ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

‘Mazda Carol ECO’ นี่สิ! อีโคคาร์ของจริง

มาสด้าลุยปรับโฉมอีโคคาร์ 'Carol Eco' ซึ่งถูกวางตำแหน่งเป็นรถอีโคคาร์แท้ๆจากมาสด้า พกความประหยัดสุดๆ ทั้งเชื้อเพลิงและราคา

Mazda Carol

     แม้ว่า 'มาสด้า แครอล อีโค' จะออกมาทำตลาดในญี่ปุ่นได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่มาสด้าก็ได้ปรับปรุงโฉมใหม่ ให้มีความประหยัดยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการปรับแต่งระบบสันดาปในเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ และเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงขึ้น

     ซึ่งจากการปรับปรุงดังกล่าว ทำให้ 'แครอล อีโค่' รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 35 กม./ลิตร (รุ่นเดิมอยู่ที่ 33 กม./ลิตร) ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อก็ไม่น้อยหน้า สามารถทำตัวเลขอยู่ที่ 30.4 - 32 กม./ลิตรเท่านั้น ซึ่งด้วยมาตรการทางภาษีในญี่ปุ่น ทำให้ Carol Eco ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆเลย

     ในญี่ปุ่นทำตลาดด้วยสองรุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ ECO-L แลพ ECO-X ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ 660 ซีซี DOHC ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบสองล้อและสี่ล้อให้เลือก

     ราคาเริ่มต้นของ อยู่ที่ 267,000 บาท ในขณะที่รุ่นท้อปขับเคลื่อนสี่ล้อ ตั้งราคาอยู่ที่ 341,000 บาทเท่านั้น แถมตั้งราคาถูกกว่ารุ่นเดิมอยู่ถึงเกือบ 20,000 บาท

     นี่สิ! อีโคคาร์ของจริง

(ขอบคุณรูปภาพและเนื้อหาจาก Response JP)




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556   
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 22:31:38 น.   
Counter : 2499 Pageviews.  

ธุรกิจแห่งปี 2556 : กาแฟถุงกระดาษ

ธุรกิจแห่งปี 2556 : กาแฟถุงกระดาษ

"ร้าน" เป็นหนึ่งในธุรกิจยอดฮิตในช่วงเกือบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านกาแฟคั่วบดในเมืองไทยมีมูลค่ากว่า 5-6 พันล้านบาท หลายคนจะมองว่าด้วยไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่หันมานิยมดื่มกาแฟกันมากขึ้น ทำให้ใครๆ ก็อยากเปิดร้านกาแฟ ทำให้มีผู้แข่งขันในตลาดจำนวนมาก ทั้งกาแฟสดระดับพรีเมี่ยม กาแฟสดตามปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟอินดี้เปิดเดี่ยวๆ ขายบรรยากาศ ร้านแฟรนไชส์ กาแฟโบราณ ถามว่ากาแฟสดถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือยัง

การเตรียมตัวที่ดีอยู่ให้รอดท่ามกลางธุรกิจร้านกาแฟที่มีอัตราการขยายตัว จริงอยู่รสชาติที่กลมกล่อมของกาแฟช่วยสร้างฐานลูกค้าให้กับร้าน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่เวลาอยากกินกาแฟจะเลือกซื้อกาแฟจากร้านใกล้ๆ ตัวมากกว่า ส่องไปที่ตลาดกาแฟสดพรีเมี่ยมในปีนี้แข่งขันกันเดือด (ที่ SMEs อย่างเราได้แต่ดู) ตลาดนี้สายป่านไม่ยาวจริงมีอันต้องตายคาสนาม

แบรนด์กาแฟพรีเมี่ยม เริ่มตั้งแต่แบรนด์ คอฟฟี่เวิลด์ ทรูคอฟฟี่ แมคคาเฟ่ บลูคัพ (แบรนด์ร้านกาแฟพรีเมี่ยมของค่ายเอสแอนด์พี) เซกาเฟรโด ซาเนตติ เอสเพรสโซ (แบรนด์พรีเมี่ยมจากออสเตรเลียของกลุ่มไมเนอร์) กลอเรีย จีนส์ (นำเข้ามากลุ่มเซ็นทรัล) The Amazon Embrace ของ ปตท.ขยายตลาดอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำและเปิดขายแฟรนไชส์

