Group Blog
 
All Blogs
 
พินัยกรรมซ่อนเงื่อน

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

พินัยกรรมซ่อนเงื่อน

" เล่าเซี่ยงชุน "

ครั้งหนึ่งเมื่อเปาบุ้นจิ้น ปฏิบัติราชการอยู่ที่เมืองซุ่นเทียนหู ก็มีสตรีนางหนึ่งพาบุตรชายรุ่นหนุ่ม มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศาล โดยเล่าเนื้อความ อย่างละเอียดว่า

นางชื่อ หมุยซิมซุน เป็นภรรยาน้อยของ เงเถาเหลียม เจ้าเมืองซุ่นเทียนหูในอดีต ซึ่งร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติมาก บุตรที่พามาด้วยชื่อ เสียนแม้ อายุสิบหกปี ตอนที่สามีได้ถึงแก่ความตายเมื่อสิบสี่ปีก่อนนั้น อายุได้แปดสิบปี มีบุตรกับภรรยาหลวงคนหนึ่งชื่อ เสียนเก่ย ซึ่งได้รับมรดกของบิดาทั้งสิ้น นางก็มิได้มีสามีใหม่ คงเลี้ยงดูบุตรชายจนโตเป็นหนุ่ม จึงให้ไปขอมรดกจากเสียนเก่ยผู้พี่ แต่เสียนเก่ยก็ไม่ยอมแบ่งให้ และบอกกับน้องชายว่า

"...บิดาเราอายุถึงแปดสิบปีแล้ว จึงได้มารดาของเจ้ามาเป็นภรรยา อันผู้มีอายุสูงถึงแปดสิบปีแล้ว ไหนเลยจะมีบุตรต่อไป ตัวเจ้าเป็นบุตรผู้อื่น จะมาซ้อมค้างอ้างเอาว่าเป็นเชื้อสายโลหิตอันเดียวกันกับเรา จะมาขอแบ่งเอามรดกนั้น เราหาให้เจ้าไม่....."

เมื่อเสียนแม้มาเล่าความให้ฟัง นางหมุยซิมซุนจึงพากันมาร้องทุกข์ดังนี้

เปาบุ้นจิ้นก็ถามว่า

".....เมื่อท่านจ่ายหูผู้รักษาเมือง ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ทำหนังสือพินัยกรรมให้ไว้หรือไม่....."

นางหมุนซิมซุนจึงเล่าเรื่องเพิ่มเติมให้ฟังต่อไป ดังนี้

เมื่อเงเถาเหลียมป่วย เห็นอาการว่าชีวิตจะไม่รอดแล้ว จึงมอบมรดกให้แก่เสียนเก่ย แล้วสั่งว่า

".....ถ้าบิดาหาบุญไม่แล้ว เจ้าอยู่ภายหลังจงปกครองดูแลพี่น้องของเจ้าด้วย น้องของเจ้าก็ยังเล็กอยู่ไม่รู้เดียงสาอะไร บิดายังมีตึกอีกแถวหนึ่งให้เขาเช่าขายของอยู่นั้น ถ้าน้องของเจ้าเจริญวัยขึ้นแล้ว ในส่วนตึกรายนี้เจ้าจงให้แก่เสียนแม้ผู้น้องเถิด ในส่วนตัวนางหมุยซิมซุนนั้น แม้เขามีกตัญญูต่อบิดา เขาคงจะไว้ทุกข์รักษาธรรมเนียม เมื่อนางหมุยซิมชุนไม่รักษาธรรมเนียม จะไปมีสามีแห่งใดก็ตามแต่ใจเขาเถิด....."

เสียนเก่ยก็มีความยินดี ทำบัญชีเงินทองทรัพย์สินสิ่งของ และไร่นาโคกระบือ เตรียมเอาไว้เป็นของตนหมดทั้งสิ้น นางหมุยซิมซุนรู้ข่าว จึงอุ้มบุตรเข้าไปหาสามี และร้องไห้รำพันว่า

"....ท่านมีความลำเอียง รักบุตรและภรรยาไม่เสมอกัน แม้ว่าท่านถึงแก่กรรมลงเวลาใดแล้ว เสียนเก่ยก็จะรวบรวมมรดกเอาเสียแต่ผู้เดียว หาแบ่งปันให้แก่บุตรข้าพเจ้าไม่ แม้บุตรข้าพเจ้าเจริญวัยขึ้นแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักฐาน...."

