Group Blog
 
All Blogs
 
พ่อค้าหน้าใหม่

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

พ่อค้าหน้าใหม่

" เล่าเซี่ยงชุน "

ในสมัยที่ เปาบุ้นจิ้น ปฏิบัติราชการอยู่ที่ตังเกียเมืองหลวง ได้มีชายผู้หนึ่งชื่อ ชาเส้ง มาร้องทุกข์ว่าตนเองเป็นพ่อค้าผ้า ซื้อผ้ามาจากเมืองหังจิว เอามาขายในเมืองตังเกีย และได้มาพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมของ งอจือซิม ซื้ออาหารและสุรากินสองคนกับลูกจ้าง แล้วก็พักนอนอยู่คืนหนึ่ง พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาปรากฎว่าผ้าที่จะเอามาขายนั้น ได้หายไปจนหมดสิ้น จึงขอให้ชำระความให้ด้วย

เปาบุ้นจิ้นก็ซักถามได้ความโดยละเอียดว่า ชาเส้งเป็นบุตรของเศรษฐี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลหยินฮ้อกุ้ย แขวงเมืองหังจิว แต่เป็นผู้ที่เล่าเรียนน้อยมิได้ทำมาหากินอย่างใด คงอาศัยอยู่กับบิดา วันหนึ่งบิดาก็เรียกตัวไปสั่งสอนอย่างยืดยาวว่า

".....ผู้ที่มีเงินทองทรัพย์สิน ทำมาหาได้สะสมไว้ให้บุตร แต่บุตรมีความหมิ่นประมาทต่อทรัพย์สินเงินทอง คบหาแต่เพื่อนฝูง เสพสุรา เล่นการพนัน กระทำให้ทรัพย์สินอันตรธานเสื่อมสูญสิ้นไป จนถึงแก่ความยากจน เพราะเหตุที่ไม่มีสติปัญญาที่จะปกครองทรัพย์สมบัติของบิดามารดาไว้ได้ อันทรัพย์สินเงินทอง ใช่ว่าจะเป็นของหามาได้โดยง่าย ๆ เมื่อไร ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำหรืออุตส่าห์หาประกอบโดยความเพียรพยายามให้ชอบที่ถูกต้อง จึงจะสะสมหามารักษาไว้ได้ ตัวเจ้าอย่าทนงตัวเยี่ยงคนทั้งหลายที่ดูหมิ่นแก่ทรัพย์สมบัติเงินทอง บัดนี้บิดาเห็นว่าเจ้าควรจะไปเที่ยวค้าขายต่างเมือง เป็นหนทางไกล จะได้กำไรผลประโยชน์มาเพิ่มเติมเป็นกำลังให้มากขึ้น....."

ชาเส้งก็เห็นชอบด้วย จึงว่า

"....ข้าพเจ้าเห็นว่าที่เมืองตังเกีย ผ้าขายมีราคา ไปเมืองหังจิวจัดซื้อผ้าได้แล้ว จึงเอาไปขายเมืองตังเกีย แล้วซื้อของเมืองตังเกียไปขายเมืองหังจิว สินค้ามีทั้งขึ้นทั้งล่องเพียงหกเดือนก็มีกำไรได้ผลเป็นอันมาก."

บิดาจึงมอบเงินให้ชาเส้งไปทำทุนก้อนหนึ่ง ชาเส้งก็พาลูกจ้างไปซื้อผ้าที่เมืองหังจิว แล้วก็ให้ลูกจ้างหาบเดินทางมาถึงเมืองตังเกีย และพักอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมของงอจือซิม ดังที่ได้แจ้งแล้ว และตนได้เรียกงอจือซิมมาบอกว่า

"....ท่านผู้เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม ให้คนไปมาพักอาศัย ท่านก็คิดเอาค่าเช่า คนทั้งหลายเห็นว่าท่านเป็นผู้ปกครองคุ้มได้ มิให้สิ่งของหายและเป็นอันตราย จึงได้สู้เสียเงินค่าโรงเตี๊ยมให้แก่ท่าน บัดนี้ผ้าสินค้าของเราหายไปฉะนี้ เราจะต้องให้ท่านใช้แทน....."

งอจือซิมก็ไม่ยอมรับรู้และโต้แย้งว่า

".....ข้าพเจ้าเป็นแต่ผู้ขายข้าวแกง ให้แก่คนเดินทางซื้อกิน และพักนอนเท่านั้น ข้าพเจ้ามิได้สัญญารับประกัน เป็นผู้รักษาสิ่งของให้แก่ท่านด้วยไม่....."

