Group Blog
 
All Blogs
 
เรื่องของอิสตรี

เสี้ยวสามก๊ก

เรื่องของอิสตรี
“ เล่าเซี่ยงชุน “

บทบาทของตัวละครฝ่ายหญิงในเรื่องสามก๊กนั้น เมื่อได้พยายามพลิกค้นหาทบทวนดูมากกว่าสามครั้งสามคราแล้ว ก็ได้พบว่ามีชื่อเสียงอยู่หลายคน นอกจากระดับนางเอก คือ นางเตียวเสียน ผู้ใช้กลมารยาสตรีล่อลวงเอา ตั๋งโต๊ะมหาอุปราชผู้ชั่วร้ายคนแรก มาให้ ลิโป้สังหาร แล้วยอมไปเป็นภรรยาน้อย ของลิโป้ซึ่งมีภรรยาเดิมชื่อ นางเหงียมซี ไปเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองชีจิ๋ว เป็นเวลานาน แต่สุดท้ายโจโฉกลัวจะเป็นเสี้ยนหนาม จึงตามมาตีเมืองแตก จับตัวลิโป้ไปประหารเสีย ส่วนภรรยาทั้งสองไม่ทราบว่าโจโฉเอาไปไว้ที่ไหน

อีกคนหนึ่งคือ นางซุนฮูหยิน น้องสาวของซุนกวนที่ต้องตกมาเป็นภรรยา เล่าปี่ เพราะเหตุผลทางการเมือง แต่นางกลับจงรักภักดีต่อสามี เหนือกว่าบ้านเมืองของตน จนเมื่อได้ทราบว่ากองทัพของสามีถูกกองทัพของพี่ชายตีแตก และเล่าปี่ถึงแก่ความตายไปด้วยความตรอมใจ นางก็ตัดสินใจโดดน้ำตายตามไป ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างกันคนละทิศ

นอกนั้นก็มี นางเจ๋าซือ อาสะใภ้ของเตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเสีย ซึ่งเป็นแม่ม่ายอยู่ โจโฉถูกใจแอบเอามากกในค่ายของตน จนเป็นเหตุให้เสียทีแก่กองทัพของข้าศึก ถูกตีแตกจนเสียชีวิตของทหารเอกกับลูกชายและหลานชายไปถึงสามคน

นางตังกุยหุย สนมเอกกับ นางฮกเฮา มเหสีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ผู้วางแผนกำจัดโจโฉ แต่ไม่แนบเนียนจึงถูกโจโฉจับเอาไปฆ่าเสียทั้งคู่ ต่างกรรมต่างวาระกัน

นางลิซุนเอี๋ยง ภรรยาน้อยของอุยกุ๋ย ซึ่งเป็นชู้กับเบียวเต๊กน้องชายของภรรยาหลวง เมื่อทราบว่าสามีไปร่วมมือกับม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง เพื่อกำจัดโจโฉ ก็ให้เบียวเต๊กนำความไปบอกให้โจโฉรู้ ม้าเท้งจึงถูกฆ่าตายไปพร้อมกับบุตรชายอีกสองคน และอุยกุ๋ยด้วย แต่สุดท้ายโจโฉเห็นว่านางลิซุนเอี๋ยงกับชู้รักเป็นคนทรยศ จึงประหารชีวิตเสียทั้งคู่

นางชัวฮูหยิน ภรรยาของเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ญาติของเล่าปี่ ความที่รักบุตรของตัวมากกว่าบุตรภรรยาเก่าของเล่าเปียว เมื่อเล่าเปียวตายก็ทำอุบายให้ลูกตัวเป็นเจ้าเมือง แล้วยกเมืองให้โจโฉ แต่ก็ไม่รอด ถูกโจโฉฆ่าตายพร้อมกันทั้งสองคนแม่ลูก

นางชีฮูหยิน ภรรยาของซุนเซียงเจ้าเมืองตันเอี๋ยง ซึ่งเป็นน้องรองของซุนกวน แต่เป็นคนชอบเสพสุราแล้วมีกิริยาหยาบช้า ทารุณกับขุนนางจนมีผู้เกลียดชัง และร่วมมือกันฆ่า เจ้าเมืองเสีย แล้วก็ข่มขู่จะให้นางเป็นภรรยามิฉะนั้นจะฆ่าเสียอีกคน นางก็ทำเป็นยินยอมแล้วก็ร่วมมือกับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ต่อสามี ฆ่าผู้ทรยศสองคนตัดศรีษะเอามาเซ่นศพสามีจนได้

