ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ฟุตซอลไทยโหดถลุงเวียดนาม 8-1 ซิวทองซีเกมส์3สมัยติด

ฟุตซอลไทยโหดถลุงเวียดนาม 8-1 ซิวทองซีเกมส์3สมัยติด
ฟุตซอลไทยโหดถลุงเวียดนาม 8-1 ซิวทองซีเกมส์3สมัยติด

ฟุตซอลชายทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มโหดย้ำแค้น เวียดนาม 8-1 คว้าแชมป์ซีเกมส์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง คว้าดาวซัลโวไปครอง จากผลงาน ลงสนาม 4 นัด ยิงไป 10 ประตู

การแข่งขันฟุตซอลชาย ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เมืองเนปิดอร์ ประเทศเมียนมาร์ ที่ วันนา เต็กกี้ สเตเดี้ยม รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. เป็นการพบกันระหว่างโต๊ะเล็กทีมชาติไทย แชมป์เก่าสองสมัย ลงสนามพบกับ "นักเตะสกุลเหงียน" เวียดนาม โดยในรอบรองชนะเลิศทีมชาติไทย ถล่มเอาชนะเจ้าภาพเมียนมาร์ 8-1 ส่วน เวียดนาม เอาชนะอินโดนีเซีย มา 3-1

นัดแรกที่สองทีมเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติเวียดนาม 4-0 วันนี้ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ วิคเตอร์ เฮอร์แมน เทรนเนอร์มากฝีมือดีชาวดัตช์ จะได้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร แข้งตัวรับพ้นโทษแบนกลับมาประจำการในทีมชุดแรกร่วมกับ ศักดิ์ชาย หาไมตรี (ผู้รักษาประตู), ก้องหล้า เหล็กกล้า, กฤษดา วงษ์แก้ว (กัปตันทีม) และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ผู้นำดาวซัลโวสูงสุดของซีเกมส์ในขณะนี้ ที่จำนวน 8 ประตู ขณะที่เวียดนาม ของ แซร์จิโอ้ กาเกลลี่ กุนซือชาวอิตาลี ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม วู เซียง ดู เป็นผู้รักษาประตู, ลี ควาน ฮอง, ฟาง ทอน ลาง, ตัง วาน วู และฟาม ทาน ดัต

เริ่มเกมเป็นทีมขุนพลโต๊ะเล็กทีมชาติไทย ที่เปิดเกมรุกเข้าใส่เวียดนามทันที น.2 จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ได้โอกาสกระดกบอลข้ามคานออกหลังไป แบบได้ลุ้น ถัดมา 2 นาที ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ตวัดยิงด้วยขวา แต่บอลไม่ตรงกรอบ ยังเสมอกันอยู่ 0-0

น.5 ทีมชาติไทย ส่งผู่เล่นชุดสองลงมาเล่น ประกอบด้วย ปิยพันธุ์ รัตนะ, ชัยวัฒน์ แจ่มกระจ่าง, ปิยะนัฐ นุสยา และเจษฎา ชูเดช น.6 เจษฎา ชูเดช ลองยิงไกล บอลพุ่งไปตรงตัว วู เซียง ดู ผู้รักษาประตูเวียดนาม ปัดออกหลังไป ทีมชาติไทยได้เตะมุม ถัดมา 2 นาที ทีมชาติไทย ได้ลูกฟรีคิก ปิยพันธุ์ รัตนะ เล่นลูกสูตร ไหลให้ เจษฎา ชูเดช ยิงเต็มเเรง วู เซียง ดู ยังไว ปัดออกข่างไป จังหวะต่อเนื่อง เจษฎา ชูเดช เขี่ยบอลจากริ่มเส้นให้ ปิยพันธุ์ รัตนะ ยิงด้วยขวา วู เซียง ดู ปัดออกหลังไป

น.11 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง งัดบอลให้ กฤษดา วงษ์แก้ว วอลเลย์ตามน้ำแฉลบกองหลังเวียดนาม ออกไป น.12 ทีมชาติไทย ได้ลุ้นอีกครั้ง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ยิง บอลติดบล็อคกองหลัง มาเข้าทาง กฤษดา วงษ์แก้ว ยิงซ้ำ ติดกองหลังออกหลังไป จังหวะต่อเนื่อง จิรวัฒน์ สอนวิเชียร เตะมุมมาให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ล้มตัวยิงด้วยซ้าย บอลเฉียดเสาไปออกหลังไป