จึงต้องมาขอความกรุณาให้ท่านผู้มีปัญญาช่วยตัดสินโดยยุติธรรมด้วย

เปาบุ้นจิ้นก็ให้เจ้าหน้าที่ไปตามตัวงอจือซิมมาซักถาม เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ยืนคำตามที่ได้พูดกับชาเส้งไปแล้ว เปาบุ้นจิ้นพิเคราะห์ดูแล้ว ก็เห็นว่ายากอยู่ที่จะตัดสิน ถ้าบังคับให้งอจือซิม ชดใช้ค่าเสียหายก็ดูไม่ชอบธรรม แต่จะไม่รับผิดชอบเสียเลยก็ไม่ควร เพราะเป็นโรงเตี๊ยมรับคนนอน เอาค่าพักที่เป็นการจรมิใช่อยู่ประจำ ก็ควรที่ผู้เป็นเจ้าของจะต้องเอาธุระดูแลด้วย จึงปรารภออกมาตามที่คิด ว่ายากอยู่ที่จะให้เราพิจารณา

ชาเส้งเห็นเปาบุ้นจิ้นไม่ตัดสินเข้าข้างตน ก็ร้องไห้บ่นรำพันว่า

"..ไม่ควรเลยที่จะให้ผู้ร้ายมาย่องเบา ลักเอาผ้าของข้าพเจ้าไปฉะนี้ ข้าพเจ้ามีความโทมนัสน้อยใจยิ่งนัก....."

เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่เอาตัวโจทก์จำเลยไปขังไว้ด้วยกันทั้งสองคน และได้คิดหาหนทางที่จะตัดสินอยู่ถึงสามวัน ก็ไม่ได้ต้นสายปลายเงื่อน จึงทำกลอุบายให้ตีชาเส้ง และ งอจือซิมคนละสิบที แล้วก็ปล่อยตัวกลับไปยังโรงเตี๊ยม แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ต่อมาเปาบุ้นจิ้นจึงคิดอุบายได้อีกจึงให้นักการสองคนคือ เตีย เหลง กับ เตียโฮ้ว ไปหามเอาป้ายศิลาอันที่ตั้งอยู่กลางตลาด มาวางไว้ที่หน้าศาล แล้วก็ให้นักการเฆี่ยนตีป้ายศิลายี่สิบที แล้วซักถามว่าลักเอาห่อผ้าของชาเส้งไปซุกซ่อนไว้ที่ใด จงเอามาคืนเสียโดยดี

ชาวบ้านร้านตลาดทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา เห็นเป็นการแปลกประหลาด ก็พากันเข้าไปกลุ้มรุมดูนักการตีป้ายศิลา เปาบุ้นจิ้นสังเกตุเห็นว่ามีพ่อค้าสี่คนสะพายห่อผ้าที่จะเอาไปเร่ขาย ปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่มามุงเหล่านั้นด้วย จึงให้เจ้าหน้าที่ปิดประตูกำแพงศาลนั้นเสีย แล้วพาลโกรธว่า

".....เขาชำระถ้อยความอยู่ มิใช่กิจการอะไรของคนทั้งหลายจะเข้ามาดู จะต้องทำโทษริบเอาสิ่งของซึ่งเอามาขายนั้นไว้ก่อน....."

เจ้าหน้าที่ก็ริบเอาสิ่งของจากคนเหล่านั้นไว้ แล้วเปาบุ้นจิ้นก็เรียกคนทั้งสี่ที่สะพายห่อผ้าเข้ามา ให้เปิดห่อผ้าออกดู แลเห็นต้นพับปลายพับมีตรายี่ห้อ ประทับลงบนเนื้อผ้า ก็มีความสงสัย จึงยึดผ้านั้นไว้แล้วบอกว่า ผ้าห่อนี้ขอยืมไว้ดูก่อนพรุ่งนี้จึงจะคืนให้ ส่วนสิ่งของนอกนั้นให้คืนเจ้าของไปทั้งสิ้น แล้วก็ปล่อยคนเหล่านั้นไป ชายสี่คนก็คำนับลากลับไปบ้าน

เปาบุ้นจิ้นจึงให้คนไปตามตัวชาเส้งมาแล้วถามว่า

".....ผ้าของเจ้าเนื้อผ้ามียี่ห้ออย่างไร เจ้าจำได้หรือไม่...."

