Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "เส้นทางในฝัน ปั่นเลียบริมแม่น้ำ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาต่อจาก blog ก่อนหน้า ที่ผมกำลังปั่นมาถึงริมแม่น้ำครับ


ช่วงต้นๆ ทางเดินริมน้ำยังทำไม่เสร็จ ต้องปั่นบนถนนไปก่อน


ถ้าดูในแผนที่ ตอนนี้ผมอยู่เลยจุดสีขาวริมแม่น้ำมาเล็กน้อย


ปั่นไปสักพัก จะไปถึงจุดที่ทางเดินทำเสร็จแล้ว ใหม่ เรียบ เนียน


เทียบกับที่ยังไม่เสร็จ ไม่กล้าปั่นครับ กลัวเหยียบตะปู


นับว่าเป็นเส้นทางปั่นในฝันของนักปั่นเลยทีเดียว พื้นมันเรียบ ปั่นเลียบริมน้ำได้ชมวิว ไม่ต้องกลัวรถ ได้มาลองของใหม่แบบไม่ตั้งใจเลยนะเนี่ย


หินที่ทิ้งลงไปริมน้ำ ถูกคลุมด้วยตาข่ายอีกชั้นหนึ่งครับ


ขอบรั้วระเบียง เรียบ และกว้างประมาณ 20 cm เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายเป็นพิเศษ ไปปั่นข้างบนรั้วระเบียงก็ได้


ทางเดินริมน้ำกว้างมากครับ ปั่นสวนกันได้สบายๆ


ที่สำคัญคือมันไกลด้วยครับ ระยะประมาณ 3-4 กิโลเมตรได้ จากประมาณจุดสีขาว ไปจนถึงจุดสีฟ้าในแผนที่เลย ยิ่งเหมาะกับการปั่นออกกำลังกายมากๆ


แม่น้ำเป็นเส้นแบ่งระหว่างอำเภอเมือง กับอำเภอวารินชำราบนะครับ ผมกำลังจะปั่นไปให้ถึงสะพานโน่น ตรงจุดสีฟ้า


มีกับดักไว้ทำไมก็ไม่รู้ ถ้าไม่ดูหละเสร็จแน่


ผมเดาไว้ล่วงหน้าเลย ตามสไตล์บ้านเรา เดี๋ยวก็มีแก้งขายของมาจับจองพื้นที่อีกแน่ๆ เพราะมันบรรยากาศดี ริมน้ำ เหมาะมานั่งกินข้าว


ระยะทางไกลจริงๆ ครับ ปั่นเพลินเลย




เห็นสะพานข้ามแม่น้ำแล้วครับ ใกล้ถึง check point แล้ว


นั่นไง เริ่มมีคนเอาโต๊ะมาวางจองพื้นที่ เดาไม่ผิดเลย


เพราะแถวนี้เป็นร้านอาหารริมน้ำ เผื่อแพเต็มจะได้มานั่งข้างบนกระมัง


ทางตันแล้ว เลี้ยวออกทางลัด


ตอนนี้ผมอยู่ตรงจุดกลับรถใต้สะพาน บริเวณจุดสีฟ้าในแผนที่


ตอนนี้เวลา 18.15 น. เริ่มมืดแ้ล้วครับ


ขึ้นถนนใหญ่สาย 24 มุ่งหน้ากลับครับ รถเยอะ แต่มีไหล่ทางให้ปั่น


เลี่ยงถนนใหญ่ได้ เลี่ยงทันทีครับ ปั่นสะบายกว่า


ผ่านน้ำโจ้ก ตรงจุดสีเหลืองด้านขวาของแผนที่


ถึงจุดสีม่วงเวลา 18.33 น. แล้วพักยาว



ออกจากจุดสีม่วง เวลา 19.17 ถึงบ้านที่จุดสีแดงเวลา 19.33

สรุปทริป
เดินทางเป็นวงกลมรอบเมือง ได้ระยะประมาณ 19 กม.
ความเร็วเฉลี่ยทำได้ประมาณ 9.5 - 10 กม. ต่อ ชม.

ถ้าไปสำรวจให้ทั่วๆ สถานที่ปั่นดีๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้าน น่าจะมีอีกเยอะเลย




 

Create Date : 03 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 3 พฤษภาคม 2554 14:31:16 น.
Counter : 1608 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "จะไปปั่นออฟโรดซะหน่อย แต่แห้ว"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ หลังจากที่ผมได้ Hexahole crank มา ก็อยากไปทดสอบจริงๆ จังๆ สักหน่อย เพราะผมสร้างมันมาเพื่อการปั่นในทางลำบากๆ โดยเฉพาะ


ผจญภัยแถวบ้าน จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องดูแผนที่ก็ได้ พอรู้เส้นทาง แต่ไปมาแล้วค่อยมาดู ดูเพราะอยากเห็นมุมสูง ว่าเราไปไหนมาบ้าง ไปไกลแค่ไหน


