ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

จัดโต๊ะทำงานให้รุ่ง รับปีม้าทอง

จัดโต๊ะทำงานให้รุ่ง รับปีม้าทอง


สวัสดีค่ะเหล่าชิคสเตอร์ที่รักทุกคน เข้าสู่ปีม้าทองกันแล้ว “จะทำอย่างไรดีนะให้การงานรุ่งเรืองสมปีม้าทอง?” เรื่องนี้ฮวงจุ้ยช่วยได้คร่า...แค่จัดโต๊ะทำงานให้ถูกหลักฮวงจุ้ย รับรองว่าเฮงๆ ทั้งปีแน่นอน เริ่มแรกมาดูกันก่อนนะคะว่าฮวงจุ้ยของโต๊ะทำงานที่ดีเป็นอย่างไร หลักการมีง่ายๆ ค่ะ คือ ด้านหน้าโล่ง ด้านหลังติดผนัง ซ้ายมือวางพวกเอกสารที่ไม่ค่อยได้ใช้ และให้สูงกว่าขวามือ ที่วางของใช้ที่ต้องใช้บ่อย อย่างโทรศัพท์มือถือ กล่องใส่ดินสอ เพื่อต้อนรับพลังงานที่ดีเข้าตัวค่ะ เมื่อได้หลักของฮวงจุ้ยโต๊ะที่ดีแล้ว ต่อมาเรามาหันโต๊ะให้ตรงกับปีเกิดเพื่อเสริมดวงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปกันดีกว่าค่ะ

• ปีชวด ให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะช่วยให้การงานมีความเจริญก้าวหน้า
• ปีฉลู ควรหันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศเหนือ หากต้องการเสริมโชคลาภก็สามารถนำโคมไฟมาตั้งไว้ทางทิศเหนือได้ค่ะ
• ปีขาล แนะนำให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศเหนือ เหมือนปีฉลู จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
• ปีเถาะ ควรหันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้ได้รับความสำเร็จ
• ปีมะโรง ให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศใต้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ช่วยให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานค่ะ
• ปีมะเส็ง แนะนำให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศใต้ เพื่อกระตุ้นให้การงานมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าเดิม

จัดโต๊ะทำงานให้รุ่ง รับปีม้าทอง

• ปีมะเมีย ให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะช่วยให้การงานและการเงินเจริญรุ่งเรือง
• ปีมะแม ควรหันโต๊ะทำงานไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศเหนือ เพื่อช่วยให้การงานประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด
• ปีวอก แนะนำให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศใต้ จะช่วยให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้าค่ะ
• ปีระกา ให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ช่วยให้การงานประสบความสำเร็จ
• ปีจอ ควรหันโต๊ะไปทางทิศเหนือ หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะช่วยให้หน้าที่การงานที่ดีอยู่แล้ว ดียิ่งๆ ขึ้นไป
และสุดท้าย ปีกุน แนะนำให้หันโต๊ะทำงานไปทางทิศใต้ หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ เพราะเป็นทิศที่ช่วยเสริมปีเกิดให้การงานที่ทำอยู่ มีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง รู้เคล็ดลับดีๆ แบบนี้แล้ว เหล่าชิคสเตอร์ก็ลองทำตามกันดูนะคะ จะได้รวยๆ เฮงๆ กับปีม้าทองกันคร่า

chic-ministry ขอขอบคุณ ChicMinistry ผู้สนับสนุนเนื้อหา




 

Create Date : 07 มกราคม 2557   
Last Update : 7 มกราคม 2557 20:54:22 น.   
Counter : 2141 Pageviews.  

ปลดล๊อกรถ ไม่ถึง 10 วิ ทำได้ไง

 หากลืมกุญแจรถ สามารถใช้วิธีนี้ได้ (เห็นได้ชัดว่าสามารถทำได้กับรถยนต์รุ่นเก่าๆ เท่านั้น )  q*062 q*062





 

Create Date : 07 มกราคม 2557   
Last Update : 7 มกราคม 2557 20:53:39 น.   
Counter : 1805 Pageviews.  

อยากรู้ไหม? ผู้ใช้ smart phone บ่นเรื่องอะไร

เว็บไซต์ Fixya ได้ทำผลการสำรวจ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ 4 รุ่นหลัก ได้แก่ Samsung Galaxy S4, iPhone 5S, Motorola Moto X และ HTC One เกี่ยวกับปัญหาด้านการใช้งานต่างๆ ที่ผู้ใช้ต้องพบเจอมากที่สุด


สรุปได้ดังนี้ครับ

ผู้ใช้ Samsung Galaxy S4 กว่า 25% บ่นถึงปัญหาเรื่องตัวเครื่องร้อน ขณะเล่นเกม และเปิดเว็บไซต์ในเวลาเดียวกัน ส่วนปัญหาอื่นๆ ก็อย่างเช่น แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป ต้องใช้เวลาชาร์จบ่อย, การแสดงผลของหน้าจอ สลัวกว่ามือถือที่ใช้กระจกหน้าจอแบบ Glass ซึ่งมีผลต่อการอ่านข้อความบนมือถือ เป็นต้น

ถัดมาเป็น Motorola Moto X ครับ โดยผู้ใช้ 30% ไม่ชอบเรื่องความจุในตัวเครื่องที่มีให้น้อยเกินไป จริงอยู่ที่คุณสมบัติของ Motorola Moto X ความจุของตัวเครื่องอยู่ที่ 16 GB แต่เหลือพื้นที่ใช้งานจริงแค่ 12 GB นอกจากนี้ Moto X ยังไม่รองรับ microSD card ส่วนอีก 20% ไม่ชอบเรื่องความละเอียดของหน้าจอ ที่ให้มาเพียง 720 x 1280 พิกเซลเท่านั้น

มาถึงสมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง iPhone 5S กันบ้างครับ โดยผู้ใช้ 25% กั่งวลเรื่องความปลอดภัยของ Touch ID ระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่วนอีก 25% ไม่ชอบเรื่องแบตฯ ไม่อึด และอีก 15% บ่นเรื่องแอพฯ ค้างบ่อย

สุดท้าย เป็น HTC One กันบ้าง โดยผู้ใช้กว่า 30% บ่นเรื่องแบตเตอรี่ครับ ทั้งแบตเตอรี่ไม่อึด ชาร์จช้า และเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่สำรองไม่ได้ ส่วนอีก 20% บ่นเรื่องปัญหาด้านการใช้งานต่างๆ เช่น มีเสียงซ่าขณะใช้งานโทรศัพท์ หรือฟังเพลง และอีก 20% ไม่ชอบเรื่องกล้อง UltraPixel ครับ

 รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com

สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com




 

Create Date : 07 มกราคม 2557   
Last Update : 7 มกราคม 2557 20:52:49 น.   
Counter : 1633 Pageviews.  

ลือหึ่ง! iPhone 6 จะเปิดตัวพร้อมกัน 2 ขนาด

ข่าวคราวของ iPhone 6 ยังคงหลุดออกมาให้อ่านกันอยู่เรื่อยๆ จากที่ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอไปแล้วว่า iPhone 6 จะมาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาอีกระลอกจากวงในของ Foxconn ว่าแอปเปิลจะปล่อย iPhone รุ่นต่อไปพร้อมกันสองขนาด คือหน้าจอ 4.7 นิ้ว และหน้าจอ 5.7 นิ้ว

ข่าวลือที่ว่านี้หลุดออกมาจากงานฉลองปีใหม่ในบริษัท Foxconn ซึ่งมีการกล่าวถึงแผนการของบริษัทในปีนี้ ซึ่งนอกจากจะเปิดเผยว่า iPhone 6 จะเปิดตัวพร้อมกันสองขนาดแล้ว ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า iPhone 6 ทั้งสองขนาดนี้จะมาพร้อมระบบ Biometrics ซึ่งเป็นระบบการใช้ข้อมูลเฉพาะทางชีวภาพของแต่ละบุคคลมาแสดงตน เช่น ลายนิ้วมือ เหมือนในระบบ Touch ID ที่มาพร้อมกับ iPhone 5S แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช่ Touch ID หรือไม่ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นระบบที่เหนือกว่าการ scan ลายนิ้วมือ เช่น การ scan ม่านตา

ถ้าหาก iPhone 6 จะเปิดตัวพร้อมกันสองขนาดก็คงจะไม่น่าแปลกใจนัก เพราะปีก่อน Apple เองก็ได้เปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C พร้อมๆกัน นอกจากนี้แล้ว ในปัจจุบันตลาด Phablet ก็กำลังมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทวิจัยต่างๆก็ได้ออกมาวิเคราะห์ว่าปี 2014 นี้จะเป็นปีทองของ Phablet จึงไม่น่าแปลกใจอะไรหาก iPhone 6 จะมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่

อ้างอิงจาก PhoneArena

สนับสนุนเนื้อหา: Arip




 

Create Date : 06 มกราคม 2557   
Last Update : 6 มกราคม 2557 21:34:16 น.   
Counter : 2025 Pageviews.  

