A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Wall-E หุ่นรักกัน ฉันรักโลก

ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ผมจะเลือกช่วงดูหนังในโรงภาพยนตร์
ผมเองจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องรอบฉาย ขอเพียงไม่เลื่อนฉาย
ผมก็พร้อมที่จะยอมจ่าย เพราะเดินทางแต่ละทีมันมีต้นทุน
อยู่โดยตลอด แต่จะยกเว้นหนังประเภทเดียว ที่ต้องเช็ครอบ
ตัดทิ้งภารกิจทั้งหลักทั้งปวงเพื่อเจาะจงรอบฉายนั้นๆอย่างที่
มุ่งหวังไว้ หมวดของหนังประเภท"อนิเมทชั่นหรือการ์ตูน"
นั่นไงครับ ยิ่งดึกได้เท่าไรยิ่งดี ยิ่งรอบสุดท้ายด้วยแล้ว
"พี่ครับ ผมเลือกที่นั่นหนึ่งทีครับและที่สำคัญอย่าให้อยู่ใกล้เด็กนะครับ ขอย้ำ!"

บอกก่อนล่วงหน้านะครับว่าผมเองไม่ได้รังเกียจเด็กและเยาวชนที่จะ
สันทนาการกับครอบครัวด้วยหนังสักเรื่อง เพียงแต่"ความเป็นเด็ก"ในโรง
ภาพยนตร์ มันเป็นความเลวร้ายที่ไม่แตกต่างกับการมีเสียงโทรศัพท์
ที่ตั้งไว้ระดับเจ็ดlevel แล้วยังตะโกนดังคนที่โทรมาว่า"โทรมาทำไม ไม่รู้
ว่าดูหนังอยู่เหรอ?" (ซึ่งผมอยากบอกอย่างสุภาพว่า "พี่ครับผมรู้ว่าพี่มี
เพื่อนแต่เพื่อนพี่ไม่ซื้อตั๋วหนังก็ปล่อยมันอย่าให้รบกวนคนที่นี้ได้ไหมครับ"
วันนี้ผมจึงได้รอบสุดท้ายของโรงสุดอับมุม ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ดึกพอที่จะไม่ให้เด็กมาตั้งปุจฉาต่อบิดามารดรและไม่สนุกสนานตลกโปกฮา
เกินเหตุด้วยการกระทืบเท้าใส่เบาะนั่งตัวข้างหน้าอย่างที่ผมเคยโดน
สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะเจ้าสำนวนโบราณที่ว่า"อย่าถือสาเด็กมันเลย!!"