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกนางหนึ่ง เป็นมารดา ชีซี ศิษย์อาจารย์เดียวกันกับ ขงเบ้ง และ บังทอง ซึ่งปลอมชื่อเป็น ตันฮก ไปสมัครเป็นที่ปรึกษาของเล่าปี่ ทิ้งมารดาไว้ที่เมืองฮูโต๋ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ ที่โจโฉเป็นมหาอุปราชผู้มีอำนาจสูงสุดอยู่ โจโฉคิดจะตัดกำลังของเล่าปี่ จึงใช้อุบายปลอมจดหมายมารดาชีซี เรียกตัวกลับ ไม่เช่นนั้นโจโฉจะฆ่ามารดาเสีย ชีซีมีความกตัญญูต่อมารดาจึงจำใจต้องลาจากเล่าปี่มา แทนที่มารดาจะดีใจมารดากลับด่าว่าโง่ไม่สมกับที่ได้เรียนดีมีความรู้ท่วมหัว จึงเข้าห้องไปผูกคอตายเสียในบัดนั้น

ส่วนเล่าปี่เดิมมีภรรยาสองคนคือ นางกำฮูหยิน มีบุตรชายชื่อ อาเต๊า นางบีฮูหยิน ภรรยารองไม่มีบุตร แต่เป็นผู้เลี้ยงอาเต๊าเหมือนบุตรของตน เมื่อครั้งที่เล่าปี่อพยพครอบครัวและประชาชนพลเมือง หนีโจโฉออกจากเมืองซินเอี๋ยไปทางเมืองตงหยง แล้วถูกกองทัพของโจโฉตามทันและเข้าตีจนแตกกระจัดพลัดพรากกันไปนั้น นางบีฮูหยินได้อุ้มเด็กชายอาเต๊า หนีไปซุกซ่อนอยู่ข้างบ่อน้ำกลางเมือง จูล่ง ทหารเอกของเล่าปี่ ตีฝ่าทหารหลายสิบหมื่นของโจโฉไปค้นหาจนพบ พยายามพาตัวกลับมา แต่นางบีฮูหยินถูกแทงขาเจ็บเดินไม่ไหว จึงวางอาเต๊าไว้ให้ แล้วโดดบ่อน้ำตายเพื่อไม่ให้เป็นภาระ จูล่งจึงอุ้มอาเต๊าฝ่าทหารของโจโฉ เอาชีวิตกลับมาหาเล่าปี่ได้สำเร็จ

ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองกังตั๋งสองคนพี่น้องคือ นางไต้เกี้ยว กับ นางเสียวเกี้ยว ทั้งสองมีรูปโฉมโนมพรรณสวยงาม เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นแดนจีน เมื่อ โจโฉได้ยินกิตติศัพท์ความงามของสองนางก็หลงใหลใฝ่ฝัน พอมีอำนาจราชศักดิ์มากขึ้น จึงสร้างตำหนักคู่ชื่อ หยกหลง และกิมฮองไว้ซ้ายขวาปราสาทใหญ่ของตน ที่ริมแม่น้ำเจียงโหเมืองเงียบกุ๋น ตั้งใจว่าถ้าได้นางมาเป็นภรรยา จะให้อยู่ตำหนักทั้งสองนั้น

เมื่อโจโฉยกกองทัพบกทัพเรือ มีกำลังพลเกือบร้อยหมื่นไปตั้งอยู่หน้าเมืองกังตั๋ง เพื่อทำศึกใหญ่นั้น ขงเบ้งได้เดินทางไปเกลี้ยกล่อมซุนกวน ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันนั้น ก็ได้วางอุบายแก่จิวยี่แม่ทัพใหญ่ของเมืองกังตั๋งว่า ถ้าจะให้โจโฉถอยทัพกลับไป ก็เพียงแต่พาคนสองคนลงเรือลำหนึ่งข้ามไปหาโจโฉเท่านั้น จิวยี่ถามว่าจะให้ส่งผู้ใดไปให้โจโฉ ขงเบ้งก็บอกว่า

