In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
Trade ทองอย่างมีสติได้สตางค์

ผมเป็นห่วงนักเก็งกำไรสมัครเล่นที่เห็นเขา "ตื่นทอง" กัน ก็เลยอยากจะฉุดเอาไว้ หรือสะกิดเอาไว้บ้าง

ผมเขียนบทความนี้ตอนเวลาดีบ่ายวันอาทิตย์ คิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องทองดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจดังที่กำลังเขียนอยู่นี่แหละครับ เหตุผลหลักที่ทำให้ลังเลก็เป็นเพราะว่า ผมเองไม่เคย trade ทองแบบที่ trade เงินและดอกเบี้ยมาตลอดชีวิตการทำงาน อาจจะมี Position ทองบ้างก็เป็นแบบ "แก้คันมือ" ดังนั้น สรุปว่าไม่มีประสบการณ์ตรง แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจ "Go Ahead"


ทั้งนี้ ก็เพราะอยากจะเตือนสติบรรดานักเก็งกำไร เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ จริงๆ ผมไม่เคยมีความกังวลใจในเรื่องที่ trader มืออาชีพจะขาดทุนหรือเสียหายเลย เพราะว่าหากนับเป็นอาชีพแล้ว การขาดทุน (ซะบ้าง) ก็เป็นเรื่องปกติ แต่กลุ่มคนที่ผมเป็นห่วง ก็คือ บรรดานักเก็งกำไรสมัครเล่นที่เห็นเขา "ตื่นทอง" กัน ก็เลยลุยเข้ามา เอาทรัพย์สินที่เก็บหอมรอมริบมานานมาตื่นทอง ก็เลยอยากจะฉุดเอาไว้ หรือสะกิดเอาไว้บ้าง


ผมเคยเขียนบทบาทของ trader ที่ควรจะเป็นและกฎพื้นฐานที่ trader ทุกคนควรจะมี (เม.ย. 53) แต่คราวนี้จะไม่เน้นเรื่องเดิมครับ ถือว่าได้ “สอน” ไปแล้ว แต่คราวนี้จะลงภาคปฏิบัติเลย และต้องขอออกตัวว่าผมไม่ใช่ Gold Trader โดยอาชีพ แต่ผมเอาเรื่องวันนี้มาเล่าให้ฟัง ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตามทฤษฎี หรือแนวปฏิบัติ (Practices) ของมืออาชีพด้านนี้ ดังนั้น ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ


กฎข้อแรก ของผมในการ Trade ทอง ก็คือ ต้องเริ่ม Position ด้วยการ "long" หมายความว่า หากท่านยังไม่มีอะไรเกี่ยวกับทองเลยขอให้เริ่มต้นด้วยการ ซื้อทอง ไม่ว่าจะเป็นทองแท่ง ทองรูปพรรณ แต่ไม่ใช่ในรูปของ Futures หรือกองทุนทอง เหตุผลของผมก็คือ ทองเป็นโลหะที่มีค่าในตัวมันเอง ซึ่งแตกต่างจาก "สินค้า" ตัวอื่นๆ ในตลาด การที่เราสามารถ "ซื้อ" ทอง เข้ามาได้ก็หมายความว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด เราก็ยังมี "ทอง" อยู่ในมือ ผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ราคาทองมีราคาลดลง ก็จะสะท้อนเพียงการขาดทุนจากส่วนต่างของราคาที่เกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็ยังคงมีทองให้ลูบคลำอยู่แก้ช้ำใน (ใจ)


กฎข้อที่สอง ต้องระลึกไว้เสมอว่า ตลาดทองคำในบ้านเรายังไม่ได้ "Regulated" หมายความว่า ท่านเมื่อเข้ามาเก็งกำไรแล้ว ท่านต้องยอมรับสภาพ เมื่อท่านซื้อทองจ่ายเงินเขาไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ทอง (Settlement Risk) หรือเมื่อตอนขายท่านอาจจะขายไม่ได้ เพราะร้านขายทองปิดร้านเฉยเลย หรือยังไม่ได้เงิน (Liquidity Risk) ท่านที่ซื้อ/ขาย ทอง ในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ ก็คงจะได้มีประสบการณ์ดังกล่าวมาบ้างไม่มากก็น้อย


