Ride to Raid
Group Blog
 
All Blogs
 

วิถีผู้กล้า ตอน "รันเวย์แสนสุข"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


วันนี้ผมมีแผนว่า จะปั่นสำรวจตามตรอกซอกซอยต่างๆ แถวบ้าน

เพื่อทำแผนที่เส้นทางไว้ในหัวตัวเอง


เพราะชีวิตประจำวัน เราก็มักจะไปบนถนนใหญ่ ไม่ก็ซอยบางซอยที่ใช้เป็นประจำเท่านั้น

นอกจากนั้น ก็ไม่ค่อยเคยไปสำรวจหรอกครับ


รถติด ต่อคิวเติมแก๊ส (ประหยัด แต่น่าเบื่อ)


วันนี้ ผมก็ปั่นไปตามซอยที่ไม่เคยไป ดูซิว่ามันจะไปทะลุตรงไหนบ้าง


จะได้เลือกเส้นทาง และจำไว้เป็นแผนที่ในหัว แล้วกำหนดเส้นทางที่สวยๆ ร่มรื่นๆ ไว้ใช้ปั่นออกกำลังกาย


อันนี้เป็นป่าผืนน้อยที่พอเหลือไว้ให้เห็น ว่าถ้าป่ายังอยู่ หน้าตาจะประมาณนี้

แต่ผมว่าเหลือไว้ให้น้อยเกินไปนะ อยากมีที่พักผ่อนแบบนี้เยอะๆ


วันนี้ มากับยางโทนเกียร์ 29 เช่นเคยครับ


ปั่นวนไปวนมา ไม่ได้ไกลจากบ้านมากครับ กะเอาให้รู้ละเอียดเลย ว่าซอยไหนไปไหนบ้าง


วันนี้ เส้นทางไม่โหด มีถนนซีเมนต์ กับทางลูกรังเป็นหลัก


ทางเรียบ ก็เกียร์สูง


ทางขรุขระ ก็ตัดสินใจตามสถานการณ์ ถ้าพอรับมือได้ ก็เกียร์สูงได้ แต่ถ้าขรุขระมาก ก็ต้องถอนเกียร์


ยางโทนเกียร์ 29 ปั่นสนุกมากครับ บนทางลูกรัง


ซอยนี้ ลูกรังยาวเลยครับ ไม่รู้จะไปทะลุไหน


ก็มีวิวให้ดู มีทุ่งนา บ่อปลา ประมาณนี้ครับ


ปั่นออกมาทุละตรงนี้ พอจำได้ แต่สามารถตรงไปได้อีก เอาไว้วันหลัง


เส้นนี้ มุ่งหน้าเข้าวัดแห่งหนึ่ง ในวัดจะมีป่า และมีเส้นทางทะลุไปยังเทศบาลตำบลแสนสุขได้


เส้นทางในป่าผืนน้อย


ผ่านป่าออกมาจะเป็นทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นเส้นทางที่พระใช้เดินครับ


สะพานอันนี้ อยากปั่นผ่านมากเลย มันแข็งแรงดี แล้วหน้าตัดกว้างพอสมควร ไม่อันตราย

แต่ขอบมันสูง เลยปั่นขึ้นเลยไม่ได้ ชนขอบเสียก่อน


ถึงแล้วครับ หลังจากบุกป่าฝ่าดงมา จะมาทะลุรันเวย์

ที่ผมเรียกว่ารันเวย์ เพราะถนนมันกว้างมาก แต่ไม่ค่อยมีรถ


แล้วรันเวย์อันนี้ ก็อยู่หน้าเทศบาลตำบลแสนสุขนั่นเองครับ


แปลกเหมือนกัน มีม้าด้วย แต่ก่อนไม่มี มีแต่วัวกับควาย


โห รถม้าก็มีด้วย นึกว่าลำปาง งงมาก


บรรยากาศรันเวย์แสนสุข


ที่ผมเรียกรันเวย์ ไม่ได้มั่วนะครับ เห็นเครื่องบินไหมครับ



รู้คำตอบแล้วครับ ว่าทำไมถึงมีม้า มีรถม้า


เพราะมีร้านอาหาร สไตล์คาวบอยมาเปิดนั่นเอง

แล้วพบกันได้อีกในการผจญภัยครั้งหน้าครับ






 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 15:28:25 น.
Counter : 2658 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ฝ่าด่านออนโรดมรณะ"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