วางแผนไว้อย่างดี ว่าช่วงทางเรียบ จากบ้าน ไปจนถึงใต้สะพานข้ามทางรถไฟ จะใช้ crank ระยะ 125 mm (รูที่ 5 ดังรูป) เพื่อปั่นฝ่าทางซีเมนต์ ทางราดยาง และทางลูกรัง

แล้วพอไปถึงใต้สะพาน ทางมันจะเริ่มลำบาก กะว่าจะปรับให้เป็นระยะ 165 mm (รูที่ 3) ทันที เพื่อให้ปั่นได้ลื่นๆ ง่ายๆ ไปเลยแต่ต้น จะได้ประหยัดแรง อะไรทำนองนี้


ออกจากบ้านประมาณ 16.50 น. ที่จุดแดง ขวาล่างของแผนที่


มีกองเชียร์ด้วยนะระหว่างทาง

ปั่นไปตามจุดเขียวเล็กๆ ครับ


ระยะ crank 125 mm กับขนาดล้อ 26 นิ้ว อาจจะหนืดไปบ้าง บางจังหวะทางลูกรังที่มีจุดที่ขรุขระมากหน่อย แต่ก็ยังพอได้ครับ


ขึ้นทางเรียบอีกแล้ว


เห็นสะพานข้ามทางรถไฟแล้วครับ อยู่ข้างหน้าโน่น ผมกะว่าจะไปเปลี่ยนระยะ crank ตรงใต้สะพานนั่นแหละ เพราะ stage ต่อไป ทางมันจะโหดแล้ว


อ่าวกรรม น้ำท้วมทางไปแล้ว เกิดจากปัญหาฝนหนักผิดฤดู ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าน้ำำจะท้วมได้ เพราะเคยเห็นท้วมเฉพาะหน้าฝน

ไปไม่ได้ครับ ขนาด 2 ล้อยังไม่รอดเลย เคยเอา MTB ฝ่ามาแล้ว มันเป็นดินโคลนเละๆ ล้อจะจมโคลน แถมด้วยวัชพืช หรือเศษขยะติดโช่อีกต่างหาก

กับล้อเดียวไม่ต้องพูดถึงครับ ลงไปย่ำโคลนเล่นเปล่าๆ

เกิดอาการเคว้งคว้าง วิเวกเอกา อยู่พักหนึ่ง ที่จุดสีเหลือง ซ้ายล่างของแผนที่ เพราะมันผิดแผน และไม่ได้เตรียมแผน B ไว้


งั้นก็ไปปั่นเลียบริมแม่น้ำเล่นดีกว่า ย้อนกลับเล็กน้อย แล้วไปตามจุดสีเหลืองเล็กๆ ครับ

ในภาพอยู่ประมาณจุดสีส้ม เป็นจุดตัดกับถนนใหญ่สาย 226


ข้ามถนนใหญ่มาได้ ก็ตรงยาวไปเลยครับ


ทางร่มรื่นน่าปั่นดีเหมือนกัน

ผมไปจนถึงจุดสีน้ำเงิน มีแว๊บไปที่ริมถนนใหญ่สาย 231 ด้วย เพราะลังเลว่าจะข้ามไปปั่นอีกฝั่งของแม่น้ำดีไหม แต่มันก็จะยิ่งไกลไปอีก ไม่เหมาะสมกับเวลาทีี่มีอยู่


เห็นมีทางตรงลงไปในแม่น้ำ เลยลองลงไปลุ้นดู เผื่อจะมีทางไปได้ ปรากฏว่าตันครับ สงสัยจะเป็นทางให้ต่อเรือ

จึงย้อนกลับมาตามจุดเขียวเล็กๆ


ถนนราดยาง แต่สภาพผุพัง ผมว่ามันปั่นยากกว่าทางลูกรังเสียอีก เพราะขอบของหลุมที่ถนนพังนั้น ขอบมันจะแข็ง และเป็นเหลี่ยมมุมมากกว่าหลุมบ่อของทางลูกรัง ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คนก็เยอะด้วย เพราะผ่านหมู่บ้าน

ตรงไปก่อนคามจุดเขียว แล้วก็เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าเข้าหาแม่น้ำครับ


