ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ช่วยตัวเอง...ช่วยเพิ่มขนาดได้ไหม?

ถาม

การช่วยตัวเองเป็นประจำจะช่วยให้อวัยวะใหญ่ขึ้นไหม และจำเป็นจะต้องใช้น้ำมันนวดร่วมด้วยไหมครับ ผมไม่กล้าไปฉีดขยายเลยคิดจะใช้วิธีธรรมชาติเข้าช่วย และควรจะช่วยตัวเองสักเท่าไรถึงจะพอดีและไม่เป็นอันตราย

ตอบ

เป็นความจริงสำหรับประโยคที่ว่า " ของอะไรไม่ใช้ย่อมเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา" เช่นกันอวัยวะของรักของหวงดังกล่าวถ้าไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ ไม่ได้มีการขยายตัวเป็นประจำ ไม่นานก็จะเกิดพังผืดภายในและทำให้ไม่สามารถที่จะยืดขยายได้อย่างเต็มที่

ดังนั้นการทำให้อวัยวะเพศชายขยายตัวเป็นประจำจึงเป็นวิธีการเดียวที่จะหยุดยั้งการหดตัวและลดขนาดลงได้ และยิ่งใช้งานเป็นประจำก็จะทำให้กล้ามเนื้อภายในแข็งแรงและขยายขนาดขึ้นทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีการขยายตัวของอวัยวะเพศ

การช่วยตัวเองก็เป็นการกระตุ้นการขยายตัวของอวัยวะเพศอย่างหนึ่งแต่มีเคล็ดลับว่าอย่ารีบร้อนทำควรให้ขยายตัวไว้อย่างน้อยสักห้านาทีมากกว่านี้ไม่เป็นอะไรแต่ถ้าน้อยกว่าห้านาทีจะได้ผลไม่เต็มที่ ขณะเดียวกันในเวลาที่มีการช่วยตัวเองจะต้องมีการบีบนวดกระตุ้นเป็นระยะๆ ด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด


ส่วนคำถามที่ว่าทำเท่าไรจึงจะพอดีก็ของตอบว่าอย่างน้อยสักสองครั้งต่อสัปดาห์แต่จะมากกว่านั้นก็ไม่ว่าถ้ายังสุขภาพดีอยู่ ส่วนจะพลิกแพลงใช้ครีมหล่อลื่นหรือน้ำมันช่วยการบีบนวดก็ไม่ได้ห้ามอะไรแต่อย่าใช้ชนิดที่ทำให้เกิดการระคายเคืองก็พอแล้ว

penhouse ขอขอบคุณ นิตยสารเพนท์เฮ้าส์ ผู้สนับสนุนเนื้อหา




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2556 21:50:26 น.   
Counter : 1726 Pageviews.  

6 ข้อคิดการใช้เงิน แบบ เศรษฐีระดับโลก

6 ข้อคิดการใช้เงิน แบบ เศรษฐีระดับโลก

ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือมหาเศรษฐี เราก็ควรจะต้องรู้จักคำว่า "ประหยัด" กันทั้งนั้น

Sanook! MEN นำดีๆจากมหาเศรษฐีระดับโลกหลายๆคน

มาแนะนำคุณผู้อ่านให้อ่านกัน ว่าถึงเขาจะรวยล้นฟ้าขนาดไหนแต่เขาก็ยังรู้จักคำว่า "ประหยัด" และอยู่แบบพอดีได้อย่างมีความสุข

1. อยู่บ้านธรรมดา

ถึงแม้เหล่ามหาเศรษฐีจะสามารถซื้อบ้านหลังละเป็นร้อยๆล้านได้ แต่ว่านั่นไม่ได้แปลว่าาเราต้องอยู่บ้านที่หรูหราแบบนั้นเลย

คาลอส สลิม เฮลู (Carlos Slim) มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก กล่าว เขาอยู่บ้านหลังเดิมที่เขา อยู่มาตลอด 40ปี ไม่ได้อยู่บ้านไฮโซหรูหราอย่างที่ทุกคนคิดเลย