วันนี้จะพาไปปั่นเรื่อยเปื่อย ยามเย็น เช่นเคย


ฝนไม่ตกมาหลายวันแล้ว แสงแดดแจ่มจรัสมาก

วันนี้เลยแก้เกมมาเล็กน้อย ด้วยแว่นกันแดด


ไม่เช่นนั้น จะปั่นไปทางทิศตะวันตกลำบากมากครับ

ลำพังกันสาดที่หมวก ก็ไม่ช่วย ถ้าดวงอาทิตย์อยู่ต่ำมากๆ


ไปตามตรอกซอกซอยเช่นเคยครับ

ไม่อยากไปถนนใหญ๋เลย ถ้าเลี่ยงได้


วันนี้ มากับยางโทนเกียร์ 29 เช่นเคยครับ 

เพราะตอนนี้ ผมก็เหลือคันที่ขี่เดินทางได้สนุกเพียงแค่สองคัน

คือยางโทนใหญ่ กับยางโทนเกียร์ 29 เท่านั้น


เมื้อกี๊ ผ่านทางรถไฟ เกือบพลาดท่า

พอดีเป็นทางเรียบมาโดยตลอด เลยใช้เกียร์สูง อัตราทด 1:1.5

มีต้องตัดทางรถไฟนิดเดียว (แต่ก็ขรุขระอยู่พอสมควร) เลยขี้เกียจถอนเกียร์

กะว่าจะปั่นผ่านไปเลย แต่เกียร์สูงมันค่อนข้างหนัก และเล่นยาก

เมื่อต้องใช้ความเร็วต่ำ และพื้นผิวขรุขระ เกือบเอาไม่อยู่

ต้องเกร็งขา ใช้ประสบการณ์การทรงตัวสุดชีวิต ดีที่รอดมาได้

ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร วันนี้บังหน้าไว้มิดเลย เขาไม่รู้หรอก ว่าเป็นใคร


เข้าไปปั่นเรื่อยเปื่อยในซอย


มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก ยาวเลยครับ

ตอนแรกก็คิดว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ออนโรด ปั่นง่าย


หารู้ไม่ ทางเรียบที่พังแล้ว มันหนักกว่าทางออฟโรดเสียอีก

แดดก็ส่องหน้า มองทางยากอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอหลุมเยอะอีก

จากจะปั่นเรื่อยเปื่อย กลายเป็นปั่นจริงจังขึ้นมาทันที

เพราะต้องใช้สมาธิอย่างหนัก


ทางลาดยาง ที่ถนนพัง เหลี่ยมมุมของหลุมมันจะเยอะ

ยากกว่าทางลูกรังเสียอีกครับ แล้วไม่ใช่พังธรรมดา พังจนหาทางเรียบๆ ไปไม่ได้เลย

ผมก็งงอยู่ ถนนเส้นนี้ พังมาหลายปีแล้ว ก็ไม่มีใครมาซ่อม

แต่ก็ดีไปอย่าง เก็บไว้ให้ผมฝึกทักษะออฟโรดก็ได้ ไว้จะแวะมาอีก


พอดีมีวัด ว่าจะแวะพักก่อน ทางเล่นยากจริงๆ

ขึ้นเกียร์สูงไม่ได้เลยครับ ขึ้นได้แป๊บๆ ก็ต้องถอน เพราะหาช่องหลบหลุมลำบาก


เข้าวัด หมาก็ตามมาเห่าอีก เลยไม่รู้จะไปนั่งพักตรงไหน

จะฟ้องนักสิทธิมนุษยชนได้หรือเปล่า ผมถูกสุนัขริดรอนสิทธิ์

แค่จะมานั่งพักในวัด ก็ไม่ได้


ถ่ายรูปเล็กน้อย แล้วก็เดินทางต่อ


ให้ชื่อด่านนี้ว่า ออนโรดมรณะก็แล้วกันครับ

ปั่นออนโรด แต่ได้อารมณ์ออฟโรดแบบสะใจสุดๆ


แดดก็ไม่มีทีท่า ว่าจะอ่อนกำลังลงเลย

ห้าโมงเย็น อย่างกับบ่ายสาม


วันหลัง ปั่นจากทิศตะวันตก มาทิศตะวันออกดีกว่า จะเล่นง่ายขึ้น

สำหรับด่านออนโรดมรณะนี้


ดูเทียบกับได้เลยครับ ทางออฟโรดยังเรียบเสียกว่า


แบบนี้ขึ้นเกียร์สูง ลุยมันมากๆ


แวะชมกรรมวิธีการทำนา


แสงแดดตอนหกโมงเย็น


แวะนั่งพักกินน้ำ

แล้วพบกับยางโทนเกียร์ได้ใหม่ บล็อกหน้าครับ





 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 14:04:25 น.
Counter : 1410 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ออฟโรดเบาๆ กับยางโทนเกียร์"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


บล็อกนี้จะพายางโทนเกียร์ไปปั่นบนทางลูกรัง ชมธรรมชาติ


เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออกเดินทาง


เกียร์ที่มี มีแค่ 2 อัตราทด คือ 1:1 กับ 1:1.5 เบา แล้วก็หนัก

ในจังหวะที่ยังมีรถเยอะอยู่ บางที 1:1 มันก็เบาไป ช้าเกินไป

จะขึ้นเกียร์สูง มันก็หนักไป แบบว่า มันไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่

แต่ยังไงเสีย ก็ควรจะใช้เกียร์ต่ำไว้ก่อน ชัวร์กว่า ในจังหวะรถเยอะ


เข้าซอยมา ตามหาทางลูกรับ ถนนโล่งๆ เรียบๆ แบบนี้ ขึ้นเกียร์สูงตลอดครับ


พบแล้วครับ ธรรมชาติ


ต้องไปให้ห่างจากแหล่งชุมชนกว่านี้อีกครับ ถึงจะได้เจอทางลูกรัง


สำหรับยางโทนเกียร์ 29 คันนี้ ผมได้ลองมาหมดทุกสภาวะแล้วครับ

ขาจาน 150 เกียร์ต่ำ เบา ลื่น ปั่นง่าย แต่ช้า
ขาจาน 150 เกียร์สูง หนักพอสมควร ปั่นไวใช้ได้
ขาจาน 125 เกียร์ต่ำ พอดีกับการปั่นทั่วไป
ขาจาน 125 เกียร์สูง หนักมาก แต่ก็ไวดี เหมาะกับทางเรียบนอกเมื่องเท่านั้น

วันนี้ก็ใช้ขาจาน 150mm นั่นแหละครับ เพราะมีด่านออฟโรด


ถึงแล้วครับ ทางลูกรัง ซึ่งถือว่าเป็นออฟโรดเบาๆ


วันนี้แดดแรงมากครับ แม้จะเย็นแล้วก็ตาม


บางจุดที่ค่อนข้างเรียบ ก็เกียร์สูงลุยได้เลย

แต่บางจุดก็ต้องถอนเกียร์ ค่อยๆ ปั่นผ่าน


หมวก MTB แบบนี้เย็นดีครับ ช่องลมมันเยอะ


กลางวันยาว ก็มีข้อดี ทำให้มีเวลาผจญภัยตอนเย็นมากขึ้น ไปได้ไกลขึ้น ไม่ต้องกลัวมืดไว


