ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

นิสสันเผย Sport Sedan Concept สุดล้ำ

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา นิสสันได้เปิดตัว Sport Sedan Concept เป็นครั้งแรกของโลกที่งาน North American International Auto Show


     'นิสสัน สปอร์ตซีดานคอนเซ็พท์' คันนี้ แสดงให้เห็นถึงแนวทางการออกแบบของรถนิสสันรุ่นใหม่ๆ ซึ่งนิสสันหวังว่าจะสามารถพัฒนารถสปอร์ตซีดานที่มีรูปลักษณ์ทรงพลังและให้อารมณ์สปอร์ตเพื่อจำหน่ายได้ในอนาคต

     ด้านการออกแบบนั้น Sport Sedan Concept ถูกออกแบบด้านหน้าใหม่หมดจดด้วยกระจังหน้ารูปตัววี และโคมไฟหน้าทรงบูมเมอแรง ซึ่งจะกลายเป็นแนวทางการออกแบบนิสสันรุ่นต่อๆไปในอนาคต

Nissan IDx

     นอกจากนั้น 'หลังคาแบบลอยตัว' ของนิสสัน IDx ที่เคยจัดแสดงในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่แล้ว ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้พบเห็นอีกด้วย

     หวังว่านิสสันในบ้านเราจะสวยให้ได้แบบนี้จริงๆ






 

Create Date : 20 มกราคม 2557   
Last Update : 20 มกราคม 2557 21:14:48 น.   
Counter : 2063 Pageviews.  

5 เหตุผลที่คนๆ นั้นไม่ควรใช้ Mac

5 เหตุผลที่คนๆ นั้นไม่ควรใช้ Mac

แม้ว่าหลายๆ คนจะยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ นั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงแถมยังดูดีมีสไตล์ เมื่อใช้งานแล้วก็ส่งผลให้ผู้ช้งานนั้นดูอีกขึ้นอีก 10 – 20% (อันนี้แซวเล่นนะ ฮา) แน่นอนว่าจึงทำให้หลายคนจึงอยากที่จะจับจองเป็นเจ้าของกัน ซึ่งในบทความนี้เราก็จะมาดูเน้นๆ กันกับ Mac ที่เป็นผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ของทาง Apple โดยที่หลายๆ คนเชื่อว่า Mac นั้นเป็นคอมพิวเตอร์อีกแบรนด์หนึ่งที่ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้วในความที่ดีสุด ใช่ว่าจะเหมะสมกับเราทุกคน ฉะนั้นเราจะมาแจกแจงกันว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่เราไม่ควรเลือกใช้งาน Mac ไม่ว่าจะเป็น MacBook Air, MacBook Pro, Mac mini, iMac หรือ Mac Pro ก็ได้

1. ให้ความสำคัญกับสเปก

อย่าง ที่ใครๆ คงเห็นกันไปแล้ว ว่าผลิตภัณฑ์ Mac ของ Apple นั้น ไม่ได้เน้นในส่วนของเรื่องสเปกที่แรงเท่าไหร่เลยเมื่อเทียบกับราคาที่ต้อง จ่ายไป อาทิเช่น หากเราต้องการใช้งานโน้ตบุ๊คสเปกประมาณชิปประมวลผล Intel Core i7 รุ่นใหม่ กับกราฟิกการ์ดแบบแยก NVIDIA GT 750M แล้วล่ะก็ ถ้าใครจะซื้อ Mac คงต้องดูเป็น MacBook Pro Retina 15 ตัวท๊อปกันเลยทีเดียว ซึ่งมีราคาสูงถึงระดับ 86,900 บาท (เพิ่มอีก 13,100 บาท ก็แสนหนึ่งแล้ว)

แต่ถ้าเป็นฝั่งของโน้ตบุ๊กปกติล่ะก็สามารถดูเป็น Lenovo Y410P ก็จะได้สเปกที่ใกล้เคียงแล้วคือ Core i7 + NVIDIA GT 750M โดยมีราคาไม่แพงเลยเพียง 31,990 บาท หรือถ้าใครต้องการความแรงของชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ดที่มากว่านั้นในขนาด หน้าจอ 15.6 นิ้ว ก็สามารถดูเป็น MSI GE60 2OE ได้เลย ซึ่งมีราคาเพียง 41,900 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าเมื่อเทียบสเปกต่อราคาแล้ว ในส่วนของโน้ตบุ๊คปกติทั่วคุ้มค่ากว่าเห็นๆ (เอาเงินที่จะไปซื้อ Mac ไปซื้อเป็นสองเครื่องนี้ได้สบายๆ)

ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะทาง Apple เค้าไม่ได้ขายสเปกตั้งแต่แรก แต่ขายประสบการณ์ใช้งานโดยรวมต่างหาก ทั้งในเรื่องซอฟต์แวร์ คุณภาพหน้าจอ วัสดุ งานประกอบ และดีไซน์ รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ได้ยาวนาน ฉะนั้นถ้าใครต้องการโน้ตบุ๊คที่เน้นเรื่องของสเปกต่อราคาที่จ่ายล่ะก็ ให้มองข้าม Mac ไปได้เลย

2. ไม่ชอบระบบปิด

ต้อง ยอมรับนะครับว่าตัวระบบปฏิบัติการของ Mac อย่าง OS X นั้นมีความสวยงามและน่าใช้ แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการปรับแต่งที่ปรับอะไรไม่ค่อยได้มากนักเมื่อ เทียบกับทางฝั่งของระบบปฏิบัติการ Windows ทำให้หลายๆ คนที่ชอบการโมดิฟายระบบหรือหน้าตาต่างๆ ของระบบปฏิบัติการนั้น บน OS X ไม่สามารถทำได้ เพราะด้วยความเป็นจริงคือ Apple ตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วให้ OS X เป็นระบบปฏิบัติการแบบปิดนั่นเอง ส่งผลให้การปรับเปลี่ยนอะไรภายในจึงทำได้แยก นอกเหนือเสียจากเราจะเป็นระดับนักพัฒนา