2. ใช้ทางสาธารณะหรือรถสาธารณะ

มหาเศรษฐีหลายๆคนอย่าง จอห์น คูดเวล (John Caudwell) เจ้าของธุรกิจโทรศัทพ์มือถือ รวมไปถึง ชัค ฟรีนีย์ (Chuck Feeney) ผู้ร่วมก่อตั้ง "Duty Free"

พวกเขามักชอบที่จะเดินหรือปั่นจักรยานไปในทางสาธารณะมากกกว่า ถึงแม้เค้าจะสามารถที่จะขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ได้แต่เขาเลือกที่จะเดินเพื่อออกกำลังหรือไม่ก็เดินทางด้วยรถสาธารณะ

3. ไม่ฟุ่มเฟือยกับเสื้อผ้า

ในขนะที่บางคนซื้อเสือผ้าโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงินแต่เหล่ามหาเศรษฐีหลายๆคนอย่าง เดวิด เชอริตัน (David Cheriton) ศาสตราจารย์ผู้ร่วมก่อตั้ง Google

ยังชอบที่จะใส่เสิ้อยืดและยีนส์ธรรมดาเลย อีกทั้งมหาเศรษฐีหลายๆคนยังหลีกเลี่ยงการซื้อสูทเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น

4. ตัดผมด้วยตัวเอง

โดยเฉลี่ยแล้วค่าตัดผมต่อปีจะอยู่ที่หลายดอลล่าร์อยู่ หรือถ้าจะจ้างสไตลิสต์ส่วนตัวมาตัดก็จะเสียค่าตัดผมมากขึ้นอีก แต่ไม่ใช่กับ จอห์น คูดเวล (John Caudwell)

มีความสุขที่ตัดผมด้วยตัวเองที่บ้านไม่ต้องออกไปตัดให้เสียเงิน

5. ขับรถธรรมดา

มหาเศรษฐีส่วนใหญ่อาจจะมีทั้งรถหรูหรา เรือส่วนตัว หรือแม้กระทั่งเครื่องบิน แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าของพวกนี้สำคัญเสมอไป

อย่างจิม วอลตัน (Jim Walton) เจ้าของห้างวอลมาร์ท Wallmart เขายังขับรถกระบะที่มีอายุถึง 15 ปีของเขา

อีกทั้งมหาเศรษฐีหลายๆคนที่ใช้รถเก่าไม่ได้ตามกระแสอย่าง อซิม พรีมิจ (Azim Premji) มหาเศรษฐีจากอินเดียเขายังขับรถที่ใช้มานานนับ 10 ปีเลย

6. หลีกเลี่ยงของหรูหรา

มหาเศรษฐีอย่างคาลอส สลิม เจ้าพ่อโทรคมนาคมที่รวยที่สุดในโลก เขาไม่ได้เป็นเจ้าของเรือยอร์ชหรือเครื่องบินหรอก

เพราะเขาคิดว่าสิ่งพวกนี้มันไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตเลย อีกทั้งมหาเศรษฐี

หลายๆคนก็พยายามที่จะเลี่ยงของหรูหราพวกนี้เช่น วอร์เรน บัฟเฟต์ (Warren Buffett) ยังได้เคยออกมาพูดว่าของพวกหรูหราพวกนี้มันช่างไร้สาระ

ลองนำวิธีชีวิตของเศรษฐีโลก มาลองปรับใช้กับตัวเราดู ว่าเราสามารถเอาแบบอย่างได้มากน้อยแค่ไหน แล้วคุณอาจจะเป็นอีกคน ที่มีเงินเก็บมากขึ้นก็ได้


//men.sanook.com/1543/6-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 21:27:23 น.   
Counter : 1905 Pageviews.  

10 อันดับทีมแห้วฟุตบอลโลก

10 อันดับทีมแห้วฟุตบอลโลก
10 อันดับทีมแห้วฟุตบอลโลก

ฟุตบอล : 16 ทีมประจันหน้า ชิงตั๋วที่เหลือ 8 ใบ ไม่ใครก็ใคร ที่ต้องเป็นฝ่ายผิดหวังและกินแห้วชามใหญ่ กว่าจะมีโอกาสได้ลุ้นใหม่ก็ต้องรออีก 4 ปี