นับแต่จำความ (แต่จำตังค์ที่เสียไม่ได้) หนังอนิเมชั่นสามมิติของค่ายpixar
ไม่ว่า Buglife Toys จนล่าสุด Ratatouille แม้ว่าปากจะบอกใครต่อใครว่า
เสน่ห์ของหนังการ์ตูนมันจะสู้หนังสองมิติลากเส้นลงสีแบบคนรุ่นผมได้อย่างไร
แต่สุดท้ายดูเหมือนสามมิติจะถลุงตังค์ในกระเป๋าผมได้มากกว่าหนังการ์ตูนทุก
เรื่องที่มนุษย์โลกจะรังสรรได้ ครับวันนี้ไปดู Wall-E มา แบบพอรู้โครงเรื่อง
คร่าวๆ เกี่ยวกับ หุ่นยนต์สองยุคที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
(เรื่องแบบนี้คงเอามนุษย์มาสอนมนุษย์ด้วยกันเองไมได้แล้วกระมัง) โดย
สร้างหุ่นยนต์ภารกิจหลักสองตัวต่างยุคต่างสมัย (อย่างน้อยๆตัวwall-Eก็
คงหมดการันตีรับซ่อมไปหลายหน เพราะอายุกว่า๗๐๐ปี) วัตถุประสงค์ที่
ผลิตมาก็เพื่อเป็นหุ่นยนต์กำจัดขยะที่ล้นโลก จากความปริโภคอย่างไม่บั้นยะ
บั้นยัง ตัวหนังแสนฉลาดที่ไม่ต้องเกริ่นถึงสาเหตุว่าทำไมเพียงเริ่มต้นเปิดเรื่อง
มีแต่โลกหนึ่งใบกับหุ่นที่ชื่อWall-Eหนึ้งตัว (บวกตัวกระจั๋วไร้เสียงอีกหนึงตัว)
ทั้งหมดอธิบายผ่านการโฆษณาอิเล้กทรอนิกอัตโนมัติเพียงไม่ถึงสองนาที
ก็ทำให้คนดูทุกวัยกระจ่างในตัวเนื้อเรื่อง wall-Eอยู่ได้ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
ตกดึกหัวค่ำก็หลบลี้พายุทะเลทรายอันเกิดจากน้ำมือที่ธรรมชาติแปรเปลี่ยน
ส่วนมนุษย์นั่นเหรออพยพไปหมดแล้วด้วยเที่ยวบินยานอวกาศลำโต ไปแล้ว
แท้จริงไม่ไปลับแต่มีเป้าหมายว่าเมื่อใดที่มีพันธ์พืชสีเขียวปรากฎ เราก็จะพร้อม
ตีเที่ยวกลับมาตั้งหลักบนโลกอีกครั้ง ดังนั้นภารกิจการสำรวจจึงตกกับคณะ
ของหุ่นยนต์สำรวจรุ่นใหม่สีขาวหม่นนวลอย่างEve หุ่นเพศหญิงที่อารมณ์ดีและ
อารมณ์ปรวนแปรง่าย จนผมคิดว่าหากมีการผลิตหุ่นยนต์รุ่นนี้มา ให้ฟรีผมก็ไม่เอา
แม้wall-Eจะเป็นหุ่นรุ่นจักรกลฟั่นเฟืองต่างกับEveที่เป็นหุ่นล้ำสมัยใช้ระบบชิบ
ไมโครโปรเฟสเซอร์ แต่ทั้งสองรุ่น คือ อนาคตความหวังที่สร้างมาเพื่อรรับใช้แรงบัน
ดาลใจที่บกพร่องจากน้ำมือความมักง่ายของมนุษย์



ถือเป็นหนังที่มาแปลกกว่าการ์ตูนเรื่องอื่นที่pixar เคยผลิตมา อย่างแรกเป็นหนังที่
จะเลือกพากย์ไทยหรือต้นฉบับแม่ ก็แทบจะไม่มีความแตกต่างนัก เพราะถือ
เป็นหนังพูดน้อยมากๆ (อย่างตัวละครสองตัววันๆก็เอ่ยแต่ชื่อตัวละครอีกฝ่าย
โดยไม่พูดอะไรที่มีมากกว่าที่ดิกชันนารีเขามีมากกว่าหนึ่งคำ) อย่างที่สอง
ว่ากันด้วยการออกแบบตัวละครที่ซับซ้อนขึ้น (ผมจะไม่แปลกใจถ้าทีมกราฟฟิค
ดีไซด์จะชอบวาดตัวอีฟมากกว่าwall-E) แนวตลกอย่างมีชั้นเชิง การผูกเรื่องที่
ไม่ซับซ้อน แต่มีมุมมองจากกรอบที่แหวกขนบการทำหนังการ์ตูนที่แตกต่างจาก
หนังการ์ตูนค่ายอื่นๆ ตัวหนังก็ไม่คาดเค้นหรือบีบเรื่องให้คนดูเชื่อในปัญหาของ
ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ให้คนดูได้คิดตามผ่านเรื่องราวและจินตนาการที่ดูเลยเถิด
อย่างไร้ขอบเขตเท่าที่มนุษย์ผู้สร้างจะคิดได้ หนังจะตีผลกระทบจากมหันตภัย
จากระบบคอมพิวเตอร์สั่งการเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายจนเกินเหตุของ
มนุษย์ อันจะส่งผลกระทบต่อระบบสรีระและวิธีคิดเดิมๆของมนุษย์จนหมดสิ้น
เราจะเห็น การที่กัปตันสะกดคำว่าManualไม่เป็น (เพราะเป็นคำโบราณนานโคตร)
การหาความหมายของคำว่า soil , dance , grow เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่า
คนดูทั้งหมดที่ผมชมจะลุ้นบทรักระหว่างwall-Eหุ่นขี้เหงากับEveหุ่นใสซื่อ
ตลกง่าย จนข้ามกรอบกฎความเป็นหุ่นยนต์ไร้ชีวิตจนมันแทบจะไม่ต่างกับ
ตัวละครมนุษย์ที่หลากรสอารมณืเสียเหลือเกิน แน่ละครับดูแล้วจนแทบแยกแยะ
ไม่ออกว่านี้มันหนังที่ถ่ายจากฉากจริงหรือบรรเจิดจากโปรแกรมกราฟฟฟิคาของ
คอมพิวเตอร์กันแน่ งานของผู้กำกับแอนดรูว์ สแตนตัน คนเดียวกันกับ "Finding Nemo
ที่หลอกเด็ก (และผู้ใหญ่บางคน) กันทั่วโลก การันตีความสนุกและฮาได้แบบผู้ใหญ่
ไม่อายเด็ก แม้บางมุขจะตามเด็กไม่ทันก็ตาม แต่รับรองว่าต่อยอดยุค Globol Crisis
Globol Warming ,Globol will say Bye-Bye ให้อินเทรนแบบง่ายๆ แบบไม่ต้อง
รู้ว่า หมีบ้านไหนจะจนน้ำแข็งตาย สิบปีข้างหน้ากรุงเทพจะจมน้ำทะเลรึเปล่า ช่องโหว่
ชั้นบรรยากาศจะกว้างเท่ารัฐเทีกซัสรึไม่

