Group Blog
 
All Blogs
 
ขุนพลจอมมารยา

เสี้ยวสามก๊ก

ขุนพลจอมมารยา
“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตัวละครในพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กนั้น ใคร ๆ ก็รู้ว่า โจโฉ เป็นตัวโกงหรือฝ่าย อธรรม ส่วน เล่าปี่ นั้นเป็นพระเอกหรือฝ่ายธรรมะ แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ในตำนานหนังสือสามก๊กว่า

เล่าปี่ที่ว่าเป็นคนดีก็ดีแต่อัธยาศัย แต่เรื่องประวัติของเล่าปี่ซึ่งปรากฎในเรื่อง สามก๊ก ดูเป็นแต่เที่ยวรบพุ่งชิงบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่เห็นว่าได้ตั้งใจขวนขวายช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้จริงจังอย่างใด

ซึ่งถ้าใครได้อ่านสามก๊กหลาย ๆ เที่ยวแล้ว ในครั้งหลัง ๆ จะคลายความนับถือ เล่าปี่ลงไป ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะในเรื่องมารยาหรือการเสแสร้งแกล้งทำให้ดูน่าสงสาร มีอยู่หลายครั้งทีเดียว

ครั้งหนึ่งเมื่อเล่าปี่ช่วยโจโฉปราบลิโป้ที่เมืองชีจิ๋วลงได้แล้ว โจโฉก็พาเล่าปี่ไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบทูลความชอบ เมื่อฮ่องเต้ได้ทราบว่าเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับพระเจ้าอา ก็แต่งตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายกรมวัง ต่อมาเล่าปี่เห็นโจโฉทำกิริยาอาจเอื้อมต่อฮ่องเต้ และมีขุนนางผู้เกลียดชังคบคิดกันจะกำจัดโจโฉ รวมได้หกคนเล่าปี่ก็ไปเข้าชื่อเป็นพวกด้วย แต่ยังไม่ได้โอกาสลงมือสักที เลยไม่ค่อยสบายใจกลัวความลับจะแตก จึงแกล้งทำสวนปลูกผักอยู่หลังบ้าน ไม่เอาใจใส่ต่อราชการงานเมือง

โจโฉคิดจะลองใจเล่าปี่ จึงเชิญไปกินเลี้ยงที่บ้านของตน ขณะที่เสพสุราแกล้มกับผลมะเฟืองอยู่ ก็หยั่งเสียงว่าในแผ่นดินนี้มีผู้ใดบ้างที่มีอำนาจวาสนาจะเป็นใหญ่ได้ เล่าปี่ก็ถ่อมตัวว่าไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก ครั้นโจโฉคาดคั้นหนักเข้า เล่าปี่ก็เอ่ยชื่อเจ้าเมืองใหญ่ ๆ ในขณะนั้นเช่น อ้วนสุด อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว ซุนเซ็ก เล่าเจี้ยง เตียวสิ้ว เตียวฬ่อ หันซุย โจโฉก็ดูถูกดูแคลนต่าง ๆ นา ๆ เล่าปี่จึงพูดเอาใจว่า ทุกวันนี้จะหาผู้มีสติปัญญา เหมือนมหาอุปราชว่านั้นขัดสนนัก โจโฉจึงสรุปว่า ทุกวันนี้เราเล็งดูผู้ซึ่งมีสติปัญญานั้นสิ้นแล้ว มีอยู่แต่ท่านกับเราสองคนเท่านั้น

เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งถึงกับตะเกียบหล่นลงจากมือ ขณะนั้นเป็นเวลาครึ้มฟ้าครึ้มฝน พอดีฟ้าร้องขึ้นดังสนั่นเล่าปี่จึงเอามือปิดหู โจโฉก็หัวเราะแล้วว่าเกิดเป็นชายเหตุใดจึงกลัวเสียงฟ้า เล่าปี่ก็ว่าโบราณท่านว่าไว้ ถ้าฟ้าคะนองให้ระวังตัวจงหนัก โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เชื่อว่าเล่าปี่นี้ขลาดนัก คงจะไม่คิดการใหญ่เป็นแน่

เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เล่าให้กวนอูกับเตียวหุยฟังว่า

“…….ซึ่งเราคิดอ่านทำสวนปลูกผัก ประสงค์จะให้โจโฉสิ้นสงสัย ว่าเราหาความคิดไม่ ครั้นโจโฉชวนกินโต๊ะพูดจาสรรเสริญว่าพี่มีความคิด พอเสียงฟ้าร้องพี่ทำตกใจทิ้งตะเกียบเสีย แล้วเอามือปิดหูไว้ โจโฉก็สิ้นสงสัย…….”