แบรนด์ไนน์ตี้-โฟร์ กลับมารุกขยายสาขาอีกครั้ง หลังกลุ่มอโรม่าหมดสัญญาส่งเม็ดกาแฟคั่วกับ ปตท.หลังจากอีกครั้ง แบรนด์"อินทนิล พรีมิโอ้" ออกไปนอกปั๊มรุกตลาดห้างเช่นกัน "ซีพี ออลล์" เจ้าของ 7-11 ขอแจม เปิดร้านกาแฟพรีเมี่ยมสไตล์อิตาเลี่ยนแบรนด์ เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู การขยายตัวของแบรนด์ บวกกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เชื่อได้ว่าโอกาสของกาแฟสดในเมืองไทยยังไปได้สวย

 กลับมาที่ตลาดกาแฟกลุ่ม SMEs ในตลาดยังมีธุรกิจร้านกาแฟรายย่อยอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะลงทุนในรูปแบบมุมกาแฟ (Corner/Kiosk) หรือรถเข็น (Cart) ที่ใช้เงินลงทุนไม่มากนัก ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟ จะเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย เช่น อโรม่ากรุ๊ป ดังนั้นผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เหล่านี้ จึงมีบริการให้คำปรึกษา สอนการทำกาแฟให้กับร้านกาแฟรายย่อยๆ เพื่อเป็นช่องทางจัดจำหน่ายอุปกรณ์กาแฟและเมล็ดกาแฟ

 นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังมีทางเลือกในการลงทุนร้านกาแฟสดในรูปของการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์จากบริษัทแม่ หรือการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทแบรนด์ใหญ่ๆ การเข้าร่วมลงทุนใน 2 ลักษณะนี้ ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาเงื่อนไขสัญญา แผนการตลาด รวมทั้งประวัติความเป็นมาของบริษัทอย่างรอบคอบ ทางที่ดี ผู้ลงทุนควรศึกษาจากหลายๆ แห่ง และนำมาเปรียบเทียบกันก่อนตัดสินใจเลือกลงทุนกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

"กระดาษ" ปลุกตลาดกาแฟถุงคึกคัก

ครึ่งปีหลังตลาดกาแฟโบราณครึกครื้นเป็นพิเศษ กาแฟโบราณ (อัดน้ำแข็ง) ถุงใหญ่ ใช้ยางรัดมัดปากถุง หิ้วกับบ้านพร้อมถุงกระดาษสีน้ำตาลดูคลาสสิค (ที่ว่ากันว่าช่วยเก็บรักษาความเย็น 5-6 ชั่วโมง) แบรนด์ต่างๆ กลายเป็นกระแสธุรกิจใหม่ของกาแฟโบราณที่ถ้าร้านไหนไม่มีถุงน้ำตาลวางพร้อมขายอยู่หน้าร้าน ถือว่าผิด!! มีหลายชื่อที่คุ้นหูเช่น ยกนิ้ว กาแฟถุงกระดาษ, โอ้โห โบราณจัง, เปิ่น กาแฟโบราณอู่ทอง, กาแฟถุงกระดาษ 3 สลึง, แฟ..โว้ย แฟ..ป่าว, เต็ม-ถุง กาแฟโบราณ, ชงดะ กาแฟโบราณ, เอ็นจอย กาแฟโบราณ ฯลฯ

ส่วนใครเป็นเจ้าของนวัตกรรมถุงกระดาษห่อกาแฟคนแรกไม่มีใครรู้ ว่ากันว่าจุดกำเนิดอยู่ที่เมืองกาญจน์แล้วขยายเข้าสู่กรุงเทพฯ และตอนนี้กำลังระบาดไปทั่วประเทศ ธุรกิจนี้ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วนั้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทำได้ไม่ยาก ลงทุนไม่สูงมากนัก เพียงแค่มีสูตรกาแฟและน้ำชงอื่นๆ ที่อร่อยอยู่แล้ว เพิ่มเติมแค่ถุงกระดาษ ซึ่งสามารถสั่งให้โรงงานผลิตถุงให้สกรีนชื่อร้านและกราฟิกได้ตามที่ต้องการ