จริงๆ แล้ว วันนี้เมฆก็เยอะอยู่นะครับ แต่มันไม่บังแดดให้เลย


จุดนี้ราดปูนแล้ว สองข้างทางเขียวสวยมาก


ถ้าแดดร่ม ก็เปิดหน้าครับ จะได้หายใจสะดวก


เป็นเส้นทางที่ผมไม่เคยมาเลย อยู่ในตรอกซอกซอย ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนแล้ว


บุกป่าฝ่าดงต่อ


ถามชาวบ้าน ได้ความว่า ผมอยู่จะถึง ม.อุบลอยู่แล้ว มาไกลมาก

ปั่นเพลินๆ แถมมีเกียร์


ก็สงสัยอยู่ เห็นมีหอพักเยอะๆ


จะออกถนนใหญ่แล้วครับ ไม่รู้ว่าอยู่ตรงตำแหน่งไหน


ออกมาถนนใหญ่ ยังจำไม่ค่อยได้เลยครับ เพราะเคยแต่ปั่นผ่านๆ ไม่รู้ว่ามันตรงไหน

แล้วรถเยอะด้วย หนวกหูมาก


เลยหาซอย เลี้ยวเข้าไปปั่นข้างในเหมือนเดิม แบบไม่รู้ทาง


ปั่นไปปั่นมา ก็มาที่เดิมอีกแล้ว สงสัยผมจะหลงทางแล้วหละ

เพราะก่อนหน้า มันเป็นสามแยก เลี้ยวขวา ก็คิดว่ามันจะออกถนนใหญ่เหมืิอนเดิม

เลี้ยวซ้าย มันก็ดันกลับมาที่เดิม หมาก็ตัวเดิม


ปั่นไปปั่นมา มาโดนจุดที่ฝนตกอีกครับ ต้องฝ่าด่านโหดเล็กน้อย


ไม่รู้ถึงไหนแล้ว ลุ้นให้ทะลุถนนใหญ่อีกครับ จะได้รู้ตำแหน่งตัวเอง


มาถึงถนนเส้นนี้ จำได้แล้ว และรู้เลยว่าอยู่ไกลจากบ้านมากๆ


จอดพักเจ็บก้นก่อนครับ กินน้ำด้วย เหลือระยะทางอีกไกลเลย


แสงสวย


หกโมงกว่า สว่างจ้าเลย ขนาดผมอยู่ฝั่งตะวันออกของประเทศนะครับ

ถ้าคนทางฝั่งตะวันตก ทุ่มนึ่ง คงยังไม่มืดแน่ๆ


ทำความเร็วก็ไม่ได้ครับ แดดแยงตาตลอดทางเลย

แล้วดวงอาทิตย์มันอยู่ต่ำด้วย เอามือไปบัง ก็บังทางตัวเองอีก

ตาพร่าไปหมด



ถึงถนนใหญ่แล้วครับ จากนี้ไปก็เหลืออีกประมาณ 7 กม จะถึงบ้าน

ขอนั่งพักก่อน เมื่อยมาก


กลับบ้านไม่ทันฟ้ามืดแน่แ้ล้วครับ วันนี้ ปั่นเพลินจนมาไกลไปหน่อย หลงทางอีกต่างหาก

ออนโรดแล้วก็ทำความเร็วไม่ได้ โดนแดดแยงตาตลอดทาง


แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ






 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 12:20:49 น.
Counter : 1559 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "การใช้ยางโทนใหญ่ในชีวิตประจำวัน"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


