Group Blog
 
All Blogs
 
นางในราชสำนักฮั่น

เสี้ยวสามก๊ก

นางในราชสำนักฮั่น
“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ พระเจ้าเลนเต้ ได้สืบราชสมบัติราชวงศ์ฮั่น ต่อจาก พระเจ้าฮั่นเต้ ตั้งแต่ พ.ศ.๗๑๑ นั้น ก็เพราะพระเจ้าฮั่นเต้หาราชบุตรมิได้ เลนเต้เป็นแต่ราชบุตรเลี้ยงมารดาชื่อ นางตังไทฮอ และมีมเหสีชื่อ นางโฮเฮา กับสนมเอกชื่อ นางอองบีหยิน

พระเจ้าเลนเต้ปกครองบ้านเมืองมาได้ยี่สิบเอ็ดปี ด้วยความเละเทะ มิได้ตั้งอยู่ในโบราณราชประเพณี ประพฤติตนตามอำเภอน้ำใจของตนเอง คบหาเชื่อถือแต่คนอันเป็นอสัตย์ รักใคร่ไว้ใจขันทีให้เป็นผู้ใหญ่เหนือขุนนางทั้งปวง บ้านเมืองจึงเกิดจลาจลวุ่นวาย อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนไปทั่ว

ถึง พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนัก และสวรรคตลงโดยยังมิได้ตั้งพระราชบุตรองค์ใดให้สืบราชสมบัติแทน นางโฮเฮานั้นมีบุตรอายุประมาณสิบสี่ปี ชื่อ หองจูเปียน นางออง บีหยินมีบุตรอายุเก้าปีชื่อ หองจูเหียบ แต่เมื่อหลายปีมาแล้ว ถูกนางโฮเฮาอิจฉาริษยา พาลหาเรื่องใส่ความจนถึงกับต้องโทษประหารไป นางตังไทฮอก็มีเมตตาแก่หองจูเหียบที่เป็นกำพร้าแต่ ยังเล็กจึงรับตัวไปเลี้ยงดูไว้ และขอร้องกับพระเจ้าเลนเต้ว่า ขอให้หองจูเหียบได้เสวยราชย์เถิด พระเจ้าเลนเต้เกรงใจก็รับคำมารดาไว้

ฝ่ายนางโฮเฮานั้น มีพี่ชายชื่อ โฮจิ๋น เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินอยู่ เมื่อพระเจ้าเลนเต้สวรรคต ก็สั่งให้ อ้วนเสี้ยวนายทหารคนสนิทคุมทหารเข้าไปในวัง เพื่อจับขันทีสอพลอทั้งหลายฆ่าเสียให้หมด ส่วนตนเองก็เชิญเสด็จหองจูเปียนออกมา ตั้งให้เป็นฮ่องเต้ พวกขุนนางทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่มีใครคัดค้าน

แต่อ้วนเสี้ยวเข้าไปทำการในวังไม่สำเร็จ เตียวเหยียง หัวหน้าขันทีพาพรรคพวกอีกเก้าคน หนีไปหานางโฮเฮาเพื่อขอความคุ้มครอง นางโฮเฮาก็บอกให้โฮจิ๋นไว้ชีวิตขันทีทั้งสิบคนนั้น โฮจิ๋นเกรงใจน้องสาวก็รับคำ นางโฮเฮาซึ่งเป็นพระมารดาของฮ่องเต้องค์ใหม่ จึงแต่งตั้งให้โฮจิ๋น พี่ชายเป็นเสนาบดีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

นางตังไทฮอก็โกรธหาว่านางโฮเฮา แต่งตั้งพี่ชายข้ามหน้าข้ามตามิได้ปรึกษาตน จึงออกไปยังพระแกล หลังที่ประทับว่าราชการ ต่อหน้าขุนนางทั้งปวงที่รอเฝ้าอยู่ แล้วตั้งให้ หองจูเหียบเป็นเจ้าต่างกรมที่ ตันลิ๋วอ๋อง กับให้ ตั๋งต๋ง น้องชายของนาง เป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร และตั้งให้เตียวเหยียงกับพรรคพวกเป็นขุนนางผู้ใหญ่