ปัจจุบันมีแบรนด์กาแฟโบราณหุ้มถุงหลายยี่ห้อ กำลังแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ขยายแฟรนไชส์อย่างรวดเร็ว "โอ้โห โบราณจัง" ร้านกาแฟถุงแห่งนี้สามารถขยายกิจการได้มากถึง 40 สาขา ภายในเวลาไม่ถึงปี "เพ็ญศิริ ม่วงงาม" เจ้าของแฟรนไชส์บอกว่า ยอดขายของร้าน 200 ถุงต่อวัน ยอดขายสูงสุด 800-900 ถุงต่อวันที่สาขาประตู้น้ำ ราคาขายถุงละ 25-30 บาท ผลตอบแทนที่ได้กาแฟโบราณสูงกว่ากาแฟสด อยู่ที่ 40% ในส่วนต้นทุนแพกเกจจิ้งถุงสีน้ำตาลอยู่ที่ใบละ 1.50 บาท แต่ถ้าสั่งเยอะต้นทุนก็จะถูกลงอีก ใครที่อยากร่วมธุรกิจ เธอเปิดสอนเฉพาะสูตรชงกาแฟ 15,000 บาท และขายกาแฟคั่วบดเท่านั้น

ถุงกระดาษ แฟ..โว้ย แฟ..ป่าว ที่เปิดขายแฟรนไชส์ โดยมีรูปแบบการลงทุน 2 รูปแบบ คือ ราคา 25,000 บาท ได้รับอุปกรณ์ วัตถุดิบพร้อมขายได้เลย และ ราคา 45,000 บาท ได้รับเคาน์เตอร์ อุปกรณ์ วัตถุดิบพร้อมขายได้เลย โดยเป็นการจ่ายขาดครั้งเดียวไม่มีเก็บค่าแฟรนไชส์รายปี แต่จะมีสัญญาในเรื่องของการซื้อวัตถุดิบกับเจ้าของแฟรนไชส์เท่านั้น

เปิ่น กาแฟโบราณอู่ทอง ลงทุนเพียง 25,000 บาท เปิดมาได้ 2 ปี ปัจจุบันมี 70 สาขา "วิวัฒน์ ใบบัว" เจ้าของแฟรนไชส์แจกแจงรายรับเฉลี่ยต่อร้านขายได้ประมาณ 250-300 ถุงต่อวัน ราคา 25 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 15 บาทต่อถุง กำไรอยู่ที่ถุงละ 10 บาท โดยเฉลี่ยต่อวันจะมีกำไร 2,500-3,000 บาท หากคิดเป็น ต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 50,000-80,000 บาทต่อเดือน (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่า ค่าแรง) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลด้วย หากอยู่ในที่คนพลุกพล่าน อาจขายได้มากกว่า การันตีระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 1 เดือน

ธุรกิจนี้มันมี "โอกาส" อีกเยอะเลย ซึ่งโอกาสที่ว่านี้ ถ้าใครเจอเร็วและไปก่อนก็ได้เปรียบ!!



  • สนับสนุนเนื้อหา SME ชี้ช่องรวย (smechannel)




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556   
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 22:30:59 น.   
Counter : 2546 Pageviews.  

จุดจูบชวนสาวเพิ่มสยิว



"จูบ" กิจกรรมที่ผสมผสานกันระหว่างจินตนาการ ความอ่อนหวาน ความโรแมนติก และการปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ ที่ทำให้หญิงชายได้สัมผัสใกล้ชิดกัน จนผู้หญิงบางคนรู้สึกชื่นชอบการจูบมากกว่าการมีเซ็กซ์เสียอีก จะดีแค่ไหน ถ้าชายหนุ่มคนรักของคุณจะได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจ ว่าอวัยวะส่วนไหนของร่างกายของคุณที่สามารถตอบสนองการปลุกเร้าด้วยการจูบของเขาได้ดีที่สุด

