Group Blog
 
All Blogs
 
ความรักเป็นพิษ

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

ความรักเป็นพิษ

" เล่าเซี่ยงชุน "

ครั้งหนึ่งเมื่อ เปาบุ้นจิ้น รับราชการอยู่ที่ตังเกียเมืองหลวง ได้รับคำฟ้องร้องจาก เล่าเตียงเก่ กับ นางเกเหนีย เศรษฐีสองสามีภรรยา ว่า พัวสิว บุตรเศรษฐีอีกคนหนึ่งชื่อ พัวง่วนเนี้ยว ได้ฆ่า นางเล่าฮวยอิว บุตรสาวของตนถึงแก่ความตาย

เปาบุ้นจิ้นรับคำร้องแล้วก็ให้เจ้าพนักงานไปตามพัวสิวมาแก้คดี พัวสิวก็ให้การว่า

".....นางเล่าฮวยอิวตายไปประมาณกึ่งปีแล้ว เป็นปีศาจมาหลอกหลอน...ข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าเป็นปีศาจ จึงเอาดาบฟันเป็นการขับปีศาจ ก็หาเป็นเช่นปีศาจไม่กลับกลายเป็นร่างกายขึ้นฉะนี้ ก็เป็นการวิปลาศอัศจรรย์ใจ แล้วแต่ท่านจะพิจารณาเถิด..."

เมื่อจำเลยให้การแบ่งรับแบ่งสู้เช่นนั้น เปาบุ้นจิ้นจึงยังไม่ตัดสิน แต่ให้พัวสิวเล่าเรื่องของตนกับนางเล่าฮวยอิว ให้ฟังโดยละเอียดว่าเป็นมาอย่างไร

พัวสิวก็เล่าตั้งแต่ต้นว่า เดิมเมื่อนางเล่าฮวยอิวยังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่งตนถือตะกร้อสองลูกเดินเที่ยวเล่น ผ่านไปทางบ้านของเล่าเตียงเก่ แลเห็นนางเล่าฮวยอิวนั่งอยู่ที่หน้าต่างบ้านของบิดา ตนเห็นนางมีลักษณะงดงามต้องตามีจิตใจรักใคร่อยากจะหาช่องทาง ได้สนทนาปราศรัยด้วย จึงทำอุบายโยนตะกร้อลูกหนึ่ง เข้าไปในบ้านของเล่าเตียงเก่ แล้วก็ตามเข้าไปจะเก็บลูกตะกร้อ ก็ได้พบกับนางเล่าฮวยอิวสมปรารถนา นางก็ถามว่าตนมีธุระสิ่งใดหรือ

พัวสิวก็ตอบด้วยกิริยาสุภาพเรียบร้อยว่า

"......ข้าพเจ้าโยนตะกร้อเล่น บังเอิญกระเด็นเข้ามาในช่องหน้าต่างบ้านของท่าน ข้าพเจ้าจึงตามเข้ามา ขอท่านได้อนุญาตให้ข้าพเจ้าเก็บตะกร้อของข้าพเจ้าเถิด....."

นางเล่าฮวยซิวเห็นพัวสิวเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาสวยสมคมคาย ทั้งพูดจาอ่อนหวาน กิริยามารยาทเรียบร้อยก็มีใจผูกพันด้วย จึงอนุญาตให้พัวสิวเก็บตะกร้อและบอกว่า

"...วันนี้เป็นวันเช็งเหม็ง บิดามารดาข้าพเจ้าก็ไม่อยู่ชะรอยจะเป็นวาสนาของข้าพเจ้า จึงได้ชักนำท่านให้บังเอิญเดินมาบ้านข้าพเจ้า ขอเชิญท่านมานั่งสนทนาเสพสุราด้วยข้าพเจ้าสักถ้วยหนึ่ง พอเป็นการแสดงไมตรีจิตไว้แก่ข้าพเจ้าด้วย....."

พัวสิวก็ถ่อมตัวว่า

".....ข้าพเจ้าเป็นผู้บุญน้อยวาสนาน้อย เกรงว่าจะไม่สมควรที่จะนั่งโต๊ะเสพสุราด้วยกับท่าน....."

นางก็ว่า

"...อันธรรมดามีวาสนาและหาวาสนาไม่นั้น ไม่เป็นประมาณ เป็นใหญ่อยู่เพียงน้ำจิต ถ้ามีใจปรองดองมุ่งหมายจะฝากชีวิตแก่กันแล้ว จะเอาบุญวาสนามากีดกั้นนั้นก็ใช่ที่....."