ฉะนั้นสำหรับคนที่ขี้เบื่อ หรือชอบอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ระบบปฏิบัติการ OS X อาจจะไม่เหมาะสมมากนัก แนะนำว่าให้หันไปใช้ระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเดิมจะเหมาะสมกว่า ด้วยความที่ว่ามีอิสระในการปรับแต่งพอสมควร ทั้งในเรื่องของระบบภายในและหน้าตากราฟิก ที่ไม่ต้องเป็นระดับนักพัฒนาก็สามารถปรับแต่งเองได้ ที่สำคัญยังมีเครื่องมือช่วยในการปรับแต่งมากมาย นอกเหนือจากนั้นด้วยความที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบปิดของ OS X จึงให้มีโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่น้อยกว่าฝั่งของ Windows อีกด้วย

แต่ อย่างไรก็ตามข้อดีของระบบปฏิบัติการ OS X ที่มากกว่าหน้าตาที่ดูสวยงามน่าใช้แล้ว จากการที่เป็นระบบปิดจึงทำให้เมื่อใช้งานบนเครื่อง Mac นั้นก็มีความสเถียรหรือมีโอกาสที่เครื่องจะแฮงค์น้อยมากๆ ซึ่งนั่นก็มาจากการที่ทาง Apple เองได้พัฒนาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาร่วมกัน มาในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ทั้งสองส่วนนั้นเข้ากันลงตัวเป็นอย่าง แน่นอนว่าจึงทำให้โอกาสที่ทำงานผิดพลาดก็มีน้อยลงไปด้วย รวมไปถึงไวรัสก็มีน้อยกว่าจากการที่ทาง Apple จำกัดสิทธิให้เฉพาะนักพัฒนาเท่านั้นที่จะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายใน ของระบบได้นั่นเอง

3. ยังเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ

ซื้อ โน้ตบุ๊คมาใช้งานทั้งทีจะจ่ายเงินก็หลายหมื่นบาท แน่นอนว่าก็ต้องเอามาใช้งานให้คุ้มค่านอกเหนือจากการที่นำมาทำงานแล้ว หลายๆ คนก็คงเลือกที่จะใช้งานโน้ตบุ๊คในส่วนของการเล่นเกม หรือไม่ก็สำหรับบางคนก็อาจจะซื้อโน้ตบุ๊คเพื่อมาเล่นเกมโดยเฉพาะก็ว่าได้ ซึ่งในตลาดโน้ตบุ๊คก็ได้มีการนำเสนอในส่วนของ Gaming Notebook เอาไว้อยู่แล้ว ที่ต้องยอมรับว่าโดนใจทั้งในส่วนของสเปกที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพความแรง และดีไซน์ที่โดดเด่นโดยออกแบบมาเพื่อ Gamer โดยเฉพาะ (แต่จะเอาไปใช้งานอื่นๆ ก็ยังได้อยู่นะ)

ซึ่งถ้าใครคิดว่าอยากได้ คอมพิวเตอร์เครื่องที่จะซื้อนั้นมาเล่นเกมเป็น หลักล่ะก็ ขอให้มองผ่านในส่วนของเครื่อง Mac ไปได้เลย นั่นก็เป็นเพราะสืบเนื่องจากข้อที่ 1 ด้วยเหตุที่ว่าสเปกต่อราคาของเครื่อง Mac จัดได้ว่าไม่มีความคุ้มค่าเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นอื่นๆ อย่างถ้าสมมุติว่าเรามีแผนจะซื้อ Mac ในราคา 50,000 บาท เพื่อนำมาใช้งานในการเล่นเกมเป็นหลัก ที่แน่นอนว่าต้องพึ่งพาประสิทธิภาพชิปประมวลผลและกราฟการ์ดเป็นหลัก งบประมาณที่ได้เราจะซื้อได้เพียง MacBook Pro Retina 13 ที่เป็นเพียง Core i5 + กราฟิกการ์ดออนบอร์ด Intel Iris graphics 5100 เท่านั้น

โดยถ้าเทียบในงบประมาณที่เท่ากันถ้าเราซื้อโน้ตบุ๊กปกติเราได้ Gaming Notebook ระดับพรีเมี่ยมอย่าง MSI GS70 2OD Stealth ซึ่งให้ชิปประมวลผลภายในมาเป็น Core i7 + NVIDIA GTX 765M เลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้ยังได้หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ที่เล่นเกมได้เต็มอารมณ์มากกว่า หรือไม่อย่างงั้นก็ลองลดงบประมาณในการซื้อลงมาซักหน่อย เป็นสี่หมื่นบาทกลางๆ เราก็จะได้ Lenovo Y510P ที่สเปกมาพร้อมกับ Core i7 + NVIDIA GT 750M สองตัว แน่นอนว่าในการเล่นเกมตัวของ MacBook Retina 13 เทียบชั้นในการเล่นเกมของโน้ตบุ๊คทั้งสองรุ่นไม่ติดฝุ่นเลย แต่ถ้าวัดในเรื่องของประสบการณ์ใช้งานที่เน้นความเบา พกพา แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และหน้าจอสวยสมจริงแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า MacBook Retina 13 ก็เหนือชั้นกว่าเช่นกัน


