Group Blog
 
All Blogs
 
ผีหัวขาด

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

ผีหัวขาด
" เล่าเซี่ยงชุน "

ครั้งนั้นเมื่อ เปาบุ้นจิ้น กลับจากตรวจราชการหัวเมืองต่าง ๆ มาถึงตำบลอ้วนจิว แขวงเมืองตังเกีย ก็มีนักโทษในคุกผู้หนึ่งชื่อ เตียฮั่น ขอยื่นเรื่องราวร้องอุทธรณ์กล่าวโทษ เจาโต๋ฮุย และ เจาโต๋กัว ซึ่งเป็นตุลาการว่าตัดสินคดีไม่ยุติธรรม ตนเองไม่ได้ทำผิดก็เฆี่ยนตีให้รับ แล้วเอาไปขังคุกไว้ห้าเดือนมาแล้ว

เปาบุ้นจิ้นได้รับเรื่องราวแล้ว ก็เบิกตัวเตียฮั่นออกจากคุกมาสอบสวน เตียฮั่นก็ให้การเป็นความว่าตนเองเป็นน้องชายของ เตียซีเก่ ซึ่งมีภรรยาชื่อ จิวสี เมื่อห้าเดือนก่อนมารดานางจิวสี ซึ่งอยู่ต่างเมืองได้ป่วยลง ให้คนใช้มาแจ้งแก่นางจิวสี นางจึงขอลาสามีไปเยี่ยมมารดา เป็นเวลาเดือนเศษ เตียซีเก่ก็ใช้ให้เตียฮั่นไปรับนางจิวสีกลับมาจากบ้านมารดา

เมื่อเตียฮั่นไปถึงบ้านนางจิวสีนั้นมารดาได้หายป่วยแล้ว นางจึงขอลามารดาอุ้มบุตรกลับมาพร้อมกับเตียฮั่น ครั้นเดินทางมาถึงตำบลเขาเกาเต็งซัว ไม่ไกลจากบ้านเตียซีเก่เท่าไรนัก เป็นเวลาพลบค่ำนางมีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก จึงหยุดพักนั่งลงที่ชายเขา แล้วก็ส่งบุตรให้เตียฮั่นและบอกว่า

"...ท่านจงอุ้มหลานล่วงหน้าไปก่อน ถ้าถึงบ้านแล้วจงจ้างคนหามเกี้ยวมารับข้าพเจ้าด้วย....."

เตียฮั่นเห็นว่าเป็นคืนวันเพ็ญ เดือนหงายแสงพระจันทร์สว่าง จึงยอมให้พี่สะใภ้นั่งพักอยู่ที่เดิม ตนเองอุ้มหลานกลับมาถึงบ้าน เตียซีเก่ถามถึงภรรยาก็บอกว่า

"..พี่เขาเมื่อยล้าเดินมาไม่ใคร่ได้ จึงให้ข้าพเจ้าอุ้มหลานมาก่อนให้จ้างพวกหามเกี้ยวไปรับพี่สะใภ้ ยังนั่งหยุดพักคอยอยู่ที่ชายเขา เกาเต็งซัว....."

ว่าแล้วเตียฮั่นก็รีบไปจ้างผู้หามเกี้ยวไปรับนางจิวสี แต่เมื่อไปถึงที่นั้นแล้ว ก็หาเห็นนางจิวสีไม่ จึงกลับมาแจ้งแก่เตียซีเก่ พี่ชายก็ตกใจจึงพากันไปค้นหานางจิวสีที่เขาเกาเต็งซัว แต่ก็หาไม่พบ จึงเดินทางเลยไปยังบ้านมารดาของนางจิวสี บิดามารดาก็บอกว่าไม่ได้กลับมาบ้าน สองคนพี่น้องจึงกลับไปค้นหาที่ตำบลเดิมอีก