น.14 ทีมชาติไทย มาได้ประตูจากฟรีคิก กฤษดา วงษ์แก้ว วิ่งเข้ามาซัดด้วยขวา บอลพุ่งอ้อมกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม วู เซียง ดู ประตูเวียดนามได้แต่ยืนมอง ทีมชาติไทย ออกนำไปก่อน 1-0 ถัดมาอีกนาทีเดียวเวียดนาม ส่ง ดัง พวก อันห์ ลงมาเซฟจุดโทษ หลังทำฟาวล์ครบ 5 ครั้ง ทำให้ทีมชาติไทย ได้ยิงจุดโทษจุดที่สอง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง รับหน้าที่สังหาร แต่กับยิงไปชนเสา ทีมชาติไทย ยังนำ 2-0

ถัดมาอีกไม่ถึงนาที เวียดนามได้ลุ้นบ้าง ลี ควาน ฮอง จ่ายบอลมาเสาสอง ฟาง ทอน ลาง เข้าชาร์จไม่โดน น.17 ทีมชาติไทย มาได้จุดโทษจุดที่สองอีกครั้ง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง แก้ตัวได้ ซัดผ่านมือ ดัง พวก อันห์ เข้าไป ทีมชาติไทยนำห่างเป็น 3-0 ช่วงท้ายเกมทีมชาติไทย ยังเปิดเกมรุกเข้าใส่เวียดนาม อย่างต่อเนื่อง แต่ยังยิงประตูเพิ่มไม่ได้ จบครึ่งเเรก ไทย ออกนำ เวียดนาม 3-0

เริ่มครึ่งหลังมาได้นาทีเดียว ทีมชาติไทย มาบวกสกอร์เพิ่มเป็น 4-0 จากลูกฟรีคิก ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ไหลให้ กฤษดา วงษ์แก้ว ชิพข้ามประตูเวียดนาม มาให้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร โหม่งเข้าไป อย่างสวยงาม น.23 ปิยะนัฐ นุสยา พาบอลขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจ่ายให้เจษฎา ชูเดช หลอกประตูหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงแต่ วู เซียง ดู ยังไว้ เซฟไว้ได้

น.24 ทีมชาติเวียดนาม หันมาเล่นเพาเวอร์เพย์ ถัดมาสองนาที ทีมชาติไทยบวกสกอร์เพิ่มเป็น 5-0 ศักดิ์ชาย หาไมตรี ขว้างบอลเร็วไปโดน ตัง วาน วู เข้าประตูไป อีกไม่กี่อึดใจทีมชาติไทย มาได้ประตูที่ 6 จาก ปิยพันธุ์ รัตนะ ตัดบอลได้จากแดนตัวเองก่อนยิงไกลเข้าประตูไป ทีมชาติไทยนำห่างไปเป็น 6-0

น.34 จิรวัฒน์ สอนวิเชียร เบือดเเย่งบอลจากผู้เล่นเวยีดนามได้ ก่อนยิงเข้าไป ทีมชาติไทยนำ 7-0 น.34 ทีมชาติไทย มาบวกเพิ่มอีกหนึ่งประตู จิรวัฒน์ สอนวิเชียร จ่ายบอลมาหน้าประตูให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ชิพบอลผ่านมือ วู เซียง ดู เข้าไปอย่างเหนือชั้น ไทยนำห่างเป็น 8-0

น.37 ทีมชาติเวียดนาม มาได้ประตูตีไข่แตกจากความสามารถของ เล ก็อก นำ เลี้ยงบอลจากกลางสนาม ก่อนเบิ้ลบอลกับเพื่อ ยิงเข้าไปง่ายๆ เวียดนามไล่มาเป็น 1-8 ช่วงท้ายเกม นักเตะทั้งสองทีมปะทะกันรุนแรง กรรมการแจกใบแดงฝั่งละคน ปิยพันธุ์ รัตนะ ของไทยโดนไล่ออกไป จบเกมฟุตซอลชายทีมชาติไทย ถล่มเอาชนะ เวียดนาม 8-1 คว้าแชมป์ซีเกมส์ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ส่วน "เจ้าอาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง คว้าดาวซัลโวซีเกมส์ไปครอง จากผลงาน ลงสนาม 4 นัด ยิงไป 10 ประตู