“…..เมื่อเรายังอยู่ที่เขาโงลังกั๋งนั้น แจ้งว่าโจโฉได้ทำปราสาทไว้แห่งหนึ่ง อยู่ริมแม่น้ำเจียงโหเป็นที่สบาย แล้วจัดเอาผู้หญิงรูปงามมาไว้เป็นอันมาก ด้วยมีน้ำใจกำเริบในมาตุคามอยู่ แล้วรู้ว่านางเกียวก๊กโล่ อยู่ ณ เมืองกังตั๋ง มีบุตรหญิงสองคนรูปร่างงามหาหญิงใดเสมอมิได้ โจโฉมีน้ำใจผูกพันอยู่ ได้ว่าไว้ว่าถ้ารบเมืองกังตั๋งได้แล้ว จะรับเอาหญิงสองคนนี้ไว้เป็นที่บำเรอของตัว ถึงมารตว่าจะตายไปก็มิพะวักพะวนน้ำใจ ซึ่งโจโฉยกทหารมาถึงร้อยหมื่นนี้ ก็เพราะปรารถนาหญิงสองคนเป็นเค้ามูล……..”

จิวยี่ก็ถามว่ามีสิ่งใดเป็นสำคัญ ขงเบ้งก็ว่า โจโฉได้ผูกเป็นโคลงไว้ มีใจความว่า

“……..ปารัศน์ซ้ายขวาซึ่งเราทำไว้ ชื่อว่าหยกหลงกับกิมฮอง ข้าจะกอดนางสองเกี้ยวไว้ทั้งซ้ายขวา ให้มีความสุขทุกเวลา มิให้อนาทรเลย…….”

จิวยี่ได้ฟังออกชื่อนางสองเกี้ยวดังนั้น ก็โกรธดังเอาเพลิงเข้าไปจุดในหัวใจ จึงลุกขึ้นชี้มือไปทางทิศเหนือตรงเมืองเกงจิ๋ว ร้องว่าอ้ายศัตรูเฒ่าโอหังเจรจาประมาทกูเล่น ว่าแล้วก็ตัดสินใจที่จะรบกับโจโฉให้แตกหักทันที

ความลับที่ขงเบ้งเอาไปเปิดเผย จนจิวยี่โกรธจนตัวสั่นนี้เป็นความจริง เพราะโจโฉเองก็ได้เปิดเผยด้วยตนเอง ในคืนวันหนึ่งบนเรือธงของโจโฉ ที่เตรียมพร้อมจะเข้าตีเมืองกังตั๋งในวันรุ่งขึ้น ซึ่งโจโฉเลี้ยงดูแม่ทัพนายกองของตนจนได้ที่ดีแล้ว ก็ลุกขึ้นกล่าวปราศรัยแก่ทหารทั้งปวงว่า

“……อันอายุเรานี้ก็ได้ห้าสิบปีแล้ว แม้ได้เมืองกังตั๋งก็จะมีความยินดีอยู่หน่อยหนึ่ง ด้วยแต่ก่อนนั้นเรารู้จักกับนางเกียวก๊กโล่ แลนางเกียวก๊กโล่มีบุตรหญิงสองคน รูปร่างงามกว่าหญิงทั้งปวง เราคิดพอใจอยู่ แต่ว่าเผอิญให้พลัดไปเป็นภรรยาซุนเซ็กคนหนึ่ง เป็นภรรยาจิวยี่คนหนึ่ง เมื่อเราไปรบได้เมืองกิจิ๋วนั้น เราให้สร้างเมืองใหม่ทำปราสาทไว้ที่ริมแม่น้ำเจียงโห ครั้งนี้ถ้าเราได้เมืองกังตั๋ง เราจะพาหญิงสองคนนี้ไปอยู่ ณ ปราสาทเมืองกิจิ๋ว จะได้ปรนนิบัติเราให้เป็นที่ชอบใจ กว่าจะสิ้นชีวิตในที่นั้น……..”

เรื่องก็เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วว่า เหตุใดจิวยี่จึงตัดสินใจรบกับโจโฉ ทั้ง ๆ ที่มีกำลังพลน้อยกว่าถึงยี่สิบเท่า ส่วนที่ว่านางเป็นบุตรหญิงของ นางเกียวก๊กโล่ นั้น มีอยู่ในฉบับของท่าน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เท่านั้น ส่วนฉบับอื่น ๆ ที่แปลมาจากภาษาจีนโดยตรง หรือแปลมาจากภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลมาจากภาษาจีนอีกทอดหนึ่งนั้น ยืนยันว่าเกียวก๊กโล่เป็นผู้ชาย

