A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 

Michael Clayton คนเหยียบยุติธรรมแล้วยังมาซ้ำเหยียบผมอีก

หลายครั้งที่พลาดหนังจากโรงภาพยนตร์สักเรื่อง ผมไม่เคยที่
จะโทษตัวเองเท่าไรนัก สิ่งหนึ่งที่ผมนำมาอ้างกับตัวเองเสมอ คือ ตลาดหนังในบ้านเรามักไม่มีพื้นที่ให้หนังดีๆหลายเรื่อง
ได้กำหนดฉาย บางเรื่องมาได้ไม่ถึงอาทิตย์อันต้องเกิดการลาโรงไปอยู่ไม่น้อย ส่วนที่ตั้งใจไปดู ปรกกฎว่ารอบที่จะได้ชมไปอยู่ในช่วงรอบดึก (แล้วมาเช้าออกอย่างนี้ใครมันจะรอห้า หกชั่วโมงฟะ
จึงจะได้ดู บ้านไม่ได้อยู่ใกล้โรงหนังนี้หว่า)ดังนั้นทางเลือกของผมอีกช่องทางหนึ่ง
คือ การรอในรูปแบบของแผ่นหนัง ส่วนจะซื้อหรือจะเช่าก็ตามแตองค์ประกอบหลายปัจจัย่ (ยิ่งเช่านี้ถือว่าเข้า้ทางเลย เพราะหนังส่วนใหญ่
เหล่านี้มักจะอยู่นอกเหนือกระแสตลาด จึงมักถูกโชว์อ้าซ่าโดยไม่มีใครเหลียวแล)





อย่างเรื่อง Michael Clayton (ตอนแรกฟังได้ยินว่า
Micheal Crichton นักเขียนแนววิทยาศาสตร์แฟนตาซี่เลื่องชื่อ อย่าง
Jurassic Park และ The Next เมื่อมันเป็นแค่การสะกดที่คล้ายคลึงกัน
ก็อย่าไปเอ่ยอะไรมาก) ด้วยความที่ Michael Clayton เป็นหนังที่
ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาตั้งแต่ต้น ในอเมริกาด้วยตัวเลขเปิดตัวเป็นอันดับ 4 ในสัปดาห์แรก ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงสุงสุดและเป็นภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวที่ยิ่งฉายตัวเลขยิ่งแรง โดยปัจจุบันกวาดรายได้ไปแล้วกว่า 770 ล้านบาท ในการฉาย 20 วัน ซึ่งนอกจากจะประสบความสำเร็จด้านรายได้แล้ว Michael Clayton ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับภาพยนตร์แนวทริลเลอร์อีกด้วย เสียงนกัวิจารณ์ก็ออกมาในเชิงที่ดี(ส่วนนี้หยิบยืมข้อมูลจาก filmpublicขอบคุณ ณ ที่นี้) ยิ่งเพิ่มท่านพี่ที่มาเขียนบท และกำกับ Tony Gilroy
หากใครที่ติดตามงานของ Bourne ช่วงแรกๆ คงไม่ยอมพลาดให้ฝีมือพี่ท่านนี้เป็นแน่ ประกอบกับนักแสดงที่โดดเด่นอีกคน คือ Tom Wilkinson กลับยิ่งที่ผมอดรู้สึกทึ่งในการแสดงเสียไม่ได้ จึงไม่แปลกที่เขามักจะถูกเสนอดารานักแสดงสมทบ (ืที่ตัวบทก็ส่งให้แสดงฝีมือเหลือเกิน)
จากหนังเรื่องนี้ในรางวัลใหญ่อย่าง Academy Award for Best Supporting Actor ,BAFTA Award for Best Actor in a Supporting Role,
Golden Globe Award for Best Supporting Actor - Motion Picture
ถึงแม้ว่าหนังจะมีการลำดับเรื่องแบบปะติดปะต่อในหลายช่วง อาจทำให้ความเข้าใจสับสนไปบ้าง
แต่หนังเรื่องนี้ก็สะท้อนชีวิตสังคมกฎหลักกฎหมายอเมริกันอยู่พอสมควร โดยMichael Clayton (ที่รับบทโดย George Clooney) คนที่อ้างตัวว่าเป็นนักเก็บกวาดในการทำคดีต่างๆ ถึงเขาจบกฎหมายแต่เขามักบอกซื่อๆกับลูกความที่ว่าจ้างไปว่า เขาไม่ใช่ทนาย เขาเป็นเพียงภารโรงจากทีมเครือข่ายว่าความกฎหมายที่มีลูกทีมกว่า
หกร้อยคน(สะท้อนสังคมกฎหมายอเมริกันที่มีทุกซอกซอยของตึกจริงๆ) เขาจะช่วยคัดเลือกตัวนักทนายความที่เหมาะสมตามแต่ละกรณี อาจเลือกคนในท้องถิ่น คนที่มีเส้นสายกับตำรวจ หรือคนที่เชียวชาญด้านกฎหมายนั้นๆ โดยเฉพาะ ดังนั้นกฎหมายของคนอเมริกาอาจจะถือเป็นการบริการหรือสินค้าประเภทหนึ่ง
ซึ่งต้องใช้ความชำนิชำนาญอย่างยิ่งยวด มันไม่เหมือนสินค้าหัตถกรรมที่จะประกอบ
ด้วยบุคลากรไม่กี่สิบคน