  • สนับสนุนเนื้อหา Smm Sport




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2556   
Last Update : 20 ธันวาคม 2556 21:09:03 น.   
Counter : 1852 Pageviews.  

iPhone 5c ของปลอมยัดไส้ Android มีขายแล้วที่ญี่ปุ่น (ชมคลิป)

ก่อนหน้านี้หากจะพูดถึงสมาร์ทโฟนที่มีลักษณะคล้าย ใกล้เคียง หรืออาจเรียกว่าโคลนนิ่งมาจาก iPhone รุ่นต่างๆแล้วละก็ คงต้องนึกถึงสมาร์ทโฟนยี่ห้อแปลกๆที่ผลิตในประเทศจีนอย่างแน่นอน

แต่ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่นกลับมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนบนระบบปฎิบัติการ Android ที่มีรูปร่างคล้าย iPhone 5c เป็นอย่างมาก แถมยังมีการตั้งชื่อรุ่นว่า ioPhone 5 อีกด้วย



โดยสมาร์ทโฟนดังกล่าวนี้มีแผนที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ด้วยสนนราคา 15,490 เยนหรือประมาณ 4,900 บาท ส่วนสเป็คของตัวเครื่องนั้นมีดังต่อไปนี้

ioPhone5-02

ที่มา – iosys

สนับสนุนเนื้อหา: www.flashfly.net

Hitech Gallery




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2556   
Last Update : 20 ธันวาคม 2556 21:08:11 น.   
Counter : 1952 Pageviews.  

ทำไงให้ผิวสวย ขาว ใส ดูเป็นธรรมชาติเหมือนสาวญี่ปุ่น

ทำไงให้ผิวสวย ขาว ใส ดูเป็นธรรมชาติเหมือนสาวญี่ปุ่น

อากาศเย็นๆ แบบนี้ สาวๆ คงเริ่มเจอกับปัญหาผิวแห้งแตก เพราะขาดความชุ่มชื้นกันใช่มั้ยล่ะคะ เลยอดอิจฉาผิวขาวสวย ดูมีออร่าของสาวญี่ปุ่นไม่ได้ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบไหน ผิวก็ยังคงเนียนนุ่ม และสวยใสเป็นธรรมชาติ แล้วเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผิวของสาวญี่ปุ่นขาวสดใส ดูชุ่มชื้น และน่าสัมผัส...

คำตอบของเรื่องนี้ก็คือ... “มะเขือเทศสีแดงสด” เพราะสาวๆ ญี่ปุ่นไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็นิยมรับประทานมะเขือเทศ ทั้งในรูปแบบผลสดๆ หรือสกัดเป็นเครื่องดื่มอย่างน้ำมะเขือเทศ หรือแม้กระทั่งนำมาเป็นส่วนผสมในเมนูอาหาร เพราะในมะเขือเทศโดยเฉพาะสายพันธุ์สีแดง จะมีปริมาณของ “ไลโคปีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ามะเขือเทศสายพันธุ์สีชมพูที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด

ที่ผ่านมามีผลงานการวิจัยจากหลายสถาบันยืนยันว่า สารไลโคปีนสามารถทำหน้าที่ช่วยป้องกันโรคร้ายและการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายที่อาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น การเผชิญแสงแดดและมลภาวะ ความเครียดจากการทำงาน หรือปาร์ตี้สังสรรค์ สูบบุหรี่ พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งหนึ่งในความมหัศจรรย์ของไลโคปีนที่ได้จากมะเขือเทศสีแดงสดก็คือ...

“ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ไม่แก่ก่อนวัย” เพราะมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมไลโคปีนได้ดีกว่าการรับประทานแบบสดๆ เช่น การปรุงมะเขือเทศจากการผัด ต้ม หรือง่ายกว่านั้นด้วยเครื่องดื่ม ซึ่งน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากบีบจมูกดื่มน้ำมะเขือเทศอย่างที่เคยอีกต่อไป นอกจากมีไลโคปีนแล้ว มะเขือเทศที่คัดสรรพิเศษยังมีกาบา วิตามินอี และวิตามินซี ที่จะช่วยเพิ่มความสดใสเปล่งปลั่งให้สาวๆ ให้ดูดีทั้งภายในและภายนอก

นอกจากนี้ ผลวิจัยพบว่าไลโคปีนมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามิน E ถึง 100 เท่า* ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับเซลล์ในร่างกาย เพราะสารไลโคปีนที่อยู่ในมะเขือเทศจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิว พร้อมปกป้องผิวจากอันตรายของรังสียูวี และยับยั้งการสร้างเมลานินที่เป็นสาเหตุของกระ ฝ้า และจุดด่างดำ ซึ่งหากร่างกายได้รับไลโคปีนเป็นประจำ ก็สามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย และทำให้ผิวเปล่งปลั่งเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย

ล่าสุดสถาบันวิจัยและพัฒนาคาโกเมะได้พัฒนามะเขือเทศสายพันธุ์พิเศษ จากการค้นคว้าวิจัยมะเขือเทศ 7,500 สายพันธุ์ จาก 10,000 สายพันธุ์ทั่วโลก เพื่อนำมะเขือเทศที่ได้มาทำเป็นเครื่องดื่ม โดยเลือกใช้แต่มะเขือเทศคุณภาพระดับพรีเมียม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกมะเขือเทศสายพันธุ์พิเศษของคาโกเมะจากประเทศญี่ปุ่น ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทำให้ได้ไลโคปีนที่สูงกว่ามะเขือเทศสายพันธุ์อื่นๆ

สำหรับสาวๆ คนไหนที่ไม่เคยดื่มน้ำมะเขือเทศมาก่อนล่ะก็ รับรองว่าเครื่องดื่มน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้ ตราคาโกเมะ ซึ่งผสมกับแบล็คเคอร์แรนต์ ทับทิม พรุน และอีกหนึ่งรสชาติ ผสมน้ำแอปเปิ้ล จะต้องทำให้เปลี่ยนใจแล้วหันมาดื่มน้ำมะเขือเทศแน่นอน นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องผิวพรรณที่สดใสและสุขภาพดีในแบบธรรมชาติ ยังหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยด้วยนะคะ

สนใจเกี่ยวกับสรรพคุณของไลโคปีน และประโยชน์ของมะเขือเทศ ก็สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.kagomethailand.com หรือ https://www.facebook.com/KagomeTH เลยค่ะ

ที่มาของบทความ: //www.amazinglycopene.com
ขอบคุณภาพจาก: oknation.net / telegraph.co.uk

*ผลวิจัยห้องปฏิบัติการวิจัยอาหารแห่งญี่ปุ่น JFRL (News No.58 Dec 2006)




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2556   
Last Update : 20 ธันวาคม 2556 21:07:02 น.   
Counter : 2882 Pageviews.  

7เรื่องห้ามพลาด ถ้าอยาก “ถึง” บาหลี

ถ้าอยาก "ถึง" บาหลีบาหลีมีอะไรดีๆ หลากหลายทั้งในแง่ศิลปวัฒนธรรมและการผจญภัยและนี่คือกิจกรรม 7 อย่างที่คุณต้องทำ และจะทำให้คุณได้รู้จักกับบาหลีได้อย่างหลากหลายอย่างแท้จริง


ถ้าจะพูดถึงหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของเอเชีย คงไม่มีใครปฏิเสธความโด่งดังของเกาะแสนสวยอย่าง "บาหลี" ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายชายทะเลอันงดงาม หรือขุนเขาเขียวขจี และศิลปวัฒนธรรมอันมีเอกลัษณ์ หรือเสน่ห์ดึงดูดใหม่ของสปาสไตล์บาหลี ซึ่งมีทรีตเมนต์เฉพาะตัวในแบบของบาหลีที่หาไม่ได้จากที่อื่น (เหมือนการนวดแบบไทยๆ ที่ใครๆ กำลังติดใจไปทั่วโลกเหมือนกัน!) นี่ยังไม่นับกิจกรรมอันหลากหลายที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินจนแทบจะไม่อยากกลับบ้าน ฉะนั้น ถ้าจะมาให้ "ถึง" บาหลีจริงๆ แล้ว นี่คือ 7 สิ่งที่ว่ากันว่าต้องทำ!