ตลก ฮา เพลิน ตื่นเต้นและรักโลกมากขึ้น ...อย่างน้อยตั๋วหนังจากเดิมที่มักปล่อยหล่นทิ้งๆ
ขว้างๆ ยังบรรจงหยอดลงถึงเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่หุ่นกำจัดขยะภายภาคหน้า ซึ่งมันน่าจะ
กำจัดมักมากภายในใจเสียก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?>>>>>>>>>>>>>>>>>>>



Create Date : 20 สิงหาคม 2551
Last Update : 25 กันยายน 2551 21:46:44 น. 4 comments
Counter : 1093 Pageviews.

 
วิจารณ์ได้ดีนะคะ
พวกอารมณ์แปรปรวนง่ายเนี่ยใครๆก็ไม่ต้องการ แม้จะเป็นหุ่นยนต์ก็เหอะ คริ คริ
ต้องขอบอกอีกครั้ง ว่าเขียนเก่งจริงๆ
ทำงานกะนิตยสารฉบับไหนรึปล่าวคะ
อ้อ..ไม่ได้ไปถึงชมพูทวีปค่ะ(ไม่ได้อ่านเลยชิมิ)
ไปแค่นครสวรรค์เองง


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:4:45:05 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ถึงขั้นหลงรักเลยก็ว่าได้


โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:11:33:25 น.  

 
เขียนดีนะเนี่ย........
ภาษาลื่นไหลดี
จะตามอ่านบ่อยๆนะคะ


โดย: Michiru วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:11:55:19 น.  

 
สวัสดีวันใหม่ค่ะ

วันนี้ครัวเปิดแล้วนะคะ มากับ Spicy meatballs with sauce & น้ำสับปรดค่ะ





ความอดทน

ถ้าความอดทนของคุณคือนับ 1-100 ในใจ สูดลมหายใจลึกๆ บอกตังเองว่า อดทนๆๆ
พอทนไม่ใหวเกิดตะบะแตก แบบนี้ไม่เรียกว่ามีความอดทนแต่แรก
เพราะเรายังอยากได้กับบางสิ่ง หรืออะไรบางอย่างอยู่

การที่เราจะมีความอดทนนั้น ไม่ใชแค่พูดก็คือทำได้
แต่ต้องเปลี่ยนความคิด ณ เวลานั้น ทำความเข้าใจกับมัน อย่างแท้จริง
แล้วเมื่อเราทำได้ คำว่าอดทนถึงจะตามมา
เพราะคำว่าอดทนนั้น สท้อนจากการกระทำของตัวเอง



โดย: praewa cute วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:0:52:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.