ในบรรยากาศเกมทีมชาติที่กำลังคุกรุ่น ทุกชาติต่างพยายามฝ่าฟัน สู้แบบถวายหัวเพื่อชิงตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่ตอนนี้เหลืออยู่ 8 ใบแล้ว และจะรู้ผลกันในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงการที่ผู้ชิงชัยสู่การเป็นแชมป์โลกปี 2014 ก็จะได้เห็นหน้าค่าตาครบทั้ง 32 ทีมในวันดังกล่าวเช่นกัน

มีผู้สมหวังก็ย่อมมีผู้ผิดหวังเป็นสัจธรรมของโลก และมีไม่น้อยที่ทีมที่ผิดหวังนั้นเป็นบรรดาทีมใหญ่ที่ใครก็อยากเห็นในฟุตบอลโลก และวันนี้คัดเอา 10 อันดับที่น่าเสียดายสุดๆ กับการแห้วตั๋วไปชิงความเป็นหนึ่งของโลกมาให้ชมกัน

อันดับ 10 อังกฤษ ปี 1974 ในช่วงทศวรรษ 70 ถือเป็นยุคมืดของฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ เพราะไม่สามารถตีตั๋วไปเล่นรายการใหญ่ๆ ได้เลยในช่วงปี 1970-80 โดยเฉพาะเมื่อฟุตบอลโลก 74 รอบคัดเลือกที่ในนัดสุดท้ายต้องชนะ โปแลนด์ ให้ได้ในบ้านตัวเอง แต่กลับทำได้แค่ 1-1 เท่านั้น

อันดับ 9 ฮอลแลนด์ 1986 ภายหลังจากได้รองแชมป์โลกเมื่อปี 1978 ทำให้พลพรรค "ฟลายอิ้งดัตช์แมน" เลือดใหม่กลายเป็นที่จับตามอง แต่มาที่รอบคัดเลือกของฟุตบอลโลกป '86 กลายเป็นว่าพวกเขาทำได้แค่การเป็นรองแชมป์กลุ่ม และต้องไปเพลย์ออฟกับทีมประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เบลเยียม แต่ก็แพ้ไปด้วยกฎอเวย์โกล

อันดับ 8 สหภาพโซเวียต 1978 แม้จะเป็นชาติใหญ่ที่สุดในยุโรป แถมอุดมไปด้วยผู้เล่นชั้นยอดจากทีมดินาโม เคียฟ ชุดแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1975 รวมถึงแข้งตำนานอย่าง โอเล็ก โบลคิน แต่ก็ทำได้เพียงการเป็นรองแชมป์กลุ่ม 9 ตามหลัง ฮังการี่ และไปแพ้ กรีซ ในรอบเพลย์ออฟ

อันดับ 7 อิตาลี 1958 ไม่น่าเชื่อว่าทีมแชมป์โลก 4 สมัยจะเคยมีประวัติศาสตร์เช่นนี้ ช่วงปี 1950 ถือเป็นยุคที่ลืมไม่ลงในวงการฟุตบอลอิตาลี โดยเฉพาะการเล่นรอบคัดเลือกของช่วงปลายทศวรรษ ทั้งที่มีทีมที่อุดมไปด้วยผู้เล่นชั้นนำจาก ยูเวนตุส, เอซี มิลาน และโรม่า แต่นัดสุดท้ายก็ไปพลาดท่าแพ้ ไอร์แลนด์เหนือ ที่ เบลฟาสต์

อันดับ 6 โปรตุเกส 1998 ฟุตบอลโลกที่แดนน้ำหอมต้องขาดทีม "ฝอยทอง" ในยุคทองที่มี หลุยส์ ฟิโก้, รุย คอสต้า และเจา ปินโต้ อยู่ในทีมไปอย่างน่าเสียดาย โดยมีแต้มตามหลังจ่าฝูง เยอรมัน แค่ 3 แต้ม แถมแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นด้วย

อันดับ 5 อังกฤษ 1994 ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินที่คนไม่นิยม ซอคเกอร์ อย่างอเมริกา กลับไม่มีชาติมหาอำนาจลูกหนังอย่างอังกฤษไปแข่ง เพราะผลงานห่วยแตกในรอบคัดเลือกที่พ่ายเกมเยือนให้กับทีมที่แย่งพื้นที่กันอย่าง ฮอลแลนด์ และนอรเวย์ แถมไปพลาดเสียประตูตั้งแต่ 7 นาทีแรกให้กับทีมอย่าง ซาน มาริโน่ ด้วย