เที่ยววัดฮินดู: บาหลีได้รับอิทธิพลทางศาสนาพุทธก่อนที่จะถูกครอบงำโดยฮินดูในเวลาต่อมาและเป็นแหล่งที่มีวัดฮินดูมากมายนับหมื่นแห่ง เนื่องจากแทบทุกหมู่บ้านในบาหลีจะมีวัดอย่างน้อยที่สุด 3 วัด วัดขึ้นชื่อของบาหลีที่ควรไปเที่ยวชมมีหลายแห่ง เช่นทานาล็อต (Tanah Lot) วัดนี้ตั้งอยู่บนทำเลอันแสนสวยงามในเขตชายฝั่งทาบานัน (Tabanan) สร้างบนโขดหินที่เข้าถึงได้แต่เพียงเมื่อน้ำลง ช่วงพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดแก่การไปเยือน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สวยงามอย่างมาก ปูระ อูลุน ดานู บราตัน (Pura Ulun Danu Bratan) ก็เป็นวัดพุทธ-ฮินดูที่สร้างในศตวรรษที่ 17 อุทิศให้แก่เทพีแห่งน้ำและท้องทะเล สร้างอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบส่วนพูรา ลูฮูร์ บาตูคารู (Pura Luhur Batukaru) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเบดูกัล (Bedugul) สร้างขึ้นในคริสต์-ศตวรรษที่ 11 และเป็นหนึ่งใน 6 วัดที่มีผู้คนมากราบไหว้บูชามากที่สุดของบาหลี และเบซาคีห์ (Besakih) ซึ่งอยู่บนไหล่เขา Mount Agung ก็เป็นแหล่งที่มีวัดฮินดูอยู่รวมกันทั้งหมดถึง 30 วัดทีเดียว

ชมพระอาทิตย์ตกดินที่หาดคูตะ: คูตะ...เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของบาหลี ที่นี่เป็นด่านแรกที่ต้อนรับชาวต่างชาติที่มาเยือนบาหลีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนกระทั่งเริ่มมาเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักเล่นกระดานโต้คลื่นและเหล่าบุปผาชนในช่วงทศวรรษ 1960 และจากนั้นก็เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุดชายหาดของที่นี่ เหมาะแก่การเล่นกระดานโต้คลื่นเป็นที่สุด และที่โด่งดังที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความสวยงามของบรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินริมชายหาดคูตะซึ่งทุกคนไม่ควรพลาดชม หลังจากนั้นแล้วอาจจะเริงราตรีต่ออีกสักหน่อย เพราะย่านนี้เป็นย่านที่มีสถานที่เที่ยวกลางคืนเด็ดๆ ดังๆ มากที่สุด แถมตอนกลางวันก็ยังมีร้านรวงให้ช้อปปิ้งมากมาย ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อของบาหลีแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

สัมผัสบาหลีทางอากาศหรือบนอานฮาร์เล่ย์: นอกจากการเที่ยวแบบธรรมดาแล้ว บาหลียังมีการท่องเที่ยวในมุมมองแปลกใหม่ที่ผู้รักการผจญภัยต้องไม่พลาด อย่างเช่น การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมวิว ซึ่งจะทำให้ได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของบาหลีอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนาข้าวแบบขั้นบันไดที่ทุกคนคุ้นตา วัด ภูเขาไฟ และชายหาดอันสวยงาม หรือการขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน ที่มีให้เช่าหลายรุ่น และการขับขี่รถเอทีวีชมธรรมชาติในป่าและท้องทุ่งนา Click ดูรายละเอียดได้ที่ //www. baliharleydavidsontours. com สำหรับการชมบาหลีทางอากาศสามารถดูรายละเอียดได้ที่ //www.airbali.com หรือ //www.balisupertickets.net ค่าตั๋วสำหรับทัวร์ 30 นาที คนละ 375 USD หรือไพรเวตทัวร์ 1,400 USD ต่อเที่ยว