นางโฮเฮา ก็เชิญนางตังไทฮอมากินโต๊ะที่ข้างใน แล้วเตือนว่า นางตังไทฮอ และตนเองเป็นสตรี จะออกว่าราชการเมืองนั้นไม่ควร ด้วยผิดธรรมเนียม บ้านเมืองจะเกิดวุ่นวาย และเป็นอันตรายแก่ตนเองทั้งคู่ได้ นางตังไทฮอก็โกรธจึงลำเลิกว่า นางโฮเฮานั้นมิได้มีสัตย์กอบด้วยความหึงสาพยาบาท พาลเอาความผิดนางอองบีหยินให้เอาไปฆ่าเสีย เมื่อก่อนก็เป็นผู้น้อยหาผู้ใดนับถือไม่ ต่อมาได้เป็นมเหสีพระเจ้าเลนเต้ผู้บุตร ก็เคยอ่อนน้อมแก่ตน มาบัดนี้ลูกชายได้ว่าราชการเมือง จะมาตั้งตัวว่ารู้ขนบธรรมเนียมแผ่นดิน หาควรไม่

นางโฮเฮาก็ไม่ยอมแพ้ พอเวลาค่ำก็เรียกโฮจิ๋นเข้ามาหา เล่าเรื่องนางตังไทฮอให้พี่ชายฟัง โฮจิ๋นจึงกลับไปปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ ต่างก็เห็นว่านางตังไทฮอนั้นมิได้เป็นมเหสีของพระเจ้าฮั่นเต้ ที่มาอยู่ในพระราชวังนี้ได้ก็เพราะ พระเจ้าเลนเต้ผู้บุตรได้ราชสมบัติ ในขณะนี้พระเจ้าเลนเต้ก็หาบุญไม่แล้ว จึงขอเชิญเสด็จให้ออกไปอยู่ที่ตำหนักกลางสระน้ำนอกเมือง แล้วโฮจิ๋นก็ให้ทหารไปล้อมบ้านตั๋งต๋ง จะเอาตัวมาควบคุมไว้ แต่ ตั๋งต๋งเห็นว่าคงไม่รอด จึงหนีไปเชือดคอตายเสียที่ในสวนดอกไม้หลังบ้าน

ต่อมาอีกสองเดือนโฮจิ๋นก็ให้คนสนิทลอบไปฆ่านางตังไทฮอ ที่ตำหนักซึ่งพักอยู่นั้น ขุนนางทั้งปวงก็ไปคำนับศพตามประเพณี แต่โฮจิ๋นไม่ได้ไป พวกขันทีทั้งสิบก็กระพือข่าวว่า โฮจิ๋นนั้นเองที่เป็นตัวการฆ่านางตังไทฮอ

อ้วนเสี้ยวลูกน้องคู่ใจของโฮจิ๋น ก็เตือนให้กำจัดขันทีทั้งสิบคนนี้เสีย ขืนปล่อยทิ้งไว้จะกำเริบใหญ่ โฮจิ๋นจึงเข้าไปหานางโฮเฮาบอกให้เลิกเลี้ยงขันทีเหล่านี้เสีย ถ้าเอาไว้สืบไปจะมีอันตราย แต่นางโฮเฮาไม่เชื่อ กลับแย้งว่า ขันทีสิบคนได้ทำราชการมาแต่ครั้งพระเจ้าเลนเต้ จะได้มีความผิดสิ่งใดหามิได้ จะมาฆ่าเขาเสียนั้นไม่ควร

โฮจิ๋นก็ไม่สามารถโต้แย้งกับน้องสาวซึ่งกำลังเป็นใหญ่ได้ จึงกลับมาหารือกับ อ้วนเสี้ยวอีกครั้ง ตกลงที่จะมีใบบอกไปถึงหัวเมืองต่าง ๆ ให้ยกทหารมากำจัดขันทีตัวร้ายทั้งสิบคนเสีย แม้จะมีขุนนางคัดค้านมากมาย ว่าจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน โฮจิ๋นก็ไม่ยอมฟัง