แต่นางแซ่เกี้ยวทั้งสองนั้น จะเป็นบุตรีของใครก็ช่างเถิด แต่ก็สามารถทำให้เมืองกังตั๋งเอาชนะโจโฉได้อย่างเด็ดขาด เป็นที่เลื่องลือกันมานับพันปี โดยอาศัยแต่เพียงชื่อของนางทั้งสองนี้เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่นางเองก็ไม่ได้ออกมามีบทบาท หรือปรากฎตัวออกมาทำอะไรในเรื่องสามก๊กเลยแม้แต่น้อย

ความจริงก็น่าจะจบลงเพียงแค่นี้ แต่เห็นว่ายังมีตัวละครหญิงอีกหลายคน ที่ ปรากฎชื่ออยู่ในตอนต่อ ๆ ไป ถ้าไม่นำมาเล่าเดี๋ยวท่านจะหาว่าอ่านไม่ละเอียดถึงหน้าสุดท้าย

เมื่อโจโฉได้ถึงแก่ความตายด้วยโรคปวดศรีษะ ที่มีนายแพทย์แผนปัจจุบันของไทย ลงความเห็นว่าน่าจะเป็นโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งไม่ได้ยกเมฆเอาเอง ไม่เชื่อถามนายแพทย์ทหาร ที่อยู่ในต่วยตูนดูก็ได้ ลูกชายคนโตของโจโฉก็ได้รับตำแหน่งเป็นจีนอ๋องแทนบิดา อีกเก้าเดือนต่อมาก็บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ สละราชสมบัติให้ตนเป็นฮ่องเต้แทน และไล่พระเจ้าเหี้ยนเต้กับมเหสีองค์สุดท้ายชื่อ โจเฮา ซึ่งเป็นบุตรีของโจโฉ น้องสาวของตนเอง ให้ออกไปอยู่บ้านนอก จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

โจผีนั้นมีภรรยาเดิมชื่อ นางเอียนซี ซึ่งเป็นแม่ม่ายเพราะอ้วนฮีสามีเก่า ซึ่งเป็นบุตรอ้วนเสี้ยว ตายไปในการทำสงครามกับโจโฉ ขณะนั้นโจผีอายุเพียงสิบห้าปีได้ไปในกองทัพของบิดาด้วย จึงรับมาอุปถัมภ์บำรุง พอเป็นฮ่องเต้เกิดหลงใหล นางกุยฮุย มเหสีฝ่ายซ้าย ใส่ความว่านางเอียนซีทำเสน่ห์ โจผีหลงเชื่อจึงให้ประหารเสีย แต่ยังเหลือบุตรชื่อ โจยอย ซึ่งได้เป็นฮ่องเต้สืบต่อจากบิดา ในอีกเจ็ดปีต่อมา

พระเจ้าโจยอยนั้นก็มีมเหสีชื่อ นางมอซือ แต่ไปหลง นางโกยฮูหยิน สนมเอกเสียจนหัวปักหัวปำ ไม่ออกว่าราชการเป็นเวลานาน พอนางมอซือทักท้วงก็โมโหโกรธา ให้ขันทีไปจัดการฆ่าเสียอย่างทารุณ พร้อมกับนางสนมคนสนิทอีกเก้าคน ครั้นครองราชย์มาได้ยี่สิบเอ็ดปี เกิดประชวรลง พระเจ้าโจยอยก็เห็นปีศาจนางมอซือ กับนางสนมเก้าคนนั้นมาร้องทวงชีวิต อาการประชวรก็เลยกำเริบสิ้นพระชนม์ไป เมื่ออายุเพียงสามสิบหกปี ด้วยอาการไม่ค่อยจะสงบนัก

ต่อมาถึงสมัยพระเจ้าโจฮองบุตรเลี้ยงของพระเจ้าโจยอย ขึ้นครองราชย์ต่อเมื่ออายุได้แปดปี จึงมีผู้สำเร็จราชการชื่อโจซองซึ่งเป็นพระราชวงศ์ โจซองพยายามจะลดอำนาจของ สุมาอี้มหาอุปราช แต่ถูกสุมาอี้ยึดอำนาจได้ จึงจับโจซองกับพี่น้องบุตรภรรยาและพรรคพวก ประหารชีวิตหมดสิ้น