ปกติผมก็ปั่นยางโทนใหญ่ในชีวิตประจำวันเป็นประจำอยู่แล้ว

แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตอนเย็น


กรณีที่จะปั่นไปทำงานในตอนเช้านั้น มีเงื่อนไขพอสมควร ดังนี้

1) อากาศช่วงเช้าจะต้องเย็นสักหน่อย อยากได้สักอย่างน้อย 25 องศา แต่วันนี้ 26 นิดๆ ตอนเช้า เพราะได้ฝนตกช่วยไปตอนกลางคืน ถ้าเป็นหน้าหนาวก็จะปั่นได้ทุกวัน ถ้าหน้าร้อนไม่ได้เลย ถ้าหน้าฝน ก็ค่อยลุ้นเอา เพราะถ้าปั่นร้อนๆ ไป มันจะเหนียวตัวทีหลัง

2) แดดไม่มี ถ้ามีแดด อุณภูมิจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะยังเช้าอยู่ก็ตาม วันนี้เมฆมาก ไม่มีแดด ใช้ได้เลย กรณีนี้ ถ้าเป็นหน้าหนาว อุณหภูมิต่ำจริงๆ ถึงมีแดด ก็ปั่นได้ครับ

3) ไม่มีของต้องขนมาก เพราะขนมากไม่ได้ มีแค่ล้อเดียว


สมบัติก็ไม่มีอะไรมาก มีเป้ ในเป้ก็มีคอม เอาไว้เล่นเขียนบล็อกนี่แหละครับ

พกน้ำไปกินด้วย ประหยัด


วันนี้อากาศดี ไม่มีแดด เลยตัดสินใจปั่น

ถ้าอากาศดีทุกวัน ก็จะปั่นมันทุกวันเลยครับ


ในชั่วโมงเร่งด่วน ไม่ว่าเช้าหรือเย็น บนถนนสายหลักจะเต็มไปด้วยรถ

จำเป็นต้องเลือกปั่นในถนนสายรอง ในซอย จะเล่นง่ายกว่า ปลอดภัยกว่า

แม้ว่าจะอ้อมบ้างก็ตาม


ถนนโล่งครับ ปั่นง่าย


สัมภาระก็แบกไว้ที่หลัง กับคาดเอว

ก็ร้อนหลังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่่ไหนแล้ว

จะเพิ่มแฮนด์ เพิ่มแร็คบรรทุกของ ก็รังแต่จะทำให้เล่นยากขึ้นไปอีก


ความเร็วของยางโทนใหญ่ ถ้าใช้ขาจานระยะ 150mm อาจจะช้าลงไปบ้าง

จะอยู่ที่ประมาณ 16 kph แต่กับระยะทางไม่ถึง 3 km มันก็เพียงพอครับ

แล้วยางโทน ถ้าปั่นได้เร็วมากๆ ในที่ชุมชน ก็ไม่ใช่ของดี มันจะเอาไม่อยู่


จะใช้ขาจาน 125mm ก็เล่นยากเกินไป เพราะมันมีจังหวะรถเยอะ

มีจุดตัดแยก ที่ต้องใช้ความเร็วต่ำๆ ใช้ความระมัดระวัง

ขาจานระยะ 150mm จึงเหมาะสมแล้ว สำหรับเข้าเมือง


ลมยาง แม้ว่าจะปั่นทางเรียบ ผมก็ยังชอบอ่อนๆ อยู่ดีครับ แค่ประมาณ 20 psi

บางที่ เราต้องใช้ท่ากระโดด กระโดดรอ อาจจะเป็นจังหวะรถติด

จังหวะรอเพื่อที่จะข้ามแยก ถ้ายางแข็งเล่นยาก

เพราะล้อ 36 นิ้ว มันใหญ่ และเล่นยากอยู่แล้ว ยางอ่อนจะช่วยได้

แม้ว่าจะปั่นได้หนืดไปบ้าง แต่มันก็นุ่มดี เวลาตกหลุม เรียกว่าดีอย่างก็ต้องเสียอย่าง


