Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 
วิถีผู้กล้า ตอน "ไปเพิ่มทักษะการปั่นออฟโรดกันครับ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์ หลังจากที่ผมขี่จักรยานล้อเดียวมาได้เกือบจะปีแล้วหละ อีกไม่กี่เดือน ช่วงนี้แสงแดดในช่วงกลางวันมันยาวนานขึ้น ทำให้ตอนเย็นมีเวลาออกพจญภัยได้นานขึ้น มันไม่มืดเร็วเหมือนหน้าหนาวครับ

วันนี้ผมอยากจะไปเพิ่ม skill การปั่น offroad ของตัวเองสักหน่อย ไปตามทางที่เคยเอา MTB ไปนั่นแหละครับ แต่คราวนี้จะไปกับจักรยานล้อเดียวขนาด 26 นิ้วคู่ใจ


จุด start ของผมคือจุดแดง ที่อยู่ริมถนน สาย 2178 ขวาของแผนที่นั่นแหละครับ

ตรงขึ้นไปทางทิศเหนือ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ไปเรื่อยๆ ตามจุดเขียวเล็กๆ




เส้นทางจากบ้านผม ผ่านถนนซีเมนต์ ถนนราดยาง จนมาถึงถนนลูกรัง ไม่มีปัญหาครับ มาด้วยระยะ crank 125 mm เป็นระยะที่เหมาะปั่นทางเรียบ ปั่นได้เร็วดี คล่องตัว กับทางลูกรังก็ยังปั่นได้ เพราะมีมีลายให้เลือก ไม่ได้ขรุขระไปเสียทุกจุด

จุดเหลือง จะเป็นจุดตัดทางรถไฟครับ ทางรถไฟสังเกตง่ายๆ มันจะเป็นรอยตรงๆ เฉียงทะแยงกับตัวแผนที่อยู่ครับ



เมื่อสภาพเส้นทางเริ่มโหดมากขึ้น ก็ต้องใช้ระยะ crank ที่ยาวขึ้นครับ จากระยะ 125 mm เดิม


เพิ่มยาวมาเป็น 145 mm ทำให้ปั่นได้ลื่นขึ้น ปีนป่ายอุปสรรคได้ง่ายขึ้น

เปลี่ยนความยาว crank ครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 2 นาที เปลี่ยนครั้งแรกที่จุดสีส้ม ก่อนปั่นเลียบทางรถไฟ


ด่านต่อไปสภาพเส้นทาง เป็นดิน ไม่มีลูกรัง ยังไหวครับ ไม่ยากมาก แม้จะขรุขระมากขึ้น และบางจุดเป็นโคลนเลน แต่ก็พอหลบได้ และยังพอมีลายเรียบๆ ให้เลือก


ขรุขระ แต่ก็อยากถ่ายรูป ใช้ความระมัดระวังเอา


ปั่นไปปั่นมา ทางหาย


ชาวบ้านเขาเคลียพื้นที่ ใกล้ถึงฤดูเพาะปลูกอีกแล้วมั๊ง ผมเลยต้องได้ปั่นบนดินที่เพิ่งเกลี่ยใหม่ๆ มันยุบตัว ปั่นไม่ไหว หมดแรงเลย มันหนืด


โกยถนนมาไว้ตรงนี้เอง ปั่นยากครับ ดินมันยุบตัว ถ้าจะมัวเปลี่ยนความยาว crank ก็เสียเวลาอีก เพราะระยะมันนิดเดียว ไม่คุ้มค้ากับการเสียเวลาถึง 2 นาที


กลับสู่เส้นทางเดิม


ด่านต่อไปเป็นรอยทางจางๆ ผ่านยอดหญ้า เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจร

ดูเผินๆ เหมือนมันไม่มีอะไร แต่ใต้ยอดหญ้านั่น ขรุขระมากครับ สะเทือนตลอด

จักรยานล้อเดียวนั้น เวลาปะทะกับอุปสรรค ต้องปะทะด้วยความเร็วต่ำๆ จะได้ทรงตัว และควบคุมรถได้ทัน ไม่หมือนสองล้อ หรือโดยเฉพาะเสือภูเขาที่มีโช๊คอัพหน้า สามารถปะทะกับอุปสรรคได้เลย ปะทะแรงๆ ก็ได้ ไม่เสียหลักง่ายๆ


ว่าจะถ่ายรูปตัวเองแถวนี้ ล้มเลย


เมื่อต้องใช้ความเร็วต่ำๆ ในการปะทะกับอุปสรรค ถ้า crank สั้น การออกตัว และแรงในการปีนป่ายอุปสรรคจะน้อย คือต้องออกแรงปั่นมาก

สภาพขรุขระมากเช่นนี้ ผมเลยต้องปรับระยะ crank ให้ยาวขึ้นอีก เป็น 165 mm เสียเวลาไปอีก 2 นาที