ใบหู อวัยวะที่ถูกสร้างมาเพื่อกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกเสียวของผู้หญิง โดยเฉพาะเวลาที่ชายหนุ่มใช้ริมฝีปาก หรือลิ้นค่อยๆ สัมผัสไปที่บริเวณใบหูอย่างแผ่วเบา พร้อมกับปล่อยลมหายใจของเขาให้เข้ามากระทบกับหูของคุณอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะเริ่มลงมือโดยใช้ลิ้นและริมฝีปากค่อยๆ ลูบไล้ไปทั่วบริเวณใบหูของคุณอย่างช้าๆ พร้อมกับกระซิบบอกรักข้างหูอย่างเร่าร้อน เพียงเท่านี้ก็ทำให้แม่เสือสาวถอดเขี้ยวเล็บกลายเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ ได้อย่างง่ายดาย

ซอกคอด้านหลัง ตำแหน่งง่ายๆ ที่ผู้ชายหลายคนมักจะมองข้ามไป แต่เป็นจุดที่สามารถเล้าโลมอารมณ์ของคุณผู้หญิงได้ง่ายที่สุด ลงนึกภาพตอนคุณกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วมีชายหนุ่มเดินเข้ามาเซอร์ไพรส์คุณด้วยริมฝีปากที่บรรจงแตะลงไปที่คอของคุณอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็ใช้มือสัมผัสที่บริเวณท้ายทอย แค่นี้ก็ทำให้อารมณ์รักของคุณสาวๆ พุ่งทะยานราวกับจรวดได้แล้ว

สะโพก รู้หรือไม่ว่า บริเวณสะโพกของผู้หญิงนี่แหละที่ไวต่อความรู้สึกเกินที่คุณผู้ชายจะคาดเดาได้ เพราะเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับปลายเส้นประสาทที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์เสียววาบหวามได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแค่ใช้นิ้วมือลูบไล้ โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณสะโพก ไล่ลงมาที่โคนขาด้านใน จนถึงบริเวณข้อพับเข่าด้านหลัง พร้อมกับโชว์ลีลาการใช้ริมฝีปาก และลิ้นค่อยๆ ไล่ลงไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญห้ามใช้ความรุนแรงด้วยการหยิก จิก หรือกัดกับส่วนนี้เป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้คุณหมดอารมณ์เอาง่ายๆ

หน้าอก จุดที่เซ็นซิทีฟสุดๆ ของผู้หญิง และจะขยายตัวเพิ่มขนาดขึ้นเมื่อถูกสัมผัส ให้คุณจับมือของเขามาวางไว้ที่หน้าอกของคุณ แล้วให้เขาเริ่มนวดกระตุ้นให้ทั่วบริเวณหน้าอก จนคุณรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว จากนั้นเปลี่ยนจากการใช้มือมาเป็นการใช้ริมฝีปากแทน โดยค่อยๆ จูบลงไปที่เนินอกอย่างอ่อนโยน สลับกับการดูด และโลมเลียที่บริเวณหัวนม เท่านี้ก็ทำให้เซ็กซ์ของคุณทั้งคู่สดใสซาบซ่าขึ้นได้แล้วค่ะ

เรื่อง : lady marmalade
update by supermoon




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556   
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 22:28:49 น.   
Counter : 1853 Pageviews.  

บุกป่าฝ่าดงไปกับ Chevrolet Colorado 2014 ใหม่ ควบพลังดีเซล 200 แรงม้า!