4. งบประมาณมีจำกัด

ใช่ ว่าทุกคนจะมีงบประมาณในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ซักเครื่องที่สูงระดับ 40,000 บาทขึ้นไปทุกๆ คน เพราะด้วยความเป็นจริงแล้วค่าเฉลี่ยของคนในยุคปัจจุบันมักจะซื้อโน้ตบุ๊กกัน ระดับช่วงราคา 20,000 – 30,000 บาทเสียมากกว่า ที่ทำให้ตรงจุดนี้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า โน้ตบุ๊ก Apple อย่าง MacBook Air ต้องมาตอบโจทย์ในการเลือกซื้อเท่าไหร่นัก เพราะด้วยราคาที่เริ่มต้นก็ตกอยู่ที่ 30,000 บาทขึ้นไปแล้ว ทำให้ผู้ที่อยากได้โน้ตบุ๊กมาใช้งานซักเครื่องที่เป็น MacBook คงต้องอกหักรักคุดกันไป อีกทั้งถึงแม้จะซื้อไปก็ใช้งานได้ไม่ต้องกับความต้องการนัก เพราะด้วยความที่สเปกไม่ได้เอื้ออำนวยให้ใช้งานได้หลากหลายนั่นเอง

อย่าง หลายๆ คนต้องการโน้ตบุ๊คที่ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม ทำงาน หรือพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ซัก 3 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ ในระดับโน้ตบุ๊คราคา 20,000 – 30,000 บาท ก็มีตัวเลือกในการใช้งานหลากหลายแล้ว อย่างถ้าเน้นคุ้มค่าต่อราคาที่สุด Acer Aspire V5-473G-74504G50 ก็ตอบโจทย์ด้วยสเปก Core i7 + NVIDIA GT 740M ที่ราคา 20,900 บาท หรือถ้าใครมองหาเป็นโน้ตบุ๊ค 15 นิ้ว ก็ให้ดูเป็น Samsung ATIV BOOK 4 NP470R5E-X01TH สเปก Core i5 + AMD HD 8750M ราคา 26,900 บาทได้ รวมไปถึงถ้าคนไหนอยากได้โน้ตบุ๊คบางๆ เบาๆ ใช้แบตได้นาน มาพร้อม SSD ขนาด 256GB แล้วล่ะก็ ตัว HP ENVY Spectre XT 13-2126TU ก็ตอบสนองได้เหมือนกัน จากเครื่อง Ultrabook สเปก Intel Core i5 + Intel HD 4000 ที่สำคัญยังมาพร้อม SSD ขนาด 256GB เสียด้วย สนนราคาก็เพียง 27,900 บาทเท่านั้น

ทำให้ถ้าใครงบประมาณไม่พอที่จะซื้อ Mac เราก็ยังสามารถเลือกซื้อโน้ตบุ๊คได้อีกมากมายหลายรุ่นด้วยกัน ที่แม้ว่าประสบการณ์ใช้งานโดยรวมอาจจะเป็นรอง Mac อยู่บ้าง แต่ถ้าให้พูดตามความจริงก็ใช้งานได้เหมือนๆ กัน ทั้งในเรื่องของการงานและความบันเทิง ฉะนั้นถ้าใครยังไม่พร้อมที่จะซื้อ Mac ในตอนนี้ ก็เป็นโน้ตบุ๊คปกติก็ได้ ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ ค่อยมาถอย Mac อีกทีก็แล้วกัน

5. ไม่ศรัทธาใน Apple

ใช่ ว่าทุกคนจะชื่นชอบและปลามปลื้มในตัวของผลิตภัณฑ์ Apple และในส่วนขอบแบรนด์ Apple เหมือนกันหมด เพราะจะว่าไปแล้ว Apple ก็เป็นตัวแสบของวงการไอทีก็ว่าได้ ซึ่งถ้าใครติดตามมาโดยตลอดจะทราบว่าหลายๆ อย่างที่ Apple ทำ ก็มีทั้งสีขาวสีเทาและสีดำ (ไม่ขอลงรายละเอียด) ที่ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Apple โดยตรงก็ตาม แตก็มีผลสำหรับบางคนที่มองภาพโดยรวมของ Apple แน่นอนว่าส่งผลให้ไม่อยากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple อย่าง Mac หรือ iPhone, iPad ตามไปด้วย ที่สำคัญคือ ราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียกับแบรนด์อื่นๆ ฉะนั้นจึงทำให้หลายๆ คนไม่ได้มีความศรัทธาในตัวของ Apple นั่นเอง

แต่ ในทางกลับกันเชื่อได้เลยว่าถ้าใครเป็นคนไม่คิดอะไรมาก และชอบในส่วนของผลิตภัณฑ์ Apple อยู่แล้ว (อาจจะไม่ถึงขั้นศรัทธากลายเป็นสาวก) เพราะด้วยความที่ว่าสามารถตอบสนองการทำงานของเราได้ อีกทั้งยังให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีมาโดยตลอด รวมไปถึงคนรอบข้างก็ให้ความเห็นว่า Apple Mac นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี ก็ไม่น่าแปลกใจที่คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่เครื่องต่อไป จะเลือกใช้งานเป็น Mac อีกครั้ง 

หรือยังไงเพื่อนๆ มีความคิดเห็นอะไรจะเหมือนกันหรือแตกต่างก็สามารถมาแชร์กันได้นะครับ 

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ




 

Create Date : 20 มกราคม 2557   
Last Update : 20 มกราคม 2557 21:13:55 น.   
Counter : 2306 Pageviews.  

งานนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ยอดเขาคิชฌกูฏ ปี 2557

สำหรับปี 2557 งานนมัสการปิดทอง ทางจังหวัดจันทบุรีได้กำหนดเปิดให้พุทธศาสนิกชน ประชาชน และนักท่องเที่ยวขึ้นไป นมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม - 30 มีนาคม 2557 เป็นเวลา 60 วัน โดยมีรถยนต์บริการรับ-ส่ง ขึ้น-ลงเขา หรือเดินเท้าขึ้น-ลงเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง และกำหนดพิธีบวงสรวงปิดป่าเปิดเขาในวันพุธที่ 29 มกราคม 2557 ณ สันเขื่อนพลวง เวลา 08.00 น.