เหลือนางผู้หนึ่งเป็นภรรยาของโจวุนซก น้องของโจซองแต่ได้ตายไปนานแล้ว มีบุตรชายคนหนึ่ง นางเป็นบุตรสาวของแฮฮัวเหลง ญาติของแซ่โจ เมื่อเป็นม่ายใหม่ ๆ บิดาจะให้มีผัวใหม่ นางก็มิยอมสาบานว่าจะไม่มีผัวอีก จึงเชือดใบหูเสียหน่อยหนึ่ง ครั้นโจซองเป็นโทษบิดากลัวจะพลอยเป็นโทษไปด้วย จึงจะให้มีผัวใหม่อีก นางก็ไม่ยอมจึงเอามีดเชือดปลายจมูกเสียอีกหน่อยหนึ่ง ประสงค์จะให้เสียโฉม จะได้ไม่มีใครต้องการอีก เมื่อญาติพี่น้องถามเหตุผล นางก็ว่า

“…..ประเพณีลูกผู้หญิง เมื่อยังหาสามีมิได้ก็ตั้งอยู่ในบังคับบัญชาของบิดา ถ้ามีสามีแล้วก็ตั้งอยู่ในบังคับสามี ถ้าสามีได้ยศศักดิ์เป็นสุข ก็ได้เป็นสุขด้วย สามี ถ้าสามีประกอบไปด้วยทุกข์ก็ให้สู้ทุกข์ยากด้วยสามี เมื่อยังมีชีวิตอยู่รักใคร่ร่วมสุขร่วมทุกข์ฉันใด สามีตายแล้วให้รักใคร่ร่วมสุขร่วมทุกข์ดังนี้น โจซองมีบุญซิพึ่งบุญเขามา ครั้นเขาเป็นโทษจะเอาตัวหนีออกหากดังนี้ เห็นเป็นคนอกตัญญูหารู้คุณเขาไม่ เหมือนสัตว์เดรัจฉาน……..”

ความอันนี้แจ้งไปถึงสุมาอี้ ก็คิดว่าคนใจสัตย์ซื่ออย่างนี้หายากนัก ถึงว่าบิดาชั่วมารดาก็ยังดี จึงขอบุตรชายของนางมาเลี้ยงไว้ เป็นบุตรบุญธรรม

ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งไม่ปรากฎชื่อ เป็นภรรยาของม้าเชียว เจ้าเมืองอิวตั๋ง ด่านสุดท้ายของเมืองเสฉวน ที่พระเจ้าเล่าเสี้ยนบุตรของพระเจ้าเล่าปี่ปกครองอยู่ เมื่อเตงงายแม่ทัพของสุมาเจียว มหาอุปราชของพระเจ้าโจฮวน ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของแซ่โจ ยกทัพตีตลุยฝ่าถิ่นทุรกันดาร ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงหน้าผาชันและหุบเหวลึก มาใกล้จะถึงเมือง นางเห็นสามีไม่วิตกทุกข์ร้อน ก็โกรธเป็นกำลัง

เวลาเย็นวันหนึ่งม้าเชียวกลับจากฝึกทหารแล้ว ก็มานั่งเสพสุราอาหารอยู่อย่างสบายใจ นางจึงถามว่า

“……….ทหารเมืองวุยก๊กยกมาตีเอาเมืองฮันต๋งได้แล้ว ตัวท่านเป็นเจ้าเมือง เหตุใดมิคิดอ่านที่จะป้องกันบ้านเมืองเลย จึงประมาทเสพสุราเล่นตามสบายฉะนี้……”

ม้าเชียวก็ตอบว่า

“………ตัวเราเป็นแต่เจ้าเมืองเล็กน้อย จะปรารมภ์ไปใย อันกองทัพเมืองวุยก๊กนั้นจะไม่มาทางนี้ ด้วยเป็นทางน้อยมีซอกเขาคับขันนัก ถ้าจะยกมาจริงก็จะมาทางใหญ่…….”

