In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
หุ้นกู้เอกชนมีทั้งดีและร้าย อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

การเลือกลงทุนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ถือว่ายากลำบากมาก โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อให้ได้รับได้ผลตอบแทนที่ดีนั้น แทบจะทำให้นักลงทุนหมดกำลังใจ แล้วหันมาถือครองเงินสดไว้กับตัวมากขึ้น แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้กลับมีสิ่งที่น่าสนใจปรากฏขึ้น นั่นคือ “หุ้นกู้เอกชน” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากในระดับหนึ่ง เนื่องจากว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับนั้น ล่อตาล่อใจนักลงทุนมาก แม้ว่าจะรู้ว่าหุ้นกู้เอกชนนั้นมีความเสี่ยงในการจ่ายเงินคืนก็ตาม

หลังจากที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง จนแทบจะติดดิน บรรดาผู้จัดการกองทุนต่างๆได้พยายามหาโปรดักส์ใหม่ๆที่สามารถให้ผลตอบแทนคุ้มค่าให้กับนักลงทุนแทน แต่ทั้งนี้ การสร้างผลตอบแทนที่ดีนั้นย่อมมาควบคู่กับความเสี่ยงของการลงทุนด้วย โดยขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ได้เน้นลงทุนหุ้นกู้เอกชนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมองว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

โดยเมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง R/P 1 วัน ลงเหลือ 2.00% จากเดิม 2.75% ทำให้ตลาดพันธบัตรตอบรับการปรับตัวลดลงของ R/P เช่นเดียวกัน โดยข้อมูล ณ วันที่ 23 มกราคม 2551 พบว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุคงเหลือ 1 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.77%

สำหรับหุ้นกู้เอกชนออก หมายถึง ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน ซึ่งบริษัทเอกชนที่ออกหุ้นกู้นั้นมีความต้องการเม็ดเงินเพื่อใช้ในการลงทุนหรือเพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจของบริษัท ส่วนผู้ที่ซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่บีบให้บริษัทจัดการลงทุนต่างๆหันมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เพราะช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดตราสารแห่งหนี้ ให้ผลตอบแทนที่น้อยลง ดังนั้นเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้กับมาลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมอีกครั้ง เพื่อเพิ่มยอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ(เอยูเอ็ม)ให้กับบลจ. จึงได้มีจัดตั้งกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น เนื่องจากบลจ.เหล่านี้ มองว่าเมื่อลงทุนไปแล้วนอกจากจะเพิ่มเอยูเอ็มให้แก่บลจ.ยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนและความมั่นใจให้นักลงทุนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุน ได้ให้ข้อแนะนำในการเลือกลงทุนในหุ้นกู้เอกชนว่า นักลงทุนจะต้องดูที่การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้นๆว่าอยู่ในอันดับที่เท่าไร ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้จะต้องอยู่ที่ BBB- ขึ้นไป แต่ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนนักลงทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทที่ได้รับเครดิตตั้งแต่ A- ขึ้นไป จนถึงAAA+
"การลงทุนทั่วไปนักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่เลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจัดอันดับอยู่ที่BBB- เพราะกลัวว่าหากไปลงทุนกับบริษัทเหล่านั้น แล้ววันใดก็วันหนึ่งบริษัท BBB- ทั้งหลาย เกิดได้ลดการจัดอันดับลงไปเหลือเพียงBBB หรือต่ำกว่านี้ จะต้องรีบขายหุ้นกู้ที่ถือครองออกไปทันที และการขายครั้งนี้จะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เลย จึงทำให้ความเสี่ยงที่ได้รับเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการของบริษัทหุ้นกู้ก็ถือว่ามีความน่าสนใจมากที่เดียว ซึ่งหากว่าบริษัทเหล่านี้บริหารจัดการไม่ดี ก็จะถูกลดอันดับเครดิตลงแล้ว อีกทั้งความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย" วรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป

ดังนั้น การเลือกหุ้นกู้นั้น ส่วนมากจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจัดอันดับตั้ง แต่ AA- ขึ้นไปจนถึงAAA+ เพราะถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงแต่ก็จะยังอยู่ในอันดับที่ถือว่ามีความสามารถในการจ่ายเงินคืนเงินต้นได้ นอกจากว่าบริษัทจะล้มละลายแล้วไม่มีเงินจ่ายคืนให้แก่นักลงทุน อันนี้ถือว่าสำคัญสำหรับนักลงทุนเป็นอย่างมาก

ส่วนในมุมมองของผู้จัดการกองทุนนั้น จะมีการคัดเลือกหุ้นกู้เอกชนที่จะลงทุน โดยจะต้องคำนึงถึงผลตอบแทนที่จะได้รับและศักภาพของบริษัทเหล่านั้น ว่ามีศักยภาพในการบริหารจัดการและการจ่ายเงินคืนมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งจะต้องศึกษาถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆประกอบด้วย อาทิเช่น ผลการดำเนินงานย้อนหลังทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมไปถึงสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

[b]บางครั้งการเลือกลงทุนในหุ้นกู้เอกชนของบลจ.อื่นๆจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของการยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนเนื่องจาก หากเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แน่นอนผลตอบแทนที่จะได้รับย่อมสูงตามไปด้วย แต่ถ้าหากความเสี่ยงในการลงทุนต่ำผลตอบแทนที่ได้ก็ต่ำ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การเลือกลงทุนของแต่ละบริษัท[/b]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
//www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9520000009792



Create Date : 29 มกราคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2552 4:20:26 น. 3 comments
Counter : 604 Pageviews.

 
สาระค่ะสาระนั้งอ่านแต่ก็ยังง อยุ่ดีค่ะ


โดย: Anitapa วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:5:21:53 น.  

 
อืมม์ ที่เสี่ยงๆไป กะหุ้น ยังไม่ได้กำไรเลย ช่วงนี้ขอพักยกก่อนคะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:11:29:33 น.  

 
งงตรงไหนก็ลองโพสถามได้ครับ
จะพยายามหาคำตอบมาให้ครับ


โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:15:19:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.