ขึ้นภูเขาไฟ: นอกจากชายหาดอันสวยงาม บาหลียังเต็มไปด้วยขุนเขาเขียวขจีและภูเขาไฟ ทั้งที่ดับแล้วและยังคุกรุ่นอยู่ อย่างเช่น บาตูร์ (Batur) ซึ่งมีทั้งทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของบาหลีและภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น หรือเบดูกัล (Bedugul) ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ กูนุง บาตู-คารู (Gunung Batukaru) ซึ่งมีระดับความสูง 2,276 เมตร และเป็นแหล่งที่พักตากอากาศของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ มีทะเลสาบที่สงบเงียบและปกคลุมด้วยม่านหมอก อย่าลืมหาโอกาสไปสัมผัสกลิ่นอายภูเขาไฟดูสักครั้ง

ชมการร่ายรำสไตล์บาหลี: หนึ่งในศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นของบาหลีก็คือ การร่ายรำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า และปัจจุบันก็ยังมีการรักษาวัฒนธรรมการร่ายรำเช่นนี้เอาไว้ในหลายๆ แห่ง เช่นเดียวกับที่สามารถหาชมได้ตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ที่น่าสนใจได้แก่ การเต้นระบำไฟ หรือ Sanghyang เพื่อขับไล่ปิศาจ และการเต้นบารอง (Barong Dance) หรือการเต้นสิงโตสไตล์บาหลี

สนุกกับบาหลี สลิงช็อต (Bali Sling Shot) : ทุกวันนี้เรารู้จักการละเล่นเสี่ยงตายจากนิวซีแลนด์อย่างบันจี้จั๊มพ์กันดี และสามารถหาเล่นได้แทบจะทุกแห่งในโลก รวมทั้งในบาหลีด้วย แต่ที่นับเป็นเอกลักษณ์ของบาหลีจริงๆ ก็คือ "บาหลี สลิง ช็อต" ซึ่งเป็นบันจี้จั๊มพ์แบบกลับหัวกลับหางกัน นั่นก็คือในขณะที่บันจี้จั๊มพ์เป็นการดิ่งลงพื้นโลก บาหลี สลิง ช็อตจะยิงคุณซึ่งอยู่ในกระสวยทรงกลมขึ้นไปในอากาศสูงถึง 45 เมตร (ประมาณตึก 15 ชั้น!) โดยเครื่องยิงที่ดูเหมือนกับหนังสติ๊ก ว่ากันว่านี่เป็นประสบการณ์แสนระทึกที่เพียงแค่ได้ไปดูก็สนุกแล้ว

เข้าสปา: สปาของบาหลีโด่งดังด้วยทรีตเมนต์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวที่ต้องลองก็คือ MandiLulur การนวดแผนโบราณที่ถ่ายทอดมาจากพระราชวังในชวา เริ่มด้วยการนวดตัวก่อนจะขัดตัวด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกับสมุนไพรนานาชนิด เช่น ไม้จันทน์ ดอกมะลิ และขมิ้น เพื่อเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จบด้วยการมาส์กผิวด้วยโยเกิร์ตเย็นๆ ส่วน Bali Boreh ก็เป็นการนวดที่ช่วยป้องกันโรคหวัด และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น ตามด้วยการขัดตัวด้วย Boreh ซึ่งมีส่วนผสมของไม้จันทน์ ขิง อบเชย ผักชี ลูกจันทน์ ที-ทรีออยล์ และแป้งข้าวเจ้า และจบด้วยการมาส์กผิวกายให้ผิวชุ่มชื้นด้วยแครอต และ Bali Kopi Lulur ที่นำเอากาแฟกลิ่นหอมกรุ่นมาใช้ร่วมกับการนวดเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังมีการมาส์กผิวกายด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น แตงกวา ลาเวนเดอร์ ดอกเก๊กฮวย และน้ำมันหอมระเหย ที่จะช่วยฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ผิวที่ผจญกับแสงแดดมาทั้งวัน และช่วยเร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย ถ้าตบท้ายรายการท่องเที่ยวและผจญภัยจนครบสูตร ด้วยการเข้าสปาอันแสนผ่อนคลายเช่นนี้..ก็คงจะเป็นการท่องเที่ยวอันแสนวิเศษจริงๆ

