตอนนี้ใจอยากโบกแท๊กซี่กลับบ้านสุดๆ แต่ก็ไม่มีให้โบก มีแต่ป่ากับทุ่งนา และภาระกิจปั่นมาราธอน ที่ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2554 10:36:29 น.
Counter : 894 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "RouteRaideR super marathon"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ วันนี้ผมอยากจะไปลองปั่นจักรยานล้อเดียวแบบไกลๆ ดู เอาใ้ห้เกินระยะมาราธอนเลย จะได้รู้ไปเลยว่า ล้อเดียว กับระยะมาราธอน มันจะเหนื่อยมากน้อยแค่ไหน

เท่าที่อ่านมาจากวิกิ ระยะมาราธอน จะอยู่ที่ 42.195 km หรือ 26.22 miles

นั่นหมายความว่า ถ้าผมปั่นให้เกินกว่านี้ เช่น ปั่นได้ 43 km ก็เรียกว่า super marathon ได้แล้วหละ

ก่อนออกปฏิบัติการ ต้องแปลงร่างก่อนครับ

พอแปลงร่างแล้ว พลังเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เห็นลำแสงออโรร่าไหมครับ

นอกจากพลังเพิ่มแล้ว ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นด้วย


(แต่โดนแซวว่า จะไปบ้านปลัดเหรอ จบกัน)


เริ่มออกสตาร์ทจากหน้าบ้าน เวลาประมาณ 16 น.


นี่เป็นแผนที่ ของปฏิบัิติการปั่นมาราธอนครั้งนี้ครับ

เริ่มจากจุดเขียวด้านล่างของแผนที่ ปั่นลงใต้ไปตามถนนสาย 2178 ไปนิดเดียวก็จะเขาสู่ถนนวงแหวนสาย 231 ผมปั่นทวนเข็นนาฬิกานะครับ มุ่งหน้าสู่จุดสีเหลือง


ไม่ได้ไปบ้านปลัดนะครับ ไปทดสอบปั่นมาราธอนครับ ผมจะพยายามลงจากรถให้น้อยที่สุด สงสัยเหมือนกันครับ เพราะเห็นฝรั่งเขาปั่นมาราธอนกัน มันจะปวดจะเมื่อยตรงไหนอย่างไรบ้าง แล้วต่างจากสองล้ออย่างไรบ้าง

ช่วงนี้ผมติดใจผ้าบัฟครับ เอามาคลุมหัวคลุมหน้าไว้ ดีครับ
1) ช่วยซับเหงือ ทำให้หมวกกันน๊อค รวมทั้งสายรัดคาง ไม่เค็มมาก
2) ช่วยกันแดดได้
3) ช่วยกรองฝุ่นได้ เนื้อผ้ามันบาง หายใจสะดวกดีครับ
4) ช่วยบังหน้าไว้ ยิ่งปั่นมาราธอนแบบนี้ หน้าตาเหยเก จะได้ไม่มีใครเห็น ดูดีครับ
5) กันหนาวได้ด้วย ช่วงนี้อากาศเย็นแล้วด้วย

สรุปว่าดีครับ เหมาะกับนักปั่น และนักพจญภัยประเภทอื่นๆ


วงแหลน 231 ครับ


เส้นทางยาวไกล เวิ้งว้าง


วันนี้ผมเดินทางมาด้วยจักรยานล้อเดียว ล้อใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมมีตอนนี้ คือล้อ 29 นิ้ว ใช้ระยะ crank 125 mm

นึกสนุก อยากลองถ่ายตัวเองแบบเคลื่อนไหวดูบ้าง

อัพไว้ในยูทูปเป็นวิดีโอแรกครับ ถายทำบริเวณจุดสีเหลืองในแผนที่ มีรถพ่วงสวนด้วย ดูแล้วเสียวเอง


ช่วงนี้มือเร็วครับ อยากถ่ายรูปต้องรีบถ่าย


เห็นทางแยกแล้วอยากเลี้ยวซ้ายกลับบ้านจริงๆ ครับ มันเริ่มเมื่อยๆ ล้าๆ แต่ว่าทางยังอีกไกลเลย กำลังจะข้ามสะพานข้ามแยก จุดสีแดงในแผนที่


บนสะพานข้ามแยก วิวดี เลยฉวยโอกาสหยุดรถถ่ายรูป


ไหนๆ ก็หยุดแล้ว ถือโอกาสเก็บสถิติไปด้วยดีกว่า เพราะว่าเครืองวัดความเร็วติดอยู่ที่ตัวตังรถ จะดูขณะปั่นก็ไม่ได้ กรรมของล้อเดียว ไม่มีแฮนด์


ณ จุดสีแดงบนแผนที่ ผมปั่นมาต่อเนื่องประมาณ 1 hr แล้วครับ รู้สึกเมื่อยที่ก้น เพราะมันถูกกดทับตลอดทาง


เก็บระยะทางมาได้กว่า 15 km


ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 15 km/hr


เทียบกับตาราง ความเร็วเฉลี่ยของล้อเดียวขนาด 29 นิ้ว ที่ผมเซฟมาจากวิกินานแล้ว ถือว่าผมทำได้ดีกว่า