และอธิบายว่าอันทางใหญ่นั้นเล่า เกียงอุยนายทหารเอกศิษย์ของอาจารย์ขงเบ้ง ก็ยกทหารไปรักษาอยู่ ที่ไหนจะมาได้ และบัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็โลเลเชื่อคำฮุยโฮขันทีคนโปรด มิได้เอาใจใส่ในราชกิจการบ้านเมือง แล้วเราจะขวนขวายทำไมให้เหนื่อยตัว แม้ทหารเมืองวุยก๊กตีเข้ามาได้จริง เราก็นอบน้อมยอมจำนนเสีย ก็คงมีความสุข จะเป็นข้าผู้ใดก็มีข้าวกินเหมือนกัน

ภรรยาม้าเชียวได้ฟังความคิดของสามีก็โกรธจัด ถ่มน้ำลายลงตรงหน้าแล้วด่าเอาด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า

“…….มึงนี้เสียแรงเกิดมา หาความกตัญญูต่อเจ้าไม่ กินเบี้ยหวัดผ้าปีเสียเปล่า มิได้รักษาเจ้า ประสงค์จะเอาแต่ความสุขใส่ตัว ใครจะนับว่าดี……..”

ม้าเชียวได้ฟังภรรยาว่าดังนั้น ก็อดสูใจไม่กล้าเถียง ได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่ พอดีกองทัพของเตงงายตีหักเข้ามาถึงกลางเมือง จะจัดแจงทหารสู้รบก็ไม่ทันท่วงที ม้าเชียวจึงออกไปมอบตัวแก่เตงงาย แล้วร้องไห้วอนว่า

“………ข้าพเจ้าคอยหาท่านอยู่ช้านานแล้ว ได้ยินข่าวว่าจะมาแล้วก็หายไป บัดนี้ท่านมาถึงแล้ว ข้าพเจ้าก็จะพาทหารทั้งปวงเข้าอยู่ด้วยท่าน…….”

ส่วนภรรยาม้าเชียวนั้น รู้สึกอับอายในความขี้ขลาดตาขาวของสามีเป็นยิ่งนัก จึงหนีเข้าห้องไปผูกคอตายเสียในทันใดนั้นเอง

สุดท้ายเมื่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนพาครอบครัว และขุนนางในเมืองเสฉวน ออกไปยอมอ่อนน้อมต่อเตงงายนั้น บุตรทั้งหมดหกคน มีแต่เล่าขำบุตรคนที่ห้าเท่านั้น ที่ไม่เห็นด้วย ก็เดินถอดกระบี่เข้าไปหา นางซุยฮูหยิน ภรรยา แล้วบอกว่า

“……..บัดนี้ทหารเมืองวุยก๊ก ยกเข้ามาย่ำยีถึงขอบขัณฑสีมา พระบิดาเราก็มิได้คิดอ่านจะต่อสู้ ให้ออกไปนบนอบข้าศึกแล้ว ตัวเราเกิดมาในวงศ์ของพระเจ้าเล่าปี่ มิเคยได้อ่อนน้อมแก่ผู้ใด ครั้งนี้จะพลอยคำนับข้าศึกนั้น ก็เสียดายชาติตระกูลของเรา ผิดก็จะเชือดคอตายเสียดีกว่า อย่าให้เสียศักดิ์………”

นางซุยฮูหยิน ได้ยินดังนั้นจึงว่า

“……..ตัวข้าพเจ้าเป็นภรรยาของพระองค์ ก็จะไปให้อัปยศแก่ศัตรู หาประโยชน์มิได้ ข้าพเจ้าจะขอตายไปกับพระองค์ดูจะประเสริฐกว่า…….”

ว่าแล้วนางก็เอาศรีษะโขกกับศิลาจนถึงแก่ความตาย เล่าขำก็ฆ่าบุตรทั้งสามเสีย แล้วตัดศรีษะบุตรภรรยา ไปบูชาไว้หน้ากุฏิฝังศพพระเจ้าเล่าปี่ แล้วก็เอากระบี่เชือดคอตนเอง ตายตามครอบครัวไป ดังสัจวาจาที่ให้ไว้

เรื่องราวของผู้หญิงที่มีชื่อติดอยู่ในสามก๊ก ก็มาถึงคนสุดท้ายแต่เพียงนี้.

############

นิตยสารต่วยตูน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ปักษ์หลัง



Create Date : 03 กรกฎาคม 2559
Last Update : 4 กรกฎาคม 2559 7:55:50 น. 2 comments
Counter : 459 Pageviews.

 
เจียวต้าย Political Blog ดู Blog
เข้ามาอ่านครับผม ผู้หญิงสมัยก่อนก็เก่งเรื่องการเมืองการปกครองนะครับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 4 กรกฎาคม 2559 เวลา:2:40:37 น.  

 
ขอบคุณครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 กรกฎาคม 2559 เวลา:7:53:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.