เงเถาเหลียงจึงว่า

"...เราเห็นบุตรของเจ้ายังเล็กอยู่ ตัวเจ้าเล่าก็ยังเป็นสาวเป็นนางอยู่ ถ้าเจ้าไปมีสามีต่อไปแล้ว มรดกของเราซึ่งให้ไปนั้น ก็จะตกไปอยู่กับมือผู้อื่น เพราะเหตุฉะนี้เราจึงยับยั้งไว้ ยังไม่แบ่งปันให้...."


นางหมุยซิมซุนได้ฟังดังนั้น จึงสาบานตัวต่อหน้าเงเถาเหลียงว่า จะไม่มีสามีต่อไปจนตลอดชีวิต จะขออยู่เลี้ยงบุตรให้เจริญวัยขึ้น จะได้ให้เรียนหนังสือทำราชการ สืบตระกูลต่อไป

เงเถาเหลียงจึงทำหนังสือพินัยกรรม ลงไว้ในร่มกระดาษ แล้วประทับตรายี่ห้อไว้เป็นสำคัญ แล้วมอบให้นางหมุยซิมซุนกับสั่งว่า

"....หนังสือพินัยกรรมมีอยู่ในร่มกระดาษคันนี้ เจ้าจงเก็บไว้ให้ดี ถ้าสืบไปภายหน้า เสียนเก่ยไม่แบ่งมรดกให้แล้ว จึงค่อยเอาร่มคันนี้ ไปฟ้องเถิด....."

แล้วนางหมุยซิมซุนก็เอาร่มส่งให้เปาบุ้นจิ้นดู เปาบุ้นจิ้นกางร่มนั้นออก ก็เห็นมีรูปเงเถาเหลียงอยู่ในแผ่นกระดาษ รูปนั้นนั่งบนเก้าอี้มือหนึ่งชี้ลงที่แผ่นดิน จึงเอากลับไปแขวนไว้ที่บ้าน แล้วพิจารณาข้อปริศนา ของเจ้าของพินัยกรรม ว่าจะให้แบ่งมรดกสิ่งใด แก่บุตรคนเล็ก

ต่อมาเปาบุ้นจิ้นจึงให้นางหมุยซิมซุนกับเสียนแม้ นำตนเองกับเจ้าหน้าที่ ไปยังบ้านของเงเถาเหลียม เสียนเก่ยก็แต่งตัวสุภาพเชิญท่านเปาบุ้นจิ้น เข้าไปยังตึกข้างใน จัดที่ให้นั่งตามสมควรแก่ยศแล้ว เปาบุ้นจิ้นจึงบอกว่า

".....ท่านซุ่นเทียนหูถึงแก่กรรมไปแล้ว ท่านเป็นบุตรปกครองมรดกแต่ผู้เดียว หาแบ่งปันให้แก่เสียนแม้ผู้น้องไม่ บิดาท่านมีหนังสือพินัยกรรม สั่งไว้ให้เราตัดสินแบ่งมรดกให้แก่ เสียนแม้กงจือ ผู้น้องของท่าน พอจะได้ทำมาหากินเป็นกำลังเลี้ยงชีวิตต่อไป....."

แล้วเปาบุ้นจิ้นจึงให้เสียนเก่ยนำไปดูตึกหลังเดิม ถึงห้องกลางก็ให้นักการขุดลงไป ใต้พื้นดินทั้งด้านซ้ายและขวา ก็ได้เงินทองใส่ไหที่ฝังไว้สิบกว่าไห เปาบุ้นจิ้นจึงเอาหนังสือพินัยกรรม ที่เงเถาเหลียมเขียนซ่อนไว้ ในจอมบนยอดของร่มออกมาตัดสิน ซึ่งมีเนื้อความโดยละเอียดว่า

