แฟชั่นสวยหวาน แบบนางเอก แพนเค้ก เขมนิจ แพนเค้ก เขมนิจ เป็นอีกหนึ่งดาราสาวที่แต่งตัวได้ถูกกาลเทศะ สำหรับนางเอกนางแบบ “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” เพื่อนๆ ที่เห็นสาวแพนเค้กคงจะชื่นชมเธอ เพราะแต่งตัวได้เรียบร้อย สวยหวาน แบบใสๆ ไม่แต่งหน้า เสื้อผ้าของแพนเค้กส่วนใหญ่จะเป็นชุดเดรส หรือชุดกระโปรง ลวดลายดอกไม้หรือลูกไม้โทนสีหวาน อย่างสีขาว สีชมพู ใครอยากสวยแบบแพนเค้กลองไปหาแฟชั่นสไตล์การแต่งตัวแบบนี้มาใส่กันนะคะ สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 24 กันยายน 2556     1 comment Last Update : 24 กันยายน 2556 21:28:37 น.     Counter : 6141 Pageviews.   Share Tweet

ยาวเกินมาตรฐาน ผมไม่สามารถร่วมเพศจนสุดความยาวของอวัยวะผมซึ่งยาวประมาณ 7 นิ้ว เพราะทุกครั้งที่กระแทกถูกมดลูกภายในของเธอแล้วเธอจะเจ็บปวดมาก แต่ถ้าใส่ประมาณครึ่งหนึ่งเธอก็จะโอเค มีวิธีการอะไรไหมที่ผมจะใส่ได้แบบสุดๆ...กรรชัย/กทม . ตอบ ที่จริงอวัยวะของคุณก็มีขนาดยาวเกินมาตรฐานชายไทยไปบ้างแบบนี้ถ้าได้มีเซ็กซ์กับผู้หญิงตัวโตๆ จากต่างประเทศก็จะดีมากเลยลองหาประสบการณ์ดูนะคุณนะ เพราะแฟนคุณอาจจะรูปร่างเล็กและช่องคลอดของเธออาจจะสั้นเลยทำให้คุณเข้าไปได้ไม่สุดเหมือนที่หวังและตั้งใจเอาไว้ แต่บางครั้งขนาดไม่สำคัญเท่าใด เนื่องจากช่องคลอดของผู้หญิงเป็นอวัยวะมหัศจรรย์ที่จะยืดขยายได้ตามความเหมาะสมแก่การปฏิบัติการ ลองพาเธอไปตรวจภายในดูว่าเธอมีพังผืดในอุ้งเชิงกรานที่เกิดจากปีกมดลูกอักเสบเรื้อรังหรือเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือไม่ เพราะนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งของการเจ็บปวดจากการมีเพศสัมพันธ์เวลาที่โดนกระแทกกระทั้น และเชื่อไหมถ้าเกิดจากสาเหตุดังกล่าวแค่คุณหมอส่องกล้องลงไปละลายพังผืดเธอก็จะหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว แต่ระหว่างนี้แค่ครั้งหนึ่งแล้วคุณก็สำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมายและเธอก็มีความสุขแล้วก็น่าจะโอเคนะคุณ สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 24 กันยายน 2556     0 comment Last Update : 24 กันยายน 2556 21:27:51 น.     Counter : 1532 Pageviews.   Share Tweet

3 เหตุผลที่ปืนใหญ่จะกลับมายิ่งใหญ่ 3 เหตุผลที่ปืนใหญ่จะกลับมายิ่งใหญ่ ฟุตบอลยุโรปสัปดาห์ที่ผ่านมา คราคร่ำไปด้วยเกมบิ๊กแมตช์ในหลายรายการทั้ง "ลอนดอนดาร์บี้" เชลซี-ฟูแล่ม, "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" แมนเชสเตอร์ ซิตี้-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, "โรมดาร์บี้" โรม่า-ลาซิโอ หรือแม้แต่ "นูโวซ์-ริเชส ดาร์บี้" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง-โมนาโก ยังมีอีกหลายคู่ใหญ่ในลีกอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน พบ นาโปลี หรือ "เติร์กดาร์บี้" เบซิคตัส พบ กาลาตาซาราย ซึ่งแต่ละคู่ผลการแข่งขันดุเด็ดเผ็ดมันส์สะใจไม่แพ้กัน รวมทั้งบรรยากาศเกมการแข่งขันที่ดุเด็ดเผ็ดร้อน เดือดดาล บานตะไท แอบนึกในใจอยู่เหมือนกันว่าสัปดาห์นี้คอลูกหนังทั้งหลายคงลุ้นกับคอแหบคอแห้ง ซึ่งแน่นอนผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นต้องมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ แต่ใครจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ชั่วโมงนี้ อาร์เซน่อล