Fast Facts

● นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไปบาหลีได้ 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า

● ช่วงเดือนมีนาคม-กันยายนเป็นช่วงหน้าแล้ง ฝนน้อย อากาศไม่ชื้นมาก ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดของบาหลี

● ภาษาบาหะซาร์ เป็นภาษาประจำชาติ แต่ตามแหล่งท่องเที่ยวสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาอังกฤษ

● เวลาเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง

● ระบบเงินตรา รูเปียห์ (Rp.) อัตราแลกเปลี่ยน1 US ดอลลาร์ = ประมาณ 257,400 Rp.

● มีหลายสายการบินที่บินตรงไปยังบาหลี เช่น การบินไทยการูด้า แอร์ไลนส์ สิงคโปร์แอร์ไลนส์ และ Air Asia

● กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่บาหลี 220 โวลต์ 50 ไซเคิลปลั๊กที่ใช้เป็นรูกลม 2 ขา

● หน่วยเงิน/อัตราแลกเปลี่ยน หน่วยเงินของบาหลีและอินโดนีเซียเป็นรูเปียห์ (Rupiah) 1,000 รูเปียห์ประมาณ2.74 บาท หากเดินทางออกไปตามหมู่บ้าน ควรแลกเงินรูเปียห์ออกไปให้พอเพียงที่จะใช้และควรแลกใบย่อยด้วย อย่างไรก็ดี ร้านขายของที่ระลึกในเขตกูต้า ชานูร์ และนูซาดูอา มักยอมรับเงินสหรัฐฯ บัตรเครดิตสามารถใช้ได้ตามร้านค้า โรงแรมและภัตตาคารในย่านแหล่งท่องเที่ยว




  • สนับสนุนเนื้อหา Lisa




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2556   
Last Update : 20 ธันวาคม 2556 21:06:14 น.   
Counter : 2149 Pageviews.  

รู้จัก ทานาคา เคล็ดลับความงามสาวพม่า

ถ้าเอ่ยถึงเอกลักษณ์ของชาวพม่า หนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่เราๆ ท่านๆ นึกถึงกันคงไม่พ้นภาพของสาวน้อย สาวใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดงประแป้งสีเหลืองตามแก้มและหน้าผาก บางคนครีเอตเป็นลวดลายสวยงาม ดูน่ารักน่าเอ็นดู


สาวนักแบดไทย (จากซ้าย) ครีม, อลิส และเอิร์ธ

ล่าสุด แม้แต่ 3 สาวนักแบดมินตันทีมชาติไทยก็แอบอินเทรนด์โพสต์ภาพประแป้งถ่ายรูปหมู่ผ่านทางเฟซบุ๊กอวดแฟนๆ เราเลยถือโอกาสนี้นำเรื่องราวของเจ้า "แป้ง" ที่ว่ามาฝากกัน

สำหรับแป้งที่สาวๆ พม่านิยมใช้กันนั้นมีชื่อว่า (Thanaka) สกัดจากไม้เนื้อแข็งซึ่งขึ้นในเขตแห้งแล้งทางภาคกลางของพม่า แถบพุกามและมัณฑะเลย์ และว่ากันว่ามีเฉพาะแค่ในพม่าเท่านั้น

อาจกล่าวได้ว่าทานาคาเป็น หนึ่งในของคู่บ้านคู่เมืองของพม่ามาเก่าแก่ยาวนานดังปรากฏข้อมูลอ้างอิงถึง ทานาคาในบทกวีท้องถิ่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-15 ขณะที่บางตำราบอกว่า แป้งเหลืองที่ว่านี้เป็นเคล็ดลับความงามของสาวพม่ามาเป็นเวลากว่า 2,000 ปีแล้ว!