ในที่สุดก็ได้พบศพผู้หญิงนอนตายอยู่ในซุ้มไม้กลางป่า แต่ศรีษะนั้นหามีติดอยู่กับร่างกายไม่ เห็นแต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวที่จำได้ว่าเป็นของนางจิวสีแน่ ทั้งสองคนก็ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความอาลัยยิ่งนัก เมื่อสร่างความโศกเศร้าแล้ว เตียซีเก่จึงไปเชิญกำนันและอำเภอมาพิสูจน์พลิกศพนางจิวสี แล้วก็เอาศพไปฝังไว้ตามธรรมเนียม

ต่อมาพี่ชายของนางจิวสีชื่อ จิวลิบก็อก ได้ยื่นร้องเรียนต่อเจาโต๋ฮุยซึ่งเป็นตุลาการ กล่าวโทษเตียฮั่นว่า ไปรับพี่สะใภ้มาจากบ้านของบิดามารดาแล้ว พอถึงกลางทางเตียฮั่นจะข่มขืน นางจิวสีไม่ยอมจึงได้ฆ่าเสีย

ตุลาการจึงมีหมายเกาะตัวเตียฮั่นมาสอบสวน เตียฮั่นก็ให้การไปตามความสัตย์จริง แต่ตุลาการก็เฆี่ยนตีถึงสาหัส แล้วก็ให้เจาโต๋กัวตุลาการอีกคนหนึ่ง ไปขุดศพนางจิวสีขึ้นมาพิสูจน์ใหม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีศรีษะ ก็ไปขุดเอาศรีษะของศพอื่นมาแทนแล้วปรักปรำว่า เตียฮั่นเอาศรีษะนางจิวสีไปฝังซ่อนไว้ที่ชายเขา แล้วก็เฆี่ยนตีให้รับ จนสุดที่จะทนได้ เตียฮั่นจึงจำใจรับเป็นสัตย์ จึงถูกขังคุกรอเปาบุ้นจิ้นมาตัดสิน

เปาบุ้นจิ้นวินิจฉัยไตร่ตรองตามรูปความแล้ว พิจารณาเห็นว่าเมื่อสองพี่น้องพบศพนางจิวสีแล้ว ค้นหาศรีษะหลายวันก็ไม่พบ แต่เจาโต๋กัวหาศรีษะนางจิวสีมาได้โดยรวดเร็ว ดูเป็นพิรุธอยู่ จึงเชื่อถ้อยคำของเตียฮั่น สั่งให้ปล่อยออกจากคุกไปชั่วคราว

แล้วเปาบุ้นจิ้นก็ให้ เตียเหลง กับ สิปา นักการคู่ใจสองคน ไปเที่ยวสืบหาตำบลอันเป็นที่ชุมนุมคนเดินทางไปมาค้าขาย เผื่อจะได้เค้าเงื่อนเพิ่มเติมบ้าง

นักการทั้งสองนายก็ไปชวน เตียวเสียว ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเตียซีเก่ ในตำบล อ้วนจิว เดินทางไปด้วยกัน ทั้งสามเดินทางไปได้ประมาณเก้าสิบลี้ ถึงตำบลคังเค้า มีโรงเตี๊ยมสำหรับคนเดินทางไปมาพักอาศัย ทั้งสามคนจึงแวะเข้าไปพัก ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังหุงข้าวต้มมื้อกลางวันอยู่ในครัว หน้าตาเศร้าหมองไม่ชื่นบาน

เตียวเสียวรู้สึกว่าจะเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ยังจำไม่ได้ถนัดจึงเข้าไปทักถามว่ามาทำอะไรอยู่ที่ตำบลนี้ นางก็เช็ดน้ำตาแล้วบอกว่า

"....ข้าพเจ้าเป็นภรรยาเตียซีเก่ ท่านจำข้าพเจ้าไม่ได้หรือ....."

เตียวเสียวจึงได้นึกออกว่าเป็นนางจิวสี จึงเล่าเรื่องเตียฮั่นต้องถูกจำคุกเพราะนางเป็นต้นเหตุให้ฟัง นางจิวสีก็ร้องไห้แล้วพูดว่า

"......เตียฮั่นต้องทรมานกายด้วยไม่มีความผิด หาควรไม่....."