ของผม ขึ้นเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ การเปิดตัวครั้งแรกของ โอซิล กับ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไม่ผิดหวัง ไม่มีงานอื่นมาแทรกตามที่กองแช่งแช่งไว้ หลายคนมองข้ามเกมลีกนัดที่ "เดอะ กันเนอร์ส" เปิดบ้านอัด สโต๊ค ซิตี้ ไป เพราะอาจเข้าใจว่าไม่แปลกหากทีมดังกรุงลอนดอนจะขยี้อาคันตุกะอย่าง "เดอะ พ็อตเตอร์ส" แบบไม่เหลือชิ้นดี แต่หลายคนลืมไปอย่างหนึ่งว่าการเก็บ 3 แต้มของ อาร์เซน่อล ในเกมนี้ ทำให้พวกเขาชนะติดต่อ 4 เกมในเกมลีก และทะยานรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของลีกได้แบบมั่นคง แม้จะมี ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอริร่วมเมืองที่มีแต้มเท่ากัน แต่ประตูได้เสียนั้นยังมากกว่าอยู่ไม่น้อย และกว่า "ไก่เดือยทอง" จะเข่นชัย คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ได้คาบ้าน ก็ต้องรอจนกว่านาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บในเกมการแข่งขันทีเดียว ดังนั้นสิ่งที่ "อารมณ์คมคาย" จะทำในวันนี้คือการอวยทีมรักของตัวเองอย่าง อาร์เซน่อล ว่านี่อาจเป็นฤดูกาลแรกที่พวกเขากลับมาคว้าความสำเร็จได้อีกครั้ง หลังไม่มีถ้วยในตู้โชว์ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เลยนับตั้งแต่เปิดใช้งานสนามเมื่อปี 2006 ที่ผ่านมา และมี 3 เหตุผลที่พอจะทำให้มั่นใจได้ขึ้นมาในระดับหนึ่งว่า "แชมป์" อาจไม่ไกลเกินเอื้อมในฤดูกาลนี้ 1. พวกเขาคือทีม "เคย" แชมป์มาก่อน 10 ปีแล้วนะครับภาพนี้ ถึงเวลาล่ะ ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้ต้องนับย้อนไปเมื่อปี 2004 ที่ผ่านมา และครั้งนั้นก็มาจากฝีมือคนปัจจุบันอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งหากใครยังจำได้การคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายของ อาร์เซน่อล นั้นเป็นการคว้าแชมป์แบบ "ไร้พ่าย" จากผลงานลงเล่น 38 เกม ชนะ 26 และเสมอ 12 ไม่แพ้ต่อทีมใดเลย จริงอยู่ที่ในซีซั่นนี้อาจไม่สามารถทำซ้ำได้ เพราะพ่ายตั้งแต่เกมแรก (แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3) แต่กลุ่มผู้เล่นที่มีในเวลานี้ก็มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงครั้งนั้นเหลือเกิน ครั้งนั้นมี ปาทริค วิเอร่า, โรแบร์ ปิแรส และเธียรี่ อองรี ส่วนฤดูกาลปัจจุบันมี เมซุต โอซิล, อาร่อน แรมซี่ย์ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ นั่นจึงทำให้ฤดูกาลนี้มีอะไรให้เหล่า "กูนเนอร์ส" ทั้งหลายได้ลุ้นกันแบบยาวๆ 2. เมื่อคู่แข่งขัดแข้งขัดขากันเอง ที่จริงเชียร์เสมอกัน ตัดกันไปเรื่อยๆ ในยามที่บรรดาทีมเต็งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างกำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัว สะดุดเสมอบ้าง แพ้บ้าง ตัดกำลังกันเองบ้าง อาร์เซน่อล เริ่มต้นอาจไม่ดี แต่เวลานี้กลับมารักษาความต่อเนื่องของฟอร์มการเล่นได้แบบสมบูรณ์แบบที่สุด การเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเกม "ลอนดอนดาร์บี้" เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เบาใจว่ายังมีโอกาสที่จะทำแต้มหนีห่างบรรดาทีมที่ตามหลังมาได้ในอีกหลายเกมต่อจากนี้ ก่อนจะไปเจอเกมหนักอีกทีกับการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเลย และอรรถรสการเชียร์ของแฟนบอลอาร์เซน่อล ก็จะยิ่งสนุกสนานมากขึ้น