Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "ปฏิบัติการนอกสถานที่ครั้งที่ 5.1 บุกห้วยตึงเฒ่า"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ วันนี้ผมจะปั่นไปห่วยตึงเฒ่าครับ แต่มันคงจะธรรมดาเกินไป ถ้าแค่ปันไปห้วยตึงเฒ่าเฉยๆ แต่วันนี้ผมต้องปั่นสู้กับ MTB ครับ ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า


ออกจากแม่โจ้ตั้งแต่ฟ้ายังมืดอยู่เลยครับ จะได้แดดไม่ร้อน


จักรยานล้อเดียวยังไงก็สู้สองล้อไม่ได้อยุ่แล้วครับ เรื่องความเร็ว แต่ผมก็อย่ากจะรู้ว่า มันจะเสียเปรียบกันมากแค่ไหน ต้องลองดูครับ


วิวน้ำปิงยามฟ้าเริ่มสาง


วันนี้มี service bike ตามมาด้วย 2 คัน (พอดียกให้ตัวเองเป็นพระเอก เลยโยนให้คนอื่นเป็นแค่ service bike ก็แล้วกัน)

คันหนึ่งเป็นเสือไบ (Hybrid bike กึ่งเสือหมอบกับเสือภูเขา ล้อ 28 นิ้ว)
อีกคันเป็นเสือภูเขา ล้อ 26 นิ้ว
ส่วนของผมเสือเดี่ยว ล้อ 26 นิ้ว

เวลาปั่นต้องบอกให้เสือไบ กับเสือภูเขา ปั่นแบบสบายๆ ห้ามสปีดหนี ไม่งั้นผมก็ตามไม่ทันครับ


ดาวบนดินครับ

ช่วงที่ทางมืดๆ ผมใช้ระยะ crank 125 mm จะได้ควบคุมง่ายหน่อย เผื่อไม่เห็นหลุม ซอยเท้าตามสองล้อยิกๆ เหนื่อยมาก
พอฟ้าเริ่มสาง ขอปรับเป็น 107 mm จะได้ปั่นได้ไวขึ้นอีกหน่อย


ออกมาถึงถนนใหญ่ ข้างหน้าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิง


ผมลองนับจังหวะเท้าดูแล้วครับ ในขณะที่สองล้อควงเท้า 1 รอบ ผมขี่ล้อเดียว ผมจะต้องควงเท้า 3-3.5 รอบ จึงจะปั่นได้ทัน (ไม่ถึง 4 นะครับ เพราะไม่สามารถควงเท้าได้เร็วขนาดนั้น) นั่นหมายความคร่าวๆ ได้ว่า ผมจะต้องเหนื่อยกว่าปั่นสองล้อถึง 3-4 เท่าเป็นอย่างน้อย (เพราะอย่าลืมว่า ล้อเดียวไม่มีเกียร์อีกด้วย)


ยังไงทางเรียบก็พอไหว อาศัยความฟิตเข้าช่วย พอดีเสือไบ มีมิเตอร์วัดความเร็ว บอกว่าวัดความเร็วเฉลี่ยได้ประมาณ 15 km/hr ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นความเร็วที่ค่อนข้างช้าของจักรยานสองล้อ ไม่ว่าจะเสือไบ หรือเสือภูเขา แต่ถือว่าเร็วมากแล้ว สำหรับจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้ว เพราะค่าเฉลี่ยความเร็วของจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้ว จะอยู่ประมาณ 10-12 km/hr เท่านั้น


หลวมตัวมาแล้ว ก็จำเป็นต้องลุยให้จบภาระกิจ


ยังไหวครับ


เจอป้ายห้วยตึงเฒ่าแล้ว


จังหวะไฟแดง ผมรีบจูงข้ามถนนก่อนสองล้อเลยครับ รีบเก็บระยะทางไปก่อนดีกว่า ปั่นรั้งท้ายแล้วเหนื่อยมาก