ทดสอบ Mazda CX-5 เบนซิน SkyActiv-G 2.5 ลิตรและ 2.0 ลิตร

Mazda CX-5 2014 เป็นรถมาสด้ารุ่นแรกของไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 'สกายแอคทีฟ' ที่หลายคนต่างเฝ้ารอเพราะคาดหวังที่จะเห็นรถสมรรถนะเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันและประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเยี่ยม ซึ่งบอกได้เลยว่า CX-5 SkyActiv-G ทำได้ไม่ผิดหวัง!


     CX-5 SKYACTIV-G นั้น มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมระบบ Direct Injection Spark Ignitions และวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT โดยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 165 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 210 นิวตัน-เมตร ซึ่งเครื่องยนต์นี้มีจุดเด่นที่อัตราส่วนการอัดสูงถึง 14.0:1 ซึ่งทำให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ประหยัดน้ำมันขึ้น 15% ด้วยเช่นกัน

     ส่วนเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของรุ่นเบนซิน ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 256 นิวตัน-เมตร ที่ทางมาสด้าเคลมตัวเลขบริโภคน้ำมันไว้ที่ 15.2 กม./ลิตร

เริ่มออกเดินทาง

     เส้นทางที่เราใช้ในคาราวานทดสอบนี้ เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-กุยบุรี รวมระยะทางไปกลับร่วม 600 กิโลเมตร ที่ทางมาสด้าจัดให้ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวเป็นบางช่วง เพื่อให้พวกเราได้ทดสอบสมรรถนะในแบบ Zoom-Zoom อันเลื่องชื่อของมาสด้านั่นเอง

     เริ่มต้นออกเดินทางจากโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์พาร์ค ผมถูกมอบหมายให้ทดสอบรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรก่อน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความโปร่งสบายของห้องโดยสาร ภายในสีดำให้ความรู้สึกสปอร์ต เบาะนั่งถูกออกแบบให้โอบกระชับ ช่วยไม่ให้ถูกเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง การเก็บเสียงในความเร็วต่ำทำได้ดี ขณะที่ช่วงล่างให้ความรู้สึกแน่นกระชับ อาจไม่ถูกใจผู้ที่ถวิลหาความนุ่มนวลเสียเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสนุกในการขับขี่ตามแบบฉบับมาสด้า ที่เพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี

เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรน่าประทับใจสมการรอคอย

     ด้านอัตราเร่งของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ทำได้อย่างน่าประทับใจ เข็มความเร็วสามารถตวัดจากศูนย์ไปยัง 100 กม./ชม.ได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ แม้จะไม่ได้เหยียบคันเร่งจมมิดก็ตาม จนผมมีความคิดแว่บขึ้นมาในหัวว่า 'เครื่องยนต์สกายแอคทีฟมันดีอย่างนี้นี่เอง!' การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเลย

     ระบบช่วงล่างแม้ในเมืองอาจดูแข็งไปนิด แต่เมื่อต้องใช้ความเร็วระดับ 120-140 กม./ชม. กลับให้ความรู้สึกมั่นคง มั่นใจ ด้วยสไตล์แน่นหนึบ พวงมาลัยไฟฟ้าที่ความเร็วสูงอาจน้ำหนักเบาไปนิด แต่ก็ยังนิ่งอยู่จนไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

     ส่วนระบบเบรค แป้นเบรคถูกเซ็ทมาลึกกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไป ทำให้ต้องเหยียบลงไปมากกว่าปกติ ทำให้สามารถชะลอความเร็วรถได้นิ่มและเนียน ขณะที่เมื่อต้องเบรคกระทันหัน ก็ทำได้อย่างมั่น่ใจ
ช่วงล่างเยี่ยม เข้าโค้งได้เนียนพอกับรถเก๋ง