แต่มีอยู่คดีหนึ่งที่ลูกความฟ้องร้องบรรษัทพืชผลทางการเกษตรยักษ์ใหญ่
(agricultural products conglomerate) ที่มีนามว่า U-North มาเป็นว่ากว่าสิบปี เหตุการณ์ทำท่าว่าจะยืดเยื้อจนถึงศาลฎีกา แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีการเจรจายอมความขึ้นเฉยๆ แต่เบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์กล ผลประโยชน์และการฆาตกรรม(น่าสนแล้วสิ)
Michael Clayton จึงไม่ใช่นักที่แน่การสืบสวนสอบสวนเป็นหลัก อย่างที่บอกเขาไม่ใช่ทนาย(แม้จบทนายจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ)และภาพพจน์ของเขาก็ไม่ใช่นักผดุงความยุติธรรม เขาเพียงแต่ทำหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายในฐานะส่วนหนึ่งของทีมทนายในองค์กรใหญ่ แม้โดยภูมิหลังชีวิตเขาจะต้องเผชิญปัญหาครอบครัวแตกแยก การติดพนันเรื้อรัง
และต้องรับผิดชอบลูกค้าที่มีอาการป่วยทางจิต(โดยที่เขามักอ้างว่าเป็นเพราะสารเคมีในสมองไม่สมดุล-ทุกอย่าง
ดูเหมือนจะอธิบายได้ในเชิงกฏหมาย) ทุกอย่างดูเหมือนทางจำเลยอย่างU-Northจะกุมชัยชนะได้ทางหมด
จากทางจำเลยที่มีจิตวิปริตแต่แท้จริงได้กำความลับในงานวิจัยที่สำคัญ ซึ่งนั้นจะมีผลต่อเงินก้อนโตค่าคดียอมก้อนโต เอาไว้