รวมเสือ เสือไบ เสือภูเขา และเสือเดี่ยว


เดินทางต่อครับ ใกล้ถึงแล้ว


หน้าทางเข้าห้วยตึงเฒ่า มีวัด (จำชื่อไม่ได้แล้ว) แวะชมเล็กน้อย


เก็บภาพประทับใจ พร้อมแอบพักเหนื่อย


ที่วัด มีเสือภูเขามาแจมอีก 1 ครับ ตอนนี้มี 4 คน 7 ล้อ เหนื่อยแน่ผม ต้องรับมือกับ service bike ถึง 3 คัน


แล้วพบกันอีกบล็อกหน้าครับ




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2554    
Last Update : 8 ตุลาคม 2554 10:54:14 น.
Counter : 1436 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ประเดิม Heptahole crank ที่เชียงใหม่"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ กลับมาอีกครั้ง กับปฏิบัติการนอกครั้งที่ 5

ผมได้มีโอกาสน้ำจักรยานล้อเดียวออกปฏิบัติการนอกสถานที่มาแล้ว 4 ครั้ง

ครั้งที่ 1 ตรัง-ปราณบุรี ไปกับล้อใหญ่ 29 นิ้ว ขี่ก็ยังไม่แข็ง แต่ก็ไปด้วยความห้าว ร้อนวิชา

ครั้งที่ 2 ปากเซ-สี่พันดอน ไปปั่นล้อเดียวนอกประเทศครั้งแรก ห้าวเหมือนกัน เพราะกำลังขี่ได้เก่งขึ้น ไปกับล้อ 24 นิ้ว ล้อเล็ก ควบคุมง่าย มันมากครับ

ครั้งที่ 3 ดอยสุเทพ-ปาย-แม่โจ้ ไปกับล้อ 26 นิ้ว ได้ลองปั่นขึ้นดอยครั้งแรก เหนื่อยมากๆ เกือบไม่รอด

ครั้งที่ 4 ป่าหินงาม ไปกับล้อ 26 ปั่นจน crank หัก เป็นปฏิบัติการที่ล้มเหลวที่สุด

และล่าสุด ปฏิบัติการนอกสถานที่ครั้งที่ 5 ห้วยตึงเฒ่า-ภูพิงค์ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ผมจะนำเสนอเป็นตอนๆ ไปเรื่อยๆ เริ่มจากตอนนี้เลยครับ


เริ่มออกเดินทาง ห่อจักรยานล้อเดียว ขนาด 26 นิ้วด้วยผ้าขาวม้า แล้วมัดเชือก เพื่อป้องกันการขีดข่วน


โชว์ของเล่นใหม่ Heptahole crank คือขาจานที่มี 7 รู โดยมีระยะดังต่อไปนี้ครับ

90/107/125/145/165/187/210 mm

อันก่อนหน้านี้ จะเป็น 105/125/145/165/185/205 mm Hexahole crank

ถ้าดูตัวเลขเปรียบเทียบแล้ว จะต่างกันเล็กน้อย โดยผมหวังว่า crank 7 รูที่ผมออกแบบมาใหม่ จะตอบสนองการใช้งานผมได้ดีกว่าเดิม


ขนง่ายครับ


ภาพบรรยากาศน้ำท่วมระหว่างการเดินทาง


ตัดภาพมาอีกที ถึงแยกอินโดจีนแล้ว ตอนเช้า


ตกเย็นก็ออกอุ่นเครื่องก่อนเลยครับ ปั่นวอร์มเลียบริมคลองชลประทาน


ปฏิบัติการนอกสถานที่ครั้งก่อนๆ กับล้อ 26 นิ้ว ผมไม่กล้าใช้ระยะ crank ที่สั้นกว่า 125 mm ในการปั่น เพราะเกรงว่าจะควบคุมรถไม่อยู่

แต่มาคราวนี้ ผมสามารถใช้ระยะ crank ที่ 107 mm ด้วยความมั่นใจ


บรรยากาศทุ่งนากำลังเขียว โดยมีฉากหลักเป็นภูเขา สวยมากครับ แถวบ้านผมไม่มีให้ดูแบบนี้