เข้าโค้งสนุก เกาะถนนแน่น-หนึบ มั่นใจสไตล์เก๋ง

     เมื่อคาราวานมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายรองที่มีโค้งให้เล่นมากมายนั้น ช่วงล่างของ CX-5 ให้ความกระชับเวลาเข้าโค้งได้ดีมาก แม้จะเป็นรถ SUV ที่มีตัวถังสูง แต่ก็มีอาการโยนน้อยมากๆ จนแทบใกล้เคียงกับรถเก๋งเลยทีเดียว ซึ่งมีรถ SUV ในเมืองไทยเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่สามารถเข้าโค้งได้นิ่งและเนียนขนาดนี้ โดยในรุ่น 2.5 ลิตร มีแก้มยางค่อนข้างเตี้ย เนื่องจากใช้ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมกับยางขนาด 225/55 ทำให้รู้สึกถึงความกระด้างบ้าง เมื่อต้องวิ่งผ่านบรรดาลูกรังบนถนน  ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร ที่ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางขนาด 225/65 จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลมากกว่าเล็กน้อย แม้ช่วงล่างทั้งสองรุ่นจะถูกเซ็ทมาแบบเดียวกันก็ตาม

ลองเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไม่รีบร้อนอะไรก็ไหวอยู่

     ขากลับกทม. ผมจึงได้มีโอกาสทดลองขับ CX-5 SKYACTIV-G รหัสรุ่น 'S' ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรบ้าง ซึ่งอัตราเร่งด้อยกว่ารุ่น 2.5 ลิตรพอควร ไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าดอย่างที่รุ่นใหญ่ทำได้ เมื่อเติมคันเร่งเพื่อเร่งแซงนั้น สมองกลเกียร์ต้องปรับเกียร์ต่ำลง 1 จังหวะแทบทุกครั้งเพื่อรีดกำลังออกมาใช้งาน แต่หากคุณผู้อ่านไม่ใช่คนรีบร้อนใจเร็วสักเท่าใหร่ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรก็เพียงพอกับการใช้งานประจำวันแล้ว เพราะเมื่อเดินทางเข้าสู่การจราจรอันคับคั่งในกรุงเทพฯ กลับไม่รู้สึกว่ามีปัญหาเรื่องพละกำลังเลย อัตราเร่งตีนต้นที่เรียกมาได้ค่อนข้างเร็ว สามารถซอกแซกไปตามการจราจรได้อย่างกระฉับกระเฉงผิดกับเมื่อวิ่งทางไกล

อัดอ็อพชั่นแน่นเอี๊ยดตั้งแต่รุ่นล่างสุด

     จุดเด่นของ CX-5 SKYACTIV-G นั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของสมรรถนะและรูปร่างหน้าตาแล้ว อ็อพชั่นที่ให้มาเรียกว่าคุ้มค่าเงินมากทีเดียว เพราะมีตั้งแต่เบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศ Dual-zone, กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, เครื่องเสียงที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ต่อ AUX, USB และ Bluetooth ได้, ระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก BOSE พร้อมลำโพง 9 จุด, ถุงลมและม่านนิรภัยรวม 6 ลูก, ไฟหน้าปรับตามองศาการเลี้ยว AFS, กล้องมองหลัง, ระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวทางชัน HLA, ระบบเตือนความดันลมยาง และอีกมากมาย ซึ่งที่ว่ามาเกือบทั้งหมดมีให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเลยทีเดียว

บทสรุป Mazda CX-5 SKYACTIV-G เครื่องยนต์ 2.5 และ 2.0 ลิตร

     ชื่อเสียงของเทคโนโลยี SKYACTIV ทำให้ปัจจุบันมียอดจองไปแล้วกว่า 3,000 คัน กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ CX-5 เป็นผู้ที่ชื่นชอบในสมรรถนะตัวรถมากกว่าชื่อเสียงของแบรนด์ เพราะกว่า 45% ของยอดส่งมอบทั้งหมดเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล

     มาสด้าสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยเทคโนโลยี SKYACTIV ได้ และทำได้ดีเสียด้วย  หากต้องการสัมผัสพลังอันโดดเด่นของ SKYACTIV-G แนะนำให้เล่นรุ่น 2.5 S ไปเลย เพราะคุณจะได้อรรถรสการขับขี่ดีเยี่ยมทั้งจากเครื่องยนต์และช่วงล่าง ที่เหนือกว่ารถ SUV ในระดับเดียวกัน ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เหมาะสำหรับขับขี่แบบสบายๆ เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ก็คุ้มค่าด้วยอ็อพชั่นที่แทบไม่เป็นรองรุ่นท็อปเลย

     ผู้เขียนอยากให้คุณผู้อ่านลองขับ CX-5 ใหม่ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ เพราะความยอดเยี่ยมของ SKYACTIV ต้องลองเองถึงจะรู้!


//auto.sanook.com/




 

Create Date : 06 มกราคม 2557   
Last Update : 6 มกราคม 2557 21:33:36 น.   
Counter : 2792 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]