พอดีมีเด็กสะกดรอยตามมา อยากจะเก็บภาพไว้ซะหน่อย เล็งไม่โดน


เมื่อใกล้แม่น้ำเข้าไป ก็จะถึงเขตหมู่บ้านช่างหม้อครับ


มันแปลกตรงที่ว่า ชือหมู่บ้านช่างหม้อ แต่ดันทำเตาขาย

ตอนนี้ผมอยู่บริเวณจุดสีขาว ริมแม่น้ำครับ


เตาเผาเตา งงป่าว

จากวันนี้ว่าจะไปปั่น offroad มันๆ กลับกลายเป็นมาเที่ยวชมผลิตภัณฑ์ OTOP ซะ


ถ่ายรูปนิดเดียว หวงไปได้ ตามมาเห่าเชียว


ในที่สุดก็ถึงจุดเลียบริมน้ำแล้วครับ แม่น้ำมูลไงครับ

พอดีเขากำลังสร้างทางเดินเลียบริมน้ำเลย ใกล้เสร็จแล้ว


คงเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งกระมัง เห็นเอาหินไปทิ้งริมน้ำด้วย



ตอนนี้เวลา 17.55 ผมอยู่เลยจุดขาวในแผนที่มาทางขวาเล็กน้อยครับ เิดินทางมาได้ประมาณ 10 กม. ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง

แล้วค่อยมาต่อ blog หน้าดีกว่า กับการผจญภัยเลียบริมแม่น้ำ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2554 12:08:59 น.
Counter : 1348 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "Hexahole Crank ได้มาแล้วครับ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ หลังจากที่ผมหันมาสนใจกับการปั่นจักรยานล้อเดียว ผมก็ได้สร้าง crank ใช้เองมาหลายอันแล้ว

เพราะว่า จักรยานล้อเดียวนั้น องค์ประกอบที่สำคัญ ที่มีผลต่อการปั่น ไม่มีอะไรมาก ก็มีล้อ กับ crank นี่แหละครับ

ถ้าอยากเดินทางได้เร็ว ต้องเลือกล้อใหญ่
ถ้าอยากได้ความคล่องตัว ต้องเลือกล้อเล็ก

เช่นเดียวกัน ถ้าอยากเคลื่อนที่ได้เร็ว ต้องเลือก crank สั้น
ถ้าอยากได้ความคล่องตัว ต้องเลือก crank ยาว

ในความเป็นจริงแล้ว ระหว่างการเดินทาง การเปลี่ยนขนาดล้อนั้นทำได้ยาก เช่น พอเราเดินทางบนถนนใหญ่ เรามาด้วยล้อใหญ่ แต่พอเข้าพื้นที่แออัด เราบอกว่าเราอยากให้ล้อมันเล็กลง เพื่อให้มันคล่องตัวมากขึ้น อันนี้คงทำไม่ได้ หรือถ้าจะแบกล้ออีกอันไปเปลี่ยน ก็คงเกินไป และการเปลี่ยนล้อนั้นใช้เวลานาน

ทางแก้ที่ดีที่สุด คือเลือกขนาดล้อให้เหมาะสมที่สุด คือเลือกขนาดกลางๆ ที่คล่องตัวในพื้นที่เล็กๆ ด้วย และให้อัตราเร็วที่ดีบนถนนใหญ่ด้วย และสิ่งที่ใช้ในการเปลี่ยนความเร็ว และความคล่องตัว ก็คือเปลี่ยนความยาว crank ซึ่งทำได้ง่ายกว่าครับ


ค่าในตารางนี้ เป็นตัวเลขที่เกิดจากการนำความยาวของ crank หารด้วยรัศมีของล้อ เพื่อดูสัดส่วนว่า ที่สัดส่วนเท่าใด ความยาว crank เท่าใด ที่จะทำให้การปั่น ปั่นได้ลื่น ปั่นได้หนืดเพียงใด

คอลัมน์แรก เป็นค่าเส้นผ่านศุนย์กลางของขอบล้อ (rim) ซึ่งเป็นค่าตายตัวในแต่ละขนาดล้อ

คอลัมน์สอง เมื่อใส่ยางเข้าไป นิยมเรียกตามขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของยางที่ใส่เขาไปเป็นนิ้ว ค่านี้เป็นค่าโดยประมาณ ซึ่งในตารางมีตั้งแต่ 12-36 นิ้ว

คอลัมน์สาม เปลี่ยนหน่วยนิ้วของเส้นผ่านศูนย์กลางยาง ให้เป็นค่ามิลลิเมตร เื่พื่อให้เป็นหน่วยเดียวกับ crank จะได้มาหารเป็นสัดส่วนกันได้ง่าย

คอลัมน์สี่ ก็คือเอาคอลัมน์ที่สามหารด้วยสองนั่นเอง เพื่อให้ได้ค่ารัศมีของยาง

จากนั้นก็นำความยาว crank ตั้ง หารด้วยค่ารัศมี เืพื่อให้เกิดเป็นค่าสัดส่วน ผมขอเรียกว่า "สัดส่วนการปั่น" ก็แล้วกันครับจะได้ง่าย