คันที่ผมได้มีโอกาสไปทดลองขับบนเส้นทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี เป็นรุ่นใหม่ที่ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่เชฟโรเลตบอกว่านี่คือรถกระบะที่ให้กำลังมากที่สุดในประเทศไทย

     ซึ่งเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ตัวใหม่นี้ เป็นตัวเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ใน Trailblazer รุ่นล่าสุด และเรียกว่าเป็นจุดเด่นของโคโลราโดใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่รอบเพียง 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งดูจากตัวเลขถือว่ามีกำลังมากที่สุดในกลุ่มรถกระบะด้วยกันทั้งหมด

     รูปลักษณ์ภาพนอกของโคโลราโดใหม่ เรียกว่าแทบไม่แตกต่างตัวก่อน จะมีก็คงเป็นตัวหนังสือ DURAMAX ที่แปะไว้บริเวณข้างประตูคู่หน้าเท่านั้น และสีส้ม Orange Rock ใหม่สะดุดตามาให้เป็นทางเลือก ไฟหน้าในรุ่นท็อป (LTZ) เป็นแบบโปรเจคเตอร์พร้อมปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อมไฟท้ายแบบ LED

     ส่วนภายในเชพโรเลต โคโลราโด 2014 ใหม่ มีจุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือระบบ MyLink ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ถูกติดตั้งอยู่ในเชพโรเลตรุ่นอื่นๆด้วย ซึ่งสามารถเล่น CD, DVD, MP3 พร้อมเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ สามารถสนทนาแบบแฮนด์ฟรี (ฟังก์ชั่นนี้ใครแอบมีบ้านน้อยอาจคิดหนัก เพราะคุยทีได้ยินกันทั้งรถ) นอกจากนั้น ยังมีเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทางฝั่งคนขับมาให้ด้วย สามารถปรับตำแหน่งเบาะได้ค่อนข้างละเอียดตามสรีระที่แตกต่างกันไป

     อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ติดตั้งมากับรถ ถือว่าเอาใจลูกค้ากลุ่มที่ต้องการความทันสมัย เช่น อุปกรณ์ MyLink ที่ใช้งานได้หลากหลาย หรือระบบครูซคอนโทรล ซึ่งอาจดูเกินความจำเป็นของผู้ใช้รถกระบะส่วนใหญ่ในบ้านเราไปหน่อย แต่มีให้ก็ดีกว่าไม่มีล่ะกันน่า

     เริ่มต้นมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพสู่จังหวัดกาญจนบุรี คันแรกที่ผมได้ทดลองขับเป็นรุ่น 2.8 C-Cab หรือรุ่นสี่ประตู ที่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ความประทับใจแรกคือพละกำลังของเครื่องยนต์ ที่พาโคโลราโดใหม่พุ่งทะยานออกจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจเดียวก็สามารถแตะความเร็วระดับ 120 กม./ชม.ได้อย่างสบายๆ แถมยังรู้สึกว่ายังไปได้อีกเยอะ การเร่งแซงบนถนนสองเลน แทบไม่ต้องลุ้นเลยว่าจะพ้นรถที่สวนมาหรือไม่ ซึ่งต้องยกความดีให้แรงบิดกว่า 500 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบเพียง 2,000 รอบต่อนาที เรียกว่ากดคันเร่งลงไปเท่าไหร่ พละกำลังก็ไหลมาเทมาเท่านั้น

     นอกจากนั้น ช่วงล่างยังถือว่าทำได้ดีตามสไตล์ของเชฟโรเลต ที่เซ็ทมาอย่างกลางๆ ให้ความกระด้างเล็กน้อย ขณะที่ความนุ่มนวลก็พบได้อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือการเกาะถนนที่ทำได้ดีแม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง นอกจากนั้น โคโลราโดใหม่ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP แบบรถเก๋ง ซึ่งทำให้รู้สึกมั่นได้เวลาใส่โค้งแรงๆ

     มาถึงช่วงขับขี่แบบออฟโรดกันบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นความประทับใจที่สุดของทริปเลยก็ว่าได้ เนื่องจากกำลังเครื่องยนต์อันมหาศาลที่อยู่ปลายเท้าผมนั้น สามารถพาโคโลราโดฝ่าฟันทั้งแอ่งทั้งเนินได้อย่างสบายๆ ช่วงขึ้นเนินชันก็เพียงแต่เติมคันเร่งเข้าไปเล็กน้อยเท่านั้น ย้ำว่าเล็กน้อย! ไม่ต้องเร่งแบบกระโชกโฮกฮากให้ผู้โดยสารหวั่นใจ ตัวรถก็เคลื่อนตัวผ่านเนิน แอ่ง บ่อ หลุมต่างๆได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้น ก็ได้ถือโอกาสทดลองใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (Hill Descent Control) ที่ช่วยประคองเบรคให้เพื่อให้รถเคลื่อนที่ลงเนินอย่างช้าๆโดยไม่ต้องแตะเบรค ช่วยให้ผู้ขับสามารถใช้สมาธิบังคับพวงมาลัยได้เต็มที่

