Group Blog
 
All Blogs
 
ลูกกตัญญู

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

ลูกกตัญญู

" เล่าเซี่ยงชุน "

ครั้งหนึ่งเมื่อ เปาบุ้นจิ้น ได้พักอยู่ที่เมืองฮกเกี้ยน ขณะนั้น เชียงจายหู เป็น นายอำเภอใหญ่ ประจำเมือง ก็มีผู้มาร้องเรียนขอให้ไปชันสูตรพลิกศพ นางตันซุนงอ ที่บ้านตำบลฮกอันกุ้ย ซึ่งได้ถึงแก่ความตายกลายเป็นศพไม่มีศีรษะติดตัว นายอำเภอก็ ได้จัดทำหลักฐานไว้เป็นสำคัญ แล้ว ตันไต้ฮ้อง พี่ชายของผู้ตายก็ตั้งเรื่องราวเป็นโจทก์ฟ้อง เจียงตัดเต๊ก ซึ่งเกี่ยวพันเป็นญาติกัน ในข้อหาว่าเป็นผู้ฆ่านางตันซุนงอ ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ ของเจียงตัดเต๊กเอง คำฟ้องนั้นพอจะสรุปความได้ว่า

เจียงตัดเต๊กนั้นมีภรรยาชื่อ นางฮ่องฮุยเหนี่ย มีบุตรสาวคนหนึ่งอายุได้สิบหกปี ชื่อ นางเง็กกี นางฮ่องฮุยเหนี่ยมีน้องชายคนหนึ่งชื่อ หนีอั๋น เจียงตัดเต๊ก ก็มีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อ เจียงตัดเต๋า มีภรรยาชื่อ นางตันซุนงอ ซึ่งเป็นน้องสาวของ ตันไต้ฮ้องผู้เป็นโจทก์ สามีภรรยาคู่นี้ อยู่ด้วยกันมานานไม่มีบุตร จึงมีภรรยาน้อยอีกคนหนึ่งชื่อ นางซีเอี้ยวหลัน

เจียงตัดเต๋าอายุได้ยี่สิบห้าปี ก็ถึงแก่กรรม ด้วยโรคภัยไข้เจ็บธรรมดา นางตันซุนงอ ก็เป็นแม่หม้ายอยู่ เจียงตัดเต๊กเห็นว่าน้องสะใภ้เป็นคนดี อยากจะขอให้เป็นภรรยา หนีอั๋น น้องภรรยาของตน จะได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันต่อไป แต่นางตันซุนงอนั้นเป็นคนซื่อตรงต่อสามี ได้สาบานไว้ว่านอกจากเจียงตัดเต๋าแล้ว นางจะไม่ขอมีสามีอีกต่อไป แต่เจียงตัดเต๊กก็ยังพยายาม พูดจาชักชวนให้นางตันซุนงอ ยอมเป็นภรรยาหนีอั๋นให้ได้ ตันไต้ฮ้องจึงมีความโกรธ เจียงตัดเต๊กยิ่งนัก

เมื่อถึงวันทำบุญให้แก่เจียงตัดเต๋าผู้ตาย นางตันซุนงอก็นิมนต์ หลวงจีนอิดแช จากวัดเล่งโป๊ยี่ มาสวดกงเต๊กแผ่ส่วนบุญให้แก่สามี ขณะที่หลวงจีนเรียกให้คณะเจ้าภาพ ออกมาบูชานมัสการพระพุทธ เพื่อจะได้สวดกงเต๊ก นางซีเอี้ยวหลันภรรยาน้อยก็เข้าไปตาม นางตันซุนงอในห้อง เพื่อจะเรียกให้ออกมาไหว้พระ ก็พบว่านางตันซุนงอถูกฆ่าตาย กลายเป็น ผีหัวขาดไปเสียแล้ว จึงวิ่งออกมาจากห้อง ร้องบอกทุกคนที่มาช่วย งาน เจียงตัดเต๊กกับภรรยา และบุตรสาว ก็พากันวิ่ง ออกมาดูด้วย แต่ก็ไม่มีใครรู้สาเหตุ หลวงจีนเห็นว่ามีเหตุร้ายแรง เกิดขึ้น ในบ้าน จึงกลับวัดไปโดยไม่ได้ทำ
กงเต๊ก

