Group Blog
 
All Blogs
 
ขบถซ้ำซ้อน

เสี้ยวสามก๊ก

ขบถซ้ำซ้อน

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อทางจ๊กก๊กเมืองเสฉวน รู้ข่าวว่าสุมาสูถึงแก่ความตาย และสุมาเจียวน้องชายได้เป็นมหาอุปราชของวุยก๊กแทนพี่ชาย ก็ถือโอกาสยกกองทัพมาตีวุยก๊กถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ สุมาเจียวก็กำเริบใจคิดจะขึ้นครองแผ่นดินวุยก๊ก จึงปรึกษากับแกฉงซึ่งเป็นคนสนิท ก็ให้ความเห็นว่า

“…….ท่านมียศถาศักดิ์สูงใหญ่ในทิศทั้งสี่ ราชสมบัติทั้งนี้เห็นจะอยู่ในมือท่าน ถ้าจะทำการบัดนี้เกรงคนทั้งปวงจะมิสมัครพร้อมใจกัน จำจะฟังระคายดูน้ำใจคนทั้งปวงก่อน จึงจะได้คิดการใหญ่สืบไป……”

สุมาเจียวก็ว่า

“…….ข้าคิดอยู่นานแล้ว แต่หารู้ที่จะออกปากแก่ผู้ใดไม่ เจ้ารักเราคิดอ่านดังนี้เป็นความชอบหนักหนา ถ้ากระนั้นเจ้าช่วยเดินไปเมืองห้วยหลำ พูดจาดูน้ำใจเจ้าเมือง แต่ว่าเป็นว่าข้าใช้ไปให้รางวัล แก่ทหารผู้มีชื่อซึ่งทำสงครามมีความชอบนั้น ฟังแยบคายดูจะคิดการด้วยเราหรือไม่…….”

แกฉงก็รีบเดินทางไปเมืองห้วยหลำ เข้าพบกับจูกัดเอี๋ยน เจ้าเมืองก็จัดโต๊ะเลี้ยงดูเต็มที่ แกฉงเห็นว่าจูกัดเอี๋ยนเสพสุราจนเมาตึงตัวแล้ว ก็ลองเชิงว่า

“……ประชาราษฎรติเตียนเจ้าแผ่นดินว่า เป็นคนโง่รู้ไม่ถึงความ หาควรจะเป็นเจ้าไม่ วงศ์สุมาเจียวได้เป็นมหาอุปราช บำรุงแผ่นดินมาถึงสามต่อแล้ว รักษาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุขสนุกสบายหาอันตรายมิได้ เป็นความชอบใหญ่นัก ควรจะแทนที่เมืองวุยก๊ก ท่านจะเห็นประการใด……….”

จูกัดเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่า

“…….เจ้าเป็นลูกแกกุ๋ย ได้กินเบี้ยหวัดผ้าปีเมืองวุยก๊กมา ควรที่จะมีน้ำใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน เจ้ามาเจรจาหยาบช้าหาควรไม่เลย…….”

แกฉงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงกล่าวนอบน้อมว่าตนได้ยินคนอื่นเขาว่าก็ขัดใจ จึงเก็บเอามาเล่าให้ฟัง จูกัดเอี๋ยนจึงย้ำว่า

“……ถ้าอันตรายมาถึงเจ้าแผ่นดิน เราเป็นข้าราชการควรจะอาสา สนองพระเดชพระคุณจนสิ้นชีวิต……”

แกฉงก็นิ่งเงียบไป แล้วนอนค้างอยู่กับจูกัดเอี๋ยนคืนหนึ่ง รุ่งเช้าก็ลากลับมาหา สุมาเจียว เล่าความที่เจรจากับจูกัดเอี๋ยนให้ฟังสิ้นทุกประการ แล้วว่า

“……..จูกัดเอี๋ยนคนนี้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ โอบอ้อมเอาใจทหารทั้งปวง ทหารก็รักใคร่ นานไปเห็นจะมีภัยมาเป็นมั่นคง อย่าช้าเลยท่านเร่งคิดล้างจูกัดเอี๋ยนเสียให้ได้………”