     หลังเดินทางจากออกมาจากป่าแล้ว ปลายทางถัดไปคือ ศูนย์อนุรักษ์ช้าง 'บ้านช.ช้างชรา' ที่เชฟโรเลตจัดกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้สื่อมวลชนได้ลองนำโคโลราโดไปบรรทุกอาหารให้ช้างไทยแสนน่ารักทั้งหลาย ซึ่งก็คือ "ต้นกล้วย" โดยคันที่บรรทุกน้ำหนักสูงสุดในทริปนี้ก็ปาเข้าไปกว่า 900 กิโลกรัม (แม้จะบรรทุกกันอย่างทุลักทุเลดังภาพข้างล่าง) แต่ก็สามารถบรรทุกน้ำหนักเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรได้สบายๆ

    ขากลับผมได้มีโอกาสทดลองขับรุ่นเกียร์อัตโนมัติอัตราทด 6 สปีด เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร เท่าเดิม วิ่งตรงกลับสู่กรุงเทพฯ พบว่าอัตราเร่งดูอืดกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาเล็กน้อย ทำให้การเร่งแซงแต่ละครั้งต้องเติมคันเร่งกันลึกกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาหน่อย แต่การเปลี่ยนเกียร์ให้ความนุ่มนวลดี คันเกียร์สามารถเลือกปรับเป็นแบบธรรมดาได้ด้วยเช่นกัน

    แม้ว่า Chevrolet Colorado ใหม่นี้ ยังคงรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกเดิมเอาไว้ แต่ของดีกลับอยู่ข้างใน ทั้งอ็อพชั่นภายในรถที่เพิ่มขึ้นมา ระบบความปลอดภัยแบบล้นๆ พร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ใหม่ ที่ทำให้โคโลราโดโดดเด่นขึ้นกว่าที่เคยเป็น

     ที่เหลือก็เพียงแค่ใจ ว่าคุณจะลุยกับมันไปได้ไกลแค่ไหนเท่านั้น!

ราคา Chevrolet Colorado 2014 ใหม่ที่ใช้ในการทดสอบ:

     รุ่น 2.8L 4WD C-Cab LTZ Z71 เกียร์อัตโนมัติ   -   998,000 บาท

     รุ่น 2.8L 4WD C-Cab LTZ Z71 เกียร์ธรรมดา   -   925,000 บาท

     ขอขอบคุณ: บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอย่างสูง สำหรับคาราวานทดสอบในครั้งนี้

     เรื่อง/เรียบเรียง: Oat Sanook!Auto




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2556   
Last Update : 23 ธันวาคม 2556 21:53:14 น.   
Counter : 4328 Pageviews.  

รีวิว Nokia 208 มือถือราคาสุดประหยัดเพียง 1,790 บาทใช้เป็นโมเดม 3G ได้ทุกที่

มือถือราคาสุดประหยัดเพียง 1,790 บาทใช้เป็นโมเดม 3G ได้ทุกที่

IMG_1344

IMG_1338
วันนี้ทีมงาน @flashfly มีมือถือราคาสุดประหยัดจาก Nokia มาแนะนำ นั่นคือ Nokia 208 มือถือ Series 40 (S40) ที่รองรับการใช้งาน 3G ได้ในราคาเบาๆเพียง 1,790 บาทเท่านั้น รองรับการใช้งานแอพดังอย่าง LINE, WhatsApp, Facebook หรือ Twitter อีกด้วย แถมยังสามารถใช้งานท่องเว็บ ,ดู Youtube (พอได้) รวมถึงดูข่าวช่อง 3 หรือ TNN 24 ผ่านทาง H TV ได้ และ ใช้งานอีเมลดังๆได้หมดทั้ง Gmail,Yahoo หรือ Hotmail ได้แม้ไม่ใช่มือถือสมาร์ทโฟนอีกด้วย