ภาพนี้จับได้ชัด ใช้ระยะ crank 107 mm รูที่สองจากในสุด ช่วยให้ปั่นบนทางเรียบได้เร็ว แต่ช่วงออกตัว ช่วงปั่นช้า ช่วงขึ้นเนิน ก็ต้องใช้กำลังขามากเป็นพิเศษ


แวะพักริมทาง

crank ยิ่งสั้น ยิ่งต้องใช้กำลังขามาก ในการปั่น แต่ก็ดีที่มันเร็ว
crank ยิ่งยาว ยิ่งปั่นได้ง่าย ปั่นได้ลื่น ปีนป่ายได้ง่าย แต่มันก็จะยิ่งช้า

ต้องเลือกให้เหมาะกับกำลังขา และเหมาะกับสภาพเส้นทางครับ



ถ่ายภาพวิวไปด้วย


ช่วงก่อนหน้า ที่น้ำท่วมเชียงใหม่ ได้ข่าวว่าน้ำล้นคลองนี้ขึ้นมาเลยครับ จะเห็นหลักฐานเป็นกระสอบทราย


เหลือบไปเห็นเส้นทางอีกฝั่งของคลอง เป็นเส้นทาง off-road จิตวิญญาณการปั่น off-road ของผมพุ่งพล่านทั่นที


เปลี่ยนเกียร์เล็กน้อยครับ จาก 107 mm ปรับให้ยาวขึ้นเป็น 125 mm รูที่สามจากด้านใน

เพราะมองจากสภาพพื้นที่แล้ว ไม่ขรุขระเท่าไหร่ ระยะนี้น่าจะไหว


จักรยานล้อเดียว ปั่น off-road ผมว่ามันกว่า on-raod เพราะว่า ทางขรุขระ เราต้องใช้สติ และสมาธิสูงกว่า ลุ้นกว่า ตาต้องคอยเช็คลายการปั่น เช็คหลุมบ่อร่องเนินให้ดีๆ แขนข้างหนึ่งต้องดึงอานไว้ให้มั่น เพื่อให้ควบคุมรถได้ง่าย ในขณะที่แขนอีกข้างจะต้องใช้ในการทรงตัว ลำตัว และเอวต้องคอยบิดเพื่อควบคุมให้รถเลี้ยวหลบอุปสรรค์ต่างๆ ขาและเท้าก็ต้องคอยส่งกำลังในการขับเคลื่อน และคอยเบรกในยามจำเป็น เรียกได้ว่าออกกำลังกายมันทั้งตัวเลยครับ


off-road มันกว่า แต่ก็เหนื่อยกว่าครับ ในระยะทางที่เท่ากัน


ปั่นไปๆ เหมือนทางมันจะแย่ลงเรื่อยๆ


ไปๆ มาๆ ไม่เห็นทางเลยครับทีนี้ สภาพเส้นทางแบบนี้ ระยะ crank 125 mm นั้นสั้นเกินไปครับ หลายครั้งผมไม่เห็นหลุม หรือกิ่งไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ยอดหญ้า บวกกับฟ้าเริ่มจะมืดแล้วด้วย ทำให้พลาดท่า สภาพเส้นทางแบบนี้ จะต้องปรับระยะ crank มาที่ 145 ไม่ก็ 165 mm ไปเลย จะช่วยได้มาก แต่ผมก็ไม่ได้ปรับครับ เพราะใกล้มืดแล้ว และอยากจะหาทางออกไป on-road ฝั่นตรงข้ามแล้ว แต่ัยังไม่เจอทางออก


ซ้ำร้าย ทางขาดซะอีก จะปั่นย้อนกลับไปก็มาไกลแล้ว ไปอีกหน่อยน่าจะมีสะพานให้ข้ามกลับไปฝั่งตรงข้ามได้