จนกระทั่ง ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลง ยกกองทัพยี่สิบหมื่นเข้ามาถึงเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นราชธานี ภายในเมืองก็เกิดเป็นจลาจลขึ้น เพราะขันทีทั้งสิบคนฮึดสู้ ลวงเอาโฮจิ๋นเข้าไปฆ่าเสียในพระราชวัง อ้วนเสี้ยวกับ โจโฉ นายทหารเอกของโฮจิ๋น จึงนำทหารบุกเข้าไปในพระราชขวัง ไล่เข่นฆ่าขันทีกังฉินตายไปเป็นอันมาก เหลืออีกสี่คนทั้งเตียวเหยียง คุมฮ่องเต้ผู้เยาว์ทั้งสองหนีออกจากวังได้ แต่ก็ไปไม่ได้ไกล ถูกตามฆ่าตายหมด เหลือแต่เตียวเหยียงหนีไปจนมุมอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อเห็นจวนตัวจึงโดดน้ำตายไป

ฝ่ายตั๋งโต๊ะตั้งกองทัพอยู่นอกเมือง ก็ออกไปรับตัวหองจูเปียน กับหองจูเหียบซึ่งหนีพวกขันทีไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่า พากลับมาได้โดยปลอดภัย แล้วก็เลยเข้าไปยึดอำนาจการปกครองบ้านเมืองเสีย โดยไม่มีใครต้านทาน เพราะมีกำลังพลมากกว่า ต่อมาก็คิดจะถอดหองจูเปียนออกจากราชสมบัติ ยกให้หองจูเหียบเป็นฮ่องเต้แทน ใครคัดค้านหรือขัดขวางก็กำจัดเสียจนหมดสิ้น รวมทั้งอ้วนเสี้ยวและโจโฉ ก็ต้องหนีเตลิดออกไปด้วย

แล้วตั๋งโต๊ะก็เชิญหองจูเหียบ จากที่ตันลิ๋วอ๋อง ขึ้นประทับบัลลังก์ฮ่องเต้ ขนานนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ขุนนางก็พากันกราบถวายบังคมสิ้นทุกคน ตั๋งโต๊ะจึงให้นำตัวหองจูเปียน และนางโฮเฮามารดา ไปขังไว้ที่ตำหนักเดิมแล้วลั่นกุญแจเสีย ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปติดต่อได้ จากนั้น ตั๋งโต๊ะก็ตั้งตนเองเป็นที่เซียงก๊ก หรือเจ้าพระยามหาอุปราช ว่าราชการแทนฮ่องเต้ผู้เยาว์ต่อไป

ฝ่ายหองจูเปียนกับมารดาและนางสนมอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับความทรมานทุกข์โศกและอดอยากยากแค้น อยู่ในที่คุมขังนั้น จึงเขียนโคลงปิดไว้ที่ข้างฝาตำหนัก ขอให้ผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าเลนเต้ ช่วยแก้แค้นให้ด้วย คนสนิทของตั๋งโต๊ะที่มาเฝ้าอยู่ ก็เอาเนื้อความในโคลงไปแจ้งตั๋งโต๊ะให้ทราบ ตั๋งโต๊ะจึงให้ ลิยู ที่ปรึกษา คุมพวกตำรวจวังสิบคน เข้าไปหาหองจูเปียน เอาจอกสุราใส่ยาพิษ กับกระบี่และโซ่ ให้เลือกเอาว่าจะใช้อย่างไหนฆ่าตัวตาย นางโฮเฮาขัดขืนลิยูจึงลากเอานางโฮเฮากับนางสนม ออกไปเอาโซ่รัดคอตาย แล้วกลับมาเอายาพิษกรอกปากหองจูเหียบ ตายตามไปด้วยกัน แล้วจึงเอาศพทั้งสามไปฝังไว้นอกเมือง

ชีวิตของนางโฮเฮา มารดาของหองจูเปียน ก็ถึงกาลสิ้นสุดลง เช่นเดียวกับ นางออง บีหยิน มารดาของหองจูเหียบ และนางตังไทฮอมารดาของพระเจ้าเลนเต้ ไม่ผิดไปจากกันเลย.

