In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
ช่องทางและภาษี การลงทุนตราสารหนี้

นักลงทุนที่สนใจที่จะลงทุนในตราสารหนี้สามารถลงทุนได้โดยตรง คือ เข้าไปซื้อขายตราสารหนี้รุ่นนั้นๆ ที่ตนสนใจโดยตรง หรือจะลงทุนทางอ้อมโดยผ่านกองทุนต่างๆ ก็ได้
หากต้องการลงทุนโดยตรง ก็ยังมีทางเลือกอีกว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ออกใหม่ หรือที่เรียกว่า “ตลาดแรก” หรือจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการออกมาแล้ว ซึ่งเรียกว่า “ตลาดรอง” ก็ได้

การลงทุนในตลาดแรก หากเป็นหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ผู้ลงทุนก็สามารถติดต่อซื้อได้จากสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่าย (Underwriter) หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย (Selling Agent) หรือจากบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ในกรณีที่มีการกำหนดไว้ และการซื้อขายมักกำหนดที่ราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ซึ่งจะมีอัตราผลตอบแทนเท่ากับอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) โดยผู้ออกหุ้นกู้มักระบุจำนวนหน่วยหรือจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ เช่น 1 แสนบาท หรือเท่ากับ 100 หน่วย หน่วยละ 1,000 บาท สำหรับพันธบัตรภาครัฐนั้น ส่วนใหญ่เป็นการออกจำหน่ายให้แก่นักลงทุนสถาบัน เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย กองทุนต่างๆ โดยในปัจจุบันนักลงทุนกลุ่มนี้สามารถประมูลซื้อพันธบัตรได้โดยตรงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่หากนักลงทุนรายย่อยสนใจจะซื้อพันธบัตรจากการประมูล ก็อาจติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่เป็น Dealer แต่วงเงินที่ Dealer จะขายให้จะค่อนข้างสูงพอสมควร คือเป็นหลักล้านบาทขึ้นไป

การลงทุนในตลาดรอง เมื่อตราสารหนี้ในตลาดแรกได้ขายไปสู่ผู้ลงทุนแล้ว หากมีการซื้อขายเปลี่ยนมือต่อมาจะเรียกการซื้อขายนั้นว่า เป็นการซื้อขายในตลาดรอง และเนื่องจากตลาดตราสารหนี้นั้นมีลักษณะการซื้อขายแบบ Over The Counter หรือ OTC คือไม่มีระบบหรือสถานที่กลางในการจับคู่การซื้อขาย ผู้สนใจที่จะซื้อขายตราสารหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ที่มีธุรกรรมการค้าตราสารหนี้ (ต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจค้าหลักทรัพย์ (Dealer) จากสำนักงานก.ล.ต.) เพื่อแจ้งความประสงค์และทำการซื้อขาย ทั้งนี้นักลงทุนรายย่อยซึ่งวงเงินการซื้อขายแต่ละครั้งไม่สูงมากนัก ก็อาจต้องตรวจสอบเงื่อนไขการจำหน่ายของสถาบันการเงินแต่ละแห่งเสียก่อน เพราะอาจมีการกำหนดเงื่อนไขในการจำหน่าย อาทิ วงเงินหรือมูลค่าขั้นต่ำในการจำหน่ายไว้หรือไม่

การลงทุนผ่านกองทุนรวม นโยบายการลงทุนของกองทุนรวมมีหลายรูปแบบ เช่น เน้นลงทุนในตราสารทุน เน้นลงทุนแบบผสมระหว่างตราสารทุนกับตราสารหนี้ หรือเน้นลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาเปรียบเทียบเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของตนเอง ดอกผลจากการลงทุนจะถูกเฉลี่ยให้กับหน่วยลงทุนทุกหน่วยเท่าๆ กัน โดยจะให้เป็นส่วนเกินจากการลงทุน หรือเป็นเงินปันผลก็ได้ตามแต่นโยบายที่กำหนดไว้ของกองทุน ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวม คือ มีมืออาชีพเป็นผู้บริหารการลงทุน ได้รับยกเว้นภาษีรายได้ และยังช่วยในการกระจายความเสี่ยง เพราะสามารถลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารหนี้หลายๆ รายการในเวลาเดียวกัน ซึ่งหากลงทุนโดยตรงแล้วจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก

สำหรับภาระภาษีเกี่ยวกับการลงทุนในตราสารหนี้ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการ เช่น ประเภทของเงินได้ และประเภทของนักลงทุน ประเภทหลักของเงินได้จากการลงทุนที่ต้องเสียภาษี ประกอบด้วย

1) เงินได้จากดอกเบี้ย (Interest Income)

2) เงินได้จากกำไรในการขาย (Capital Gain)

3) เงินได้จากส่วนลด หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่าย (Discount)





//www.posttoday.com/stockmarket.php?id=73604


Create Date : 29 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 ตุลาคม 2552 2:08:43 น. 0 comments
Counter : 720 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.