ทางขาดใหญ่เลยครับ ผมจำเป็นต้องโยนจักรยานข้ามไปก่อน แล้วผมค่อยกระโดดตามไป

งงกับชีวิตมาก กะว่าจะมาอุ่นเครื่องเบาๆ กลับต้องมาพจญภัยแบบไม่ตั้งใจ ในภาพจะเห็นทางอยู่ด้านบนของภาพ ทางมันขาดลงมาลึกมาก ไม่มีทางไปจริงๆ ครับ


กระโดดข้ามมาได้ ลุ้นมาก พื้นโคลนมันเละ ถ่ายภาพย้อนไปดูรอยเท้าตัวเอง โชคดีที่อีกฝั่งเป็นหญ่า ถ้าเป็นโคลนเละๆ เหมือนกัน คงดูไม่จืดแน่


อุ่นเครื่องคราวนี้ หนักมาก

เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้บล็อกหน้าครับ


หลังจากผมขึ้นมาจากทางขาดได้ ก็รีบหาทางข้ามฝั่งกลับไป on-road ปั่นกลับ ซึ่งฟ้าก็มืดไปแล้วครับ ไม่สามารถถ่ายภาพใดๆ ได้อีก




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2554    
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 20:59:13 น.
Counter : 1088 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "อยากได้ดุมของ Schlumpf จริงๆ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

วิธีที่จะทำให้ จักรยานล้อเดียว เร็วเท่าสองล้อได้ ก็คือต้องมีการทดเกียร์

เดิมมีแค่ 1:1 อยากจะเร็ว ก็ต้องซอยเท้าเร็วๆ เอาเอง ยังไงก็สู้สองล้อไม่ได้ครับ

เพราะสองล้อ ถึงเป็นสองล้อที่เป็น single speed มันก็มีการทดจากเฟืองหน้าไปเฟืองหลัง

สองล้อ จึงเร็วกว่าล้อเดียวเสมอครับ

วิธีที่จะทดเกียร์ให้กับจักรยานล้อเดียวได้ คือใส่เกียร์ดุมเข้าไปครับ

บล็อกนี้ ผมจะรวบรวมวิดีโอ เกี่ยวกับ Schlumpf hub ไว้ยั่วกิเลสตัวเอง


เริ่มจากการติดตั้งขาจาน ประกอบเข้ากับดุมล้อ


ล้อ 26 นิ้ว ก็จะเร็วจนกลายเป็นล้อ 40 นิ้ว เพราะได้อัตราทด 1:1.55 มาเพิ่ม ท้ายคลิปบอกว่าวัดความเร็วได้ 15 mph น่าจะประมาณ 24 km/hr


ทำให้ล้อเดียว สามารถปั่นได้ทันสองล้อ


ติดให้ล้อ 28 นิ้ว ก็เร็วขึ้นไปอีก นาทีที่ 1.40 วัดความเร็วได้ 23 km/hr คิดว่าน่าจะเร็วได้มากกว่านี้ ถ้าซอยเท้าให้ไวขึ้นไปอีก


ถ้าติดให้ล้อ 36 นิ้ว ไม่ต้องพูดถึง เร็วสุดๆ แน่ๆ เสียดาย ไม่มีใครทดสอบให้ดูชัดๆ


ดูจากตารางความเร็วของจักรยานล้อเดียว ที่ผมดัดแปลงมาจากตารางใน wiki ถ้านำมาคูณ 1.55 ดู จะพบว่าความเร็วจะเพิ่มขึ้นมาก

ล้อ 24 นิ้ว จาก 8-16 km/hr จะกลายเป็น 12-25 km/hr
ล้อ 26 นิ้ว จาก 9.6-19 km/hr จะกลายเป็น 15-29 km/hr (น่าสนใจ)
ล้อ 29 นิ้ว จาก 11-23 km/hr จะกลายเป็น 17-36 km/hr (ว่าว เร็วมาก)
ล้อ 36 นิ้ว จาก 18-47 km/hr จะกลายเป็น 28-73 km/hr (โอว เร็วน่ากลัวเลย)


เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ค่าในตารางนั้น น่าเชื่อถือ ท้ายคลิปนี้ มีสถิติสรุปให้ดูครับ ว่าล้อ 36 นิ้ว ปั่นเดินทาง ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 18.65 km/hr

นั่นหมายความว่า ถ้านักปั่นในคลิปนี้ ลงทุนติด Schlumpf hub เขาจะทำความเร็วเฉลี่ยได้ 18.65 x 1.55 = 29 km/hr


วิดีโอนี้ จะนำล้อ 36 นิ้ว มาปั่นเร็วๆ หา top speed

ครั้งแรกปั่นได้ 16.9 mph คือ 27 km/hr ถ้าติด Schlumpf hub ก็จะได้ 42 km/hr
ครั้งที่สอง ปั่นได้ 17.4 mph คือ 28 km/hr คูณ 1.55 ก็จะได้ 43 km/hr

//en.wikipedia.org/wiki/Unicycle
กลับไปดูตารางความเร็วใน wiki อีกครั้ง พบว่า ค่าในตารางเปลี่ยนแปลงไปจากที่ผมเคยเซฟมาครั้งก่อน นานแล้ว แต่ผมก็ยังสงสัยว่า จักรยานล้อเดียวขนาด 36 นิ้ว จะเร็วสูงสุดได้ถึง 45 km/hr เชียวหรือ น่าสงสัยมาก

ถ้าจะซื้อ Schlumpf hub มาสักลูก ก็ต้องมานั่งคิดอีกว่า จะติดให้กับขนาดล้อเท่าไหร่ดี

ติดให้ 36 นิ้วก็ดี เราจะได้จักรยานล้อเดียวที่เร็วสุดๆ แต่ปัญหาคือ ล้อ 36 นิ้วมันมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เล่นยาก

ติดให้ 26 นิ้วก็ดี ล้อขนาดนี้กำลังพอดี เล่นง่าย พกพาสะดวก ปั่น off road ได้ง่ายกว่า แต่ก็จะได้ความเร็วไม่มาก

ถ้าจะติดให้ 29 นิ้ว คิดว่าติดให้ 36 ไปเลยดีกว่า เพราะ 29 นิ้ว มันก็ใหญ่ เล่นยากอยู่แล้ว เอาให้ยากสุดๆ ไปเลยดีกว่า

จะติดให้ทุกคัน ก็คงไม่ไหว Schlumpf hub ลูกหนึ่ง ราคาตั้ง 1000 Euro แหนะ


ฝันหวานรอไปก่อนช่วงนี้

แถม


เทคนิคการใช้ส้นเท้าด้านในตอกเปลี่ยนเกียร์


ติด Schlumpf hub ให้ล้อ 24 นิ้ว เพราะเป็นล้อขนาดเล็ก จะเล่น off road ได้ง่ายกว่าล้อขนาดใหญ่ ล้อขนาดเล็ก มีข้อเสียที่ช้าอยู่แล้ว เมื่อติดเกียร์ให้ ก็เท่ากับว่าได้แก้ข้อเสียไปเลย ขี่ก็ง่าย แถมทำความเร็วได้ดีอีกต่างหาก


GUNI ย่อมาจาก Geared Unicycle

คลิปนี้ติด Schlumpf hub ให้ ล้อ 29 นิ้ว ซึ่งมันก้ำกึ่ง จะปั่น off road ก็เล่นยาก ไม่ง่ายเหมือนล้อ 24 หรือ ล้อ 26 นิ้ว จะเอาไปปั่นถนน ก็เร็วสู้ล้อ 36 นิ้วที่ติดเกียร์ไม่ได้

การตัดสินใจว่าจะติดเกียร์ให้ขนาดล้อเท่าไหร่ มันน่าคิดหนักจริงๆ ครับ


ถ้าซื้อมาแต่ตัวเกียร์ ก็มาเป็นลูกคล้ายกระป๋องนม ต้องมาร้อยซี่ และขึ้นวงล้อเอง


Kris Holm ใช้ Schlumpf hub ติดให้จักรยานล้อเดียวขนาด 24 นิ้ว ลงแข่งกับ MTB




 