เมื่อ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ได้ขึ้นครองราชสมบัติ ด้วยอำนาจของตั๋งโต๊ะนั้น ก็เป็นเพียงหุ่นให้มหาอุปราชชักเชิดไปตามอำเภอใจ พอตั๋งโต๊ะตายลงด้วยความคิดของอ้องอุ้น กับเสน่ห์ของ นางเตียวเสียน และน้ำมือของ ลิโป้ ได้ไม่นาน ลิฉุยกับกุยกี คนสนิทของตั๋งโต๊ะ ก็เข้ามายึดอำนาจคืน เวลาต่อมาพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เป็นเหมือนตุ๊กตา ที่เด็กยื้อแย่งกันไปครอบครอง ระหว่างลิฉุยกับ กุยกี จนขุนนางที่จงรักภักดี ต้องช่วยกันพาหนีไปจากเงื้อมมือของสองทรชน กลับมาอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง ซึ่งรกร้างว่างเปล่าเพราะตั๋งโต๊ะได้เผาทิ้งไปแล้ว ขุนนางเหล่านั้นก็ช่วยกันซ่อมแซมพระราชวังเดิมที่ยังเหลืออยู่ ให้พอจะประทับได้ และในเมืองนั้นก็มีราษฎรเหลืออยู่เพียงห้าร้อยหลังคาเรือนเท่านั้น ขุนนางที่เป็นหัวหน้าในครั้งนี้ก็คือ ตังสิน

ขณะนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้เจริญวัยขึ้นแล้ว มีมเหสีชื่อ นางฮกเฮา ซึ่งเป็นบุตรีของ ฮกอ้วน ขุนนางฝ่ายพลเรือนคนหนึ่ง ต่อมาตังสินจึงได้ยก นางตังกุยหุย น้องสาวของตนถวายเป็นสนมเอก ตังสินและฮกอ้วนจึงอยู่ในฐานะพระญาติพระวงศ์ผู้ใกล้ชิด สนิทสนมกับพระเจ้า เหี้ยนเต้เป็นอันมาก

ต่อมาพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ข่าวว่า โจโฉซึ่งเคยรบแพ้ตั๋งโต๊ะ ได้ไปตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองกุนจิ๋ว จึงมีหนังสือรับสั่งให้โจโฉยกกองทัพมาปราบปรามลิฉุยกุยกี จนสำเร็จราบคาบ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็แต่งตั้งให้โจโฉเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ว่าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน โจโฉจึงเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปตั้งเมืองหลวงใหม่ อยู่ที่เมืองฮูโต๋ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ค่อยมีความสุขขึ้น จึงตั้งให้ตังสินและขุนนางที่ติดตามมาอีกสิบสามคนเป็นเสนาบดี

ส่วนโจโฉซึ่งเป็นมหาอุปราชนั้น ก็แต่งตั้งพรรคพวกให้เป็นขุนนางน้อยใหญ่ มีที่ปรึกษาฝ่ายพลเรือนสี่คน นายทหารเอกสี่คน นายทหารโทห้าคน นายทหารตรีสองคน ดำเนินการปกครองบ้านเมืองโดยเด็ดขาด ถ้าผู้ใดจะว่าข้อราชการสิ่งใด ต้องมาแจ้งแก่โจโฉก่อน จึงจะกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้

เมื่อโจโฉได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินแล้ว ก็ยกกองทัพไปปราบปรามหัวเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย หลายครั้งหลายหน แพ้บ้างชนะบ้าง แต่สุดท้ายก็กำจัดลิโป้ ซึ่งตั้งแข็งข้ออยู่ที่เมืองชีจิ๋วลงได้ ด้วยความร่วมมือของเล่าปี่ โจโฉจึงพาเล่าปี่เข้ามาเฝ้า เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ ทรงทราบว่าเล่าปี่เป็นเชื้อสายราชวงศ์ฮั่น นับในลำดับเป็นพระเจ้าอา ก็แต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ฝ่ายกรมวัง โจโฉจึงชักระแวงใจว่าเล่าปี่จะเป็นใหญ่เกินหน้าตน

โจโฉครองอำนาจสูงสุดในเมืองลกเอี๋ยงหลายปีเข้าก็ชักจะลืมตัว ทำอะไรไม่เกรงใจพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีการอาจเอื้อมต่าง ๆ จนขุนนางที่จงรักภักดีทนไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขวางเพราะเกรงอำนาจอันล้นฟ้าของโจโฉ