เมื่อตันไต้ฮ้องได้ทราบเรื่องก็รีบไปดูศพน้องสาว เมื่อเห็นแล้วก็ร้องไห้เศร้าโศกอาลัยยิ่ง นัก จึงเชิญ นายอำเภอมาพิสูจน์ศพ และทำคำฟ้องตามความคิดของตนเองว่า เจียงตัดเต๊กเกลี้ยกล่อม นางตันซุนงอ ให้เป็นภรรยาหนีอั๋นไม่สำเร็จ จึงคบคิดกับหนีอั๋นมาข่มขืนนางตันซุนงอ และนางไม่ ยอม จึงฆ่าตัดศีรษะเอาไปซ่อนเสีย

เปาบุ้นจิ้นก็ส่งสำนวนคำฟ้องให้เชียงจายหู สอบสวนปากคำตามหน้าที่ นายอำเภอจึง เรียกตัวตันไต้ฮ้องมาซักถามเพิ่มเติมว่า น้องสาวตายเวลาใด ตันไต้ฮ้องก็บอกว่า

".………..เวลากินข้าวเช้าแล้ว มีผู้ร้ายมาฆ่านางตันซุนงอตาย ตัดศีรษะเอาไป และผู้คน ข้าทาสของเจียงตัดเต๊ก เคยไปมาหาสู่นางตันซุนงออยู่เนือง ๆ นอกจากนั้นก็ไม่มีผู้ใด ไปมาหาสู่นางตันซุนงอ น้องข้าพเจ้าอยู่ด้วยกันกับนางซีเอี้ยวหลัน สองคน ด้วยกันเท่านั้น ขอท่าน ได้พิจารณา....."

นายอำเภอจึงถามเจียงตัดเต๊กตามถ้อยคำที่ถูกกล่าวโทษ เจียงตัดเต๊กก็ให้การปฏิเสธ ไม่รับในข้อที่ฆ่าฟันนางตันซุนงอ แต่ข้อที่เกลี้ยกล่อมชักจูงจะให้นางตันซุนงอมีสามีนั้นรับว่าจริง เพราะเห็นว่านางตันซุนงอเป็นคนสุจริตซื่อตรงดี จึงปรารถนาจะได้ไว้เป็นเกี่ยวดองพวกพ้องต่อไป

เปาบุ้นจิ้นจึงให้ จายกุ้ย รองนายอำเภอไต่สวนบ้าง เจียงตัดเต๊กก็ไม่ยอมรับ จึงเอาตัว เจียงตัดเต๊กไปขังคุกไว้แล้วว่า เมื่อใดได้ศีรษะนางตันซุนงอมา จึงจะปล่อยตัวออกจากคุก เจียงตัดเต๊กต้องถูกจำคุกอยู่ถึงปีเศษ

วันหนึ่งนางฮ่องฮุยเหนี่ยภรรยาของเจียงตัดเต๊ก ได้เอาศีรษะ
ผู้หญิงห่อผ้ามาให้ เจียงตัดเต๊ก และบอกว่า

"....เมื่อเวลาคืนนี้มีผู้นำเอาศีรษะมาทิ้งไว้ให้ที่บ้าน ข้าพเจ้าจึงเก็บเอามาให้ท่าน ท่านจงนำเอาไปให้ตุลาการ ตัวท่านจะได้พ้นโทษ....."

เจียงตัดเต๊กก็นำไปให้เชียงจายหู นายอำเภอได้รับศีรษะนั้นแล้ว จึงให้ผู้คุมนำสองสามีภรรยาไปส่งให้เปาบุ้นจิ้น พร้อมด้วยของกลางเพื่อพิจารณา เปาบุ้นจิ้นแก้ห่อศีรษะนั้นออกมาพิจารณาดู แล้วก็ถามนางฮ่องฮุย
เหนี่ยว่า

".....นางตันซุนงอตายไปก็ปีเศษแล้ว เหตุใดจึงไปตัดศีรษะของผู้ใดมา เลือดฝาดยังสด ๆ อยู่ดังนี้ ประสงค์จะปลอมศีรษะนางตันซุนงอมาให้เราหรือ จงให้การไปตามจริง ถ้าอำพรางไว้จะทำโทษให้สาหัส....."