เราจะเห็นได้ว่า ในพื้นที่สีเขียว คือค่าสัดส่วนการปั่นอยู่ที่ประมาณ 0.50 เป็นจุดที่ปั่นได้ลื่นพอดี และจะพบว่า จักรยานล้อเดียวในตลาด มักจะติด crank มีค่าความยาว ที่ให้ค่าสัดส่วนการปั่นอยู่ที่ 0.50 หรือยาวเป็นครึี่งหนึ่งของรัศมีของยางมาให้

เว้นแต่เน้นปั่นทางเรียบ หรือพื้นเรียบ อยากให้มันปั่นได้เร็วหน่อย ก็จะติด crank ที่ให้ค่าสัดส่วนการปั่นอยู่ในพื้นที่สีเหลืองมาให้

หรืออยากปั่นในแนว offroad มีการปีนป่าย ก็มักจะติดตั้ง crank ให้ยาวหน่อย โดยให้สัดส่วนการปั่นอยู่ในพื้นที่สีฟ้า


ในตลาด ไม่มี crank ที่เกินกว่า 2 รูขาย และไ่ม่มี crank ที่ยาวกว่า 170 mm ขาย ถ้าอยากได้หลายๆ รู และอยากได้ยาวกว่า 170 mm จะต้องสร้างขึ้นใช้เองครับ

ในภาพ crank สีดำ ความยาว 170 mm ผมซื้อมาดัดแปลงครับ เพื่อให้เกิดเป็นระยะ 185 และ 205 mm ขึ้น ตามในตาราง

ประโยชน์ที่ได้จากการดัดแปลงครั้งนี้ ก็เพื่อให้จักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้ว ที่ผมเห็นว่าเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังคงให้ความคล่องตัวในพื้นที่เล็กๆ อยู่ เราต้องเลือกล้อใหญ่ที่สุด ก็เพื่อให้มันเดินทางได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าการผจญภัยนั้น ต้องผ่านพื้นที่ยากๆ หลายรูปแบบ จึงต้องไม่ให้ล้อมันใหญ่เกินไป เพราะมันจะควบคุมยากในสถาณะการณ์คับขัน

crank 170 ที่ยาวที่สุดที่มีขายในตลาด มีผลทำให้ล้อ 26 นิ้ว ทำค่าสัดส่วนการปั่นได้เพียง 0.51 เท่านั้น ซึ่งผมเคยนำไปขึ้นดอยแล้ว ค่าสัดส่วนการปั่นแค่นี้ยังลื่นไม่พอ ผมต้องการลื่นกว่านี้ อีกทางเลือกหนึ่งคือการลดขนาดล้อ ซึ่งผมไม่เลือก เพราะการลดขนาดล้อ จะทำให้การเดินทางยิ่งช้าขึ้นไปอีก และขนาดล้อที่เล็กที่สุดที่นิยมปั่น offroad ก็คือล้อ 24 นิ้ว เล็กกว่านี้ก็ไม่นิยมแล้ว เพราะมันช้ามาก

ล้อ 26 นิ้ว เมื่อได้ crank ระยะ 185 และ 205 mm มาติดให้ จะทำให้ได้สัดส่วนการปั่นเป็น 0.56 และ 0.62 ตามลำดับ ซึ่ง 0.62 นั้นก็ถือว่าปั่นได้ลืนมาก เข้าพื้นที่สีน้ำเงิน ผมกะว่ามันจะพาผมขึ้นดอยอินทนนท์ได้เลยทีเดียว (อยากไปลองมาก)


วิธีการสร้าง หรือดัดแปลง crank ก็ทำการตัด crank ที่ซื้อมา ให้เหลือส่วนโคน แล้วไปซื้อแผน อลูมิเนียม ให้ได้ความยาวตามต้องการ ก่อนตัดก็ทำการวัดระยะ ออกแบบอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อยชัดเจน เพื่อจะได้ตัดได้ไม่พลาด

วิธีตัดก็ใช้เลื่อยมือนี่แหละครับ ค่อยๆ ตัด ช้าๆ ชัวร์ๆ และเนื้ออลูมิเนียมค่อนข้างอ่อนอยู่แล้ว เลื่อยง่ายครับ


นำส่วนโคนของ crank กับแผ่นอลุมิเนียมที่ซื้อมา นำมาตะใบ แต่งให้หน้างานมันสัมผัสกันพอดีที่สุด แล้วใช้กาวตราช้างติด เพื่อให้มันติดกันในเบื้องต้น เพื่อให้เราวัดระยะต่างๆ ได้ง่าย

แล้วก็เอาตะปูตอกรู เพื่อมาร์คจุดที่เราจะให้ช่างเขากลึงเกลียวให้ครับ


จากนั้นก็ส่งโรงกลึง เขาก็จะกลึงเกลียวที่ใส่บันได และเชื่อมส่วนโคนให้กลายเป็น crank อันใหม่ครับ