Create Date : 18 กันยายน 2554    
Last Update : 19 กันยายน 2554 10:34:58 น.
Counter : 1632 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "อินเทร็นน้ำท่วม ภาค 2"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

ลูกศิกษ์อีกคน ได้ดูบล็อกก่อนหน้า อยากจะมาพิชิตน้ำท่วมบ้าง

ไม่มีัปัญหาครับ จัดให้


หารู้ไม่ น้ำมันขึ้นทุกวัน

ขนาดวันนี้ ผมมากับล้อ 29 นิ้ว สูงใหญ่ ไว้หนี่น้ำท่วมแ้ล้ว แต่ก็ไม่รอดครับ

น้ำท่วมเกินครึ่งล้อ ไปไม่ได้ครับ


ไปไม่ได้ เพราะ

1) น้ำยิ่งลึก แรงต้านยิ่งมาก โดยเฉพาะเท้าของเราเองที่ปั่นผ่านน้ำ ยิ่งเกิดแรงต้านมากขึ้น ต้านแบบซ้ายที ขวาทีด้วย ทำให้ทรงตัวลำบากมาก

2) ยางมีลมอยู่ เมื่อมันจมน้ำ มันจะลอย ทำให้การยึดเกาะถนนลดลง เสียหลักได้ง่าย

3) น้ำลึก มองไม่เห็นสภาพเส้นทาง บางทีมีหลุม มีต่างระดับ มองไม่เห็นก็เรียบร้อยครับ


ผมรู้อยู่แล้วครับ ว่าน้ำจะต้องลึกขึ้นกว่าบล็อกก่อน รู้ว่าต้องปั่นไม่ได้แน่ๆ

แต่อยากพจญภัยครับ เลยมา


เย็นว่าบสมใจหละครับ งานนี้


สภาพเส้นทางที่เวิ้งว้าง ปกคลุมไปด้วยน้ำแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่ ห้ามมาเด็ดขาดครับ

เพราะเราจะไม่รู้เลยว่า อะไรมันอยู่ตรงไหน ตรงไหนที่เป็นร่องลึก ร่องตื้น

ถ้าไม่ชินทาง แ้ล้วมา อาจจะเดินไปตกร่องน้ำลึก ตกลงไปในหนองน้ำได้แบบไม่รู้ตัวครับ

แต่พอดีผมรู้ทาง รู้ว่าฟุตบาทอยู่ตรงไหน ก็พอไปได้ครับ


เก็บภาพเป็นที่ระรึก รุตไรเดอร์พิชิตน้ำท่วม


ตามเสาสะพาน มีหอยมาเกาะอาศัยเต็มไปหมดเลยครับ ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แปลกดี

พอน้ำท่วม สัตว์น้ำก็เข้ายึดพื้นที่ สัตว์บก (รวมทั้งคน) ก็ต้องอพยพหนี


ตอนนี้ผมอยู่บนสะพานข้ามลำน้ำ ดูผืนน้ำเป็นอันหนึ่งอันเดียวไปหมด


ฝ่าน้ำลึก จนมาถึงจุดน้ำตื้น

ระดับน้ำขนาดนี้ กำลังดีกับการปั่นเล่นครับ


แต่ถ้าน้ำลึก อย่าหวังจะปั่นเลยครับ แบกเดินเอาง่ายกว่า

คราบตะกอนใต้ทองน้ำ มันลื่นซะด้วย


ณ เวลาปัจจุบัน ที่เขียนบล็อกนี้ ราวสะพานสีขาวที่เห็นในภาพนั้น มันได้จมหายไปอยู่ใต้น้ำเรียบร้อยแล้วครับ

แต่ ณ เวลาในภาพ ก็ยังพอเดินไปได้


(มันจะมาหาปลา หรือมันจะมาปั่นจักรยานฟะเนี่ย)