ตัดสินใจไม่ผิด เพราะทางมันโหดขึ้นเรื่อยๆ


แล้วก็มาถึงด่านโหด ต้องไต่คันนา


ไม่รอดครับ ถ้าคันนาเรียบหน่อยก็ยังดี แต่นี่ขรุขระมาก แถมมีร่องน้ำตัดผ่านอีก

ว่าจะใช้วิชากระโดดข้ามก็ไม่ไหว หมดแรง ขาล้าต่อเนื่องมายาวนาน กระโดดไม่ไหวครับ

ถ้าจะปรับระยะ crank ให้เป็น 185 mm เพื่อให้ปั่นได้ลื่นขึ้นอีก ก็ไม่อยากเสียเวลา 2 นาที กับระยะทางเพียงนิดเดียว เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่า crank ที่ยาว ปั่นได้ลื่นก็จริง แต่มันก็ปั่นได้ช้า ทำเวลาไม่ได้เลย เราจึงจำเป็นจะต้องใช้ระยะ crank ที่สั้นที่สุด แต่ว่าพอดีกับสภาพเส้นทางครับ เพื่อให้การฝ่าฟันอุปสรรค กับความเร็วที่ทำได้นั้น ได้ประสิทธิภาพสูงสุด


มาถึงรั้ววัด ก็ผ่านด่านโหดมาแล้วหละครับ ที่เหลือก็ไม่โหดแล้ว มองย้อนกลับไป มันก็ผ่านทุ่งนาของชาวบ้านมานั่นแหละครับ

ตรงนี้ผมก็เปลี่ยน crank กลับมาอยู่ที่ระยะ 145 mm

ตอนนี้ผมอยู่ที่จะสีม่วงแล้ว เพื่อที่จะข้ามจุดตัดทางรถไฟ กลับไปตามทาง ตามจุดสีฟ้าเล็กๆ ครับ

ถ้าผมมากับ MTB จะไปได้อีกไกลกว่านี้มาก เพราะ MTB เร็วกว่า แต่ MTU (Mountain Unicycle) ก็ได้อารมณ์คนละแบบ

MTB เร็ว ลุย มัน โฉบเฉี่ยวเลี้ยวเลาะ
MTU ช้าๆ ลุ้นๆ สมาธิต้องแน่วแน่ตลอดการเดินทาง เหนื่อย เมื่อย ล้า


อีกฝั่งของถนนเลียบทางรถไฟ ก็เป็นดิน ไม่มีลูกรัง แต่ลายค่อนข้้างชัดเรียบ ปั่นง่าย


แสงเริ่มน้อย ต้องเร่งหน่อย เพราะว่าจักรยานล้อเดียว ต้องมองพื้นเห็นนะครับ ถ้ามองพื้นไม่เห็นนี่ เราจะไม่สามารถรับมือกับสภาพความขรุขระได้ จะทำให้เสียหลักล้มได้ง่ายกว่าสองล้อครับ


จริงๆ อยากเปลี่ยน crank เป็นระยะ 125 เลย แต่มันยังเหลือเส้นทางบางจุดที่ขรุขระมาก ระยะ 125 ผ่านได้ลำบาก


จนมาถึงทางลูกรัง จึงได้ปรับระยะ crank เป็น 125 mm ครับ


รถไฟผ่านมาพอดี ถ่ายรูปไว้ซะหน่อย

ตอนนี้ผมอยู่บริเวณใกล้ๆ จุดสีส้มในแผนที่นั่นหละครับ


พอมาถึงถนนใหญ่ ก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่กับทางเรียบ แม้จะมองไม่ค่อยเห็นถนน ก็ไม่เป็นไรครับ ปั่นได้

ปั่นไปปั่นมา เจอจุดตรวจ ตำรวจดักจับมอเตอร์ไซค์ครับ ดีนะที่ผมใส่หมวกกันน๊อคมา ไม่งั้นอาจถูกจับก็ได้นะ (ฮิฺฺฮิ) จุดเขียวใหญ่ในแผนที่ คือจุดที่มีการตั้งด่านครับ

แต่ถ้าตำรวจขอดูใบขับขี่จักรยานล้อเดียว ผมซวยแน่เลย ไม่มีอะ

หลังจากนี้ก็ปั่นกลับทางเรียบ ตามจุดสีฟ้า ไปให้ถึงจุดสีแดงก็เป็นอันจบภาระกิจครับ

ดูๆ แล้วก็ปั่นได้ระยะทางประมาณ 12 กม. ได้
เปลี่ยนระยะ crank ไปถึง 4 ครั้ง เสียเวลาไปประมาณ 8 นาที

Key words: RouteRaideR, Offroad unicycling


Create Date : 27 เมษายน 2554
Last Update : 27 เมษายน 2554 14:13:35 น. 4 comments
Counter : 1085 Pageviews.

 
จักรยานล้อเดียว อิอิ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:15:43:02 น.  

 
12 km. ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ครับ?


โดย: taxi IP: 158.108.184.24 วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:23:57:19 น.  

 
เส้นทางเหมือนจะเปลี่ยว ๆ เลยอ่ะ

ปั่นมันเลยนะ ทำเวลาทันก่อนฟ้ามืด
แต่เริ่มฟ้าสลัว ๆ แล้วเนอะ ปั่นไปไกล ถ้าไม่ร่างกายแข็งแรงจริง ทำไม่ได้นะเนี่ย


โดย: minute waltz วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:5:58:25 น.  

 
ฝันดีจ้า


โดย: minute waltz วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:22:36:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.