สิ่งที่Clayton ไม่ว่าจะเลือกสิ่งที่เห็นว่าดี หรือสิ่งที่ดีที่คนอื่นได้เห็น มันเป็นการสะท้อนแนวคิดมนุษยนิยม(Humanism)ทั่วไป Claytonเป็นผลผลิตส่วนหนึ่งทางสังคมและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่หวังจะมีหน้ามีตาทางสังคม วัตถุประกอบเรื่องในหนัง ไม่ว่า โทรทัศน์มือถือรุ่นสุดหรู รถยนต์มอร์ซิเดส เบนท์ นาฬิกาเรือนหรู ล้วนเป็นอุดมคตินิยม (Ideolism) แบบวิถีอเมริกัน (ไม่พ้นบ้านเราด้วย) สภาวะที่เรียกว่า Dilemma นั้นคือ การที่ต้องเลือกระหว่างวิถีปฎิบัติทางสังคมกับมโนสำนึกพื้นฐาน คำตอบที่ทุกอย่างเรียกร้องให้มีความยุติธรรมในทุกสิ่ง แท้จริงมันไม่เคยมีอยู่จริง แต่เป็นสิ่งที่สังคมต้องมีให้เกิดขึ้น หนังเรื่องนี้ปลูกทางในการดำเนินกว่าค่อนเรื่อง ให้เราได้รู้สึกสะอิดสะเอียนวิถีเสรีชนนักกฎหมายแบบทุนนิยม (Capital lawyer) แต่เมื่อเหตุการณืบีบคั้นในยี่สิบนาทีสุดท้ายหนังหันกลับมาขยี้เสียบแทงวิถีจอมปลอมทั้งหมดที่
กล่าวมาแต่ต้นจนทำให้เรารู้สึกสะใจเต็มประดาว่าความจริงมันต้องมีช่องทางให้ได้เปิดเผย ในฉากที่รถถูกวางระเบิด แล้วคุณพี่Claytonโยนสมบัติทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในกองเพลิงรถ สะท้อนสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ก็คือ ชีวิต โดยที่ไม่คิดเสียดายสิ่งที่กว่าจะหา
มาได้หรือมันมีมูลค่ามากรวมเพียงใด (แม้ใจอยากตะโกนบอกไปว่า “พี่มันวางระเบิดแค่รถเท่านั้น ส่วนที่เหลือผมขอเถอะ”) และฉากจบสุดคลาสสิคที่สุดของหนังฮอลลีวู้ดเรื่องนี้ คือ การนั่งแท็กซี่ พร้อมควักเงิน 50ดอลลาร์ โดยบอกคนขับแท็กซี่ว่า “Just Drive” (ขับไปเถอะไอ้น้อง!) จากสีหน้าที่เคร่งเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้าย สีหน้าเหล่านั้นค่อยๆเปลี่ยนไป ทอดสายมองบรรยากาศในเมืองตามท้องถนนไม่กี่หน้าที่รอยยิ้มก็บังเกิด
ขึ้น พร้อมกับจากจบอย่างบริบูรณ์ จากอคติเดิมๆที่ผมมักเรียกร้องกับสังคมว่า “ทำดีแล้วได้อะไร” “ทำชั่วได้ดีมีตั้งเยอะ” มันจะไม่ใช่คำถามที่ผมจะมาตั้งหน้าบ้าถามกันอีกต่อไป Michael Clayton ได้ให้คำตอบแก่ชิวิตผมในสองที่ชั่วโมงที่ดูหนังจบเรียบร้อย สมสโลแกน -The Truth can be adjust






 

Create Date : 30 มีนาคม 2551    
Last Update : 30 มีนาคม 2551 4:12:14 น.
Counter : 3336 Pageviews.  

เมื่อPsychoAnalysisไปจับLostถึงรู้ว่า..เออมันเก่งที่คิดแฮะ

ถ้ามหาวรรณกรรมสามก๊กเป็นตำราทางบริหารรัฐกิจ

มหาซีรีย์อย่างLOSTก็น่าจะเป็นตำราทางเชิงจิตวิเคราะห์



สิ่งที่จบลงของบทความเมื่อตอนเช้า ยังไม่ถือว่าเป็นการบริบูรณ์

แต่อย่างใด แต่ด้วยepisode series 10 ตอนรวดประกอบกับ

การนั่งแกะถอดข้อมูลตลอดจนปัดฝุ่นดิกเจ้ากรรมให้สามารถใช้งาน

ได้อีกครั้ง เลยจำต้องมาทำในสิ่งที่ผมสังเกตลำดับเรื่องราวรหัสที่ซ่อน

อยู่ ของละครชุดทางทีวีอย่างLOST ว่ามันมีนัยยะแฝงในเชิงจิตวิเคราะห์

ของตัวละครอย่างไม่ธรรมดา

เพราะความที่ไม่ธรรมดามันต้องมีข้อยืนยันอะไรที่มากกว่าจำนวนผู้ชม

โดยดูได้จากรางวัลWriters Guild of AmericaAwards 2005,

Emmy Award for Outstanding Drama Series

2005และJ.J Abrams ก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติปีเดียวกัน (เขาคนนี้เป็น

ผู้อำนวยการสร้างหนังสัตว์ประหลาดถล่มแมนฮัตตันและมันสมองผู้ชมอย่าง

Cloverfield) นอกจากนี้ยังเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ(Golden Gloobe)

มาโดย ตลอดแต่มาได้รางวัลเอาตอนปี2006ในรางวัลสาขาBest Drama Series

British Academy of Filmand Television Award 2005,

รางวัลEntertainer of the Year จากนิตยสารEntertainment Weekly

และรางวัลอื่นๆอีกมากมายที่ไม่อยากพิมพ์


ด้วยความที่ซีรีย์Lostถูกสร้างโดยแบบเป็นSeason ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจึงมี

ผลต่อภาพรวมของตัวละคร และสิ่งที่สำคัญที่สร้างความโดดเด่นให้LOSTความแตกต่าง

จากซีรีย์ในเรื่องอื่นๆ คือ การพัฒนาของบุคลิกภาพตัวละคร (Advanced of Personal Actor)

เพราะเพียงเริ่มต้นในช่วงแรกของซีรีส์ ภาพที่ปรากฏ คือ การที่เครื่องบินลำหนึ่งซึ่งดูเหมือน

การเดินทางโดยทั่วไปของขนส่งสาธารณะทั่วไป ที่คนที่นั่งข้างเป็นแค่คนแปลกหน้าแต่มีจุด

หมายเดียวกัน (ละครเรื่องต้นสาย คือ Sydney และปลายทาง คือ Los Angeles เนื่องด้วย

ประชากรศาสตร์ที่สองดินแดนเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของผู้อพยพถาวร(Permanent Immegration)

อันเหมาะสมกับตัวละครในเรื่อง) สภาวะเบื้องหน้าคือความแปลกแยกแบบจำเป็น ที่มีจุดหมาย

เป็นเงื่อนไขให้ต้องพยายามไปให้ถึง แม้ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ ผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่ง

จำต้องลดเงื่อนไขขอแปลกแยกที่มีแต่กำเนิดของตน และยอมรับซึ่งความแตกต่างที่มีในสภาวะ

ความกดดัน (pressure)บีบคั้น (oppression) เพื่อจะเอาตัวให้รอดในแต่ละวัน

Eric Fromm ได้ให้คุณค่าในการมองมนุษย์และตระหนักความสำคัญในการ

เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพื่อลดความแปลกแยกที่จะเกิดขึ้น การจัดกลุ่มขนาดเล็กซึ่งง่ายและสะดวก

ในการเรียนรู้กันและกัน อยู่ด้วยกันอย่างศรัทธาอย่างมนุษย์มากกว่าทรัพย์สิน ทุน อำนาจ

จะเห็นได้จากหนังที่ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งทางชาติพันธ์หรือวัฒนธรรมแต่อย่างใด ไม่มีใครว่า

คนเกาหลีอย่างJin,Sunเป็นพวกผิวเหลืองที่มากอบโกยอาชีพเหมือนอย่างAmerican History

X หรือมองSaiid ในแง่อาหรับคลั่งชาติแต่อย่างใด เพียงแต่อาจมีความเห็นแก่ตัว ปมหลังทางอดีต

(ถ้าเชื่ออย่างฟรอยด์จะเป็นการมองการถูกทับ(Repression)ความต้องการของegoที่จะคุมแรง

ปรารถนาของid โดยไม่ให้สู่ความรู้สำนึก ความปวดร้าวในอดีตจะเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงจะเห็นใจตัวละคร

เกือบทุกตัวในเรื่องที่ต่างมีความทุกข์ระทมซุกซ่อนเอาไว้อยู่ โดยเฉพาะตัวละครแทบทุกตัวจะมีปัญหา

ความสัมพันธ์ในเชิงครอบครัว อย่างJackและLockที่มีความไม่ลงรอยกับพ่อของตนเองSun ที่

พ่อไม่ยอมรับลูกเขยคนเก่า ซึ่งล้วนแล้วแต่รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่ทุกคนได้รับการลงโทษที่รุนแรง

เกินไป สู่การปฏิเสธสัมพันธภาพ(rejective Relation)ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในจิตใจทวีคูณ

มากขึ้น คำตอบจึงต้องการความรักเชิงทดแทนจากบุคคลอื่น ไม่ให้เกิดจิตภาวะอย่างNeurosis

หรือPsychosis ต่างกับHugoที่ไม่ได้รับการเยี่ยวยาที่ทันท่วงที เข้าจึงมีสภาพที่ไม่อาจแยกแยะ

ความจริงที่มีอยู่ในโลกได้ อันเกิดจากความรักในวัยเด็กที่ไม่เพียงพอ

ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยแปลกใจอากัปกิริยาที่เกรียวกราว ของบุคคลอย่าง Sawyer หรืออย่าง Jin