อันดับ 4 ยูโกสลาเวีย 1994 ไม่ใช่ไม่มีฝีมือจนไม่ผ่านรอบคัดเลือก แต่พวกเขาโดนแบนจากประชาคมโลกเนื่องจากเหตุสงครามกลางเมือง ที่ภายหลังทำให้ ยูโกฯ แตกออกเป็นหลายๆ ชาติในปัจจุบัน ทั้งที่ในยุคนั้นมีสตาร์ในทีมและดีพอจะเป็นแชมป์โลกด้วยซ้ำ ทั้ง ดราแกน สตอยโควิช, ซโวนิเมียร์ โบบัน, เดยัน ซาวิเซวิช, ดาวอร์ ซูเคอร์, ดาร์โก ปานเชฟ, ซินิซ่า มิไฮโลวิช, โรเบิร์ต โปรซิเนชกี้ และสเรชโก้ คาตาเนช

อันดับ 3 สกอตแลนด์ 1970 ในยุคทศวรรษ '60 ถึงต้นทศวรรษ '70 ทีมแดนวิสกี้ เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงของทีมร่วมทวีป กลาสโกว์ เซลติก คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 1967 และอีก 5 ปีถัดมาก็เป็นคิวของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แถมในทีมยังมีกองหน้าชั้นนำอย่าง เดนิส ลอว์ แต่กลับต้องมาพลาดท่าให้กับกระตูกชิ้นโต ยอดทีมแห่งยุคอย่าง เยอรมันตะวันตก

อันดับ 2 ฮอลแลนด์ 2002 ฟุตบอลโลกครั้งแรกในทวีปเอเชีย ที่หลายคนบ่นอุบว่าขาดทีมที่เป็นสีสันสำคัญอย่าง "อัศวินสีส้ม" พวกเขาได้ที่ 3 ของกลุ่มในรอบคัดเลือกทั้งที่ในทีมมีทั้ง เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, รุด ฟาน นิสเตลรอย, มาร์ก โอเวอร์มาร์ส และยาป สตัม แถมเทรนเนอร์ยังเป็น หลุยส์ ฟาน กัล ด้วยซ้ำ

อันดับ 1 ฝรั่งเศส 1994 จะว่าไปฟุตบอลโลกฉบับมะกันเป็นครั้งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ขาดทีมชั้นนำในยุโรปอย่าง อังกฤษ, ยูโกสลาเวีย และฝรั่งเศส ไม่น่าเชื่อว่าทีม "ตราไก่" จะมาเป็นแชมป์โลกในอีก 4 ปีให้หลัง ทีมในยุคนั้นก็อุดมด้วยสตาร์ชั้นนำเช่นกันไม่ว่าจะเป็น ฌอง-ปิแอร์ ปาแป็ง, ดาวิด ชิโนล่า, อีริก คันโตน่า, ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ และมาร์กเซล เดอไซญี่ แต่กลับทำได้แค่อันดับ 3 ของกลุ่ม แถมเกม 2 นัดหลังสุดที่เล่นในบ้าน ต้องการแค่แต้มเดียวกลับได้แค่ 0 เท่านั้น

ฟุตบอลเป็นเกมที่อยู่บนความไม่แน่นอน ปีนี้ก็ส่อแววจะมีทีมใหญ่ต้องกินแห้วกันอยู่ไม่น้อย ทั้ง โปรตุเกส และสวีเดน ทีมจะมีแค่ทีมใดทีมหนึ่งเท่านั้นที่ได้เข้าไป ทั้งที่ทั้งสองทีมมีนักเตะที่ท้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และซลาตัน อิบราฮิโมวิช อยู่

ขณะที่ ฝรั่งเศส ก็ร่อแร่อีกแล้ว แม้ในรอบแบ่งกลุ่มจะต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับสเปน ทีมอันดับ 1 ของโลก แต่ก็เล่นรอบเพลย์ออฟกับ ยูเครน ที่ถือว่าไม่หนักมากเท่าการเจอ สวีเดน หรือ โปรตุเกส แต่ก็โดนลูบคมไปก่อนถึง 2-0 เสียดายแทน ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่สมควรจะได้ บัลลงดอร์ แต่คงฝันสลายแน่หากพาทีมบ้านเกิดไปฟุตบอลโลกไม่สำเร็จ และหากไม่ผ่านขึ้นมาจริงๆ การคัด 10 อันดับทีมแห้ว คงมี ฝรั่งเศส ครั้งนี้ไปด้วยแน่

"FIATA" สุกรโลกันต์




  • สนับสนุนเนื้อหา ฮอตสกอร์




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 21:26:43 น.   
Counter : 3570 Pageviews.  