ทานาคาจะมีกลิ่นเย็นโชยๆ และมีสรรพคุณช่วยป้องกันแสงแดดเนื่องจากตัวผิวไม้มีคุณสมบัติเย็น อีกทั้งยังช่วยรักษาสิว ฆ่าเชื้อรา ฯลฯ ซึ่งว่ากันว่าที่สาวพม่าผิวเนียนดูอ่อนเยาว์ก็เพราะใช้แป้งทานาคา จนมีคนนำไปเปรียบเปรยว่า หากจะพูดถึงสาวสวยก็ต้องหมายถึงคนผิวดีแบบสาวพม่า

สำหรับต้นทานาคานั้น ต้องรอจนอายุ 35 ปีก่อนจึงจะถือว่าโตพอจะตัดมาใช้งานได้ โดยมีทั้งมัดขายเป็นท่อนๆ หรือนำเปลือกมาบด เติมน้ำเล็กน้อย เพื่อทำเป็นแป้งผัดหน้า และถ้าไปตามบ้านของชาวพม่าก็จะมีท่อนไม้ทานาคาวางไว้คู่กับกระจกเสมอ

การทาแป้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิงหรือเด็กหญิงเท่านั้นบางครั้งเด็กผู้ชายหรือหนุ่มๆ ก็แอบใช้กับเขาเหมือนกัน เพราะบางทีก็ไม่ได้ประแป้งที่แก้ม จมูก หรือหน้าผากอย่างเดียว แต่รวมไปถึงแขนด้วยในบางครั้ง

ไทยเราเองก็ได้รับวัฒนธรรมการทาแป้งทานาคามาจากพม่า โดยเฉพาะทางเหนือ เช่น จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน โดยสามารถหาซื้อแป้งทานาคาได้แถบ อ.แม่สอด

ปัจจุบันบรรดาธุรกิจเสริมความงามหลายแห่งในไทยนำทานาคามาเป็นจุดขาย แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ต้องดูให้ดี ระวังของปลอมหรือของผสม ไม่ใช่ทานาคาแท้ 100 เปอร์เซ็นต์

ย้อนกลับมาที่ "เนปิดอว์เกมส์" อีกครั้ง หลังจากทัพนักกีฬาและผู้สื่อข่าวจากไทยหลายคนเดินทางไปปักหลักที่พม่า สาวๆ หลายคนได้แอบทดลองทานาคาของแท้ต้นตำรับกันไปเรียบร้อยแล้ว

เช่นที่เกริ่นไปข้างต้นคือ 3 สาวนักตบลูกขนไก่วัยทีนเอจ "ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์, "อลิส" ณริฏษาพัชร แลม และ "เอิร์ธ" พุธิตา สุภจิรกุล ซึ่งประแป้งถ่ายรูปเล่นกันน่ารักน่าเอ็นดู

น้องเอิร์ธ น้องเล็กในทีมขนไก่ไทยกล่าวถึงเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้มว่า อลิซกับครีมเป็นคนต้นคิด (ให้ถ่ายรูปดังกล่าว) เพราะเห็นอาสาสมัครพม่าทาเดินกันอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬาหลายคน ก็เลยฝากอาสาสมัครประจำทีมแบดไปซื้อมาให้

"อยากรู้ว่าทาแล้วจะเป็นยังไง ก็เลยขออาสาสมัครมาทาค่ะ ทาแล้วหนูว่าเหมือนดินสอพองเลย แต่คืนนี้คงไม่ทาแล้ว เพราะแค่อยากทาเล่นๆ ถ่ายรูปสนุกๆ ทาแล้วผิวดีจริงๆ เหรอคะ? เพราะนอกจากสาวพม่าแล้ว หนูไม่เห็นนักกีฬาชาติอื่นเค้าทากันเลย" เอิร์ธถามกลับพร้อมรอยยิ้ม

ถามสาวเอิร์ธว่าจะขนทานาคากลับบ้านมั้ย เจ้าตัวรีบตอบ "ซื้อแน่นอนค่ะ เอาไปเป็นของฝากให้คนที่บ้าน"

ได้สินค้าต้นตำรับทั้งที มีรึจะพลาด!




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2556   
Last Update : 19 ธันวาคม 2556 21:43:59 น.   
Counter : 3000 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]