นางฮ่องฮุยเหนี่ยก็อัดอั้นตันใจ พูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ เปาบุ้นจิ้นเห็นนางไม่ยอมให้การ จึงขู่ว่าจะผูกเฆี่ยนถาม นางตกใจมีความกลัว จึงยอมเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟังโดยละเอียดว่า

เมื่อเจียงตัดเต๊กสามีต้องโทษจำคุกอยู่นั้น นางก็อยู่บ้านกับนางเง็กกีผู้บุตร สองแม่ลูกก็ช่วยกันทอผ้าขายหากินเลี้ยงชีวิต และส่งเสบียงอาหารให้เจียงตัดเต๊กอยู่สม่ำเสมอมิให้อดอยาก เมื่อนางเง็กกีนำอาหารไปให้บิดาครั้งใด ก็ร้องไห้ด้วยความสงสารบิดา ว่าเมื่อไรเขาจะปล่อยออกจากที่คุมขัง

เจียงตัดเต๊กก็บอกกับบุตรว่า

"....ลูกเอ๋ย เป็นเวรกรรมของบิดา ที่ได้ทำไว้แต่บุพชาติปางก่อนมาให้ผล จึงหากให้เป็นไปเช่นนี้ ตุลาการท่านว่าถ้าได้ศีรษะนางตันซุนงอมาให้เมื่อใด ท่านจึงจะปล่อย ถ้าไม่ได้ท่านว่าจะต้องจำอยู่อย่างนี้ ก็ตัวเรามิได้กระทำร้ายแก่นางตันซุนงอ เราจะได้ศีรษะนางตันซุนงอมาแต่ไหน บิดาก็จะต้องสู้กรรมไปอย่างนี้กว่าจะสิ้นชีวิต....."

นางเง็กกีก็เดินร้องไห้เช็ดน้ำตากลับมาบ้าน เล่าความให้มารดาฟังแล้วก็ว่า

"...ถ้าไม่ได้ศีรษะนางตันซุนงอมาให้แก่ตุลาการแล้ว บิดาข้าพเจ้าก็จะต้องจำอยู่จนตลอดชีวิต อย่ากระนั้นเลย ถ้าข้าพเจ้านอนหลับเมื่อใดแล้ว ขอให้มารดาเอาอาวุธมาตัดเอาศีรษะ ของข้าพเจ้า นำไปให้ท่านตุลาการ ถ่ายตัวบิดาของข้าพเจ้าให้ได้พ้นจากเวรจำ ถึงแม้ว่าตัวข้าพเจ้าจะตาย ก็จะดีกว่าทิ้งให้บิดาข้าพเจ้าตายอยู่ในเวรจำ...."

นางฮ่องฮุยเหนี่ยได้ฟังบุตรสาวว่าด้วยความกตัญญูต่อบิดาดังนั้นจึงว่า

".....ลูกเอ๋ย ปีนี้อายุของลูกก็ได้สิบหกปีแล้ว ใจของมารดานี้คิดว่าจะให้มีสามีซึ่งเป็น เศรษฐีและพ่อค้าเพื่อจะได้เงินสินสอด จะได้เลี้ยงบิดามารดาต่อไป ลูกอย่าพูดเช่นนี้อีกต่อไป......"

นางเง็กกีก็ว่า บิดาต้องขังอยู่ในคุก ได้ความทุกข์ยากลำบากกายใจมากนัก มารดาเล่าก็มีแต่ความทุกข์ ไม่เป็นอันทำมาหากินสิ่งใด แม้นมารดายกให้ตนเองไปเป็นภรรยาเขาแล้ว ที่ไหนจะได้กลับมาอยู่ปฏิบัติมารดาได้ และยืนยันว่า

"........ขอให้มารดาตัดเอาศีรษะข้าพเจ้าไปเถิด แม้ว่ามารดาจะกระทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจะฆ่าตัวของข้าพเจ้าเองให้ตายเสียก่อน แล้วมารดาจึงค่อยตัดเอาศีรษะไปให้เขาเถิด ข้าพเจ้าจะขอแต่ให้บิดาหลุดพ้นจากเวรจำเท่านั้น ข้าพเจ้ามิได้คิดเสียดายชีวิตของข้าพเจ้าเลย....."

นางฮ่องฮุยเหนี่ย ได้เห็นความกตัญญูของบุตรสาวแล้วก็ร้องไห้ กล่าวว่า

"......ซึ่งจะให้มารดากระทำแก่บุตรดังนั้น มารดาทำมิได้แล้ว ลูกเอ๋ย อย่าได้คิดเช่นนี้ต่อไปเลย....."