สุมาเจียวก็เห็นด้วย จึงให้มีตรารับสั่งถอดจูกัดเอี๋ยนออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองห้วยหลำ จะเอามาตั้งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ทำราชการในเมืองหลวง แล้วมีหนังสือลับไปถึงงักหลิม เจ้าเมืองเองจิ๋ว ให้คอยดูว่าจูกัดเอี๋ยนจะคิดอย่างไร

จูกัดเอี๋ยนแจ้งข้อรับสั่งแล้ว ก็รู้ว่าแกฉงเอาเนื้อความซึ่งพูดกันนั้น ไปบอกแก่ สุมาเจียว จึงคิดอ่านทำทั้งนี้หวังจะทำร้ายแก่ตน จึงเอาผู้ถือรับสั่งมาซักถามเอาเนื้อความ ผู้ถือรับสั่งว่าตนไม่รู้เรื่อง แต่งักหลิมนั้นเห็นจะรู้ เพราะมีหนังสือลับจากสุมาเจียวใบหนึ่ง

จูกัดเอี๋ยนโกรธมาก ให้เอาตัวผู้ถือรับสั่งไปฆ่าเสีย แล้วยกทหารพันหนึ่งไปเมืองเองจิ๋ว ครั้นถึงประตูข้างทิศใต้เห็นประตูเมืองปิดอยู่ ร้องเรียกก็ไม่มีใครเปิด จึงให้ทหารฝีมือดีข้ามคูปีนกำแพง ขึ้นไปไล่ฆ่าฟันทหารบนเชิงเทิน และเปิดประตูรับจูกัดเอี๋ยนเข้าไปในเมือง แล้วยกทหารเข้าไปถึงจวนที่พักของงักหลิม ตัวงักหลิมนั้นหนีขึ้นไปอยู่ในห้องชั้นบน จูกัดเอี๋ยนก็ตามหาตัวจนเจอก็ด่าว่า

“…….บิดาของท่านแต่ก่อนเป็นข้าแผ่นดินเมืองวุยก๊ก ตัวก็เป็นข้าราชการสืบมา พระคุณหนักนัก ชอบจะกตัญญูรู้จักคุณเจ้าข้าวแดง ควรแล้วหรือมาคิดขบถเข้าด้วยสุมาเจียว…”

งักหลิมยังมิทันจะแก้ตัว จูกัดเอี๋ยนก็ฟันด้วยกระบี่คอขาดกระเด็น แล้วจูกัดเอี๋ยน ก็มีหนังสือกล่าวโทษสุมาเจียว เข้าไปทูลแก่พระเจ้าโจมอที่เมืองลกเอี๋ยง แล้วก็เกณฑ์ทหารเมืองห้วยหลำเมืองห้วยเข และเมืองเกงจิ๋วได้ยี่สิบหมื่นเศษ เตรียมม้าแลเครื่องศัสตราวุธพร้อมเสบียงอาหาร เตรียมไปปราบสุมาเจียวผู้เป็นศัตรูแผ่นดิน กับให้ที่ปรึกษาพาตัวจูกัดเจ้งบุตรชายไปเมืองกังตั๋ง มอบไว้เป็นตัวจำนำ ขอกองทัพไปช่วยอีกแรงหนึ่ง

ซุนหลิมมหาอุปราชของพระเจ้าซุนเหลียงเมืองกังตั๋ง ก็มอบทหารเจ็ดหมื่นคน และนายทัพห้าคนยกมาช่วย โดยให้บุนขิมซึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย เป็นผู้นำทางมาสมทบกับกองทัพของจูกัดเอี๋ยน

สุมาเจียวแจ้งในหนังสือ ที่จูกัดเอี๋ยนกล่าวโทษตนแก่พระเจ้าโจมอแล้ว ก็คิดอ่านจะยกทัพไปตีจูกัดเอี๋ยนเอง แต่แกฉงแนะว่า