แต่ว่ายังไม่ได้ครึ่งทางเลยครับ แล้วต่อไปฟ้าก็จะมืดแล้วด้วย ไม่รู้ว่าความเร็วจะตกลงไปแค่ไหน สภาพร่างกายจะไหวหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 12:28:12 น.
Counter : 1253 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ วันนี้จะมาน้ำเสนอเทคนิคการห่อข้าวพกไปกับจักรยานล้อเดียว

แรกเริ่มนั้น ผมก็ไม่ได้ขี่ล้อเดียวหรอกครับ ก็ปั่นสองล้อเหมือนคนทั่วไป แล้วสองล้อที่ผมเคยใช้ ก็มีกระบะบรรทุกที่ท้ายรถ


จะขนกล่องข้าว หรือปิ่นโต ก็ทำได้ง่าย

จักรยานสองล้อของผมทุกคัน จะต้องมี rack หรือกระบะท้ายรถ ไว้ใส่ของเสมอ เพราะผมมองว่า มันมีประโยชน์มาก


แม้แต่ MTB ของผม ก็ต้องติด seat post rack เพื่อไว้ขนกล่องข้าว ไม่ก็ขนของอย่างอื่นตามต้องการได้


แต่สำหรับล้อเดียวแล้ว การจะติดกระบะท้ายรถ ผมไม่แนะนำเด็ดขาด แม้แต่จะมีชิ้นส่วนใดๆ ก็ตาม ที่ไม่จำเป็น ที่ยื่นเกะกะตามตัวถังของรถ ก็ไม่แนะนำเลย เพราะมันทำให้น้ำหนักรถเพิ่ม เสียความคล่องตัว และจะเป็นอันตรายกรณีที่เกิดหกล้มอีกด้วย

อย่างในภาพ ผมว่าแต่งเอาสะใจมากกว่า แต่ใช้จริงลำบากมาก


แก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการพายเป้ดีไหม คนส่วนใหญ่ก็ใช้กัน

แต่สำหรับผมแล้ว ผมร้อนหลัง แม้จะใช้เป้ดีๆ ที่ระบายอากาศได้ดี มันก็ร้อนอยู่ดี สู้ใ้ห้หลังเราโล่งๆ ไม่ได้

และจะเป็นปัญหา ในกรณีที่มีการกระโดด ซึ่งเป็นท่าพื้นฐานของจักรยานล้อเดียว ที่จำเป็นต้องใช้อยู่บ่อยๆ เป้มันจะสะบัด

ถ้าไม่อยากให้เป้สะบัด ก็ต้องรัดเอวไว้ด้วย นั่นยิ่งทำให้ร้อนหลังเข้าไปใหญ่


ทางเลือกที่ผมใช้มานาน และพิสูจน์แล้วว่าค่อนข้างดีกว่าเป้ ก็คือการใช้กระเป๋าคาดเอว

ดีกว่าเป้ตรงที่

1) ไม่เมื่อยไหล่ ไม่ร้อนหลัง

2) หยิบกล้อง หยิบขวดน้ำ หยิบของต่างๆ ขณะปั่น ทำได้ง่ายกว่า โดยเอื้อมมือข้างหนึ่งไปหยิบจากด้านหลัง ไม่ก็หมุนกระเป๋ามาด้านหน้าก่อน แล้วใช้มือสองข้างช่วยกันหยิบในขณะปั่น สามารถทำได้

3) เวลากระโดด กระเป๋าสะบัดเหมือนกัน แต่สามารถใช้มือข้างหนึ่งประคองกระเป๋าไว้ได้

ส่วนด้อยกว่าเป้ ก็คงเป็นความจุที่น้อยกว่า แต่จุได้น้อยกว่า จะอ้างให้เป็นข้อดีก็ได้ เพราะว่า การพายเป้หนักๆ ของเยอะๆ แล้วปั่นจักรยานล้อเดียว ควบคุมรถลำบากมากครับ ผมลองมาแล้ว


หลังจากหันมาปั่นล้อเดียวแล้ว จะขนปิ่นโต หรือจะขนกับข้าวเยอะๆ ก็ทำไม่ได้แล้วครับ จะต้องจำกัดอาหาร ให้อยู่ในกล่องเล็กๆ เท่านั้น

สงสัยจะเรียกว่าเป็นข้อดีอีกก็ได้มั๊ง เพราะได้ออกกำลังกาย พร้อมควบคุมปริมาณอาหารไปด้วย แบบนี้ไม่น่าจะอ้วนแน่ๆ

ถ้าเป็นกับข้าวแห้งๆ ก็ใส่กล่องได้เลย ถ้าเป็นกับข้าวเปียกๆ แล้วกล่องที่มี ล๊อกไม่สนิท อันนี้ต้องใส่ถุงก่อน ไม่งั้นกระเป๋าเปียกแน่


ข้าวกล่องผม ก็จับยัดลงกระเป๋าคาดเอวนี่แหละครับ ทีนี้ก็ขนข้าวไปกินด้วยได้แล้ว ไม่แพ้สองล้อ

ขนให้เยอะยังไง กระเป๋าคาดเอว มันก็มีขนาดที่จำกัด ไม่เกินกำลังในการควบคุมรถแน่นอนครับ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 1:23:08 น.
Counter : 1705 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.