พัวสิวเห็นนางเปิดเผยสำแดงกิริยา ว่าไม่มีความรังเกียจตนเช่นนั้น ก็เข้าไปนั่งเสพสุรากับนางเล่าฮวยอิว ถ้อยทีถ้อยเจรจาด้วยความสนิทสนม และปลงใจในความปฏิพัทธ์ผูกพัน ร่วมรักสมัครสมานด้วยความเสน่หา ในเวลาต่อมา นางเล่าฮวยอิวก็บอกให้พัวสิวไปแจ้งแก่บิดามารดา ให้จัดเฒ่าแก่มาสู่ขอจัดการแต่งงานไปอยู่กิน เป็นสามีภรรยากันเสียให้ถูกต้อง และทั้งสองก็ได้ให้สัตย์สาบานต่อกันไว้ ว่าจะเป็นสามีภรรยากันไปกว่าชีวิตจะหาไม่

อีกไม่นานพัวสิวก็ขอให้บิดามารดาของตน จัดหาผู้ใหญ่เป็นเฒ่าแก่ไปสู่ขอนางเล่าฮวยอิว กับเล่าเตียงเก่และนางเกเหนีย บิดามารดาของนาง แต่ฝ่ายเจ้าสาวกลับพูดบิดเบือนว่ามีบุตรแต่ผู้เดียว ไม่มีผู้ใดจะดูแลในการเหย้าเรือนให้แก่ตน แม้ว่าผู้ใดอยากจะเป็นเขยก็ต้องมาอยู่ที่บ้านของตน จึงจะยกบุตรสาวให้

เมื่อบิดาของพัวสิวได้ทราบจากเฒ่าแก่ที่ไปเจรจา ว่าบิดาของนางเล่าฮวยอิว บ่ายเบี่ยงให้ผิดธรรมเนียมเช่นนั้น ก็โกรธว่าบุตรขุนนางนายห้างเศรษฐีในเมืองนี้ก็มีมาก จะขอให้บุตรชายเวลาใดก็ได้ ไม่ต้องง้องอนเล่าเตียงเก่เลย จึงไม่ยอมตกลงด้วย พัวสิวก็จนใจที่ไม่สามารถจะแต่งงานกับนางเล่าฮวยอิวได้ และต่อมาอีกไม่นานบิดาของพัวสิวก็จัดการขอ นางเกียวสี บุตรีของขุนนางแซ่เกียว มาแต่งงานกับพัวสิวโดยที่ไม่เคยได้เห็นหน้ามาก่อน แต่พัวสิวก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้บอกให้นางเล่าฮวยอิวรู้เรื่อง และต่อมาจึงได้ข่าวว่านางเล่าฮวยอิวถึงแก่ความตายไป โดยไม่ทราบสาเหตุ

จนเวลาได้ล่วงมาร่วมครึ่งปี ถึงวันเกิดเหตุเป็นฤดูหนาว พัวสิวกำลังกินเลี้ยงอยู่กับเพื่อนฝูง นายประตูก็เข้ามาบอกว่า มีผู้หญิงนุ่งแต่กางเกงตัวเดียวไม่มีเสื้อใส่ มาขอพบเพื่อขอความช่วยเหลือ พัวสิวออกไปดูก็เห็นว่าเป็นนางเล่าฮวยอิว แต่ร่างกายนั้นสกปรกขมุกขมอมอยู่ ก็เข้าใจว่าเป็นปีศาจมาขอส่วนบุญ เพราะนางได้ตายไปนานแล้ว นางเล่าฮวยอิวก็พูดถึงความหลัง ที่ได้รักใคร่กันมาแต่ก่อน บัดนี้นางตกยากไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความหนาว จะมาขอให้ช่วยเหลือ พัวสิวก็ไม่เชื่อเพราะปลงใจว่าเป็นปีศาจแน่ จึงเอากระดาษเงินกระดาษทองมาเผาแผ่ส่วนบุญให้ แล้วก็ไล่ให้ไปหาบิดามารดา ซึ่งเป็นเศรษฐีเหมือนกัน และให้คนใช้ปิดประตูเสีย

แต่นางเล่าฮวยอิวก็ไม่ยอมไป คงอยู่ที่ประตูบ้าน แล้วร้องไห้คร่ำครวญรำพันด้วยเสียงโหยหวน พัวสิวซึ่งปักใจเชื่ออย่างเดียวว่าเป็นปีศาจมาหลอกหลอน ขัดใจขึ้นมาจึงฉวยกระบี่เปิดประตูออกไป หลับตาฟันซ้ายขวาเพื่อขับไล่ปีศาจ ไม่ได้คิดว่าจะฆ่าคน แล้วก็เข้าบ้านไป