“……..วงศ์ของท่านได้อุปถัมภ์บำรุงแผ่นดิน มาแต่บิดาแลพี่ชายสืบต่อมาจนถึงท่าน คุณนี้หนักหนาอยู่แล้ว ยังไม่ทั่วไปในทิศทั้งสี่อีกเล่า ยังมีคนมาคิดขบถอย่างนี้ ซึ่งท่านจะออกไปปราบศัตรูเองนั้น ข้าพเจ้าหาเห็นด้วยไม่ เกรงศัตรูจะทำวุ่นวายขึ้นในราชฐานภายหลัง จะกลับมาปราบปรามนั้นเห็นขัดสน ถ้าท่านเชิญนางกวยทายเฮากับเจ้าแผ่นดิน ออกไปปราบปรามศัตรูเห็นจะสงบโดยง่าย…….”

สุมาเจียวก็อ้างถึงพระเจ้าโจผี และพระเจ้าโจยอยที่ยกกองทัพไปปราบศัตรู ด้วยพระองค์เองทุกครั้ง แล้วบังคับให้พระเจ้าโจมอไปในกองทัพ พร้อมด้วยนางกวยทายเฮา เป็นตัวประกัน ยกกองทัพใหญ่ไปทำสงครามกับจูกัดเอี๋ยน ซึ่งตั้งรับอยู่ที่เมืองชิวฉุน พร้อมด้วยบุนขิมกับ บุนเอ๋งและบุนเฮาบุตรสองคน

ทั้งสองฝ่ายรบกันหลายยกยังไม่แพ้ชนะกัน กองทัพที่มาจากเมืองกังตั๋งก็ไปเข้าเป็นพวกสุมาเจียวเสียอีก จูกัดเอี๋ยนจึงถูกล้อมอยู่ในเมืองชิวฉุนทั้งสี่ด้าน ก็เป็นทุกข์นักคิดอุบายที่จะแก้ไขเอาตัวรอด ที่ปรึกษาสองคนก็แนะว่า เสบียงอาหารในเมืองนี้ก็เบาบางลงแล้ว ทหารก็มากซึ่งจะกินนานไปเห็นหาพอไม่ จะให้เขาล้อมไว้นานนักเห็นจะไม่ได้ เห็นควรจะยกทหารออกไปตี ข้าศึก ให้รู้แพ้ชนะกันดีกว่า จูกัดเอี๋ยนก็ว่าตนเห็นว่าพอจะรักษาเมืองไว้ได้ ที่ว่ามานี้แกล้งจะให้แพ้แก่ข้าศึกหรือ ถ้าว่าอย่างนี้สืบไปจะเอาตัวไปฆ่าเสีย ที่ปรึกษาก็เสียใจ เลยหนีออกไปเข้ากับ สุมาเจียวอีก

ฝ่ายบุนขิมกับบุตรสองคนคุมทหารรักษาหน้าที่อยู่ เห็นทหารอดอยากปากแห้ง ก็เข้ามาแจ้งแก่จูกัดเอี๋ยนว่าเสบียงหมดสิ้นแล้ว ทหารขัดสนนัก ขอให้ปล่อยทหารเมืองห้วยหลำ เป็นชาวเมืองไปหากินเอง ให้เบาเสบียงของกองทัพลง จูกัดเอี๋ยนก็หาว่าแกล้งคิดร้าย จึงให้เอาบุนขิมไปประหารเสีย บุนเอ๋งกับบุนเฮาเห็นบิดาตายก็โกรธนัก ถอดดาบออกไล่ฟันทหารบนเชิงเทิน ล้มตายไปสิบกว่าคน แล้วโดดลงจากกำแพงข้ามคูไปหาสุมาเจียว เล่าเนื้อความทั้งปวงให้ฟัง

สุมาเจียวเห็นบุนเอ๋งก็มีความแค้นนัก ด้วยบุนเอ๋งเคยตีทัพสุมาสูพี่ชายแตกไปแต่ครั้งก่อน คิดจะใคร่ฆ่าเสีย แต่จงโฮยนายทหารใหญ่ห้ามไว้ว่า