ที่มักแสดงออกด้วยความรุนแรง ด้วยพื้นฐานจากสภาพสังคมถ้าตาม

วิธีคิดของCarl Jung คงจัดให้พวกนี้อยู่ในประเภทIntroverted Thinking Type

คือ ต่อต้านความคิดหลกัร่วมที่สังคมสร้างขึ้น ให้เวลากับตัวเอง เย็นชา ห่างเหินและมีปัญหากับการ

สื่อสารวงกว้าง แต่สำหรับjinแล้วแรงปรารถนาฝ่ายดีเป็นแรงขับจากเจตนาที่ต้องการเป็นคนดีและ

ชอบช่วยเหลือผู้คน การที่เจ้าพ่อยกลูกสาวให้เท่ากับได้รับpositive reinfocementต่างกับ

Sawyer ที่ผลอันได้รับมักออกไปทางNegative เสียมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นถ้าClaireซึ่ง

ท้องและคลอดลูกในเวลาต่อมา ยังยึดติดกับภาพการสูญเสียในอดีต ความรัสึกประเภทนี้อาจเป็นอัน

ตรายต่อการรับรู้ของเด็กในวัยเริ่มต้นการรับรู้(Early Recollection)อันจะส่งผลต่อบุคลิก

ภาพเมื่อเติบใหญ่ขึ้น


นี้เป็นเพียงบางกรณีเท่านั้นที่ผมรู้สึกขึ้นได้ แม้จะมีงงๆที่บางตอนที่จินตนาการหลุดโลกไปบ้าง

แต่อย่างน้อยก็รู้สึกชื่นชมคุณค่าในชีวิตของแต่ละคน ที่มีแหล่งกำเนิดที่มาไป (อย่างน้อยตายไปก็

เรียกน้ำตาจากคนดูอารมณ์ร่วมได้ ส่วนในภาคที่สองจะเริ่มปรากฏองค์กรลับอย่าง The Drarma

Initiativeและชาวคณะผู้อุปถัมภ์ ในสังกัดของHanso Foundation ซึ่งโยงใยกับการที่เครื่อง

บินตกและมีคนทรยศจากผู้รอดชีวิตหนึ่งท่านได้กลับออกนอกเกาะไปด้วยวิธี............................

Seasonสอง จึงกลายเป็นหนังสืบสวนสอบสวน ชิงไหวชิงพริบที่ไม่ได้มีเพียงแค่การหักล้าง

ทำลายกันไปแต่หนังถูกยกระดับจากการวิเคราะห์บุคลิกภาพเชิงบุคคล(Analysis of Private

Personality) มาสู่ การวิเคราะห์บุคลิกภาพเชิง Analysis of Associated Personality)

ที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม



คงเล่าอะไรมากไม่ได้ เท่ากับการที่ปัจจุบันDVDชุดนี้มีวางขายในร้านจำหน่าย

สื่อบันเทิงทั่วไป เป็นBox Set สวยงามน่าขอยืมคนอื่นมาดองไว้ต่อ(ทุกวันนี้ที่รีบเร่งก็ด้วยเหตุฉะนี้)

ถ้าถามว่าแพงไหม ขึ้นอยู่กับคุณค่าที่ได้รับหลายๆประการ เพราะซีรีส์อื่นๆที่เขาว่าดีนักดีหนา

หลายเรื่องก็ไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย (อย่างซีรีส์เกาหลีที่ยอมรับว่าสนุกแต่กับผมแค่ช่วงสี่ ห้าตอนแรกเท่านั้น)

เอาเป็นว่าซีรีส์ก็เหมือนคู่รักละครับ แรกๆก็คบหา อยู่ไปก็ดูใจ แต่นานไปก็เลิกรา จากนั้นก็หาคู่รักคนใหม่ต่อ

อยู่ที่ว่าคราวนี้คุณจะเอาคู่รักชาติไหนมาเป็นเพื่อนใจกันละซิ



(ป.ล. แต่อย่ารักช่วงขาตอน ปะเดี๋ยวมันจะไม่ต่อเนื่องเอา)

ป.ล. Lost Season3 episode9 มีการถ่ายทำที่ ภูเก็ต ตลอดทั้งตอนโดยมีตัวเอกพี่แจ๊คแสดงนำด้วย

ได้ใจ ททท. ไปหลาย






 

Create Date : 28 มีนาคม 2551    
Last Update : 30 มีนาคม 2551 1:24:22 น.
Counter : 984 Pageviews.  