เปาบุ้นจิ้นได้ฟังความทางฝ่ายจำเลยแล้ว ก็เรียกฝ่ายโจทก์มาให้การเพิ่มเติม เล่าเตียงเก่ก็เล่าเรื่องตรงกันกับพัวสิว ในการที่ไม่ยอมยกบุตรสาวให้แต่งงาน แต่พอถึงวันที่พัวสิวแต่งงานกับนางเกียวสี มีการเลี้ยงดูกันเอิกเกริกนั้น บังเอิญนางเล่าฮวยอิวเดินผ่านไปทางนั้น จึงถามคนใช้ว่าเขามีงานอะไรกัน คนใช้ของตนก็บอกว่าเป็นการแต่งงานของพัวสิว บุตรสาวของตนได้ฟังก็เสียใจ กลับมาบ้านร้องไห้เสียจนแน่นิ่งไป ไม่รู้สึกสมประดี

เล่าเตียงเก่กับภรรยาเห็นบุตรสาวนอนเงียบไปไม่ไหวติง ก็นึกว่าถึงแก่ความตาย ต่างก็ร้องไห้เศร้าโศกอาลัยรัก แล้วก็จัดหีบมาใส่ศพนางเล่าฮวยอิวให้ หลีซิน คนใช้ในบ้านนำไปฝังไว้นอกเมืองทางทิศใต้

จนถึงวันเกิดเรื่อง ก็มีคนมาตบประตูบ้านเรียกให้เล่าเตียงเก่ ออกไปเปิดประตูรับ จึงให้คนใช้ออกไปดู คนใช้เห็นนางเล่าฮวยอิว ก็ตกใจว่าปีศาจมาหลอกหลอน จึงบอกว่าพรุ่งนี้จะให้บิดามารดา เผากระดาษเงินกระดาษทอง และทำบุญแผ่ส่วนกุศลส่งไปให้ ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นจึงมีผู้พบศพนางเล่าฮวยอิว ศรีษะขาดนอนตายอยู่ที่หน้าบ้านของพัวสิว จึงรู้ว่าบุตรสาวเพิ่งตายด้วยมือ พัวสิว และรีบมาแจ้งความฟ้องร้อง ให้ท่านผู้ทรงความยุติธรรม ช่วยดำเนินคดีด้วย

เปาบุ้นจิ้นได้ฟังคำให้การของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรแน่ เพราะไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันได้ และคนกลางก็กลายเป็นผีไปจริง ๆ แล้ว จึงให้เจ้าพนักงานออกประกาศปิดไว้ทั้งสี่มุมเมืองว่า ผู้ใดขุดศพนางเล่าฮวยอิวและช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครั้งก่อนนั้น เป็นผู้มีความชอบมาก ให้ผู้นั้นมารับรางวัลร้อยตำลึงได้

หลีซินคนใช้ของเล่าเตียงเก่ที่หายไปตั้งแต่วันนั้น ก็เข้ามาหาเปาบุ้นจิ้นที่ศาลเพื่อขอรับรางวัลตามประกาศ เปาบุ้นจิ้นก็ซักถามว่าเหตุใดหลีซินจึงไม่พานางไปหาบิดามารดาที่บ้าน อำพรางไว้ด้วยเหตุใด หลีซินก็ให้การโดยละเอียด เป็นความว่า

เมื่อได้รับคำสั่งให้เอาศพนางเล่าฮวยอิวไปฝังนั้น หลีซินมีความเสียดายยิ่งนัก เพราะนางมีความสวยงาม เป็นที่ต้องตาต้องใจตนมานานแล้ว พอถึงเวลาค่ำจึงไปขุดศพนาง เล่าฮวยอิว เอาออกจากหีบมาวางไว้บนพื้นดิน เมื่อจุดไฟส่องดูหน้า เห็นยังสดใสสวยงามอย่างเดิม ก็มีจิตคิดมิชอบจึงได้ร่วมรักกับศพ โดยปราศจากหิริโอตตัปปะ เสร็จแล้วก็นอนอยู่เคียงข้างด้วยความอาลัยอาวรณ์

พอตกดึกน้ำค้างลงหนัก นางเล่าฮวยอิวก็ฟื้นคืนสติขึ้น เห็นหลีซินนอนอยู่ข้างกายก็ถามเรื่องราวที่ผ่านมา หลีซินก็ดีใจสารภาพความจริงว่า

"...ท่านถึงแก่ความตายแล้ว บิดามารดาของท่านให้ข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนใช้ คุมเอาศพท่านมาฝัง ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านมีลักษณะอันงดงาม ข้าพเจ้ามีความรักใคร่ท่านเป็นที่ยิ่ง เมื่อท่านมีชีวิตอยู่ไหนเลยข้าพเจ้าจะสามารถมาร่วมรักกับท่านได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้าว่า ชะรอยชาติปางก่อนตัวท่านกับข้าพเจ้า คงจะเป็นคู่อุปถัมภ์กันมาจึงบันดาลให้ข้าพเจ้ามาขุดศพท่าน ขึ้นมาฉะนี้ ท่านจึงได้ฟื้นคืนชีวิตกลับเป็นมา เมื่อท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยอนาถายากไร้ ไม่สมควรเป็นคู่เคียวเรียงหมอนกับท่าน ก็สุดแล้วแต่น้ำใจและความเห็นของท่าน ขอท่านได้ ตริตรองจงดีเถิด....."