และหลังจากนั้นเล่าปี่ก็ขออาสาโจโฉ ยกทหารไปปราบอ้วนสุด ซึ่งจะรวมกำลังกับอ้วนเสี้ยวพี่ชาย โจโฉก็หลงเชื่อจึงมอบทหารให้ห้าหมื่น เล่าปี่ก็เลยหลุดพ้นเงื้อมมือโจโฉไปตั้งตัวเป็นใหญ่ที่เมืองชีจิ๋ว และเป็นก้างขวางคอที่โจโฉขบเคี้ยวไม่ลงมาตั้งแต่บัดนั้น

ต่อมาเมื่อโจโฉจับพวกที่คบคิดกันจะกำจัดตนได้ และประหารเสียทั้งหกโคตร จึงทราบว่าเล่าปี่ก็คบคิดกับพวกนี้ และเป็นศัตรูตัวร้าย จึงยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วแตก สามพี่น้องก็พลัดพรากจากกันไปคนละทาง เล่าปี่หนีไปพึ่งอ้วนเสี้ยว กวนอูตกไปอยู่กับโจโฉด้วยความจำใจ และตอบแทนคุณโจโฉด้วยการคุมทหารไปรบอ้วนเสี้ยว ฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยวเสียสองคน อ้วนเสี้ยวจึงโกรธมากให้เอาตัวเล่าปี่ไปฆ่าเสีย เล่าปี่ก็แก้ตัวว่า

“…….แต่ก่อนนั้นโจโฉมีใจรังเกียจข้าพเจ้าเป็นอันมาก คิดจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย บัดนี้รู้ว่าข้าพเจ้ามาสำนักอาศัยอยู่กับท่าน จะเป็นกำลังคิดการสืบไป จึงแกล้งใช้กวนอูมาฆ่าทหารเสีย ถ้าท่านแจ้งก็จะโกรธข้าพเจ้า อุปมาเหมือนโจโฉยืมมือท่านให้ฆ่าข้าพเจ้าเสีย กวนอูเห็นจะไม่รู้ว่าข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน จึงอาสาโจโฉมาฆ่าทหารท่านเสีย ถ้าข้าพเจ้ามีหนังสือไปถึง กวนอูรู้แล้วก็จะจะมาหาข้าพเจ้า ได้เป็นกำลังท่านสืบไป ซึ่งท่านเสียทหารสองคนนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งเสียเนื้อสองตัว ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้เหมือนหนึ่งเสือ เห็นจะดีกว่าเนื้อสองตัว……..”

อ้วนเสี้ยวก็หลงเชื่อ แต่เล่าปี่ก็ไม่อยู่คอยกวนอู หาเหตุหลบออกไปพบกับกวนอูและพากันไปอยู่ที่เมืองยีหลำกับเตียวหุย แล้วก็ไม่กลับมาหาอ้วนเสี้ยวอีกเลย จนอ้วนเสี้ยวถูกโจโฉยกทัพมาปราบเสียราบคาบไปทั้งตระกูล

ต่อมาเล่าปี่ยกทัพจะไปตีเมืองฮูโต๋ โจโฉก็ยกทัพมายันและตีทัพเล่าปี่แตก ต้องพาทหารและครอบครัวหนีไปทางทิศใต้ ไปได้แค่ห้าสิบเส้นก็เจอทหารเอกของโจโฉดักอยู่ ไม่มีหนทางที่จะหลบไปไหนได้ จึงแหงนหน้าขึ้นไปดูบนอากาศ แล้วร้องว่า

“…….เทพดาให้เราเกิดมาแล้ว เหตุใดไม่ช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูเล่า แล้วให้เราได้ทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ เราจะครองชีวิตไว้ใยให้ป่วยการ……..”