ถึงที่หมาย อากาศอยู่ที่ 31.6 องศา ก็พอได้อยู่ ร้อนนิดๆ ไม่ถึงกับเหงื่อโซมกาย

ถ้าเป็นการปั่นสองล้อ ก็จะไม่ร้อนเท่าปั่นล้อเดียว เพราะล้อเดียวใช้พลังงานเยอะกว่า

ฉนั้น การจะปั่นล้อเดียวในตอนเช้า เพื่อไปทำงาน จะต้องลมฟ้าอากาศเป็นใจด้วยเสมอ

แต่ถ้ามีที่อาบน้ำให้ตลอด ผมไม่กลัวหรอก ร้อนแค่ไหนก็ปั่น


ตัดภาพมาตอนเย็น กำลังปั่นกลับบ้าน 4 โมงเย็นก็ยังแดดแรง

แต่ก็ไม่สนใจ ขากลับ ก็คือกลับบ้านไปอาบน้ำอยู่แล้ว


จุดที่รถเยอะ คนเยอะ เราเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ


ข้อดี ข้อเสีย ของการใช้ยางโทนใหญ่ในชีวิตประจำวัน

ดีที่
1) ล้อใหญ่ เร็วใช้ได้
2) ล้อใหญ่ นุ่มนวลกว่า
3) ล้อใหญ่ มุ่มมองสูง อ่านลายไกลๆ ข้างหน้าได้ง่าย แม้จะมีรถบัง

เสียที่
1) ล้อใหญ่ ขึ้นลงลำบาก
2) ล้อใหญ่ ใช้แรงบังคับควบคุมมากกว่า เหนื่อยกว่า
3) ล้อใหญ่ เล่นยากกว่าในจังหวะคับขัน


จุดตัดแยก ที่รถเยอะมากๆ ผมก็ลงแล้วเดินข้ามเอาครับ ชัวร์กว่า


เข้าไปตามตรอกซอกซอย ปั่นสะบาย


เดียวนี้ ผมขาดผ้าบัฟไม่ได้แล้วหละครับ แดดแรงก็ใช้บังแดด


ผมปั่นมาแทบทุกขนาดล้อแล้วครับ

ล้อ 36 นิ้ว นุ่มนวลที่สุด เวลามันกลิ้งไปตามถนนที่มีความขรุขระ

ถ้าเทียบกับล้อ 20 นิ้ว จะเห็นความต่างได้ชัดเจนมาก


ล้อ 36 กับชีวิตประจำวัน มันก็ดีไปอย่าง เพราะถนนบ้านเรา

หลายๆ จุด มันไม่ได้เรียบ ล้อใหญ่ๆ จะได้พาเรากลิ้งผ่านๆ ไปได้ไม่สะดุด 

เคยปั่น 20 สะดุดบ่อย 24 ก็ยังมีสะดุดบ้าง

ถ้าเป็น 26 29 และ 36 นิ้ว ก็จะสะดุดยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับสภาพพื้นผิวในชีวิตประจำวัน


ถึงบ้านแล้ว ก็จอดเก็บ


แล้วทำไม ผมไม่เอายางโทนเกียร์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน

เร็ว ก็เร็วกว่า ล้อก็เล็กกว่า ขึ้นลงก็ง่าย ควบคุมก็ง่ายกว่า

คำตอบคือ มันต้องมายุ่งยากในเรื่องของการเปลี่ยนเกียร์ ถอนเกียร์

แล้วที่เกียร์สูง ก็ไม่ได้ควบคุมง่าย คุมง่ายเฉพาะที่เกียร์ต่ำ

ทำให้ยางโทนใหญ่ ที่เร็วได้ด้วยตัวเอง ยังคงมีสเหน่ห์อยู่






 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 22:10:44 น.
Counter : 1885 Pageviews.  