พระเจ้าเหี้ยนเต้ถึงกับตรัสกับนางฮกเฮามเหสีว่า ตลอดเวลาที่เสวยราชสมบัติ มานั้น มีแต่ความระกำช้ำใจ เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะนั้นก็ว่าทำการหยาบช้าอยู่แล้ว พอมาถึงลิฉุยกุยกีก็ คิดจะทำอันตรายแก่พระองค์อีก ครั้งนี้ได้โจโฉมาช่วยแก้ไข คิดว่าจะตั้งใจทำนุบำรุงแผ่นดิน ก็กลับมาทำการดูหมิ่นไม่ได้มีความยำเกรงอีกเล่า ทุกวันนี้ชีวิตของพระองค์นั้นไม่รู้ว่าจะถึงที่สุดลงเมื่อใด

นางฮกเฮาก็ร้องไห้สงสารพระสวามี พอดีฮกอ้วนผู้เป็นบิดาของนางฮกเฮา ได้เข้ามาเฝ้าในที่ข้างใน เห็นพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระกันแสงอยู่กับมเหสี จึงทูลถามว่าพระองค์ทรงขัดเคืองสิ่งใดหรือ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ตรัสเล่า ถึงความคับแค้น ให้ฮกอ้วนฟังทุกประการ ฮกอ้วนก็บอกว่า

เห็นแต่ตังสินซึ่งเป็นพระราชวงศ์ จะช่วยคิดอ่านกำจัดโจโฉเสียได้

พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงปรึกษาว่าจะทำอย่างไร ฮกอ้วนก็บอกว่าทุกวันนี้โจโฉได้ใช้ให้หญิงคนสนิท มาคอยสอดแนมดูเหตุการณ์ในพระราชวังอยู่ตลอดเวลา จะทำสิ่งใดต้องระมัดระวัง ถ้าจะเรียกตังสินเข้ามาปรึกษา ก็ต้องทำให้แนบเนียน

เมื่อฮกอ้วนกลับไปแล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงเอาพระแสงแทงนิ้วพระหัตถ์ แล้วเอาโลหิตเขียนอักษรลงบนผ้าแพรขาว ขอให้ตังสินหาผู้ที่มีสติปัญญา ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน มาช่วยกำจัดโจโฉเสียให้จงได้ แล้วก็ให้นางฮกเฮาเย็บผ้าแพรขาวนั้นซ่อนไว้ในกลีบเสื้อ และให้หาตัวตังสินเข้ามาเฝ้า พระราชทานเสื้อให้ แล้วกระซิบสั่งให้เอาหนังสือที่ซ่อนไว้ออกมาดู แล้วคิดการให้สำเร็จ

ตังสินก็รับเอาเสื้อมาใส่ แล้วก็ถวายบังคมออกจากวังชั้นในจะกลับบ้าน โจโฉซึ่งทราบข่าวจากหญิงที่เป็นสายอยู่ในวัง ก็มาคอยดักตรวจค้นตังสิน แต่ก็ไม่ได้หลักฐานอะไร แม้จะสงสัยเสื้อใหม่ตัวนั้น ก็เอาไปไม่ได้เพราะเป็นของพระราชทาน

เมื่อตังสินกลับมาบ้าน ได้อ่านข้อความแจ้งแล้ว ก็ได้รวบรวมพรรคพวกที่จะร่วมมือกันกำจัดโจโฉได้ขุนนางพลเรือนสี่คน ฝ่ายทหารก็ได้ ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียงที่มาทำราชการในเมืองหลวง และ เล่าปี่ ซึ่งต่างก็ลงชื่อกันไว้ในแพรขาวนั้น แต่เวลาล่วงไปโดยยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เล่าปี่กับม้าเท้งเกรงว่าเนื้อความนั้นจะแพร่งพรายไปถึงโจโฉ จึงหาอุบายปลีกตัวออกไปจากเมืองหลวง แล้วก็หายหน้าไปเลย

ตังสินกับเพื่อนอีกสี่คนรออยู่เป็นเวลานานนับปี ความทุกข์ก็สุมหัวอก จนตังสินได้ป่วยลง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงส่ง เกียดเป๋ง หมอหลวงมารักษา หมอเกียดเป๋งจึงได้รู้ความลับของ ตังสิน และอาสาจะไปวางยาพิษโจโฉเอง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนใช้ของตังสินรู้ความลับแล้วเอาไปบอกโจโฉ เพราะความแค้นที่ตังสินจับได้ว่าไปข้องแวะกับภรรยาน้อย เกียดเป๋งจึงถูกเฆี่ยนตีและตัดนิ้วมือทั้งสองมือ จนทนไม่ได้เอาศรีษะกระแทกพื้นหินตายไป