เพราะนอกจากการเชียร์ให้ทีมรักของตัวเองต้องเก็บชัยให้ได้ ยังต้องไปนั่งลุ้นให้บรรดาทีมตามทั้งหลายพลาดท่าปราชัยกันถ้วนหน้าอีกด้วย 3. ทีมที่ลงตัว โอซิล มาตัวเดียวส่งผลทั้งทีมผลงานดี ยิ่ง แรมซี่ย์ ไม่กล้าว่าแหละ แต่เล่นให้ได้แบบนี้จนจบนะเฟ้ย ชั่วโมงนี้ใครต่างก็พูดกันว่า เมซุต โอซิล คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ อาร์เซน่อล สมบูรณ์แบบและลงตัวอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าครหาใด จากผลงาน 3 แอสซิสท์ใน 2 เกมลีกนัดแรกที่เขาทำไว้ ในขณะเดียวกัน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็เปรี้ยงปร้างสะดุดตาขึ้นมาเหมือนเมื่อครั้งค้าแข้งให้ มงต์เปลลิเย่ร์ ในลีกเอิง ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องเอ่ยถึง อารอน แรมซี่ย์ ที่เวลานี้ใครก็ขนานนามว่า "พี่แรมโบ้" เพราะเล่นยิงเอาๆในทุกๆ เกมที่ลงเล่น จนถึงตอนนี้เขายิง 7 ประตูจาก 7 เกมล่าสุดในทุกรายการไปแล้ว ก็เล่นเอาอึ้งกันไปเป็นแถบๆเหมือนกัน ยังต้องนับพวกตัวสอดแทรกอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์, มาติเยอ ฟลามินี่, คีแรน กิ๊บส์ ที่นัดกันมาทำผลงานได้ดีกันถ้วนทั่ว จนตอนนี้คำว่า "เอ็นเตอร์เทนฟุตบอล" กลับมาอยู่กับ อาร์เซน่อล อีกครั้ง และเมื่ออะไรก็ลงตัวไปหมด นับประสาอะไรกับการที่กองเชียร์ทั้งหลายจะไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะเป็น "แชมป์" ในฤดูกาลนี้ หลายคนอ่านตอนนี้ของ "อารมณ์คมคาย" อาจยิ้มเย้ยๆ แล้วบอกว่า "เร็วไปหรือเปล่าที่จะตัดสิน ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวนาน" ผมเห็นด้วยกับความคิดนั้นทุกประการ แต่มันก็ยังมีแสงแห่งความหวังให้เห็นไม่ใช่หรือครับ อย่างน้อยตอนนี้เหล่าแฟนๆ อาร์เซน่อล ก็พูดได้เต็มปากว่าพวกเขาคือ "จ่าฝูง" ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผมว่าอย่างน้อยๆเราก็มีอะไรให้พูดมากกว่าหลายๆ ทีมที่ยัง "พูดอะไรไม่ได้" หลายคนนึกในใจ "หัวเราะทีหลังดังกว่า" ผมว่าก็ถูกอีก แต่ถ้าคนหัวเราะอยู่ตอนนี้ หัวเราะต่อไปเรื่อยๆ จนถึงตอนจบได้ อะไรจะเกิดขึ้น เอาเป็นว่าชั่วโมงนี้ "กูนเนอร์ส" ทั้งหลายแฮปปี้ดี๊ด๊ากันให้เต็มที่ครับ เรื่องโดย "อธิคม ภูเก้าล้วน" สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 24 กันยายน 2556     0 comment Last Update : 24 กันยายน 2556 21:25:32 น.     Counter : 2108 Pageviews.   Share Tweet

รอยเตอร์สสับรถคันแรก เบี้ยวหนี้แล้ว 1 แสนราย! สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลทำให้คนไทยเป็นหนี้มากขึ้น และพบว่ามีลูกหนี้ในโครงการนี้ ผิดนัดชำระหนี้แล้วกว่า 100,000 ราย นอกจากนี้ยังส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยซบเซาอย่างหนักหลังโครงการหมดอายุลง รอยเตอร์อ้างผลวิจัยของไอเอชเอส โกลบอล ออโตโมทีฟ ผู้วิจัยข้อมูลเพื่อองค์กรธุรกิจ พบว่าจากผู้ใช้สิทธิ์รถคันแรก 1.2 ล้านคน มีถึงร้อยละ 10 ที่ขอสละสิทธิ์หรือไม่สามารถผ่อนต่อ ซึ่งผู้ซื้อที่ขาดส่งค่างวด จะถูกยึดรถโดยบริษัทไฟแนนซ์ ก่่่อนนำไปขายเป็นรถมือสอง รอยเตอร์ ยังอ้างคำสัมภาษณ์เจ้าของเตนท์รถมือสองแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ว่านโยบายรถคันแรกของรัฐบาลส่งผลให้ราคารถมือสองตกต่ำอย่างมาก เฉลี่ยแล้วปีลดลงราวร้อยละ20  นอกจากนี้โครงการรถคันแรก ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังผู้ผลิตรถยนต์ที่ยอดขายตกต่ำ จนต้องทำโปรโมชันหรือส่วนลดอบ่างนัก เพื่อระบายรถยนต์ในสต็อก โดยรอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประจำประเทศไทย นายโนบูยูกิ มูราฮาชิ ที่บอกว่าเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ยอดขายลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24 เหลือประมาณ 20,800 คัน และคาดว่าจะตกต่อเนื่องไปอีก  รอยเตอร์ ยังได้ไปสัมภาษณ์ นายนิติพล ชำนาญศิลป์ อาชีพกราฟิคดีไซน์ วัย 28 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก โดยนิติพลบอกว่า การมีรถคันแรก ตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก จนต้องค้างค่าเช่าห้อง และหากมีบิลค่าใช้จ่ายรายการอื่นเพิ่มขึ้นอีกก็คงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายทางการเงิน รอยเตอร์ระบุว่ายอดหนี้ครัวเรือนของไทยเวลานี้ขึ้นไปถึงเกือบร้อยละ 80 ของจีดีพี เป็นหนึ่งในชาติที่มีตัวเลขหนี้ครัวเรือนสูงสุดในเอเชีย ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็กังวลถึงผลกระทบจากความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ในเงินกู้ยืมเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอันเป็นปรปักษ์กับราคารถมือสองและรวมไปถึงผู้ปล่อยกู้ด้วย สนับสนุนเนื้อหา   Create Date : 24 กันยายน 2556     0 comment Last Update : 24 กันยายน 2556 21:24:22 น.     Counter : 1750 Pageviews.   Share Tweet

Apple ปิดโอกาสกลับไปใช้ iOS 6.xx เช้ามืดของวันที่ 19 กันยายนตามเวลาประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่ iOS 7.0 เวอร์ชั่นเต็มถูกกระจายไปยังผู้ใช้ iPhone, iPad และ iPod ให้อัพเกรดเพื่อพบกับประสบการณ์ใหม่ของการใช้งาน ซึ่งใครที่ลองใช้แล้วรู้สึกไม่ประทับใจและอยากกลับไป iOS 6.xx ล่ะก็ ตอนนี้หมดสิทธิ์แล้วครับ การเปลี่ยนแปลง UI แบบยกชุดของ iOS 7.0 ทำให้ผู้ใช้ iPhone, iPad และ iPod ส่วนใหญ่เลือกที่จะอัพเกรดแทน iOS 6.xx เพื่อลิ้มลองประสบการณ์ครั้งใหม่ที่แปลกหูแปลกตาไปจากเดิม ซึ่งจนถึงตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงได้ทดสอบประสิทธิภาพของ iOS 7.0 กันไปแล้ว และน่าจะรู้ถึงข้อดีข้อเสียกันไปพอสมควร สำหรับบางคนที่ลองสัมผัส เปิดแอพโน่นนี่นั่น และลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ แล้วรู้สึกว่า iOS 7.0 ไม่ได้สร้างความประทับใจเลยแม้แต่น้อยจนอยากจะ downgrade กลับไปเป็น iOS 6.xx ล่ะก็ ขอบอกว่าตอนนี้ Apple ได้ทำการปิดระบบที่เรียกว่า signing ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยน iOS 7.0 กลับไปเป็น iOS 6.xx ได้แล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่ผิดหวังกับ iOS 7.0 ก็คงต้องทนใช้กันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า Apple จะปล่อยเวอร์ชั่นใหม่อย่าง 7.0.1 หรือ 7.1 ออกมาอัพเดตแก้ปัญหาต่างๆ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังต้องตามติดว่าทีมงานเจลเบรคอันโด่งดังอย่าง evad3rs จะสามารถแหกคุก iOS 7.0 ได้เมื่อไหร่ เชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้นน่าจะพอสร้างความพึงพอใจให้กับขาเจลทั้งหลายได้บ้างล่ะครับ อ้างอิงจาก idownloadblog สนับสนุนเนื้อหา: Arip   Create Date : 24 กันยายน 2556     0 comment Last Update : 24 กันยายน 2556 21:23:09 น.     Counter : 1904 Pageviews.   Share Tweet