วิถีผู้กล้า ตอน "ความแตกต่างระหว่างออนโรด กับออฟโรด"

สวัสดีครับ ผมรุตไรเดอร์


บล็อคนี้ ก็ยังคงใช้บริการยางโทนเกียร์ 29 อยู่ครับ สนุกมาก


วันนี้ไปปั่นออฟโรดอีกดีกว่า


สำหรับเส้นทางออนโรดนั้น มันสามารถหาปั่นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

มันจึงไม่น่าตื่นเต้นเท่าเส้นทางออฟโรด


แวะชมรถไฟ


ช่วงหน้าฝน ถ้าฟ้าเปิด ฟ้าก็จะใสมาก แดด 5 โมงเย็น ยังแสบหน้าอยู่เลยครับ


นี่แหละครับ เส้นทางสายโปรด


พูดถึงการเล่นจักรยานล้อเดียว มันก็มีหลายสายนะครับ แต่คนส่วนใหญ่จะฝังใจว่าเป็นกายกรรมเท่่านั้น

ของผมเป็นสายผจญภัย ใช้รถที่มีขนาดใหญ่หน่อย แล้วเพิ่มเกียร์ เพื่อช่วยให้เดินทางได้เร็วยิ่งขึ้น


ถ้าจะผจญภัย มันก็ต้องไปในเส้นทางแบบนี้หละครับ มันมาก


เส้นทางออฟโรด มันได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่า มีอะไรให้แวะดูได้เรื่อยๆ


แวะดูไข่หอยก็ได้


หมวกแบบ hard hat มันใส่ดีนะผมว่า กระชับ มั่นใจมากในเรื่องของการป้องกันการกระแทก

แต่ว่ามันร้อนมาก รูระบายอากาศมันน้อยไปหน่อย เหมาะใส่หน้าหนาว


ช๊อตนี้ถ่ายไว้ เพราะขึ้นเีกียร์สูง ปั่นมาเร็ว แต่ทางมันไม่เรียบนัก

เลยต้องอ่านลายใกล้ตลอด เงิยหน้ามา เจอร่องล้อเก่า เลยเอาไม่อยู่


ถัดจากนี้ไป ทางขรุขระมาก ก็ใช้อัตราทด 1:1 ตลอด ค่อยๆ ปั่นผ่านความขรุขระไป


ด่านคันนามรณะ ช่วงหน้าฝนนี่ ยากเป็นพิเศษครับ หญ้ารกมาก


มันรกจนมองพื้นไม่เห็น ปกติแล้ว ทางขรุขระ เราจะต้องอ่านลายใกล้ตลอด

คือมองระยะทางที่ไกลจากล้อไป ประมาณ 1-3 เมตร เพื่อจะได้รับมือกับความขรุขระได้

แต่ถ้ามองไม่เห็น ก็ไม่รู้จะตกหลุมตอนไหน ไม่รู้ต้องเกร็งขารับตอนไหน

ก็เลยเหมือนต้องเกร็งขาตลอด แล้วก็ใช้ความเร็วต่ำเท่านั้น ปวดขาสุดๆ ครับ


ร่องน้ำตอนนี้ มีน้ำไหลผ่านแล้ว


ต้องจูงข้ามเอาครับ ปั่นไม่ได้แน่นอน ดินมันเละ


เส้นทางออฟโรด ถ้าเป็นช่วงที่ผ่านป่าไม้ มันก็จะร่มรื่น ซึ่งถ้าเป็นทางออนโรด จะหาความร่มรื่นยากกว่า


เส้นทางออฟโรดนั้น มันก็มีหลายระดับ ไม่จำเป็นจะต้องยากเสมอไป

มีทั้งทางลูกรัง ทาง double track หรือทาง single track

ไปจนถึงการบุกป่าฝ่าดง แบบไม่มีช่องทางอะไรเลย


ตอนนี้ สำหรับยางโทนเกียร์ 29 ผมไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว

โดยเฉพาะเรื่องการใช้เกียร์


เชื่อป้าย เขาบอกให้หยุด ก็เลยหยุด แล้วแวะถ่ายรูป


พลาดท่า


กับดัก เห็นเรียบๆ แต่มันเละนะครับ ถ้าไม่ดู ปั่นผ่านไปเลย เสร็จแน่


พักกินน้ำก่อน จุดที่ทางเละ เล่นยากจริงๆ ครับ


ถ้าทางแห้ง ล้อ 29 ก็ยังเหมาะที่จะปั่นฝ่าด่านแบบนี้

แต่ถ้ามีน้ำมีโคลนด้วย มันต้องมีจังหวะหยุดรถ จังหวะกระโดด จังหวะใช้ความเร็วต่ำตัดสินใจ

แบบนี้ล้อเล็กลง จะช่วยให้เล่นง่ายขึ้น ถ้าเป็น 26 หรือ 24 นิ้ว จะช่วยได้ดีกว่า


มีรถไฟผ่านมาให้ชมเรื่อยๆ


พื้นผิวที่ค่อนข้างเรียบอย่างนี้ จะใช้เกียร์สูงได้ สนุกด้วย


ทางยิ่งเรียบ การอ่านลายใกล้ ก็ไม่มีความจำเป็น ปั่นเงยหน้า มองไปไกลๆ ได้เลย


เสน่ห์ของยางโทน อยู่ที่ความ simple นี่แหละครับ

ไม่ต้องมีอะไรมาก สำหรับชิ้นส่วนกลไก ต้องอาศัยตัวเราเอง ที่จะต้องพามันไปให้ได้


ด่านโปรด single track มรณะ ชีวิตถูกขีดเส้นไว้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก ลุยไปตามเส้นนี้เท่านั้น


รอดก็คือรอด ไม่รอดก็คือล้ม

จริงๆ แล้ว ตรงนี้มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกครับ พอดีฝ่าด่านโหดมาต่อเนื่อง ขาล้ามาก


อีกนิดเดียว จะจบเส้นทางออฟโรดแล้วครับ


ออนโรดแล้ว


ปั่นมาออกถนนใหญ่ เพื่อที่จะตียาวกลับบ้าน


เส้นทางออนโรด มันค่อนข้างจะห่างเหินธรรมชาติ

แล้วมักจะมีรถต่างๆ ทำให้เราเสียสมาธิ ดีไม่ดี ปล่อยควันใส่เราอีกต่างหาก

ผมเลยชอบออฟโรดมากกว่า


พักก้นตรงนี้แป๊บ มันกดทับมาตลอดทาง


แย่นิดหน่อย ครั้งนี้ออกจากบ้านเย็น แล้วไปไกลมาก คงจะกลับถึงบ้านมืดแน่ๆ ระยะทางยังเหลืออีกประมาณ 4 km ได้


เสียเวลาเป็นไทยมุงอีกแป๊บ คันนี้ฝ่าไฟแดงมา หักหลบรถจากไฟเขียว

ตัวเองเลยเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟส่องถนน หน้ายุบไปเลย


เสานี้ เห็นเพรียวบาง มันก็แข็งแรงเหมือนกันนะ ไม่หัก แค่กรอบไฟหลุด แล้วยังใช้งานได้ต่อไป

นินทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "จงอย่าวางใจ แม้ว่าเราจะได้ไฟเีขียวก็ตาม"

แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าครับ





 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2555 13:10:29 น.
Counter : 2274 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

RouteRaideR
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




จักรยาน มีล้อเดียว มันเสียวล้ม
ต้องเพาะบ่ม หมั่นฝึกฝน จนคล่องแข็ง
จะได้ขี่ กระโดดเด้ง เร่งหลบแซง
แม้หลุมแอ่ง อุปสรรค กล้าเิผชิญ

ขี่เก่งแล้ว ก็ค่อยออก ไปเที่ยวเล่น
ปั่นแล้วเป็น เหมือนบินลิ่ว ปลิวลมเหิน
นั่งตัวตรง ไม่มีแฮนด์ เป็นส่วนเกิน
ชมวิวเพลิน ผจญภัย ไม่เบื่อเลย

by RouteRaideR
Friends' blogs
[Add RouteRaideR's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.