ขึ้นฝั่งมาได้แล้วครับ


มองกลับไป แทบไม่เห็นทางที่เดินมาเลย ผักตบลอยสูงมาก


เวลาจะลุยน้ำท่วม ห้ามคิดมากนะครับ ละทิ้งความอนามัยทุกประการ

ไม่ว่า ขยะ หรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ เชื้อโรค มันย่อมละลายมากับน้ำแน่นอนครับ ผมก็รู้ครับ

แต่ทำไงได้ ก็ตัดสินใจมาแล้ว ก็ต้องไปให้มันจบ และได้แต่หวังว่า ปริมาณน้ำที่ท่วมมาอย่างมาก มันจะพอเจือจางสิ่งสกปรกต่างๆ ได้บ้าง แล้วเราก็เห็นชาวบ้านแถวนั้น เขาเล่นน้ำกันได้ เราก็ต้องลุยได้สิ


ทริปนี้ปั่นน้อยมากครับ น้อยกว่าบล๊อกก่อนมาก เพราะน้ำมันลึก


พักกลางสะพาน ฟ้าก็กำลังจะมืด ไม่มีคนเลย สายน้ำเป็นของเรา


อำลาด้วยภาพสายน้ำยามเย็น (เย็นไปครึ่งท่อนเลยวันนี้)


กลับบ้านไป รีบอาบน้ำอย่างเร่งด้วนที่สุดครับ ขัดอย่างดีทุกซอกทุกมุม

แล้วพบกับวิถีผู้กล้าบล็อกหน้าครับ

ปล. ทริปผมดูเด็กๆ ไปเลย เมื่อมีคนปั่นใต้น้ำได้ด้วย

ดีเหมือนกัน

ไว้แนะนำ้ให้คนหัดใหม่ หัดปั่นใต้น้ำ ทรงตัวง่ายกว่า ล้มก็ไม่เจ็บ




 

Create Date : 17 กันยายน 2554    
Last Update : 17 กันยายน 2554 20:40:38 น.
Counter : 840 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "อินเทร็นน้ำท่วม"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์

หายไปนานเหมือนกัน แต่ก็ยังปั่นล้อเดียวอยู่เป็นประจำครับ เพียงแต่มันไม่มีประเด็นใหม่ๆ มาน้ำเสนอ

ปีนี้ฝนตกดีกว่าปีก่อนมาก สภาพเส้นทางที่อยู่ใกล้ๆ ลำน้ำตอนนี้ ท้าทายมากกว่าเดิม เพราะมีน้ำท่วมขัง

งั้นอย่าให้เสียชื่อ ผู้พิชิตทุกเส้นทาง ชวนชาวคณะไปลุยกันดูดีกว่า


ออกเดินทางกันเลย วันนี้ 3 men, 3 wheels


ถึงจุดที่น้ำท่วมเร็วกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย น้ำหนุ่นสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฝนตกเฉพาะพื้นที่ไม่เท่าไหร่หรอกครับ น้ำที่ไหลมาจากที่อื่นสมทบนะแหละ ตัวสำคัญ

งั้นก็ลุยกันเลย กับ Stage 1 น้ำท่วมถนน


ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาปั่น ใช้สมาธิเป็นพิเศษ ระดับน้ำยังไม่สูงมาก ยังพอมองเห็นพื้น แบบนี้ปั่นไม่ยากครับ เท้าไม่เปียกด้วย


ปั่นๆ ไป น้ำลึกขึ้น มองไม่ค่อยเห็นพื้นแล้ว ต้องเดาๆ เอา จากที่เคยใช้เส้นทางมา ตอนนี้ ถึงแม้จะไม่ล้ม เท้าก็เปียกครับ เพราะน้ำมันลึก แถมมีรถมาสร้างคลื่นใส่ซะอีก


ตัวเล็ก ขี่ล้อใหญ่ แถมขาจานสั้น มันก็ลำบากสักหน่อย แต่มันก็คือรสชาติของการพจญภัยครับ