ว่าแล้วก็ชักกระบี่ออกว่าจะเชือดคอตายเสีย นายทหารที่ติดตามมาก็ช่วยกันชิงกระบี่ไว้ พอดีจูล่งทหารเอกรบฝ่าข้าศึกเข้ามาช่วยไว้ได้ จึงพากันหนีต่อไป จนถึงเมืองเกงจิ๋วจึงเข้าไปอาศัยอยู่กับเล่าเปียวเจ้าเมือง ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ แม้น้องภรรยาของเล่าเปียวจะทักท้วงว่า เล่าปี่นั้นเดิมอยู่กับลิโป้ แล้วหนีไปอยู่ด้วยโจโฉ โจโฉก็ได้เลี้ยงดูถึงขนาด เล่าปี่ก็คิดร้ายต่อโจโฉจนได้ทำศึกกัน แล้วแตกหนีโจโฉไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวก็เลี้ยงไว้ แต่ก็เอาใจออกห่างจากอ้วนเสี้ยว ไปตั้งตัวขึ้นทำศึกกับโจโฉจนแตกมาอีก ซึ่งจะมาอาศัยอยู่นั้นควรดำริดูให้ต้องคำโบราณ แต่เล่าเปียวก็ไม่ฟัง รับเล่าปี่ไว้และให้ไปอยู่เมืองซินเอี๋ย ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองเกงจิ๋ว

เล่าเปียวนั้นอายุมากแล้ว และมีโรคภัยไข้เจ็บก็รักใคร่ไว้ใจเล่าปี่มาก แต่
นางชัว ฮูหยินภรรยาไม่ชอบ กลัวเล่าปี่จะยึดครองเมือง เล่าเปียวมีภรรยาสองคน คนแรกซึ่งตายไปแล้ว มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อเล่ากี๋ ส่วนนางชัวฮูหยินภรรยาคนที่สองก็มีบุตรชายชื่อเล่าจ๋อง นางอยากให้บุตรของตนสืบตระกูล เป็นเจ้าเมืองต่อจากบิดา เล่าเปียวก็เรียกเล่าปี่มาปรึกษาลับหลังภรรยา เล่าปี่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้น้องเป็นใหญ่กว่าพี่ชาย แต่พอรู้ตัวว่านางชัวฮูหยินแอบฟังอยู่ เกรงตนจะเป็นอันตราย เพราะน้องชายของนางเป็นใหญ่ฝ่ายทหารอยู่ ก็แสร้งร้องไห้พอเล่าเปียวถามก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าขี่ม้าครั้งใดที่นั่งก็แตก เป็นโลหิตไหลออกทุกที ได้รักษาก็หายไป บัดนี้ข้าพเจ้าขี่ม้าชอกช้ำมาช้านาน ที่นั่งก็แตกเปื่อยออกไปอีก ข้าพเจ้าเห็นว่าอายุจะสั้นเสียแล้ว จะไม่ได้อยู่บำรุงแผ่นดินสืบไป……” ว่าแล้วก็ลากลับเมืองซินเอี๋ย

ต่อมาเล่าเปียวก็ป่วยและถึงแก่ความตาย นางชัวฮูหยินก็ให้เล่าจ๋องบุตรของตนเป็นเจ้าเมือง พอโจโฉยกทัพมานางก็อ่อนน้อม ยอมยกเมืองเกงจิ๋วให้โจโฉ แต่โจโฉก็หาเหตุฆ่าเสียทั้งแม่ลูก แล้วก็ยกทัพมาตีเมืองซินเอี๋ย ขณะนั้นเล่าปี่ได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาแล้ว แต่มีกำลังน้อยกว่าโจโฉหลายเท่า จึงสู้พลางถอยพลาง ผ่านเมืองอ้วนเซียเข้าแดนเมืองตงหยง กองทัพโจโฉก็ตามทันตีขบวนอพยพของเล่าปี่แตกกระจาย พลัดพรากจากกันไปคนละทาง

จูล่งก็ขี่ม้าตามหา นางบิฮูหยิน ภรรยารองของเล่าปี่ ซึ่งอุ้มอาเต๊าบุตรชายของนางกำฮูหยินภรรยาเอกไปด้วย จนพบนอนบาดเจ็บอยู่ริมบ่อน้ำ นางเกรงจะเป็นภาระของจูล่งจึงส่ง อาเต๊าให้ แล้วโดดลงบ่อน้ำตายเสีย จูล่งก็พาอาเต๊าฝ่าฟันต่อสู้กับทหารของโจโฉนับหมื่น ผ่านทุ่งเตียงปันโบ๋ข้ามสะพานเตียงปันเกี้ยวซึ่งเตียวหุยรักษาอยู่ นำเอาอาเต๊าไปส่งให้เล่าปี่จนได้

แต่เล่าปี่กลับแกล้งทำเป็นโกรธ ทิ้งบุตรลงแล้วว่า

“……..เพราะอ้ายจัญไรคนเดียวนี้ จูล่งทหารเอกเราจักแหล่นจะเสียแก่ข้าศึก…..”