แต่ก่อนจะเดินทางไป งานนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ  เรามาทำความรู้จักสถานที่แห่งนี้กันสักหน่อยก่อนดีกว่า ยอดเขาคิชฌกูฎ เป็นยอดเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่รู้จักกันดีในชื่อ รอยพระพุทธบาทพลวง หรือ พระบาทพลวง สถานที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนต่างศรัทธา และเชื่อว่า หากได้เดินขึ้นไปนมัสการ รอยพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฎจะได้บุญอันใหญ่หลวง แล้วสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ไปขอพรทุกคนก็มักจะประสบความสำเร็จดังใจหวัง จึงทำให้มีผู้เลื่อมใส และศรัทธาเดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย

ในทุกๆ ปี ระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 15 ค่ำ เดือน 4 สถานที่สำคัญแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนขึ้นไปนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทตลอดทั้งวันทั้งคืน หากใครได้ไปเยือนในช่วงนั้นก็จะได้เห็นพุทธศาสนิกชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว ต่างพากันถือดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามมาโปรยตามทางเดินขึ้นเขา ด้วยเชื่อว่า เส้นทางที่พวกเขากำลังจะเดินขึ้นไปเป็นเส้นทางสวรรค์ หากมีการนำดอกไม้ที่ชื่อมงคลอย่างดอกดาวเรืองมาโปรย ก็จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย 

รอยพระพุทธบาทพลวง หรือรอยพระบาทพลวง มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และใกล้ๆ กับรอยพระพุทธบาททางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีหินกลมก้อนใหญ่ริมหน้าผา ที่เราเรียกกันว่า หินลูกพระบาท ตั้งเด่นเป็นสง่าชวนน่าอัศจรรย์ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเห็นทิวทัศน์ของ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ ที่ครอบคลุมอำเภอมะขามและอำเภอเขาคิชฌกูฎ ซึ่งผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นอุทยานต้นน้ำสำคัญของจังหวัดจันทบุรี และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น น้ำตกกระทิง น้ำตกคลิงช้างเซ น้ำตกคลองกระสือ เป็นต้น

รอยพระพุทธบาทพลวง

การเดินทางขึ้นไปนมัสการ รอยพระพุทธบาทพลวง หรือ พระบาทพลวง เริ่มต้นจากการนั่งรถบริการที่วัดพลวงไปตามถนนลูกรังที่ลาดชัดและคดเคี้ยวมาก ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร หากไปในช่วงงานนมัสการปิดทองรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏประมาณตรุษจีน -วันมาฆบูชาของทุกปี จะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งวันทั้งคืน สำหรับนักท่องเที่ยวท่านไหนที่รู้สึกว่าสุขภาพร่างกายไม่พร้อม หรือเดินไม่ไหว แต่ใจพร้อม บริเวณทางขึ้นเขาก็ร้านไม้เท้าให้เช่าสำหรับช่วยค้ำเดินขึ้น ในราคาอันละ 5 บาท และบริการแคร่หามในราคาเที่ยวละประมาณ 400 บาท

รอยพระพุทธบาทพลวง

หากมีโอกาสลองแวะไป นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง กันสักครั้งนะครับ เพราะนอกจากจะได้อิ่มอกอิ่มใจกับการทำบุญแล้ว ยังได้ความเพลิดเพลินสนุกสนานจากการท่องเที่ยวอีกด้วย

Tip: ตำนานรอยพระพุทธบาทพลวง รอยพระพุทธบาทพลวง หรือรอยพระบาทพลวง ตามประวัติกล่าวว่า ได้ค้นพบเมื่อประมาณปีพ.ศ.2397 ต่อมาในปี พ.ศ 2515 พระครูธรรมสรคุณ หรือหลวงพ่อเขียน เจ้าอาวาสวัดกระทิง เจ้าคณะอำเภอมะขาม ได้บุกเบิกเบิกทางขึ้น ก่อนค่อยๆ พัฒนาเส้นทางขึ้นยอดเขาให้ดีขึ้น และปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
- วัดกระทิง โทร. 0 3945 2056 
- ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร.0 3945 2074 
- อบต.พลวง กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี โทร.0 3930 9281 - 2

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ททท. สำนักงานระยอง




 

Create Date : 20 มกราคม 2557   
Last Update : 20 มกราคม 2557 21:13:05 น.   
Counter : 2441 Pageviews.  

โฉมหน้า 10 แข้งดังควรย้าย! หากหวังไปบอลโลก

โฉมหน้า 10 แข้งดังควรย้าย! หากหวังไปบอลโลก
โฉมหน้า 10 แข้งดังควรย้าย! หากหวังไปบอลโลก

ฟุตบอล : อย่างงี้ต้องย้าย! 10 แข้งดังส่อวืดลุย "เวิลด์คัพ 2014" แดนแซมบ้า

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับการแข่งขันรายการที่นักฟุตบอลและแฟนบอลต่างก็รอคอย นั่นก็คือ "เวิลด์คัพ 2014" หรือ ฟุตบอลโลก 2014 นั่นเอง โดยตอนนี้เนี่ยก็เหลืออีกเพียง 145 วันเท่านั้น แต่ประเด็นที่ผมนั้นจะหยิบยกมาบอกเล่าเก้าสิบให้ได้รู้กันในวันนี้ ก็คือ โฉมหน้า ดังที่มีความเสี่ยงสูงมากที่อาจจะไม่ได้รับใช้ทีมรักบ้านเกิดของตนใน "เวิลด์คัพ" ครั้งนี้

พูดง่ายๆ ก็คือเหล่าบรรดาแข้งที่ ณ ตอนนี้เนี่ยถูกมองว่าสมควรย้ายสโมสรอย่างมากในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันนั้นไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามกับทีมต้นสังกัด อย่ารอช้า! เราไปเริ่มกันเลยที่.....