พยายามเต็มที่แล้วครับ ไม่อยากเท้าเปียกเลย แต่น้ำมันลึกจริงๆ ยังไงก็ต้องโดน

Stage 1 น้ำท่วมถนน ผ่านมาได้แล้ว สภาพตอนนี้ รองเท้าอุ้มน้ำไว้เต็มเลยครับ


ต่อด้วย Stage 2 สะพานชมผักตบ


ด่านนี้ง่ายครับ เพราะน้ำเอ่อขึ้นมาอยู่ในระดับที่พอดี ปั่นง่ายครับ เพียงแต่ต้องระวังลื่นเท่านั้น

เทคนิคก็คือ ปั่นใจเย็นๆ เวลาเลี้ยวก็ค่อยๆ เลี้ยว ลดโอกาสการลื่นไถลครับ


หนุกใหญ่


ผมก็หนุกครับ


ผ่านมาได้แล้วครับ ได้ชมผักตบชวาอย่างใกล้ชิด อย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน


ทุกคนปลอดภัยดีครับ


ออกเดินทางกันต่อครับ ศาลาริมน้ำ กลายเป็นศาลาใต้น้ำไปแล้ว


Stage 3 รออยู่ข้างหน้า รู้ว่ามันต้องท่วมแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแค่ไหน


Stage 3 สะพานข้ามลำน้ำ ท่วมหนักมากครับ ชาวบ้านใช้เรือกันแล้ว แต่ผม และคณะ ยืนยันจะปั่น


สำหรับเด็กก็ท่วมไปครึ่งตัวแล้วครับ สำหรับผมโคนขาแล้วครับ เย็นว่าบ


ก่อนลงน้ำมา ปรึกษากันแล้วครับ ด้วยความที่รักการพจญภัย และด้วยความตั้งใจที่จะมาแล้ว ก็ต้องไปให้จบภาระกิจ

จักรยานล้อเดียว มันดีตรงแบกง่ายนี่แหละครับ พอปั่นไม่ได้จริงๆ แบกเอาก็เบาดี


ลุยน้ำมาถึงสะพานแล้ว น้ำก็ตื้นขึ้นครับ ตรงสะพาน ปั่นได้แล้วครับ


วันนี้ผมมากับจักรยานล้อเดียว ขนาด 24 นิ้วครับ

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรเอาจักรยานมาลุยน้ำท่วมนะครับ เพราะเท่าที่ผมเคยเจอมา น้ำจะชะล้างเอาน้ำมันออกจากจุดต่างๆ ของจักรยานไปได้ง่าย เช่นตรงบันได ตรงลูกปืนที่เพลา

ถ้าลุยน้ำแล้ว ปั่นแล้วมีเสียงดัง ก็ต้องกลับไปหยอดน้ำมันเพิ่ม


ระดับน้ำตรงนี้ สูงกว่าตรงสะพานชมผักตบ แต่ก็ยังพอปั่นได้ครับ


กลางสะพาน จะเป็นจุดยกระดับให้เรือลอดได้ แวะทักทายนักว่ายน้ำประจำหมู่บ้าน


เป็นครั้งแรกเลยครับ ที่ผมได้มาปั่นจักรยานล้อเดียวลุยน้ำแบบนี้ สนุกมากครับ ชุ่มฉ่ำดี กลัวลื่นเหมือนกัน ต้องระวังมากๆ


น้ำท่วม นอกจากทำให้เกิดที่เล่นน้ำใหม่แล้ว ยังทำให้เกิดที่ปั่นใหม่ด้วยนะนี่


ปั่นบ้าง จูงบ้าง แบกบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้กันทุกคน มันมากครับ


หนทางยังอีกยาวไกล ยังมี Stage 4 ช่องป่า ให้ได้ลุยกันต่อไป


เสร็จภาระกิจแล้ว ต้องอาบน้ำ ขัดเท้าออกดีๆ นะครับ เดี๋ยวเป็นฮ้องกงฟุต

แล้วพบกันใหม่ blog หน้าครับ




 

Create Date : 15 กันยายน 2554    
Last Update : 15 กันยายน 2554 21:28:49 น.
Counter : 1016 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.