“……..ซึ่งโทษผิดแต่ครั้งก่อนนั้น เพราะบุนขิมผู้เป็นบิดา บัดนี้บุนขิมก็ตายแล้ว บุนเอ๋งบุนเฮาถึงที่อับจน แลยอมสมัครมาอยู่ด้วยเรา ถ้าท่านเอาไปฆ่าเสีย ข้าศึกผู้ใดจะสมัครเข้ามาหาเราสืบไป……”

สุมาเจียวเห็นชอบด้วย จึงพูดจากับสองพี่น้องด้วยถ้อยคำอันไพเราะ ให้ม้าและเสื้อผ้าเป็นรางวัล กับตั้งให้เป็นนายทหารรอง ทั้งสองนายก็กลับไปเกลี้ยกล่อมทหารบนเชิงเทินเมืองชิวฉุนว่า

“…….เราทั้งสองคนนี้สมัครเข้ามาอยู่กับท่านมหาอุปราช ท่านก็หาเอาโทษซึ่งเราทำผิดไว้แต่ก่อนไม่ กลับให้ยศถาศักดิ์รางวัล ท่านทั้งปวงเป็นไรไม่คิดที่จะออกมาเข้าด้วยมหาอุปราช……”

ทหารข้างในเมืองได้ยินดังนั้นก็ปรึกษากันว่า บุนเอ๋งเป็นคนอริกับสุมาเจียวมาแต่ก่อน สุมาเจียวยังไม่เอาโทษ ก็ควรแล้วที่เราทั้งปวงจะออกไปเข้าด้วย จูกัดเอี๋ยนรู้ข่าวดังนั้นจะเอาโทษก็เห็นว่าเป็นคนส่วนมาก จึงไม่ไว้ใจทหารทั้งปวงของตน ออกตรวจตราหน้าที่เอง ทั้งกลางวันกลางคืน ทำอาญาฆ่าฟันโบยตีข่มขี่ทหารหนักขึ้นไปกว่าเก่า

จงโฮยเห็นว่าทหารของเมืองชิวฉุนรวนเร เอาใจออกห่างอยู่แล้ว จึงเร่งให้ สุมาเจียวเข้าตีระดมพร้อมกันทั้งสี่ด้าน นายทหารที่รักษาประตูเมืองด้านเหนือ ก็เปิดประตูออกรับกองทัพเมืองวุยก๊กเข้าไป จูกัดเอี๋ยนรู้ว่าข้าศึกเข้าเมืองได้แล้ว ก็คุมสมัครพรรคพวกประมาณสามร้อยคน หนีออกจากเมือง ไปเจอเอานายทหารของสุมาเจียว ก็สู้ไม่ได้ถูกฟันด้วยง้าวตกม้าตาย อยู่ที่สะพานหก หน้าประตูเมืองนั้นเอง ทหารที่ไปด้วยก็ถูกจับทั้งหมดทั้งสามร้อยคน

เมื่อสุมาเจียวเข้าเมืองได้แล้ว ก็สั่งให้จับบุตรภรรยาจูกัดเอี๋ยนมา สืบสาวเอาลูกหลานหว่านเครือ ฝักฝ่ายข้างบิดาแลมารดาภรรยาเป็นสามโคตร มาฆ่าเสียจนหมดสิ้น ไม่เหลือเอาไว้ให้แก้แค้นได้ในภายหลัง

จูกัดเอี๋ยนนั้นเดิมเป็นฝ่ายสุมาเจียว กำจัดบู๊ขิวเขียมกับบุนขิม คราวนี้บุนขิมเป็นฝ่ายจูกัดเอี๋ยน จะกำจัดสุมาเจียวแต่ไม่สำเร็จ จูกัดเอี๋ยนซึ่งเป็นฝ่ายพระเจ้าโจมอกลับถูกกำจัดลงได้ เลยไม่รู้ใครเป็นขบถกันแน่

ดังนั้นผู้ที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จึงต้องถูกตราหน้าว่าเป็นขบถ ถูกตัดหัวสามชั่วโคตร โดยไม่มีทางเถียง ดังที่ได้ว่าไว้ในตอนก่อนนั้นแล.

###########



Create Date : 16 กรกฎาคม 2559
Last Update : 16 กรกฎาคม 2559 9:23:37 น. 0 comments
Counter : 370 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.