จูล่งก็ตกใจรีบรับเอาอาเต๊ามาอุ้มไว้ แล้วคุกเข่าคำนับว่า

“…….ท่านอย่าโกรธแก่บุตรท่านเลย อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงตายก็จะเอาโลหิตทา แผ่นดินไว้ให้ปรากฎ จะขอสนองคุณท่าน………”

เล่ามาถึงแค่นี้ก็พอจะเห็นอุปนิสัยของพระเอกคนนี้บ้างแล้ว แต่ยังมีต่อไปอีกหลายเรื่อง ครั้งที่เล่าปี่ร่วมมือกับซุนกวนรบกับโจโฉ ที่ปากน้ำหน้าเมืองกังตั๋ง และตีโจโฉแตกทัพไปอย่างยับเยินแล้วนั้น เล่าปี่ก็ยึดเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นของตน โดยอ้างว่าช่วยดูแลเล่ากี๋บุตรคนโตของเล่าเปียวดูแลบ้านเมือง พอเล่ากี๋ป่วยตายไปซุนกวนให้โลซกมาทวงคืน ก็แก้ว่าไม่มีเมืองจะอยู่ ถ้าตีได้เมืองเสฉวนจึงจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้

จิวยี่ก็แนะซุนกวนให้หลอกเล่าปี่ มาแต่งงานกับนางซุนหยินน้องต่างมารดาที่เมืองกังตั๋งแล้วจับฆ่าเสีย แต่ขงเบ้งก็วางอุบายให้เล่าปี่ ไปแต่งงานกับนางซุนหยินได้สำเร็จ และอยู่กินกันด้วยความสุข จนเล่าปี่เกือบลืมกลับเมืองเกงจิ๋ว พอจูล่งเตือนก็แกล้งร้องไห้ตามเคย ภรรยาถามก็บอกว่า คิดถึงบิดามารดาที่ตายไปแล้ว ได้มาอยู่กับภรรยานานจนเข้าปีใหม่แล้ว ยังมิได้เซ่นไหว้ นางซุนฮูหยินก็ดักคอว่า อย่ามาลวงกันเลย ท่านใคร่จะกลับเมืองเกงจิ๋วโดยเร็ว เหตุใดจึงมาบอกข้าพเจ้าดังนี้เล่า

เล่าปี่ก็แก้ตัวว่า ถ้าตนไม่กลับไป เมืองเกงจิ๋วเป็นอันตราย คนทั้งปวงก็จะว่าหลงภรรยาจนเสียเมือง ครั้นจะไปบัดนี้เล่าก็มีความอาลัยแก่เจ้านักจึงร้องไห้ นางก็เห็นใจจึงยอมไปด้วย โดยพากันไปหลอกนางงอก๊กไถ่มารดา ขอลาไปเซ่นศพบิดามารดาสามีที่ชายทะเล แล้วก็ลงเรือของขงเบ้งที่มาคอยรับ กลับไปเมืองเกงจิ๋วตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้อย่างสะดวกดาย

ต่อมาซุนกวนใช้ให้โลซกมาทวงเมืองเกงจิ๋วอีกครั้งหนึ่ง เล่าปี่ก็ทำเป็นร้องไห้สอึกสอื้นอยู่มิได้ตอบประการใด โลซกก็ตกใจว่าท่านร้องไห้ด้วยเหตุใด เล่าปี่ก็ยิ่งร้องหนักขึ้น ขงเบ้งจึงออกมาแถลงแก่โลซกว่า

“…….เดิมเล่าปี่ให้หนังสือสัญญาแก่ซุนกวนไปว่า ได้เมืองเสฉวนแล้วจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ บัดนี้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนนั้นก็เป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ติดพันกันอยู่กับนายเรา ครั้นจะยกไปตีเมืองเสฉวน คนทั้งปวงก็จะครหานินทาได้ ครั้นจะนิ่งอยู่ในเมืองเกงจิ๋วก็เกรงซุนกวนจะขัดเคือง ครั้นจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ก็ไม่มีที่อาศัย……..” แล้วเล่าปี่ก็ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