1. ฆวน มาต้า (เชลซี และทีมชาติสเปน)

ใครจะไปเชื่อว่าผู้เล่นอย่าง ฆวน มาต้า ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับพลพรรค "สิงโตน้ำเงินคำราม" ในซีซั่นที่แล้ว จะต้องมานั่งจมปลักอยู่ที่ม้านั่งสำรองภายใต้บัลลังก์กุนซือของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในฤดูกาลนี้ เหตุผลง่ายๆ ก็คือ สไตล์การเล่นของ มาต้า นั้นไม่ได้เป็นที่ถูกอกถูกใจของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" สักเท่าไหร่ สำหรับแผง 3 ประสานในแนวรุกตอนนี้ของ เชลซี หลักๆ ที่ มูรินโญ่ ส่งลงผนึกกำลังกันก็มี เอแด็น อาซาร์, ออสการ์ และวิลเลี่ยน

และมันก็มีความเสี่ยงอยู่มากเหมือนกันต่อการที่ มาต้า นั้นจะชวดไปเล่น "เวิลด์คัพ" กับทัพ "กระทิงดุ" เพราะ ณ ปัจจุบัน มีผู้เล่นชาวสแปนิชมากมายเลยที่โชว์ฟอร์มได้ดีหลายคน หลายคนจนแบบว่าทำเอา บิเซนเต้ เดล บอสเก้ หัวปั่นกันเลยทีเดียว สำหรับ มาต้า เองก็ถูกมองว่าควรย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อหาโอกาสลงเล่น ถ้าหากอยากไปบอลโลก ซึ่งก็มีสโมสรมากมายเลยที่พร้อมให้โอกาสกับเขา ไม่ว่าจะเป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และบาเลนเซีย ที่ให้ความสนใจ

แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่างงอยู่ไม่น้อยเมื่อไม่นานมานี้ มูรินโญ่ เคยพูดถึง มาต้า ทำนองที่ว่า หาก มาต้า นั้นย้ายออกจาก เชลซี จริงๆ คงจะทำให้เขาเจ็บปวดใจไม่น้อยที่ต้องเสียเพลย์เมกเกอร์ที่มีพรสวรรค์สูงออกไปคนหนึ่ง แต่การกระทำของเขานั้นช่างตรงกันข้ามกับคำพูดเสียจริงเลย ยังไงก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าเรื่องราวของ มาต้า จะลงเอยอย่างไร แต่ถ้าดูจากตอนนี้แล้วเนี่ยนักเตะน่าจะอยู่สวมเสื้อ "สิงห์บลูส์" ต่อไป

2. เอริค ลาเมล่า (ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์ และทีมชาติอาร์เจนติน่า)

สำหรับ ลาเมล่า โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ โรม่า แถมยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญอีกด้วย ก่อนจะได้ย้ายมาอยู่กับพลพรรค "ไก่เดือยทอง" เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 25.8 ล้านปอนด์ (1,290 ล้านบาท) ซึ่งช่วงตอนย้ายมาใหม่ๆ ในช่วงปรีซีซั่นถึงแม้ว่าจะยังปรับตัวเข้ากับ สเปอร์ส ไม่ค่อยได้ แต่ในตอนที่ อังเดร วิลลาส-โบอาส ยังกุมบังเหียนอยู่ ลาเมล่า ก็ได้รับโอกาสอยู่มากเหมือนกัน

แต่แล้วเส้นทางที่กำลังดูไปได้ด้วยดีของ ลาเมล่า นั้นก็เหมือนจะเจอกับทางตันที่มีแต่ความมืดบดบัง เมื่อ "ไก่เดือยทอง" ไล่ตะเพิด "เอวีบี" พ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมไป และตั้ง ทิม เชอร์วูด เข้ามาทำหน้าที่แทน ทำให้ตอนนี้เนี่ยนักเตะไม่ได้โอกาสลงสนามเลย ถึงได้ลงก็เป็นแค่ตัวสำรอง ลงไปวิ่งๆ ไม่กี่นาทีเท่านั้น และในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวก็มีข่าวพัวพันอยู่เหมือนกันว่า สเปอร์ส อาจจะปล่อยยืมตัวให้กับทีมอื่น รวมทั้งมียังมีข่าวว่ายักษ์ใหญ่อย่าง ยูเวนตุส และแอตเลติโก มาดริด ขออาสาพา ลาเมล่า พ้นนรกที่ "ไก่เดือยทอง"



3. แกสตัน รามิเรซ (เซาธ์แฮมป์ตัน และ ทีมชาติ อุรุกวัย)

สำหรับนักเตะคนนี้เนี่ยเจอกรณีเดียวกับ ฆวน มาต้า เลยที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับทัพ "เดอะ เซนต์" เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ภายใต้การคุมทีมของ ไนเจล แอดกิ้นส์ และพอครึ่งท้ายของซีซั่น 2012-13 เป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ได้ก้าวขึ้นมานั่งแท่นกุนซือใหม่แทนที่ และก็ทำผลงานได้ดี แต่ในผลงานที่ดีเนี่ย รามิเรซ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเลย

จนกระทั่งซีซั่น 2013-14 แล้ว รามิเรซ ก็ยังไม่สามารถชนะใจ โปเช็ตติโน่ ได้ โดยได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่เกมเดียวจาก 11 เกมลีก ทำให้โอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการอดถูกเรียกตัวติดทัพ "จอมโหด" ไปลุย "เวิลด์คัพ 2014" ถือว่ามีสูงพอสมควรเลย แต่ในช่วงเดือนมกราคมนี้ก็มี 2 สโมสรจากเวทีกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ที่ขออาสาเค้นฟอร์มเก่งของนักเตะออกมา นั่นก็คือ ฟิออเรนติน่า และ อินเตอร์ มิลาน ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าอนาคตของ รามิเรซ จะเป็นเช่นไร ซึ่งตลาดนักเตะหน้าหนาวนี้ยังเหลือเวลาอีก 2-3 สัปดาห์