แล้วก็เล่าเรื่องของตนให้ฟัง พร้อมกับบอกว่าตนถูกบังคับให้เป็นคนชั่ว เที่ยวหาเงิน ได้รับความเดือดร้อนยิ่งนัก ขอให้ช่วยกลับไปบอกสามี ให้รีบมาช่วยโดยเร็ว

นักการทั้งสองก็ถามถึงผู้ที่บังคับให้นางจิวสีเป็นคนชั่ว นางก็บอกว่านอนอยู่ในห้องของโรงเตี๊ยม ทั้งสามจึงเข้าไปจับตัวผู้ร้ายในห้องได้สองคน แล้วรีบพาตัวนางจิวสี กลับมาส่งให้ เปาบุ้นจิ้น

นางจิวสีกลับมาพบหน้าสามีก็เข้ากอดไว้ แล้วร้องไห้เล่าเรื่องให้ฟังต่อหน้าเปาบุ้นจิ้น พอจะจับความได้ว่า เมื่อนางส่งบุตรให้น้องสามีพากลับมาบ้านแล้ว นางก็นั่งคอยอยู่ที่เชิงเขา รอให้คนหามเกี่ยวมารับ

พอถึงเวลาค่ำมีชายสองคนหามเข่งใบใหญ่เดินผ่านมาทางนั้น เมื่อเห็นนางจิวสีนั่งอยู่คนเดียว ก็ตรงเข้ามาจับตัวนางจิวสี แก้เสื้อกางเกงถอดรองเท้าออกแล้วนำหญิงอีกคนหนึ่งออกมาจากเข่ง บังคับให้ถอดเสื้อกางเกงรองเท้ามาเปลี่ยนกัน แล้วทั้งสองก็ฆ่าหญิงผู้นั้นเสีย ตัดเอา ศรีษะไปฝังไว้ที่ซอกเขา และหามศพหญิงนั้นไปทิ้งไว้ในรก แล้วจับตัวนางจิวสีใส่เข่งใบนั้นแทน ช่วยกันหามไปถึงตำบลคังเค้า และพากันไปพักอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยม จากนั้นก็บังคับให้นางเป็น คนชั่วเที่ยวขายตัวหาเงินมาให้ จนนักการไปพบ

เปาบุ้นจิ้นก็สอบถามผู้ร้ายทั้งสองคน ก็ยอมรับสารภาพตามที่นางจิวสีให้ถ้อยคำทุกประการ เปาบุ้นจิ้นจึงถามว่า

".....หญิงซึ่งเจ้าฆ่าเสียแล้วนั้น ด้วยเหตุอันใด....."

ผู้ร้ายก็ให้การว่า

"....หญิงซึ่งข้าพเจ้าพามานั้น รูปร่างไม่งามเหมือนนางจิวสี ข้าพเจ้าจึงฆ่าเสีย เปลี่ยนเอานางจิวสีไว้...."

เปาบุ้นจิ้นเห็นเรื่องราวกระจ่างแจ้งแจ่มชัดแล้ว จึงสั่งปล่อยตัวเตียฮั่นพ้นคดี และมอบนางจิวสีให้เตียซีเก่ผู้สามีไป กับให้เอาผู้ร้ายทั้งสอง ไปประหารชีวิตเสีย

ส่วนเจาโต๋ฮุยและเจาโต๋กัว ตุลาการทั้งสอง ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม ให้ถอดยศลงเป็นไพร่ สำหรับจิวลิบก็อกผู้เป็นเจ้าถ้อยหมอความ พี่ชายของนางจิวสี หาความไม่จริงมาใส่โทษผู้อื่น ให้เนรเทศไปอยู่หัวเมืองไกล ไม่มีกำหนดกลับ

ผู้คนที่รู้เรื่องนี้ ก็พากันสรรเสริญว่า เปาบุ้นจิ้น นี้เทพยดาเชิญลงมาเกิด สำหรับ แผ่นดินโดยแท้แล้ว.

##########

วารสารสุรสิงหนาท
กันยายน ๒๕๔๐






Create Date : 28 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 9:09:40 น. 0 comments
Counter : 776 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.