เปรียบเทียบ สเปค Samsung Galaxy Note 3 vs Nexus 5

หลังจากเปรียบเทียบ iPhone 5S vs Nexus 5 กันไปแล้ว มาดูบทความ เปรียบเทียบ Nexus 5 vs Samsung Galaxy Note 3 กันบ้างครับ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ ถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ด้วยกันทั้งคู่ และเป็น แอนดรอยด์โฟน ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด มาดูกันครับว่า ถ้าหากเรานำ Nexus 5 vs Samsung Galaxy Note 3 จะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy Note 3 vs Nexus 5

จากตารางด้านบน จะเห็นได้ว่า ทั้ง Samsung Galaxy Note 3 และ Nexus 5 นั้น มีสเปคที่ใกล้เคียงกันมากครับ ซึ่ง Samsung Galaxy Note 3 จะได้เปรียบตรงที่หน้าจอขนาดใหญ่กว่า ที่ 5.7 นิ้ว และมีปากกา S Pen เพิ่มความสะดวกในการขีดเขียน ในขณะที่ Nexus 5 เด่นตรงมาพร้อมกับ Android 4.4 KitKat ตั้งแต่แกะกล่อง และถึงแม้จะมีขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบาลง และที่สำคัญ ราคาของ Nexus 5 ยังถูกกว่า Samsung Galaxy Note 3 มากเลยทีเดียว ประหยัดไปได้กว่า 7,000 บาทครับ

สำหรับจุดเด่นอีกอย่างของ Nexus 5 ก็คือ รองรับเครือข่าย 4G LTE ครับ ในขณะที่ Samsung Galaxy Note 3 รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย ซึ่งใช้ชิป Exynos 5 Octa 5420 นั้น ไม่รองรับเครือข่าย 4G แต่ถ้าเป็น Samsung Galaxy Note 3 รุ่นชิป Snapdragon 800 จะรองรับเครือข่าย 4G ซึ่งต้องมาลุ้นกันครับว่า ซัมซุง ประเทศไทย จะนำ Samsung Galaxy Note 3 รุ่นใช้ชิป Snapdragon 800 มาจำหน่ายเมื่อใดครับ


แต่ทั้งนี้ การเลือกซื้อ สมาร์ทโฟน ขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของผู้ใช้ เป็นหลักครับ ฉะนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อ สมาร์ทโฟน ในแต่ละครั้ง จะต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เน้นการใช้งานด้านใดเป็นหลัก เนื่องจากทั้ง 2 รุ่น มีความสะดวกในด้านการใช้งานแตกต่างกันไปนั่นเอง ซึ่งทีมงาน techmoblog หวังว่า บทความนี้ จะช่วยทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นครับ

ข้อมูลโดย : ทีมงาน techmoblog.com




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 21:23:43 น.   
Counter : 2588 Pageviews.  

บูชาปี่เซียะ เทพศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน

(สำเนียงแต้จิ๋ว) หรือ ผีซิว (สำเนียงกลาง) หรือ เผยเหย้า (สำเนียงกวางตุ้ง) เป็นสัตว์ประหลาดตามความเชื่อของจีนมาแต่โบราณ เชื่อว่า ปี่เซียะ มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีปีกคล้ายนก และมีส่วนหางคล้ายแมว เป็นสัตว์สี่ขา และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้

ตามตำนานความเชื่เชื่อว่าถูกแบ่งเป็นตัวผู้ชื่อ ปี่ และ ตัวเมียชื่อ เซียะ นอกจากนี้แล้วยังมีชื่อเรียกอื่นอีก เช่น เทียนลู่ หรือ เทียนลก ตามแต่ละพื้นที่อีกด้วย ซึ่งความหมายของชื่อเหล่านี้ แปลได้ว่า กวางสวรรค์ หรือ ขจัดปัดเป่า