โลซกเลยใจอ่อนปลอบว่าจะไปช่วยพูดกับซุนกวนให้งดไว้ก่อน เล่าปี่ก็เลยอยู่เมืองเกงจิ๋วต่อมาอีกนาน จนเล่าเจี้ยงยอมยกเมืองเสฉวนให้เล่าปี่แล้ว ก็ให้กวนอูไปปกครองเมืองเกงจิ๋วแทน คราวนี้ซุนกวนใช้ไม้แข็ง ร่วมมือกับโจโฉยกไปตีเมืองเกงจิ๋วเอาคืนจนได้ กวนอูถูกจับไปประหารชีวิต เล่าปี่ก็ยกกองทัพไปแก้แค้น โดยไม่เอาขงเบ้งไปด้วย จึงพ่ายแพ้แก่ซุนกวนอย่างยับเยิน เหมือนกับที่โจโฉเคยแพ้มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เล่าปี่ต้องหลบไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ ด้วยความตรอมใจ จนป่วยลง

เมื่อเล่าปี่รู้ตัวว่าจะถึงแก่ความตายแล้ว จึงให้คนไปตามขงเบ้งมาจากเมืองเสฉวน ขงเบ้งก็ให้อาเต๊าบุตรเล่าปี่คนโตอยู่รักษาเมือง ตนเองพาบุตรคนรองสองคนไปหาเล่าปี่ คราวนี้ เล่าปี่เลิกทำมารยาแล้ว บอกแก่ขงเบ้งว่า

“…….เราได้ท่านอาจารย์มาไว้ช่วยทำนุบำรุง จึงได้เมืองเสฉวน จะทำการครั้งไรก็สำเร็จความปรารถนา หาภัยอันตรายมิได้ ครั้งนี้ท่านห้ามมิให้ยกไปตีเมืองกังตั๋ง เรานี้มิฟังดึงดันไป จึงเสียทัพได้ความอัปยศอดสูมากนัก เราผิดเอง บัดนี้เราจะตายอยู่แล้วจึงให้ไปเชิญท่านมา เพราะวิตกด้วยการแผ่นดิน ซึ่งจะทำต่อไปข้างหน้านั้น เห็นว่าบุตรเราสามคนนี้ยังอ่อนความคิดนัก ถ้าท่านละเมินเสียแล้วเห็นจะขัดสน ขอท่านได้เมตตาเห็นแก่เรา อันการแผ่นดินทั้งปวงเราปลงธุระฝากไว้แก่ท่าน ท่านช่วยทำนุบำรุงบุตรเราต่อไปเถิด……..” ว่าแล้วก็ร้องไห้

ขงเบ้งก็ปลอบว่าตนจะทำนุบำรุงบุตรของเล่าปี่ทั้งสามต่อไป เล่าปี่สั่งเสียขุนนางทั้งปวงแล้วก็กระซิบบอกความในใจแก่ขงเบ้งว่า

“……..ปัญญาความคิดท่านนี้ไม่มีใครเสมอ แล้วดีกว่าโจผีสักร้อยส่วน ท่านดูเอาแต่การซึ่งจะบำรุงแผ่นดิน ให้เป็นสุขพอประมาณเถิด ถ้าเห็นลูกเราไม่อยู่ในสัตย์ในธรรม ทำผิดประเพณีไม่ฟังท่าน ก็ให้ท่านรักษาเมืองเสฉวนบำรุงแผ่นดินเองเถิด…….”

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจนตัวสั่น กราบลงกับแผ่นดินจนหน้าแตกโลหิตไหล แล้วให้สัจสัญญาว่าจะไม่คิดเบียดเบียนบุตรของเล่าปี่เลย เล่าปี่ก็เรียกบุตรทั้งสองเข้ามากราบขงเบ้งและว่าเจ้าจงรักขงเบ้งเกรงขงเบ้งให้เหมือนหนึ่งบิดา ขงเบ้งก็ว่าตนจะทำนุบำรุงบุตรของเล่าปี่ไปกว่าจะสิ้นชีวิต

เล่าปี่ก็ถึงแก่ความตายไปด้วยความสิ้นห่วง เมื่อ พ.ศ.๗๖๖ อายุได้หกสิบสามปี ครองราชย์เป็นฮ่องเต้แห่งจ๊กก๊กเมืองเสฉวนได้สามปี

เรื่องราวของขุนพลหนึ่งในสามก๊ก ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้.

############

นิตยสาร ต่วยตูน
ตุลาคม ๒๕๔๕ ปักษ์แรก



Create Date : 05 กรกฎาคม 2559
Last Update : 5 กรกฎาคม 2559 9:42:35 น. 0 comments
Counter : 482 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.