4. ไมเคิ่ล เอสเซียง (เชลซี และทีมชาติ กาน่า)

นี่ก็เป็นนักเตะอีกคนหนึ่งจากค่าย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ส่อแววต่อการไม่ได้ไปลุยบอลโลกปีนี้ เนื่องจากนับตั้งแต่หมดสัญญายืมตัวกับ เรอัล มาดริด กลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวนั้นได้ลงสนามไปเพียง 4 นัดเท่านั้นเอง ซึ่งถึงแม้ว่า เอสเซียง เนี่ยจะเป็นผู้เล่นตัวหลักของ มูรินโญ่ ในช่วงปี 2004-07 แต่ ณ ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้คู่กลางของ เชลซี นั้น สับเปลี่ยนวนกันอยู่แค่ 3 เท่านั้น ซึ่งก็คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล และรามิเรส

อย่างไรก็ตามเนี่ย เอสเซียง ก็ยังถือได้ว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทัพ "ดาวดำ" เพราะได้ลงเล่นในเกมเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2014 ทั้ง 2 นัด กับ อียิปต์ แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของนักเตะนะ เพราะพวกเขาต้องการการันตีอย่างชัดเจนว่า "ต้องได้ไป" แน่นอน ฉะนั้นการได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องก็น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ และตอนนี้ก็เหมือนมีข่าวว่าเอเย่นต์ของ เอสเซียง เปิดเผย นักเตะในความดูแลนั้นสนใจย้ายไปเล่นให้กับ เอซี มิลาน ช่วงเดือนมกราคมนี้



5. แอชลี่ย์ โคล (เชลซี และทีมชาติ อังกฤษ)

สำหรับคนนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ เชลซี นั้นส่งเข้าประกวด ถึงแม้ช่วงต้นฤดูกาลนั้นจะได้เป็นแบ็กซ้ายตัวจริงในระบบทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บบริเวณซี่โครง ทำให้เจ็บยาวไปหลายเดือน แถมยังอดเตะให้ทัพ "ทรีไลอ้อนส์" ช่วงคัดบอลโลกอีกด้วย จากนั้นมาผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน โคล ได้แก่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และก็สามารถทำผลงานได้ดีด้วย จนตอนนี้กลายเป็นตัวจริงของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ไปแล้ว

และที่ซวยกว่านั้นคือ อนาคตกับตำแหน่งแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ของ โคล ก็นั้นก็ดูริบหรี่เต็มที่ๆ เพราะดูเหมือนว่า รอย ฮ็อดจ์สัน นั้นจะหันไปเลือกใช้งาน เลห์ตัน เบนส์ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเสียมากกว่า ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องผลงานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องนักเตะบาดเจ็บบ่อยและอายุอานามของ โคล ที่มากขึ้นทุกทีๆ โดยจะเด่นแค่เพียงเรื่องเดียวนั้นก็คือเรื่องของประสบการณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดโอกาสไปเลย ถ้าถึงเวลานั้น "ปู่รอย" ต้องการแข้งมากประสบการณ์ไปช่วยลุยบอลโลก โคล อาจจะเป็นคนแรกที่เขาคิดถึง



6. ฟาบิโอ กวายาเรลล่า (ยูเวนตุส และทีมชาติ อิตาลี)

นี่ก็เป็นนักเตะอีกคนหนึ่งที่ฤดูกาลที่แล้วกับฤดูกาลนี้เหมือนหนังคนละม้วน เพราะซีซั่นนี้ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าของ ยูเวนตุส นั้นเปลี่ยนหน้าค่าตาไปกันหมด จากปีก่อนผลัดสับเปลี่ยนกันลงระหว่าง มีร์โก วูชินิช, เซบาสเตียน โจวินโก้ และก็ตัวของเจ้า "แกว๊ก" แต่ปีนี้นั้นเป็น คาร์ลอส เตเวซ และเฟร์นานโด ยอเรนเต้ และก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงประตูถล่มทลายกันเป็นว่าเล่น จึงทำให้ กวายาเรลล่า ไม่ค่อยได้โอกาสแสดงฝีเท้าเลยในตอนนี้

แต่ในช่วงเดือนมกราคมนี้ก็มีสโมสรที่อาสาเค้นฟอร์มของ กวายาเรลล่า อยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มีข่าวว่าต้องการดึงตัวไปเพื่อให้ไปทำหน้าที่แทน เจอร์เมน เดโฟ ที่ได้ตกลงปลงใจย้ายไปค้าแข้งให้กับ โตรอนโต้ เอฟซี ในลีก แคนาดา เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดูกันอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าก่อนตลาดจะปิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และอนาคตกับการไปลุยบอลโลกกับทัพ "อัซซูรี่" นั้นจะเป็นเช่นใดก็ต้องติดตามดูด้วยเช่นกัน



7. ชูลิโอ เซซาร์ (ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และ ทีมชาติ บราซิล)

คนนี้นี่มีดีกรีเคยเป็นมือกาวที่หนึบที่สุดของโลกมาแล้ว ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมพา อินเตอร์ มิลาน คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้เมื่อฤดูกาล 2009-10 แต่ที่เราหยิบยกเขามาพูดนั้น ไม่ใช่ว่าเขาต้องเป็นผู้รักษาประตูตัวสำรองของ "คิวพีอาร์" หรือไม่ค่อยได้รับโอกาสแต่อย่างใด แต่เพียงเพราะเขานั้นลงวาดลวดลายอยู่ในลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นลีกรองต่อจากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกรงว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะถูกเรียกตัวติดทัพ "เซเลเซา" ไปลุยศึก "เวิลด์คัพ" ช่วงกลางปีนี้