ภาพนี้วางเปรียบเทียบ pentahole crank 105/125/145/165/185 mm อันก่อน กับ hexahole crank 105/125/145/165/185/205 อันใหม่ (ยาวมาก)


ล้อ 26 ของผม ตอนนี้ติด hexahole crank ครับ เพื่อให้มันไปลุยกับผมได้ทุกที่ โดยเฉพาะทางโหดๆ ยากๆ ทางชันๆ

ส่วนล้อ 29 ก็ได้ pentahole crank ไป ที่ระยะ 185 mm นั้น พอดีทำให้ล้อ 29 ปั่นได้ลื่น (พื้นที่สีเขียว) ทำให้ล้อ 29 เล่นง่ายขึ้น เชื่องขึ้น ตอนแรกผมลังเลเหมือนกัน ว่าอยากจะเอา hexahole crank ให้ล้อ 29 แต่้ล้อ 29 โดยธรรมชาติของมัน มันใหญ่ และเล่นยากอยู่แล้ว การจะเอาไปลุยในพื้นที่ยากๆ นั้นไม่เหมาะสม มันเหมาะกับการทำความเร็วบนทางเรียบ หรือทางลูกรังเท่านั้นครับ จึงยก pentahole crank ให้มันก็เพียงพอแล้ว


ล้อ 29 ใช้ pentahole crank


ส่วนล้อ 26 ใช้ hexahole crank

แต่จากที่ผมทดสอบ hexahole crank ในเบื่องต้น พบปัญหาสำคัญครับ คือมันยาว เวลาใช้ระยะสั้นที่สุดที่ 105 mm (รูในสุด) ส่วนปลายของ crank จะเลยขึ้นมาถึงตาปลา อันตรายเหมือนกันครับ มีโอกาศฟาดโดนตาปลาได้ ต้องใช้ความระมัดระวังมาก ด้วยเหตุนี้ ผมจึงแนะนำว่า crank นั้น ไม่ควรจะเจาะเกิน 5 รู้ หรือไม่ควรให้ระยะจากรู้ไกลสุด ถึงรูใกล้สุดนั้น ห่างกันเกิน 80 mm

แต่ผมก็ถือว่า โอกาศที่จะใช้รู้ในสุดนั้นน้อย และเวลาใช้รูในสุด ก็คือใช้บนถนนใหญ่ทางเรียบตรง ไม่ค่อยมีการเลี้ยวรถ ที่จะทำให้ข้อเท้าของเราเปลี่ยนตำแหน่ง ดังนี้นโอกาสที่ปลาย crank จะฟาดโดนตาปลาก็จะน้อยลง เพราะถ้าจะไม่เจาะที่ระยะ 105 ก็น่าเสียดายครับ เผื่อจำเป็นต้องปั่นทางตรงนอกเมือง ก็จะได้มีโอกาสใช้มันได้

โอ้ย อยากไปทดสอบขึ้นดอยใจจะขาดแล้ว แถวบ้านไม่มีดอย

Key words: RouteRaideR, 26" unicycle, 29" unicycle, pentahole crank, hexahole crank




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 12:28:36 น.
Counter : 2888 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "17 กม ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ ช่วงนี้ผมก็ผจญภัยอยู่แถวบ้านตัวเองนี่แหละครับ

วันนี้ผมจะไปกับจักรยานล้อเดียวขนาด 26 คู่ใจเหมือนเิดิม แต่เน้นทางเรียบ


นี่เป็นแผนที่ แสดงเส้นทางการปั่นของผมครับ


ออกจากจุด start (จุดสีแดงในแผนที่) เวลา 17.05 น.


บนถนนสาย 2178 เป็นถนนคอนกรีตนะครับ ช่วงหน้าบ้านผม ต้องระวังเหมือนกันจังหวะที่มีรถจอดอยู่ริมถนน แล้วเราจำเป็นต้องแซง เพราะบางทีมีรถมาข้างหลัง แต่ระยะไม่ไกลมาก พอเลี้ยวซ้ายเข้าซอยก็ปลอดภัยแล้วครับ


ไปตามจุดเขียว เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแล้ว ถนนก็จะโล่ง ไม่ค่อยมีรถครับ




ยิ่งลึกเข้าไปในซอย ก็จะมีสภาพเป็นชนบทมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ


ถนนซีเมนต์บ้าง ราดยางบ้าง


ถนนเรียบๆ แบบนี้ถ่ายรูปง่ายครับ



มาถึงจุดตัดถนนใหญ่ (จุดสีเหลืองในแผนที่) เวลา 17.24 ครับ ใช้เวลาไปประมาณ 20 นาที กับระยะทางประมาณ 4 กม ก็ทำความเร็วได้ประมาณ 12 km/hr


ข้ามถนนใหญ่ไป ก็จะเข้าสู่ทางลูกรังครับ ผมปั่นจากบ้านมาด้วยระยะ crank 125 mm ก็คิดว่าไม่ต้องปรับอะไร มันพอดีกับทั้งทางเรียบ และทางลูกรังอยู่แล้ว