ชาเส้งบอกว่าจำได้ เปาบุ้นจิ้นจึงเอาผ้าที่ภรรยาซื้อไว้ใช้มาให้ชาเส้งดู ชาเส้งดูแล้วก็บอกว่าหาใช่ผ้าของข้าพเจ้าไม่ เปาบุ้นจิ้นก็เอาผ้าที่ยึดมาจากชายสี่คนนั้นให้ดู ชาเส้งก็แก้พับผ้าออกดูข้างใน เห็นมีตรายี่ห้อของตนประทับอยู่ จึงบอกว่า

".....ผ้าพับนี้ข้าพเจ้าจำได้ เป็นผ้าของข้าพเจ้า...."

เปาบุ้นจิ้นก็ถามว่าผ้าของเจ้ามียี่ห้ออย่างใดเป็นสำคัญ ชาเส้งก็ยืนยันว่า

".....ผ้าของข้าพเจ้าไม่ได้ประทับตรายี่ห้อ ต้นพับปลายพับชนิดนี้ ผ้าของข้าพเจ้า ประทับตรายี่ห้อ พ้นต้นพับปลายพับเข้าไปศอกคืบ ผู้ร้ายลักเอาไปจึงแกะตรายี่ห้อ ประทับอยู่ต้นพับปลายพับดังนี้ ขอท่านได้พิจารณาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด....."

เปาบุ้นจิ้นก็แก้พับผ้าออกตรวจดูทุกพับ ก็สมจริงดังคำที่โจทก์อ้างทุกประการ จึงให้เจ้าหน้าที่ไปตามตัวเจ้าของผ้าทั้งสี่คน มาสอบสวนว่าเป็นผ้าของตนเอง หรือได้ซื้อมาจากผู้ใด จึงได้สะพายเอามาเที่ยวเร่ขาย

ชายในกลุ่มนั้นจึงบอกว่าผ้านี้ได้รับมาจากร้านของ อ๊วงเสง เปาบุ้นจิ้นก็ให้เจ้าหน้าที่ไปตามอ๊วงเสงมาซักถามอีกว่า ผ้ารายนี้ได้มาจากผู้ใด

อ๊วงเสงก็ให้การว่า ได้ตั้งร้านค้าขายผ้าอยู่ที่เมืองนี้ ผ้าทั้งหมดนั้นชายชื่อ เหียด เป็นผู้นำมาขายส่งด้วยราคาถูก จึงได้รับซื้อไว้ขายต่อเอากำไร เปาบุ้นจิ้นก็ให้เจ้าหน้าที่ไปหาตัวเหียด เอามาสอบสวนตามคำให้การต่อหน้าพยานทั้งห้าคน

เหียดจำนนด้วยหลักฐานจึงยอมให้การรับสารภาพว่า ในวันนั้นตนได้แลเห็นชาเส้งกับลูกจ้างหาบผ้ามาพักที่โรงเตี๊ยม จึงรออยู่จนได้เวลาประมาณสามยามก็แอบย่องเข้าไปในโรงเตี๊ยม ใช้เหล็กแคะประตูถอดกลอนเข้าไป เห็นคนนอนหลับสนิทกันหมด จึงลักเอาผ้าของชาเส้งไปจนหมดสิ้น แล้วก็แกะตราทำเป็นยี่ห้อของตน ประทับบนริมผ้า นำไปขายให้อ๊วงเสงในราคาถูก โดยอ๊วงเสงไม่รู้ว่าเป็นผ้าที่ลักขะโมยมา

เปาบุ้นจิ้นจึงให้จำเลยพานักการไปเอาผ้าของกลาง มาคืนให้แก่ชาเส้งทั้งหมด แล้วตัดสินให้สักหนังสือไว้ ที่ต้นแขนขวาของจำเลยว่า มีโทษเป็นผู้ร้ายย่องเบา แล้วเนรเทศให้ไปอยู่เมืองไกล ถ้ายังฝ่าฝืนขืนประพฤติเป็นผู้ร้ายย่องเบาอีก จะลงโทษจำคุก และถ้าทำครบสามครั้งจะต้องโทษประหารชีวิต

ชาเส้งพ่อค้าหน้าใหม่ จึงรอดพ้นจากความหายนะ ค้าขายได้กำไร นำเงินกลับไปหาบิดาได้ ด้วยปัญญาของท่านเปาบุ้นจิ้น ผู้ประกอบไปด้วยความเพียร สอดส่องเอาใจใส่ในหน้าที่ และรักษาความยุติธรรม หาผู้เสมอมิได้ในยุคนั้น.

##########

นิตยสารทหารปืนใหญ่
กรกฎาคม ๒๕๔๕






Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 19:21:23 น. 0 comments
Counter : 372 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.