ตั้งแต่นั้นมานางฮ่องฮุยเหนี่ยก็ระวังระไวบุตรสาวของตน มิให้คิดฆ่าตัวตาย แต่อยู่มานานเข้าก็เผลอเรอ ให้นางเง็กกีเอามีดเชือดคอจนถึงแก่ความตาย ตามที่ได้ตั้งใจไว้ นางฮ่องฮุยเหนี่ยก็ร้องไห้เศร้าโศกอาลัยถึงบุตรสาวเป็นอันมาก แต่ทำอย่างไรนางก็ตายไปแล้ว จึงจำใจต้องตัดศีรษะนางเง็กกี เอามาให้สามีนำมาให้ท่านเปาบุ้นจิ้น ในครั้งนี้
เปาบุ้นจิ้นได้ฟังเรื่องราวอันน่าเศร้าสลดใจ จากนางฮ่องฮุยเหนี่ยแล้วก็ถอนใจใหญ่รำพึงว่า

".....บุคคลผู้ใดใจบาปหยาบช้า ฆ่ามนุษย์ในครรภ์นอกครรภ์ได้ ผู้นั้นแม้มีบุตรออกมาต่อชาติสืบตระกูล บุตรผู้นั้นย่อมเป็นคนอกตัญญุตา แม้บุคคลผู้ใดประพฤติตนตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว ผู้นั้นจะมีบุตรและนัดดาสืบชาติต่อตระกูล บุตรและนัดดาของผู้นั้น ย่อมมีความกตัญญูต่อบิดามารดา....."

เปาบุ้นจิ้นก็ให้เอาตัวเจียงตัดเต๊กไปขังไว้ตามเดิมก่อน แล้วให้ตามตัวนางซีเอี้ยวหลันผู้พบศพนางตันซุนงอ มาถามว่าในเวลาที่นางตันซุนงอตายนั้น นอกจากคนในเรือนเดียวกันแล้วมีผู้ใดแปลกปลอมมาบ้างหรือไม่ นางซีเอี้ยวหลันก็บอกว่า

"..เวลาเช้ากินอาหารแล้ว ได้นิมนต์หลวงจีนอิดแชสำนักวัดเล่งโป๊ยี่ มาสวดกงเต๊ก หลวงจีนอิดแชให้ข้าพเจ้าเข้าไปเรียกนางตันซุนงอ ให้ออกมาไหว้พระแล้วจะได้สวดกงเต๊ก ข้าพเจ้าจึงเข้าไปในห้อง เห็นนางตันซุนงอนอนตายอยู่ในห้อง ไม่เห็นศีรษะ เป็นความสัตย์จริงดังนี้ แล้วแต่ท่านจะพิจารณาเถิด...."

เปาบุ้นจิ้นก็ให้นางฮ่องฮุยเหนียไปหาหลวงจีนอิดแชแต่ผู้เดียว เพื่อจะดูลาดเลาว่าหลวงจีนรู้เรื่องนี้อย่างไรบ้าง นางฮ่องฮุยเหนี่ยก็จัดดอกไม้ธูปเทียนไปวัดเล่งโป๊ยี่ เพื่อสั่นติ้วอธิษฐานเสี่ยงทายว่า เมื่อใดสามีจะพ้นโทษ หลวงจีนอิดแชก็ต้อนรับนางฮ่องฮุยเหนี่ยเป็นอันดี จัดหาอาหารเจมาเลี้ยง แล้วก็ว่า

"......สามีของท่านต้องโทษอยู่ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นเพื่อนท่านแล้ว รูปนี้จะขออาสาปฏิบัติท่าน มิให้ได้ความเดือดร้อนยากแค้นได้ ท่านอย่ามีความวิตกถึงเจียงตัดเต๊ก สามีเก่าของท่านเลย....."

นางฮ่องฮุยเหนี่ยก็รู้ทีว่าหลวงจีนองค์นี้คิดมิดีกับตนแล้ว จึงว่าขอให้ช่วยบันดาลให้หาศีรษะของนางตันซุนงอไปให้ตุลาการได้ ก็จะได้มีไมตรีกันไปในวันหน้า หลวงจีนก็ว่ามีเสื้อวิเศษอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าเอาไปเผาไฟแล้ว ก็คงจะได้ศีรษะนางตันซุนงอแน่ แต่นางจะต้องรับธุระดับร้อนให้ สมความรักของตนก่อน นางฮ่องฮุยเหนี่ยก็ยินดีรีบบอกว่า ถ้าได้ศีรษะของนางตันซุนงอในวันนี้จริง พรุ่งนี้ตนก็จะยอมเป็นภรรยาหลวงจีน ตามความประสงค์

หลวงจีนอิดแชได้ฟังนางฮ่องฮุยเหนี่ยโอนอ่อนดังนั้น ก็เกิดความประมาทจึงพูดว่า

".....ท่านกับเราสองต่อสองอยู่ในวัดไม่มีผู้ใดรู้เห็น ถ้าท่านไม่ยอมหย่อนผ่อนผัน ในการประเวณีให้แก่เรา เราจะตัดศีรษะท่านเอาไปซ่อนเสียหลังโบสถ์ เหมือนดังนางตันซุนงอ ที่เราได้กระทำแล้วนั้น....."