ดังนั้น การคาดหวังกำไรจากการ trade ทองคงต้องนำความเสี่ยงทั้งสองอย่าง (Settlement Risk และ Liquidity Risk) เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย เมื่อตลาดยังไม่ได้รับการจัดระเบียบย่อมมีผลประโยชน์ส่วนเกินเกิดขึ้น และคงไม่ต้องบอกต่อไปว่าใครได้ประโยชน์และใครเสียประโยชน์ และตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานทางการ (หรือเอกชนก็เถิด) เข้ามาดูแลเป็นเรื่องเป็นราวเลย


กฎข้อที่สาม ต้องรู้จักใช้ตลาดทองอื่นๆ ซึ่งได้รับการ regulated แล้วมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งได้แก่ ตลาดล่วงหน้า (Futures) กองทุนต่างๆ ที่ออกโดย บลจ.ต่างๆ ตลาดและเครื่องมือเหล่านี้ ได้รับการจัดระเบียบแล้วโดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงที่ผมบอกข้างต้น ที่บอกให้ใช้ให้เป็นก็เพราะว่า หากใช้ไม่เป็นพวกเราก็อาจจะต้องตายทั้งเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Futures เนื่องจากว่าเป็นสัญญาที่มีลักษณะที่พวกเราเรียกว่า highly leverage เป็นอย่างมาก ท่านวาง initial margin 10% ท่านสามารถเล่นได้มากกว่าหลายเท่า (แน่นอน initial margin จะได้รับการประกาศเปลี่ยนแปลงโดยทางการตามสถานการณ์ในตลาด) ตอนได้กำไรก็ตาโตเพราะมาเร็วและแรง แต่โลกมันมีสองด้านเสมอ ตอนขาดทุนจนท่านถูกเรียก top up ก็อาจจะหน้ามืดได้นะครับ


เทคนิคเล็กๆ ที่ผมขอแนะนำ ก็คือ เมื่อท่านได้ long ทองดังกล่าวในกฎข้อแรกแล้ว หากราคาของทองสูงขึ้น และท่านยังไม่อยากจะขาย (หรือขายไม่ได้แล้วแต่กรณี) ท่านสามารถ Lock in profit ด้วยการ short ในตลาด Futures ได้ในจำนวน contracts ที่พอเหมาะพอควรไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง (เช่น มีทองแท่ง 50 บาท และ short contracts 50 บาท) ท่านอาจจะเล่นได้สักเล็กน้อยแต่คงไม่ใช่ 500 บาท นะครับ หากราคาของทองสูงขึ้นไปอีก ท่านก็จะมี position ที่ "natural hedge" (หากทำแบบหนึ่งต่อหนึ่ง)


ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง ก็คือ หากเปรียบเทียบทองคำกับสินค้าตัวอื่นๆ ที่ใช้ในการลงทุนแล้ว ทองคำเพิ่งจะมีการเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง เหตุผลก็มีผู้คนได้พูดจาวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากแล้ว ผมคงไม่นำมาพูดอีก หากดูกันในระยะยาวแล้ว (เก็บคุณสมบัติส่วนตัวของทองเรื่องการเป็นโลหะมีค่าไว้สักนิดหนึ่ง) การลงทุนในหุ้นดีๆ กับการลงทุนในทอง ก็มี return ที่แตกต่างกัน คือ หุ้นดีๆ จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า


แต่หากนำคุณสมบัติพิเศษของทองมาพิจารณาก็อาจจะตัดสินใจได้ยาก ผมส่วนตัวแล้วผมมีทองอยู่ใน portfolio ของผมหากเทียบเป็น percent แล้วก็ไม่มากนัก (น้อยกว่า 10%) เพราะผมมองทองในแง่คุณสมบัติเฉพาะของมันมากกว่า อยากจะได้มีโอกาสพูดว่า ตอนที่ลูกชายโตเป็นหนุ่มแล้วจะต้องไปหมั้นสาว จะบอกผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาวให้เอาตาชั่งมาด้วยในวันหมั้น จะได้เอามาชั่งทองหมั้นของลูกชายว่ามีสักกี่กิโล


สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีในการเก็งกำไรทองคำนะครับ... สวัสดี

//www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/satien/20110907/408214/Trade-ทองอย่างมีสติได้สตางค์.html


Create Date : 07 กันยายน 2554
Last Update : 7 กันยายน 2554 10:29:37 น. 0 comments
Counter : 1184 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.