ปั่นในทางลูกรัง ก็ได้อารมณ์อีกแบบ เราต้องดูลายให้ดีๆ เลือกลายที่เรียบๆ แล้วเราจะได้ยินเสียงยางที่บดไปบนถนนลูกรัง มันก็มันไปอีกแบบครับ


สองล้อไม่ได้กินผมหรอกครับ ผมแซงขาดลอยไม่เห็นฝุ่น ฮาๆๆๆ (รถเข็น)



ตอนนี้ผมอยู่บริิเวณริมรั้ววัดหนองป่าพง สังเกตง่ายๆ ในแผนที่ บริเวณวัดจะเขียวทึบมาก ป่าเยอะ


ถ้าปั่นมาตอนลมแรงๆ ฝนจะตก เสียวกิ่งไม้หักใส่หัวเหมือนกันนะ ป่าทึบจริงๆ ครับ


ปั่นเลียบรั้ววัด แล้วก็เลี้ยวขวา มาตามจุดเขียวเล็กๆ ตอนแรกก็ว่าจะวนกลับแล้ว แต่วันนี้เน้นปั่นทางเรียบ เลยเก็บระยะทางได้เยอะ ฟ้ายังไม่มืด เวลายังพอมี จึงตัดสินใจต่อระยะทางครับ



แถวนี้มีสวนดอกดาวเรืองให้ดูด้วยนะ


แลนด์มาร์คสำคัญ ต้องถ่ายรูปไว้สักหน่อย เดี๋ยวไม่เชื่อว่ามาจริง


ถึงตรงที่ทำการ อบต เวลา 17.49 น. ครับ (ตรงจุดสีส้มในแผนที่)


ปั่นต่อไปจนถึง 3 แยก ก็เลี้ยวซ้ายครับ


ปั่นมาเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดสีเขียวใหญ่ในแผนที่ ก่อนบรรจบกับถนนสาย 2178 เหมือนเดิม


ตอนนี้เวลา 18.03 น. ใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว


ถนนเส้น 2178 ช่วงนอกเมือง เป็นถนนใหญ่ครับ ไหล่กว้าง ผมจึงจะลองระยะ crank สั้นที่สุด


จึงเปลี่ยนระยะ crank จาก 125 เป็น 105 mm เพื่อให้ปั่นได้เร็วขึ้น

บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ใช้ระยะ crank สั้นๆ ไปเลยหละ จะได้ัปั่นได้เร็วๆ

ต้องไม่ลืมว่่า ระยะ crank ที่สั้นมาก อันตรายครับ มันหนืด ออกตัวยาก พอปั่นเร็วมากๆ แล้ว อยากจะหยุดกระทันหันก็หยุดยาก crank ที่สั้นมาก พอเราเปลี่ยนแปลงความเร็วในการปั่นเพียงเล็กน้อย ก็ต้องออกแรงมาก


ปั่นฉิวเลยครับ crank สั้น ความเร็วต้นจะช้า เนื่องจากมันหนืด ออกตัวยาก ไม่คล่องตัว แต่คาามเร็วปลายไม่ต้องพูดถึง

ตอนนี้แสงเหลือน้อยเต็มทีแล้วครับ ต้องรีบกลับบ้านแล้ว



เจอป้ายนี้ที่จุดสีฟ้าใหญ่ในแผนที่ เทียบกับป้ายก่อนหน้าที่จุดสีเขียวใหญ่

อุบล 11 เป็น อุบล 8 แสดงว่าผมมาได้ 3 กม. โดยออกจากป้ายก่อนหน้า เวลา 18.06 เพราะใช้เวลาเปลี่ยนระยะ crank และพักกินน้ำอยู่ มาถึงป้ายนี้เวลา 18.17 ใช้เวลาไป 11 นาที กับระยะ 3 กม. ก็ทำความเร็วได้ประมาณ 16.36 km/hr กับระยะ crank 105 mm

ก็ถือว่าเร็วใช้ได้ กับขนาดล้อเพียง 26 นิ้ว ถ้าผมมากับล้อใหญ่กว่านี้ มันก็จะเร็วได้มากกว่านี้ครับ


หลังจากนั้นก็มืดแล้วครับ ไ่ม่ได้ถ่ายรูปแล้ว มาถึงบ้านเวลา 18.34 น.

ใช้เวลาทั้งทริปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เก็บระยะทางได้ประมาณ 17 กม.