นางหมุยซิมซุนเป็นภรรยาน้อย มีบุตรด้วยกันคนหนึ่ง อายุได้สองปี ชื่อ เสียนแม้ เสียนเก่ยผู้พี่ต่างมารดากันเป็นผู้ใหญ่ อยู่ภายหลังจะรวบรวมมรดกแต่ผู้เดียว จะไม่แบ่งปันให้แก่น้อง ครั้นจะทำพินัยกรรมให้ในส่วนของเสียนแม้ในเวลานั้นเล่า เสียนเก่ยคงจะคิดกำจัดฆ่าเสียนแม้ ผู้เป็นเด็กไม่รู้เดียงสาตายเสียเป็นแน่ เพราะฉะนั้นจึงทำพินัยกรรมให้ไว้เป็นการลับว่า เสียนแม้จะมีวัยเจริญขึ้น แม้เสียนเก่ยไม่แบ่งปันมรดกให้แก่เสียนแม้ จึงให้เสียนแม้ไปฟ้องหาต่อท่านขุนนาง ที่เป็นผู้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ให้ตัดสินชำระให้

ในจำนวนสิ่งของซึ่งจะให้แก่บุตรทั้งสองคนนั้น ตึกสร้างใหม่สองหลังเป็นส่วนของเสียนเก่ย ตึกเก่าหลังหนึ่งเป็นส่วนของเสียนแม้ผู้น้อง ตึกเก่าห้องกลางพื้นดิน เข้ามาทางซ้ายมือมีเงินฝังไว้ห้าไห ไหละพันตำลึง ห้องทางขวามือเข้าไปมีเงินพันตำลึง ทองคำพันตำลึง ใส่ไหฝังไว้หกไหด้วยกัน

ในส่วนเงินห้าพันตำลึงนั้น เป็นส่วนให้แก่เสียนแม้ จะได้เป็นกำลังสร้างไร่นาเรือกสวน ทำมาหากินตามภูมิลำเนา ยังคงแต่ทองคำอยู่พันตำลึง เป็นรางวัลให้แก่ท่านขุนนาง ซึ่งเป็นผู้ยุติธรรมตัดสินแบ่งปันมรดกรายนี้

เปาบุ้นจิ้นก็สรรเสริญเงเถาเหลียม อดีตเจ้าเมืองซุ่นเทียนหูว่า ตายแล้วยังมีความห่วงหลังแก่บุตร จึงได้ทำพินัยกรรมไว้ดังนี้ ว่าแล้วเปาบุ้นจิ้นก็แบ่งมรดกให้แก่เสียนแม้ตามพินัยกรรมทุกประการ ซึ่งเสียนเก่ยก็ไม่โต้แย้ง

สุดท้ายเปาบุ้นจิ้นก็บอกว่า

“……...อันทองพันตำลึงนี้ บิดาท่านสั่งมีชัดแจ้ง อยู่ในหนังสือพินัยกรรม ว่าให้แก่เราเป็นรางวัล แต่เรามิใช่เป็นคนโลภ เห็นแก่เงินทองของผู้ใด อันทองคำพันตำลึงนี้ เรายกให้แก่นางหมุยซิมซุน ฮูหยินของท่านผู้ถึงแก่กรรมไปแล้วนั้น เป็นรางวัลซึ่งไม่คิดจะมีผัวต่อไป..."

เรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยดี ทั้งนี้ก็ด้วยความปรีชาสามารถของเปาบุ้นจิ้น ผู้ทรงความยุติธรรม และมีความอดทนที่จะตีปัญหา พินัยกรรมที่ติดอยู่กับร่มกระดาษ จนค้นพบหนังสือในกระบอกบนยอดของร่มได้ หากเป็นตุลาการท่านอื่นเมื่อได้เห็นร่มและรูปภาพ ก็คงจะหัวเราะเยาะ และโยนทิ้งไปเสียเป็นแน่ แล้วเนื้อความสำคัญในพินัยกรรม ก็จะไม่ปรากฎขึ้น อันจะทำให้ผู้ร้องทุกข์ หมดโอกาสที่จะได้มรดก ตามคำสั่งของผู้ตายเป็นแน่แท้.

##########

วารสารสุรสิงหนาท
ตุลาคม ๒๕๔๒






Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 19:22:53 น. 0 comments
Counter : 502 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.