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า เซซาร์ นั้นจะโล่งอกโล่งได้แล้วนะ หลังจากไม่นานมานี้ถ้าผมจำไม่ผิด หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เคยออกมาพูดถึงอดีตนายด่านทัพ "งูใหญ่" ว่า ไม่ว่าจะอยู่โลดแล่นในลีกไหนก็ตาม จะลีกสูงสุดหรือลีกรอง แต่ถ้าหากได้โอกาสลงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ก็มีโอกาสสูงที่ "บิ๊กฟิลด์" จะเรียกตัวติดทัพเหมือนกัน



8. เควิน เดอ บรุย์น (เชลซี และทีมชาติ เบลเยี่ยม)

สำหรับคนนี้ก็เป็นนักเตะคนที่ 4 จากสังกัด เชลซี แล้วที่ถูกส่งเข้าประกวด สำหรับ เดอ บรุย์น แล้วตอนแรกๆ ก็ทำท่าว่าจะมีอนาคตกับยุคของ "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับ แวร์เดอร์ เบรมน แต่เพียงไม่นานก็ทำให้ มูรินโญ่ ไม่ประทับใจเสียแล้ว เท่าที่จำได้เนี่ยเกมสุดท้ายที่ได้ลงเป็นตัวจริงกับ เชลซี คือเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงต้นซีซั่น จากนั้นเองเหมือนถูกลงโทษยังไงยังงั้นเลย ถูกส่งลงไปฝึกซ้อมกับทีมชุดเยาวชน

แต่ดูเหมือนว่าหนทางในการติดทีมชาติ เบลเยี่ยม ของเจ้าหนู เดอ บรุย์น จะกลับมามีแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง หลังจากล่าสุดนักเตะได้ตกลงย้ายกลับมาค้าแข้งในเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน อีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่ "นกนางนวล" เจ้าเก่านะ แต่เป็น โวล์ฟสบวร์ก ต่างหาก โดยเงื่อนไขสัญญาเนี่ย เขียนเอาไว้ว่า เซ็นสัญญายาว 5 ปีครึ่ง ส่วนค่าตัวยังไม่เปิดเผย แต่เชื่อกันว่า น่าอยู่ที่ 16-17 ล้านปอนด์ (800-850 ล้านบาท) แหม่! นับว่าคุ้มจริงๆ นะ สำหรับ เชลซี ซื้อจาก เกงค์ มาแค่ 7 ล้านปอนด์เท่านั้น (350 ล้านบาท)



9. หลุยส์ ฟาเบียโน่ (เซา เปาโล และทีมชาติ บราซิล)

ขอย้ำให้ฟังอีกทีหนึ่ง! สำหรับใครที่กำลังตามหาว่า หลุยส์ ฟาเบียโน่ ย้ายจาก เซบีย่า ไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็ได้เห็นกันแล้วว่าเขานั้นค้าแข้งอยู่กับ เซา เปาโล ในบ้านเกิดที่ บราซิล ซึ่งเป็นที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้อีกด้วย แต่บางทีการได้ที่บ้านเกิดของตัวเองก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป เพราะ ลีกบราซิล นั้นไม่ค่อยจะมีคนติดตามรับชมสักเท่าไหร่ ถึงแม้ หลุยส์ เฟลิเป้ สโครารี่ นั้นจะเป็นชาวบราซิเลี่ยนเหมือนกันก็จริง แต่ส่วนใหญ่ผู้ตัวหลักของทีมชาติ บราซิล นั้นค้าแข้งอยู่ในเวทียุโรปด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเป็นผมเองก็คงจับตามองแข้งในยุโรปมากกว่า

ไม่ใช่แค่ ฟาเบียโน่ เท่านั้นนักเตะอีกคนหนึ่งที่เคยค้าแข้งอยู่ในยุโรปอย่าง อเล็กซานเดร ปาโต้ ซึ่งตอนนี้ค้าแข้งอยู่กับ โครินเธี่ยนส์ ก็มีโอกาสอยู่ไม่มากเหมือนกันที่จะถูกเรียกตัวติดทัพ "เซเลเซา" ไปลุยบอลโลก แม้ว่าทั้ง ฟาเบียโน่ และ ปาโต้ นั้นจะทำผลงานได้ดี ยิงประตูได้ถล่มทลายให้กับต้นสังกัดก็ตาม



10. ฟาบิโอ บอรินี่ (ซันเดอร์แลนด์ (ยืมตัวมาจาก ลิเวอร์พูล) และทีมชาติ อิตาลี)

สำหรับนักเตะรายนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยยิงประตูได้สักเท่าไหร่ในซีซั่นนี้ แต่ 2 ประตูที่เขายิงได้เนี่ยล้วนแล้วเป็นประตูสำคัญๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นประตูชัยให้ "แมวดำ" เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ 2-1 เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงประตูชัยในเกม แคปิตอล วัน คัพ ช่วงต่อเวลาพิเศษที่พลิกแซง เชลซี 2-1

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากถึงยากมากเลยนะที่จะทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทัพ "อัซซูรี่" ไปลุยบอลโลก 2014 ด้วยผลงานเพียงแค่นี้ เพราะศูนย์หน้าทีมชาติ อิตาลี แต่ละคนนั้นล้วนแล้วโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะ
เป็น มาริโอ บาโลเตลลี่ หรือ จูเซ็ปเป้ รอสซี่ (ตอนนี้เจ็บอยู่) รวมถึงอีกหลายๆ คน พูดได้เลยว่า 10 นักเตะที่หยิบยกมานั้น บอรินี่ มีโอกาสไปลุย "เวิลด์คัพ" น้อยที่สุด



  • สนับสนุนเนื้อหา Smm Sport




 

Create Date : 19 มกราคม 2557   
Last Update : 19 มกราคม 2557 20:19:34 น.   
Counter : 3334 Pageviews.  