ปี่เซียะ

ส่วนบางความเชื่อกล่าวไว้ว่า ปี่เซียะ เป็นลูกตัวที่ 9 ของมังกร เป็นสัตว์ที่กินเก่งและไม่มีรูทวาร จึงไม่มีการขับถ่าย ในปลายยุคราชวงศ์โจว ตรงกับยุคชุนชิว มีการนำปี่เซียะมาใช้เป็นสัญลักษณ์โดยประดับเป็นรูปบนธงสำหรับการออกรบ โดยรวมในอดีตสันนิษฐานว่า ปีเซียะให้ความหมายในทางความกล้าหาญ การปกป้องคุ้มภัย และการต่อสู้เพื่อจะให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

นอกจากนี้แล้ว ปี่เซียะยังเป็นสัญลักษณ์ของการพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติอีกด้วย อันเนื่องจากการที่เป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีการขับถ่าย จึงมีการปั้นเป็นรูปปั้นเฝ้าหน้าท้องพระโรง ภายในพระราชวัง เช่น ฮ่องเต้ปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิงและประเทศจีน 

ดังนั้นคนที่บูชา ปี่เซียะ จึงมักจะใช้ถือเคล็ดในเรื่องการเก็บทรัพย์เรียกทรัพย์ ให้มีเงินทองใช้ไปตลอดไม่รั่วไหลเป็นของมงคลเรียกทรัพย์นั่นเอง

ปัจจุบัน มีการบูชาปี่เซียะ โดยมักทำเป็นรูปเคารพของสัตว์ที่มีลักษณะดังกล่าวในลักษณะหมอบ และมักทำเป็นคู่กัน โดยจะตั้งวางให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยด้วย อีกทั้งยังเป็นที่บูชาของนักพนัน ผู้ที่นิยมเสี่ยงโชคในลักษณะวัตถุมงคล จากการที่เป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีถ่าย จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บทรัพย์ ซึ่งกาสิโนบางแห่งในประเทศจีน, มาเก๊า และฮ่องกง จะมีรูปปั้นปี่เซียะนี้อยู่ด้านหน้าด้วย

การบูชา ปี่เซียะ

- ควรเอาใจใส่ด้วยวิธีทำความสะอาดพูดคุยด้วยบ่อยๆ ลูบหัวและลูบบั้นท้ายคล้ายสัตว์เลี้ยง

- การอธิษฐานนั้นให้ใช้มือลูบเป็นสื่อในการสื่อสารกับปี่เซียะหากตั้งไว้เฉยๆจะได้ ประโยชน์น้อยดังนั้นผู้ที่มีปี่เซียะต้องหมั่นสัมผัสปี่เซียะเพื่อทำการขอ การสัมผัสปี่เซียะนั้นถ้าทำการลูบที่ท้อง จะเกิดอานิสงส์ทางด้านความสมบูรณ์พูนสุขลูบหัวทำให้บารมีดี ปัญญาผ่องใสลูบหลังทำให้มีโชควาสนา ห้ามลูบปาก เพราะจะเก็บทรัพย์ไม่อยู่

- สำหรับปี่เซียะคู่(ตัวใหญ่แบบตั้งโต๊ะ) ต้องตั้งให้เด่น มองเห็นชัด หันหน้าไปที่ประตูเข้าบ้านตั้งเป็นคู่ให้ก้นชนกัน โดยให้ตัวเมียอยู่ด้านขวา(ตัวเมียคือตัวที่ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า มีหน้าที่รักษาพิทักษ์ทรัพย์) ให้ตัวผู้อยู่ด้านซ้าย(ตัวผู้คือตัวที่ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้ามีหน้าที่บันดาลทรัพย์) ควรมีน้ำเปล่าวางไว้หนึ่งแก้ว(ถ้วยก็ได้)นอกจากนี้สามารถกำนัลด้วย ส้ม หรือผลไม้อื่นๆประกอบกันได้

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก //th.wikipedia.org/,//mbukruphra.com




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 21:23:14 น.   
Counter : 1922 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]