ทำความเร็วเฉลี่ยได้ประมาณ 11.33 km/hr

อยากให้ผู้ที่สนใจ ลองมาปั่นจักรยานล้อเดียวดูครับ รับรองว่ามันมันคนละแบบกับสองล้อ




 

Create Date : 29 เมษายน 2554    
Last Update : 29 เมษายน 2554 22:56:31 น.
Counter : 1589 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ไปเพิ่มทักษะการปั่นออฟโรดกันครับ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ หลังจากที่ผมขี่จักรยานล้อเดียวมาได้เกือบจะปีแล้วหละ อีกไม่กี่เดือน ช่วงนี้แสงแดดในช่วงกลางวันมันยาวนานขึ้น ทำให้ตอนเย็นมีเวลาออกพจญภัยได้นานขึ้น มันไม่มืดเร็วเหมือนหน้าหนาวครับ

วันนี้ผมอยากจะไปเพิ่ม skill การปั่น offroad ของตัวเองสักหน่อย ไปตามทางที่เคยเอา MTB ไปนั่นแหละครับ แต่คราวนี้จะไปกับจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้วคู่ใจ


จุด start ของผมคือจุดแดง ที่อยู่ริมถนน สาย 2178 ขวาของแผนที่นั่นแหละครับ

ตรงขึ้นไปทางทิศเหนือ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ไปเรื่อยๆ ตามจุดเขียวเล็กๆ




เส้นทางจากบ้านผม ผ่านถนนซีเมนต์ ถนนราดยาง จนมาถึงถนนลูกรัง ไม่มีปัญหาครับ มาด้วยระยะ crank 125 mm เป็นระยะที่เหมาะปั่นทางเรียบ ปั่นได้เร็วดี คล่องตัว กับทางลูกรังก็ยังปั่นได้ เพราะมีมีลายให้เลือก ไม่ได้ขรุขระไปเสียทุกจุด

จุดเหลือง จะเป็นจุดตัดทางรถไฟครับ ทางรถไฟสังเกตง่ายๆ มันจะเป็นรอยตรงๆ เฉียงทะแยงกับตัวแผนที่อยู่ครับ



เมื่อสภาพเส้นทางเริ่มโหดมากขึ้น ก็ต้องใช้ระยะ crank ที่ยาวขึ้นครับ จากระยะ 125 mm เดิม


เพิ่มยาวมาเป็น 145 mm ทำให้ปั่นได้ลื่นขึ้น ปีนป่ายอุปสรรคได้ง่ายขึ้น

เปลี่ยนความยาว crank ครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 นาที เปลี่ยนครั้งแรกที่จุดสีส้ม ก่อนปั่นเลียบทางรถไฟ


ด่านต่อไปสภาพเส้นทาง เป็นดิน ไม่มีลูกรัง ยังไหวครับ ไม่ยากมาก แม้จะขรุขระมากขึ้น และบางจุดเป็นโคลนเลน แต่ก็พอหลบได้ และยังพอมีลายเรียบๆ ให้เลือก


ขรุขระ แต่ก็อยากถ่ายรูป ใช้ความระมัดระวังเอา


ปั่นไปปั่นมา ทางหาย


ชาวบ้านเขาเคลียพื้นที่ ใกล้ถึงฤดูเพาะปลูกอีกแล้วมั๊ง ผมเลยต้องได้ปั่นบนดินที่เพิ่งเกลี่ยใหม่ๆ มันยุบตัว ปั่นไม่ไหว หมดแรงเลย มันหนืด


โกยถนนมาไว้ตรงนี้เอง ปั่นยากครับ ดินมันยุบตัว ถ้าจะมัวเปลี่ยนความยาว crank ก็เสียเวลาอีก เพราะระยะมันนิดเดียว ไม่คุ้มค้ากับการเสียเวลาถึง 2 นาที


กลับสู่เส้นทางเดิม


ด่านต่อไปเป็นรอยทางจางๆ ผ่านยอดหญ้า เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจร

ดูเผินๆ เหมือนมันไม่มีอะไร แต่ใต้ยอดหญ้านั่น ขรุขระมากครับ สะเทือนตลอด

จักรยานล้อเดียวนั้น เวลาปะทะกับอุปสรรค ต้องปะทะด้วยความเร็วต่ำๆ จะได้ทรงตัว และควบคุมรถได้ทัน ไม่หมือนสองล้อ หรือโดยเฉพาะเสือภูเขาที่มีโช๊คอัพหน้า สามารถปะทะกับอุปสรรคได้เลย ปะทะแรงๆ ก็ได้ ไม่เสียหลักง่ายๆ


ว่าจะถ่ายรูปตัวเองแถวนี้ ล้มเลย


เมื่อต้องใช้ความเร็วต่ำๆ ในการปะทะกับอุปสรรค ถ้า crank สั้น การออกตัว และแรงในการปีนป่ายอุปสรรคจะน้อย คือต้องออกแรงปั่นมาก

สภาพขรุขระมากเช่นนี้ ผมเลยต้องปรับระยะ crank ให้ยาวขึ้นอีก เป็น 165 mm เสียเวลาไปอีก 2 นาที