หลังเซ็กซ์ปิดฉากก็ยังมีอะไรดีๆ ได้อยู่นะ

ไม่ใช่พอพลิกตัวออกจากกันก็กรนสนั่น! ไม่เอานะ! ผู้หญิงเราจะชอบนอนกอดก่ายกันหลังมีเซ็กซ์ ขณะที่มันอาจสบายจนทำให้ผู้ชายหลับ (แล้วเราก็อยากกรี๊ดใส่หูเขา) เอางี้…มาพบกันครึ่งทาง หาอะไรโรแมนติกที่จะทำด้วยกัน ที่เขากับเราแฮปปี้ได้พอๆ กันแถมยังช่วยเชื่อมสัมพันธ์รักให้ยิ่งแน่นแฟ้นอีกด้วย โอ.เค. นะ!

กิน แม่ห้ามเรากินบนเตียง แต่ตอนนี้ลับหลังแม่แล้ว ไม่ต้องกลัวไป แถมหลังจากโรมรันพันตูกันมาอย่างหนัก (ยิ่งกว่าออกกำลังซะอีกแน่ะ) เราก็อาจจะหิวหน่อยๆ เพราะฉะนั้นก็เอาเลย ทำอาหารง่ายๆ ที่ใช้มือหยิบกินได้อย่างแซนด์วิชมากินด้วยกันบนเตียง กินไปกอดกันไป อิ่มแล้วก็หลับไปพร้อมกันไม่มีใครเคืองใครแล้ว

คุย โมเมนต์อันแสนแนบแน่นสุดๆ ระหว่างกันเพิ่งผ่านไป เราเปิดเผยอะไรต่ออะไรให้เห็นขนาดนั้นจะกลัวอะไรกับการเปิดใจ เวลาอย่างนี้ยิ่งเปิดใจกันได้ง่าย เพราะต่างคนต่างอารมณ์ดีจากที่เพิ่งมีความสุขด้วยกันไปหมาดๆ จะคุยกระหนุงกระหนิงอะไรก็คุยกันไป ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งยกเรื่องซีเรียสอะไรขึ้นมาต่อว่ากันเลยนะ แทนที่จะหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน จะกลายเป็นหันหลังใส่กันนี่เซ็งนะ

ถ่ายรูป ถึงแม้เราจะไม่ควรถ่ายรูปตอนที่กำลังปั่มปั๊มกับเขา (เพราะมันอาจหลุดได้ ถึงจะไม่ใช่เซเลบ ก็คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นรูปส่วนตัวหรอกใช่มั้ย) แต่หลังจากเรื่องอย่างว่าผ่านไป ออกัสซั่มจะทำให้เลือดสูบฉีดและใบหน้าก็เปล่งปลั่งแบบไม่ต้องมีเมกอัพเลย หยิบมือถือมาถ่ายรูปเล่นกันเหอะ

สัมผัสกันและกัน ถึงแม้เซ็กซ์จะจบไปแล้วแต่อย่าให้อารมณ์วาบหวามระหว่างกันหมดไปง่ายๆ กอดจูบลูบไล้กันไปอย่าได้วางมือ เผลอๆ เดี๋ยวได้มีต่อรอบสองนะเธอ

กกกอด ท่ากอดจากข้างหลังอย่างที่เรียกว่าสปูนนิ่งมันให้ความรู้สึกดีชะมัดเลยล่ะ ไม่แปลกนะที่ใครๆ ก็ชอบที่จะกกกอดกันในท่านี้หลังจากเซ็กซ์ แล้วก็อาจจะผล็อยหลับไปด้วยกัน

ตาสบตา การจะสร้างความแนบแน่นกับเขามีหลายวิธีนะ แต่มันไม่จำเป็นต้องกอดก่าย สัมผัสกัน หรือพูดคุยกันเสมอไปก็ได้ บางทีแค่นอนหันหน้าเข้าหากัน สบตากันนิ่งๆ หรือกระซิบคำหวานแผ่วเบาใส่หูกันสองสามคำ เราก็เหมือนเข้าไปอยู่ในใจของกันและกันแล้ว

หัวเราะ ใครจะไม่ชอบเรื่องขำขันที่ทำให้ได้หัวเราะกันล่ะ เราชอบผู้ชายที่มีอารมณ์ขัน ผู้ชายก็ชอบแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นหาเรื่องสนุกๆ มาคุยกันขำๆ เสียงหัวเราะทำให้ปลอดโปร่งสบายใจ และการหัวเราะด้วยกันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นนะ

พูดคุยเรื่องอนาคต ไม่ต้องเป็นเรื่องอนาคตของคุณกับเขาก็ได้นะ เพราะนั่นอาจซีเรียสเกินกว่าจะยกมาคุยกันตอนนี้ แต่เราสามารถคุยกันถึงเรื่องความฝันความหวังในอนาคตของเราสองคน เช่น แผนการ
ไปเที่ยว หรืองานที่คุณอยากทำ มันเป็นวิธีดีๆ ที่ทำให้คุณได้เปิดใจเข้าหากันและรู้จักกันมากขึ้นด้วย

ดูหนัง แค่อย่าเลือกหนังที่ซีเรียสหรือชวนเศร้าเลือกหนังเบาๆ หรือหนังตลก คุณจะได้ผ่อนคลายและหัวเราะไปด้วยกัน

หลับ ความจริงก็ไม่มีอะไรผิดนะสำหรับการผล็อยหลับไปหลังจากเซ็กซ์จบลง โดยเฉพาะถ้าฉากรักของเราแสนจะเข้มข้นจนเหนื่อยหอบด้วยกันทั้งคู่นอนกอดกันแล้วหลับสักพักก็ได้นะ ตื่นมาอาจจะสดชื่นพอที่จะต่อรอบสองก็เป็นได้

lisamag ขอขอบคุณ www.lisaguru.com ผู้สนับสนุนเนื้อหา




 

Create Date : 19 มกราคม 2557   
Last Update : 19 มกราคม 2557 20:18:27 น.   
Counter : 1906 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]