IMG_1349

ด้วย หน้าจอขนาด 2.4 นิ้ว QVGA (320 x 240) ที่คมชัดเกินราคาของ Nokia 208 เชื่อว่าหลายคนต้องประทับใจแน่นอน รองรับการใช้งาน Micro SIM

IMG_1401
ตัวเครื่องมีความจุ 256 MB สามารถเพิ่มได้ด้วย Micro SD อีก 32GB รองรับ วิทยุ FM ,Bluetooth และ GPS

IMG_1346

สำหรับวัสดุที่ใช้เป็นพลาสติก บริเวณปุ่มกดเป็นยาง

IMG_1398

ฝา หลังถอดง่ายแบบเดียวกับ Asha 501 แบตเตอร์รี่ความจุ 1020 mAh เปิดเครื่องรอรับสายได้นานกว่า 20 วัน และหนักเพียง 89.6 กรัมเท่านั้นพกพาสะดวก

IMG_1345

กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล (1280 x 960 พิกเซล) ซูมได้ 3 เท่า

IMG_1496

ที่ มาพร้อมฟั่งชั่นแบบจัดเต็มทั้งการถ่ายภาพพาโนรามา 100 องศา ภาพต่อเนื่อง ที่เด็ดสุดคือการถ่ายภาพตัวเองด้วยเสียงจากตัวเครื่องที่จะคอยบอกตำแหน่งที่ ดีที่สุดแล้วถ่ายภาพให้เราอัตโนมัติอีกด้วย เรียกได้ว่าล้ำสุดๆ

IMG_1352

แถม ยังสามารถแต่งภาพก่อนแชร์ไปยังโซเชียลมีเดียได้ทันทีหรือจะแชร์ภาพถ่ายด้วย Slam ไปยังเครื่องอื่นได้อีกด้วย ด้านการถ่าย VDO ก็ถ่ายได้ที่ความละเอียด QVGA (320 x 240) ซูมได้ 2 เท่า

IMG_1498

IMG_1500

สำหรับ ทางด้านการใช้งาน 3G นั้นรองรับทุกค่ายในประเทศไทยความเร็วสูงสุดที่ 7.2 Mbps ที่สำคัญ Nokia 208 สามารถใช้งานเป็น Modem USB 3G ให้กับโน๊ตบุ๊คได้ทุกที่อีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากๆ กับมือถือในราคาถูกขนาดนี้

IMG_1365
IMG_1359

การ ใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Nokia 208 นั้นสามารถติดตั้งได้ที่ Nokia Store ที่มีแอพและเกมดังมากมายให้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นแอพชื่อดังทั้ง LINE, WhatsApp, Facebook ,Twitter หรือ Foursquare

IMG_1390

ทางด้านเกมก็จะมี Java จากค่ายดังไม่ว่าจะเป็น Gameloft หรือ EA Mobile และอีกเพียบ

IMG_1351

จาก การทดลองใช้งาน Nokia 208 ถือได้ว่าคุ้มค่าเกินราคา 1,790 บาทมากๆ แค่นำมาเป็น Modem USB เพื่อใช้งาน 3G ก็คุ้มสุดๆแล้ว แถมยังใช้เป็นมือถือสำรองยามฉุกเฉินได้อีก มีกล้องและถ่าย VDO ได้

IMG_1403
IMG_1408

เทียบขนาดกับ Asha 501 กับความสามารถที่ไม่แพ้กันเลยทีเดียว

IMG_1364

แถม ตอนนี้ Nokia ยังจัดโปรโมชั่นร่วมกับ Truemove H ที่ให้ค่าโทรฟรีสูงสุด 1,800 บาท เหมือนแจกฟรีกันไปเลยมีให้เลือก 5 สีได้แก่ ดำ,น้ำเงิน,แดง,ขาวและเหลือง

ที่มา: www.flashfly.net




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2556   
Last Update : 23 ธันวาคม 2556 21:50:18 น.   
Counter : 7187 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]