ตัดสินใจไม่ผิด เพราะทางมันโหดขึ้นเรื่อยๆ


แล้วก็มาถึงด่านโหด ต้องไต่คันนา


ไม่รอดครับ ถ้าคันนาเรียบหน่อยก็ยังดี แต่นี่ขรุขระมาก แถมมีร่องน้ำตัดผ่านอีก

ว่าจะใช้วิชากระโดดข้ามก็ไม่ไหว หมดแรง ขาล้าต่อเนื่องมายาวนาน กระโดดไม่ไหวครับ

ถ้าจะปรับระยะ crank ให้เป็น 185 mm เพื่อให้ปั่นได้ลื่นขึ้นอีก ก็ไม่อยากเสียเวลา 2 นาที กับระยะทางเพียงนิดเดียว เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่า crank ที่ยาว ปั่นได้ลื่นก็จริง แต่มันก็ปั่นได้ช้า ทำเวลาไม่ได้เลย เราจึงจำเป็นจะต้องใช้ระยะ crank ที่สั้นที่สุด แต่ว่าพอดีกับสภาพเส้นทางครับ เพื่อให้การฝ่าฟันอุปสรรค กับความเร็วที่ทำได้นั้น ได้ประสิทธิภาพสูงสุด


มาถึงรั้ววัด ก็ผ่านด่านโหดมาแล้วหละครับ ที่เหลือก็ไม่โหดแล้ว มองย้อนกลับไป มันก็ผ่านทุ่งนาของชาวบ้านมานั่นแหละครับ

ตรงนี้ผมก็เปลี่ยน crank กลับมาอยู่ที่ระยะ 145 mm

ตอนนี้ผมอยู่ที่จะสีม่วงแล้ว เพื่อที่จะข้ามจุดตัดทางรถไฟ กลับไปตามทาง ตามจุดสีฟ้าเล็กๆ ครับ

ถ้าผมมากับ MTB จะไปได้อีกไกลกว่านี้มาก เพราะ MTB เร็วกว่า แต่ MTU (Mountain Unicycle) ก็ได้อารมณ์คนละแบบ

MTB เร็ว ลุย มัน โฉบเฉี่ยวเลี้ยวเลาะ
MTU ช้าๆ ลุ้นๆ สมาธิต้องแน่วแน่ตลอดการเดินทาง เหนื่อย เมื่อย ล้า


อีกฝั่งของถนนเลียบทางรถไฟ ก็เป็นดิน ไม่มีลูกรัง แต่ลายค่อนข้้างชัดเรียบ ปั่นง่าย


แสงเริ่มน้อย ต้องเร่งหน่อย เพราะว่าจักรยานล้อเดียว ต้องมองพื้นเห็นนะครับ ถ้ามองพื้นไม่เห็นนี่ เราจะไม่สามารถรับมือกับสภาพความขรุขระได้ จะทำให้เสียหลักล้มได้ง่ายกว่าสองล้อครับ


จริงๆ อยากเปลี่ยน crank เป็นระยะ 125 เลย แต่มันยังเหลือเส้นทางบางจุดที่ขรุขระมาก ระยะ 125 ผ่านได้ลำบาก


จนมาถึงทางลูกรัง จึงได้ปรับระยะ crank เป็น 125 mm ครับ


รถไฟผ่านมาพอดี ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย

ตอนนี้ผมอยู่บริเวณใกล้ๆ จุดสีส้มในแผนที่นั่นหละครับ


พอมาถึงถนนใหญ่ ก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่กับทางเรียบ แม้จะมองไม่ค่อยเห็นถนน ก็ไม่เป็นไรครับ ปั่นได้

ปั่นไปปั่นมา เจอจุดตรวจ ตำรวจดักจับมอเตอร์ไซค์ครับ ดีนะที่ผมใส่หมวกกันน๊อคมา ไม่งั้นอาจถูกจับก็ได้นะ (ฮิฺฺฮิ) จุดเขียวใหญ่ในแผนที่ คือจุดที่มีการตั้งด่านครับ

แต่ถ้าตำรวจขอดูใบขับขี่จักรยานล้อเดียว ผมซวยแน่เลย ไม่มีอะ

หลังจากนี้ก็ปั่นกลับทางเรียบ ตามจุดสีฟ้า ไปให้ถึงจุดสีแดงก็เป็นอันจบภาระกิจครับ

ดูๆ แล้วก็ปั่นได้ระยะทางประมาณ 12 กม. ได้
เปลี่ยนระยะ crank ไปถึง 4 ครั้ง เสียเวลาไปประมาณ 8 นาที

Key words: RouteRaideR, Offroad unicycling




 

Create Date : 27 เมษายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2554 14:13:35 น.
Counter : 1084 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.