นางเล่าฮวยอิวได้ฟังก็มีจิตระลึกคุณหลีซินที่ได้ช่วยชีวิตตนไว้ จึงบอกว่า

".....ท่านกับข้าพเจ้า เคยเป็นคู่อุปถัมภ์กันมาแต่ชาติปางก่อน จึงหากให้เป็นไปเช่นนี้ ข้าพเจ้ากับท่านจำเป็นจะต้องเป็นภรรยาสามีกันกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่เราจำจะต้องพากันไปอยู่บ้านอื่นเมืองไกล......สิ่งของของข้าพเจ้าที่แต่งศพติดตัวมาด้วยนี้ แม้จะจำหน่ายขายอย่างกลาง ๆ ก็คงจะได้ราคาอยู่ไม่ต่ำกว่าพันตำลึง...... พอเป็นทุนรอน เราพากันไปอยู่เสียตำบลอื่น ตั้งค้าขายหากินเลี้ยงกันไปกว่าชีวิตเราจะหาไม่....."

ทั้งสองปรึกษาตกลงปลงใจกันแล้ว หลีซินก็พานางเล่าฮวยอิวกลับไปที่บ้านของตนซึ่งอยู่ตำบลอื่น บอกกับมารดาว่าต่างชอบพอรักใคร่กันจึงพามาอยู่ด้วย มารดาก็รับคนทั้งสองให้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่นั้น

ต่อมาเมื่อไม่นานนี้ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ใกล้เคียง ในเวลากลางคืน แล้วลุกลามมาถึงบ้านของหลีซินด้วย ราษฎรต่างก็แตกตื่นหนีไฟอลหม่าน หลีซินก็พลัดกับนางเล่าฮวยอิวไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย จนได้ข่าวว่านางมาหาพัวสิวแล้วถูกฆ่าตาย และเปาบุ้นจิ้นประกาศให้รางวัล แก่ผู้ที่ช่วยชีวิตนางครั้งก่อน จึงมาขอรับรางวัล

เปาบุ้นจิ้นได้ฟังเรื่องราวจากหลีซินแล้ว ก็ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้สิ้นเชิง จึงให้คุมตัวพัวสิวกับหลีซินไว้ แล้วพิพากษาว่า หลีซินนั้นมีคุณต่อนางเล่าฮวยอิวที่ช่วยไว้มิให้ตาย ก็ได้นางเป็นภรรยาตอบแทนคุณแล้ว แต่ข้อที่อำพรางไว้ไม่นำไปส่งแก่บิดามารดา จัดว่าเป็นคนอกตัญญู และการที่ขุดศพนั้นก็มิได้คิดจะช่วย แต่จงใจประพฤติอนาจารเป็นความอัปประมาณ ชั่วร้าย จึงให้เอาตัวหลีซินไปประหารชีวิตเสีย

ส่วนพัวสินเข้าใจว่านางเล่าฮวยอิว ตายไปหกเดือนแล้ว เป็นปีศาจมาหลอกหลอนไม่พิจารณาให้ละเอียด จึงได้ฆ่ามนุษย์ด้วยความเข้าใจผิด ให้ลงโทษกึ่งหนึ่ง คือเนรเทศไปอยู่เมืองไกลเป็นเวลาสามปี พ้นโทษแล้วจึงกลับมาอยู่บ้านเดิมได้

แต่เมื่อพัวสิวต้องเนรเทศออกจากเมืองไปแล้ว ก็ได้ทราบว่านางเล่าฮวยอิวมีความ เสียใจที่ตนมีภรรยาใหม่ จึงร้องไห้จนสลบไป แล้วบิดามารดาเข้าใจผิดว่าตาย จึงให้หลีซินเอาไปฝัง ตนเองจึงเป็นต้นเหตุของเรื่องยุ่งยากทั้งหมด และหวนคิดถึงคำสาบานที่ตนให้ไว้ กับนางเล่าฮวยอิว ก็ยิ่งมีความเศร้าโศกเสียใจ จนไม่เป็นอันกินอันนอน มีแต่ความตรอมใจทุกข์ระทมลงไปทุกวัน จนถึงแก่ความตายไปก่อนที่จะได้พ้นโทษนั้น

เวรที่เกิดจากความรัก อันไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม จึงได้สิ้นสุดลง ด้วยการใช้กรรมของแต่ละคน ดังกล่าวมา

##########

วารสารกองพลทหารราบที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๐






Create Date : 24 ตุลาคม 2554
Last Update : 24 ตุลาคม 2554 10:22:08 น. 0 comments
Counter : 389 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.