Lost ที่ไม่น่ามาถึงSeason4ได้

ถ้าคุณจำต้องเกิดอุบัติเหตุบนเกาะร้างสักทีหนึ่ง และอยู่ร่วมกับคนอื่นที่

มีความแตกต่างการเชื้อชาติ วรรณะ สังคม อาชีพ อุปนิสัย สันดานและจิปาถะอื่นๆ

จนยากที่จะตั้งโจทย์มาสร้างเงื่อนไขสุดกรอบ คุณจะต้องถามตัวเองว่าได้เหลือความ

เป็นมนุษย์สักแค่ไหนในเมื่อสิ่งที่คุณอยู่ไม่มีกฎหมายและปัจจัยก็ล้วนส่งเสริม

แนวโน้มให้แสดงสัญชาติดิบออกมา



เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์แล้ว ที่ดวงตาอันบอบบางสองดวงถูกกดขี่

อย่างหนัก จากปริศนาที่เชื่อมโยงในแต่ละตอนที่ผูกปมสิ่งที่ตกค้าง

จากตอนเดิมแล้วดันมาเพิ่มปริศนาใหม่ๆ ให้ยิ่งต้องอยากรู้ อยาก

ทราบโดยบ้างตอนอดไม่ได้ที่จะต้องเอาตัวเองสมมติร่วมอยู่ใน

เหตุการณ์อันน่าบีบคั้นพร้อมกับตัวละครตามไปด้วย

ซีรีส์ละครชุดทางโทรทัศน์ “LOST”ถือเป็นปรากฏการณ์ที่

ต้องจารึกสำหรับประวัติศาสตร์ละครโทรทัศน์ของอเมริกา ทั้งใน

แง่เรตติ้งคนดู (ปี2004มียอดผู้ชมแบบallviewประมาณ16.1ล้านคน

ทุนสร้างเมื่อเทียบดอลลาร์ต่อตอน(สองภาคล่าสุดมีทุนสร้าง

10ล้านจนถึง14ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบ กับภาคที่ออกฉายปี2005ที่ตกเพียง

4ล้านดอลลาร์ต่อหนึ่งตอนสำหรับละครทางโทรทัศน์ทั่วไป) ตัวละครที่มาก

() เพียงแค่ออกฉายในปีแรก (ปี2004)ก็เป็นรายการที่ได้รับความนิยมทั้งในแง่การ

ตลาดและคนที่ชมตามบ้าน(ปัจจุบันlost season4 เปลี่ยนจากการฉายวันพุธ

ที่อเมริกา มาเป็นวันพฤหัส แม้ยอดผู้ชมจะลดลงที่13.8ล้านคนแต่ยอดอันดับที่10

(Rank)กลับเป็นยอดที่สูงที่สุดเท่าที่เคยออกฉายมา) แต่น่าเศร้าที่ภาคแรกที่นำมา

ฉายเมืองไทยทางช่องเจ็ด ดันมาฉายตอนช่วงบ่ายเวลาทำงานราชการ

เหตุที่ละครเรื่องนี้เป็นที่ติดอกติดใจของคนทั้งอเมริกัน และอีกหลายล้านคนทั่วโลก

คงด้วยปัจจัยนานัปการ แต่ละคนต่างก็ให้เหตุผลแตกต่างกันไปแต่เท่าที่ผมติดตาม

แบบNonstopจนปัจจุบันยังไปถึงฝั่งฝันแค่Season3 episode 6ทางABCต้น

สังกัดก็ประกาศโครงการซีรี่ส์LostไปถึงSeason6เสียแล้ว(อาจด้วยให้ความเชื่อมั่น

แก่พวกธุรกิจพ่วง ไม่ว่าเกม วีดีโอ podcastและหุ้นของทางABCเอง) การวินิจฉัย

แบบมึนๆหลังพักการชมอรรถรสคนหลงเกาะ ได้ว่า ตัวละครที่สามารถสื่อสารในวงกว้าง

ไม่ว่า อเมริกันซื่อๆ ไปถึงแอฟริกัน เอเชีย อาหรับ สาวแก่ แม่ม้าย เด็กยันคนท้อง

คนพิการ คนจิตฟั่นเฟือน เศรษฐี คนติดยา เป็นต้น เรียกได้ว่า ขนหรือคิดอะไรออกมา

ได้ก็สามารถเพิ่ม(ทั้งในแง่รื้อฟื้นความหลังจนถึงสร้างตัวละครกลุ่มใหม่)โดยไม่มีขีดจำกัด

ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์เป็นข้อขวางกั้น อีกทั้งตัวละครเองก็มีพัฒนาการตามแต่ละตัวละครอย่าง

ต่อเนื่องในแต่ละตอน ทั้งในแง่ความฝัน จินตนาการและสภาพความเป็นจริงอย่างที่ปรากฏ

สิ่งที่บทนำส่งสถานการณ์ของเรื่องก็ด้วยตัวละครแต่ละตัวสามารถรองรับเหตุการณ์ที่อยู่นอก

เรื่องของเกาะมาผูกรับได้อยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่มีตัวละครหลักตัวไหนที่จะขาดหายไป ซึ่งงานนี้

คนเขียนบทต้องบริหารในแง่การทำหน้าที่ของตัวละครไม่ให้จางหายจากความทรงจำของงผู้ชม

ไปได้ (แม้ว่าSeason4จะเป๋ไปบ้างจากจำนวนตอนที่ลดลงด้วยผลจากการประท้วงของผู้เขียนบท

ในอเมริกา-WGA Strike)

เหตุการณ์ในละครของเรื่อง เริ่มต้นจากอุบัติเหตุเครื่องบินที่เริ่มต้นจากSydneyไปยังLos Angeles

ตกบริเวณแปซิฟิกตอนใต้ มีผู้รอดชีวิต คน71คน ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดทุกวิถีทางบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง

ที่มีปริศนาบางสิ่งซุกซ่อนรอการพิสูจน์ แต่ละครเรื่องนี้แทนที่จะทำให้มนุษย์ต้องหักล้างห่ำหันกันใน

ทางทฤษฎีแต่เนื้อเรื่องกับเป็นการสร้างกลุ่มสังคมใหม่ภายใต้อนาธิปไตยที่ใครสามารถจูงใจฝูงชน ตลอดจน

ใช้อาวุธเพื่อบังคับอีกฝ่ายให้เห็นด้วย ดังนั้นอิทธิพลทางความคิดที่ทำให้Lloyd Braunริเริ่มโปรเจ็คนี้ข้างต้น

ก็เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างละครเรื่องLord of the Flies ประกอบกับ

ภาพยนตร์เรื่องCast Away มาคลุกเคล้ากับreality show อย่าง Survivor เนื่องด้วยเขาเห็นโอกาสจาก

การผสมผสานครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จ แต่กว่าโปรเจ็คนี้จะได้รับสัญญาณไฟเขียวได้ ก็ต้องได้รับความ

เห็นชอบจากผู้บริหารของABCและDisney ผู้ถือหุ้น ด้วยความที่ต้องใช้งบจำนวนมากและมีความเสี่ยที่

ค่อนข้างสูง ซีรี่ส์เรื่องLostกว่าที่จะรอดออกมาได้ นอกจากจะต้องแข่งขันกันภายในเพื่อให้มีการอนุมัติมาได้นั้น

ยังต้องแข่งขันกับเงื่อนไขผู้บริโภคทางโทรทัศน์ของอเมริกันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และในตอนแรกยังจะต้องเป็น

การจำกัดตอนของเรื่องเพื่อทดสอบกระแสความนิยมของผู้ชม ดังนั้นการที่ผมจะซีรี่ส์อเมริกาสักเรื่อง

ถ้าใครที่ชอบแนวซีสีน์แบบThe X-File(ประเภทที่น่าจะบริบูรณ์แต่ไม่บริบูรณ์เสียทีเพราะมีเหตุให้เชื่อมหา

ปริศนาในตอนต่อไป) ก็เห็นมีเรื่องนี้อีกเรื่องที่ต้องบริโภคอย่างเนื่อง ไม่ใช่ด้วยความต้องการ

เชิงอรรถรสเพียงด้านเดียว แต่ด้วยการเรียนรู้จากคุณค่าแห่งชีวิตจากสถานการณ์วิกฤตที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

การสูญเสียเป็นของที่มีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง แต่โลกมักจะตอบแทนอีกสิ่งสำหรับไว้ทุกการสูญเสีย-


ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipedia and ABC TV




 

Create Date : 28 มีนาคม 2551    
Last Update : 29 มีนาคม 2551 18:55:17 น.
Counter : 914 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.