โจโฉจึงจับเอาตัวตังสินกับเพื่อนอีกสี่คน รวมทั้งบุตรภรรยา และสมัครพรรคพวกประมาณเจ็ดร้อยคนไปประหารชีวิตเสียทั้งสิ้น แล้วสั่งให้ตำรวจวังจับตัวนางตังกุยหุย สนมเอกที่เป็นน้องสาวของตังสินเอาไปฆ่าเสีย พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ขอร้องว่า นางตังกุยหุยนั้นมีครรภ์อยู่ได้ห้าเดือนแล้ว มหาอุปราชจงเห็นแก่เราอย่าฆ่าเสียเลย โจโฉก็ว่าฮ่องเต้ให้ตังสินทำร้ายตน หากว่าเทพดาช่วยจึงได้รู้การทั้งปวงหาไม่ตนก็จะถึงแก่ความตาย แม้เอาหญิงคนนี้ไว้ ภายหน้าก็จะมีอันตรายแก่ตนเอง

นางฮกเฮาก็ช่วยอ้อนวอนว่า มหาอุปราชเอ็นดูเถิด อย่าเพ่อฆ่านางตังกุยหุยเสียก่อนเลย จงเอาไปจำไว้ที่ตึกเย็น ถ้าคลอดบุตรแล้วจึงฆ่านางเสีย โจโฉก็ยืนยันว่าถ้าเอาพันธุ์มันไว้ เมื่อบุตรมันใหญ่ขึ้น มันก็จะพยาบาททำร้ายแก่ตน นางตังกุยหุยจึงขอความกรุณาเป็นครั้งสุดท้ายขอให้เอาแพรขาวมารัดคอตาย โจโฉก็กรุณาให้ตามคำขอ

นางตังกุยหุยสนมเอก จึงต้องสิ้นชีวิตลงพร้อมกับลูกในครรภ์ โดย
มิได้กระทำความผิดแต่อย่างใด นอกจากความเป็นน้องของหัวหน้าผู้ก่อการขบถ เท่านั้นเอง

แต่โจโฉก็มิได้ทำอันตรายแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้ เพราะจะเก็บเอาไว้อาศัยอำนาจในการปกครอง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงได้อยู่ในราชสมบัติ มาอีกหลายปีจนมีพระราชบุตรกับ นางฮกเฮา มเหสีเอกถึงสองพระองค์

ฝ่ายโจโฉนั้นก็ยกกองทัพไปรบกับหัวเมืองต่าง ๆ ที่ยังแข็งข้ออยู่ หลายครั้งหลายคราว ขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน จึงขอรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่งตั้งโจโฉให้เป็นที่ วุยก๋ง มีอิสริยยศเก้าประการ โจโฉก็ยิ่งพระพฤติตนเป็นที่ขัดหูขัดตา พระเจ้าเหี้ยนเต้ และขุนนางเก่าที่จงรักภักดียิ่งขึ้นอีกเป็นอันมาก และอีกไม่นานก็มีขุนนางที่ประจบสอพลอ จะขอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เลื่อนจากวุยก๋งขึ้นเป็น วุยอ๋อง ใครคัดค้านก็เป็นอันตรายไปต่าง ๆ พวกขันทีก็ชวนกันกราบทูลว่า โจโฉนั้นคิดอ่านจะเลื่อนที่เป็นเจ้าวุยอ๋อง นานไปเห็นจะเป็นขบถชิงเอาราชสมบัติเป็นมั่นคง

พระเจ้าเหี้ยนเต้กับนางฮกเฮาจึงปรึกษากันจะให้ฮกอ้วน ช่วยหาผู้มากำจัดโจโฉอีกแต่ก็เกรงว่าจะพากันตายเสีย เหมือนเมื่อครั้งตังสินทำการไม่สำเร็จ นางฮกเฮาก็ว่าอยู่กับความทุกข์ดังนี้ ก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว

พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงให้หา บอกสุ้นขันที เข้ามา เล่าความที่คิดไว้ให้ฟังทุกประการ บอกสุ้นก็อาสาจะถือหนังสือไปให้ฮกอ้วน โดยซ่อนเอาไว้ที่มวยผม ฮกอ้วนอ่านรู้ความแล้วจึงทำหนังสือขึ้นสองฉบับ จะส่งให้เล่าปี่และซุนกวน ให้ยกกองทัพมากำจัดโจโฉเสีย แล้วมีหนังสือตอบกลับไปให้นางฮกเฮาทราบ และซ่อนไว้ในมวยผมเช่นเดิม แต่พอมาถึงในวังก็เจอโจโฉคอยดักอยู่ และค้นพบหนังสือที่ซ่อนมา จึงเอาตัวไปใส่คุกไว้ แล้วคุมทหารสามพันไปจับตัวฮกอ้วนกับครอบครัว และริบทรัพย์สมบัติมาทั้งสิ้น กับได้พบหนังสือที่นางฮกเฮาเขียนถึงบิดาด้วย

วันรุ่งขึ้นโจโฉก็ให้ เอ๊กลี คุมทหารสามร้อยถืออาวุธครบมือ เข้าไปเอาตราประจำแหน่งของมเหสีคืนมา เมื่อนางฮกเฮาเห็นเอ๊กลีมาเรียกเอาตราของตนไปดังนั้น ก็รู้ว่าชีวิตของตนนั้นถึงฆาตแล้ว จึงหนีเข้าไปซ่อนอยู่ในตำหนักแห่งหนึ่ง แล้วให้คนใช้ลั่นกุญแจข้างนอกไว้ แต่ก็ไม่พ้น โจโฉให้ ฮัวหิม นำทหารไปค้นอย่างละเอียดและพังประตูเข้าไป จิกผมลากตัวนางฮกเฮาออกมา ถึงข้างหน้าพระที่นั่ง พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ตกพระทัย ทรงกันแสงจนสลบไป

โจโฉเห็นหน้านางฮกเฮาก็ทวงบุญคุญว่า ตัวกูอุตส่าห์คิดอ่านปราบปรามเสี้ยนหนามให้ราบคาบทั้งแผ่นดิน ตัวมึงจึงค่อยมีความสุข มึงมิรู้คุณ กลับทรยศคบคิดกับบิดามึงจะทำร้ายกู ครั้นจะเอามึงไว้ นานไปมึงก็จะฆ่ากูเสีย ว่าแล้วก็ให้ทหารเอากระบองตีนางฮกเฮาถึงแก่ความตาย แล้วให้ทหารไปจับเอาบุตรของนางฮกเฮาทั้งสองคน ที่เกิดจากพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้น ไปฆ่าเสียด้วย จากนั้นก็ให้เอาตัว บอกสุ้น กับฮกอ้วน และครอบครัวรวมทั้งพรรคพวกบรรดาญาติพี่น้อง ของนาง ฮกเฮา ไปประหารเสียทั้งโคตร

ส่วนพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงโศกเศร้าถึงนางฮกเฮา และพระราชบุตรทั้งสองทุกเวลา มิได้ทรงเสวยเลย โจโฉก็ถวายบุตรสาวคนสุดท้อง ให้เป็นมเหสีชื่อ นางโจฮองเฮา

แต่อยู่มาอีกเพียงห้าปี โจโฉก็หมดกรรม ถึงแก่ความตายด้วยโรคปาดหัว โจผี บุตรชายคนโตของโจโฉ ก็ได้เป็นวุยอ๋องแทนบิดา และเพียงเก้าเดือนต่อมาก็สมคบกับขุนนางพลเรือนเก้าคน กับนายทหารอีกสี่สิบคน บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ สละราชสมบัติเสีย ตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน แล้วก็เนรเทศพระเจ้าเหี้ยนเต้ กับนางโจฮองเฮามเหสีคนสุดท้ายเชื้อสายของโจโฉมหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่ ไปอยู่ที่ตำบลซันเอี๋ยงตามลำพัง

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็หายหน้าไปจากพงศาวดารสามก๊ก มิได้ส่งข่าวมาให้ทราบอีกเลย ว่าเป็นตายร้ายดีประการใด.

##########



Create Date : 03 กรกฎาคม 2559
Last Update : 3 กรกฎาคม 2559 14:01:57 น. 0 comments
Counter : 679 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.