ว่าแล้วหลวงจีนก็จูงมือนางฮ่องฮุยเหนี่ยไปดูศีรษะนางตันซุนงอ ที่ซ่อนไว้หลังโบสถ์ แล้วก็พานางฮ่องฮุยเหนี่ยกลับมาที่พัก กระทำการข่มขืนตามความปรารถนาของตน นางฮ่องฮุย เหนี่ยก็จำใจต้องยอม เพื่อจะช่วยสามีให้พ้นโทษออกจากคุก

วันรุ่งขึ้นนางฮ่องฮุยเหนี่ยก็ทำเป็นประหนึ่งว่า มีความเสน่หาอาลัยในตัวหลวงจีนเป็นอันมาก แล้วขอตัวกลับบ้านก่อน วันหลังจะมาหาใหม่ แล้วนางก็รีบไปแจ้งความแก่เปาบุ้นจิ้นตามที่ได้พบเห็นมาทุกประการ เปาบุ้นจิ้นก็มีความยินดี ให้พนักงานไปจับตัวหลวงจีนอิดแช และนำศีรษะนางตันซุยงอมาไต่สวน

หลวงจีนก็ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงต้องยอมรับสารภาพว่า เมื่อวันเกิดเหตุนั้น ตนได้เข้าไปพูดจาหยอกเย้าเล้าโลมนางตันซุยงอ ในห้องสองต่อสอง แต่นางตันซุนงอไม่ยินยอมและได้ด่าว่าต่าง ๆ สุดท้ายก็ไล่ออกจากห้อง หลวงจีนก็โกรธจึงชักมีดออกจากแขนเสื้อ ฟันนางตันซุนงอคอขาดถึงแก่ความตายไป แล้วก็เอาเสื้อของนางที่แขวนอยู่ในห้อง ห่อศีรษะให้เรียบร้อยเอามาใส่ไว้ในตู้พระธรรมหน้าโต๊ะบูชา แล้วจึงเรียกให้เจ้าภาพออกมาไหว้พระ พอนางซีเอี้ยวหลันพบศพนางตันซุนงอแล้วเกิดเอะอะวุ่นวายกันขึ้นในบ้าน หลวงจีนก็ยกหีบพระธรรมกลับวัด แล้วเอาศีรษะนางตันซุนงอ ไปซ่อนไว้ที่หลังโบสถ์ดังกล่าว

เปาบุ้นจิ้นเห็นหลวงจีนอิดแชรับเป็นสัตย์แล้ว จึงตัดสินให้ประหารชีวิตเสียตามโทษานุโทษ แล้วปล่อยตัวเจียงตัดเต๊กออกจากคุก กับให้พนักงานสร้างศาลบูชานางเง็กกี ผู้มีความกตัญญูต่อบิดา

ส่วนทรัพย์สินของเจียงตัดเต๋าซึ่งตายไป แต่ไม่มีผู้รับมรดก เพราะนางตัน ซุนงอภรรยาก็ถูกฆ่าตายเสียแล้วนั้น ยกให้แก่เจียงตัดเต๊กผู้พี่ชาย แต่ให้แบ่งครึ่งหนึ่ง เอาไว้สำหรับบำรุงรักษาทำการบูชาศาลนางเง็กกี ไปจนกว่าตนเองจะสิ้นชีวิต

เรื่องราวของผู้ถือศีลกินเจแต่ประพฤติชั่วดังนี้ ก็มีกันมาแต่โบราณกาลแล้ว ถ้านางฮ่องฮุยเหนี่ยไม่ยอมเสียตัว ก็คงจะไม่ได้หลักฐานมัดผู้ร้ายใจทราม และช่วยสามีของตนเองได้ ดังนั้นก็นับว่านางได้เสียสละไม่น้อยไปกว่าบุตรสาวเลย.

##########

นิตยสารทหารปืนใหญ่
มกราคม ๒๕๔๖






Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 13:19:20 น. 0 comments
Counter : 1175 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.